บทที่ 93 ซ็อต
ในโรงภาพยนตร์กลางแจ้ง โจวหยูได้ขอให้พนักงานตกแต่งพื้นที่นี้ใหม่ ด้วยดอกไม้แบนเนอร์และโต๊ะของว่างมันทําให้โรงหนังแห่งนี้ดูเหมือนเป็นห้องประชุมที่เป็นทางการมากขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเพียงการฉายภาพยนตร์ให้เด็กๆดูเท่านั้น โจวหยูไม่เข้าใจว่าทําไมโจวหยูต้อง ใช้เงินไปมากเพื่อจัดพื้นที่นี้ด้วย แต่คิดยังไงเขาก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่สามารถยอมรับได้ ดังนั้นเขาจึงคิดไปว่านี้คงเป็นงานอดิเรกที่เจ้านายตัวน้อยคนนี้เป็น
ทางด้านของโจวชูวหยูเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าสถานที่นี้จะได้รับการตกแต่งอย่างเป็น ทางการแบบนี้แต่สิ่งที่ทําให้เธอพูดไม่ออกก็คือพวกเด็กๆทุกคนที่เข้าร่วมในงานครั้งนี้ ต่างก็แต่งกายด้วยชุดทางการทั้งหมด
ทุกวันนี้มีกิจกรรมแปลกๆมากมายในโรงเรียนประถม มันจึงทําให้พวกเด็กๆเกือบทุกคนต่างมีสูทที่เป็นทางการหลายขุดอยู่ที่บ้าน และเมื่อเย็นวานนี้พี่ชายหยูได้บอกพวกเขาว่าพวกเขาควรแต่งกายให้เป็นทางการมากหน่อยในครั้งนี้ ดังนั้นพวกเด็กๆทุกคนจึงได้ปรากฏตัวพร้อมสูทเหมือนจะไปงานเต้นรําแบบนี้
เมื่อเธอได้เห็นการแต่งกายของพวกเด็กๆมากขึ้น มันก็ถึงกับทําให้เธอไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เพราะในครั้งนี้เธอได้แต่งตัวสบายๆมา มันเป็นอะไรที่ไม่ตรงกับฉากพวกนี้เลย อาจจะพูดได้ว่าชุดที่เธอแต่งมาในครั้งนี้มันทําให้เธอดูเหมือนคนที่พร้อมจะบาร์บีคิวกับ เพื่อนๆในสวนหลังบ้านมากกว่าแต่เธอไม่คิดว่าเธอจะถูกเพื่อนพามาในร้านอาหารระดับห้าดาวแบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าอายมาก!
“ต้องโทษอีตานั้นคนเดียว! ทําไมถึงไม่บอกว่างานนี้เป็นแบบทางการกัน? หรือว่าอีตานั้นต้องการทําให้ฉันอับอายกัน?”
เมื่อเธอเห็นตัวการของเรื่องนี้ปรากฏตัวขึ้น มันก็ทําให้เธอรีบวิ่งไปคว้าปลอกคอของอีกฝ่ายและทําท่าทางขู่ฟอทันที เธอเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความอับอาย แต่ยังไงก็ตามเมื่อเธอได้เห็นการแต่งตัวของอีกฝ่ายที่ยังคงรูปลักษณ์เดิม มันก็ทําให้อารมณ์ของเธอลดลงไปมาก
“นี้เธอจะทําอะไรนะ? ระวังตัวหน่อยสิ ไม่อย่างนั้นภาพที่ออกมาของเธอจะไม่ดีนะ ดูตรงนั้นสิ!”
เมื่อได้รับการเตือนจากโจวหยู มันก็ทําให้โจวซวหยูถึงกับหยุดกระทําทั้งหมดของเธอลงเธอ ถึงกับปล่อยมือที่กําลังจับคอเสื้อของอีกฝ่ายทันที ก่อนที่จะเดินเข้าไปงาน
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่อารมณ์ของเธอจะเย็นลง และเมื่อเธอได้เข้ามายังงานนี้ เธอก็สังเกตเห็นว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากในที่นี้มีเด็กอยู่จํานวนมาก ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเริ่มขึ้นเธอก็เริ่มอัดเสียงและสัมภาษณ์เด็กๆบางคนในจุดนั้นด้วยกล้อง
ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเริ่มโจวชูวหยูก็ได้ปิดกล้องและพูดแตกดันโจวหยูเล็กน้อย “ฉันอ ยากรู้ว่าทําไมนายถึงเชิญฉันมาด้วย? ถ้าเกิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันแย่ขึ้นมา นายไม่กลัวว่าฉันจะนําเรื่องนี้ไปเปิดเผยเหรอ? นายต้องรู้เอาไว้ว่าฉันนั้นมีฐานแฟนคลับจํานวนมากที่ติดตามอยู่นะ”
“ ฉันบอกตอนไหนว่าฉันเป็นคนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กัน? นี้เป็นภาพยนตร์ ที่เพื่อนๆของฉันเป็นคนทํา ไม่ใช้ฉันที่เป็นคนทําแน่นอนว่าเธอสามารถมั่นใจได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ทําให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน “
โจวหยูเป็นคนถ่อมตนเสมอ แต่เมื่อไม่นานมานี้ภาพยนตร์เรื่องนี้มันทําให้เธอเห็นมันด้วยตาของเธอเองว่าอีกฝ่ายเป็นผู้กํากับทั้งหมด แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเป็นภาพยนตร์ทุนต่ํา สิ่งเดียวที่ทําให้เธอประทับใจก็คือวิธีที่เขาเผาโมเดลเรือพวกนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากภาพยนตร์เริ่มเล่น มันใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่โจวชิวหยูจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดก่อนหน้านี้ของตัวเอง
“นี่คือภาพยนตร์การ์ตูนในประเทศจริงๆเหรอ?”
‘CG ที่สมบูรณ์ การแสดงที่สมบูรณ์แบบ เพลงประกอบเองที่ไพเราะ มันไม่มีจุดไหนที่สามารถติได้เลย นี้ใช้งานที่มือสมัครเล่นทําจริงๆเหรอ? มันเทียบได้กับภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดได้เลย”
พวกเด็กๆไม่แปลกใจเลย พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันไม่ใช้สําหรับคนที่เห็นมันครั้งแรกอย่างโจวชวหยู เธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจและมองโจวหยูหลายครั้งด้วยสีหน้างงงวยว่า เธออยู่ที่ไหน? และฉันเป็นใคร?”
“โอ้พระเจ้า! มันใช้ภาพยนตร์ธรรมดาที่ทําโดยเพื่อนโอตาคุธรรมดาบางคนจริงเหรอ? เห็นได้ชัดว่านี้เป็นภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดเลย ”
สมองของโจวชูวหมูนั้นเกือบจะลัดวงจร ในตอนแรกเธอคิดว่ามันเป็นเพียงภาพยนตร์ทุนต่ําที่ใช้ในการหลอกลวงเด็กๆเท่านั้น เช่นเดียวกับภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ของเธออย่าง “ตํานานของหมู่ บ้านลู่หัว” ที่เธอกับ เหอหยวนหยวนได้ถ่ายทําเมื่อปีที่แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะมี CG ที่ดีในนั้น แต่มันก็มีเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้น อย่างไรก็ตาม CG ที่เธอคิดมาตลอดว่าดีมากแล้ว เมื่อนํามาเทียบกับตอนนี้ มันไม่สามารถเทียบได้เลย
ความห่างขั้นที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ทําให้โจวชูวหยูไม่สามารถพูดอะไรได้แม้คําเดียว เธอยังคงต้องมองที่หน้าจอราวกับว่าเธอได้เข้าสู่โลกที่น่าเหลือเชื่อไปแล้ว จนกระทั่งภาพยนตร์นี้จบลงเธอถึงกับตื่นขึ้นมา
โจวหยูที่เห็นการแสดงออกของโจวชูวหยู ก็ได้พูดอย่างจริงว่า “เธอคิดอย่างไงกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอคิดว่ามันดีพอที่เธอจะช่วยโปรโมตให้ฉันได้ไหม?”
“อีตานี้ได้หลอกฉันอีกแล้ว! แม้ว่านายต้องการที่จะฝังมันเอาไว้ มันก็ไม่สามารถทําได้?” แค่คลิปหนึ่งนาทีหรือสองนาทีของภาพยนตร์เรื่องนี้ มันก็เพียงพอที่จะทําให้ผู้สร้างอนิเมชั่นทั่วประเทศ ตกใจได้ ดังนั้นโจวชูวหยูจึงคิดว่าโจวหยูกําลังพูดล้อเล่นกับเธอ
“เขาล้อเล่นเหรอ? ฉันเป็นแค่สาววิทยาลัยที่ไม่มีปรึกษามืออาชีพด้วยซ้ํา ฉันจะส่งเสริมงานที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ได้อย่างไร? มันต้องมีวิธีสิ? หรือว่าฉันจะส่งคลิปนี้ไปตามสถานนี้โทรทัศน์จํานวนที่ไหม? :
“ เออ! พี่ชายหมูหยุดก็รู้ว่าน้องคนนี้เรียนในสายของผู้กํากับ ในช่วงก่อนหน้านี้ที่น้องคนนี้เสียใจอย่างมากที่มั่วแต่ถ่ายฉากเบื้องหลังตลอด จนไม่ได้มีส่วนร่วมในการ
ถ่ายทํามากนัก เออ! มัน จะเป็นอะไรไหมถ้าพี่จะช่วยเพิ่มรายชื่อของฉันเข้าไปในช่วงท้ายของเครดิตด้วย”
“พี่ก็รู้ว่าถ้าฉันได้มีส่วนร่วมในงานนี้ มันจะเป็นใบเบิงทางให้ฉันได้ในหา งานในอนาคตได้ นะ! นะ! นะ! ถือว่าฉันขอร้องพี่ก็ได้?!”
ที่เธอพูดอย่างนี้เพราะเธอได้เห็นชื่อของโจวหยูปรากฏในเครดิตปิดท้าย และตําแหน่งของเขาก็เป็นถึงผู้บริหารของภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งนี้ทําให้เธอรู้สึกถึงความอิจฉา ท้ายที่สุดเรื่องนี้เองมันก็ มีความสําคัญเป็นพิเศษที่จะทําให้เธอมีจุดยืนในวงการนี้
แต่เมื่อเธอกําลังจะพูดอะไรออกไปต่อนั้น เธอก็ได้เห็นชื่อของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน ถึงแม้ว่ามันจะช่วงใกล้จะจบแล้วก็ตาม
โจวรหยุที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใส่ชื่อของเธอเข้าไปด้วยแบบนี้ ถ้าเกิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกฉายออกไปทั่วประเทศละก็ ชื่อเสียงของเธอเองก็จะเป็นที่รู้ จักด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามโจวหยูกลับไม่ได้คิดไปไกลแบบนั้น
“เอาละ! เมื่อเธอได้กลับไปยังมหาวิทยาลัยแล้วก็ช่วยโปรดช่วยภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ฉันด้วยละกัน เฮ้อ! ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้อัปโหลดภาพยนตร์ลงไปในเว็บสําหรับการแบ่งปันวิดีโอมันได้มีคนรายงานบัญชีของฉัน ดังนั้นจนถึงตอนนี้บัญชีของฉันก็ยังถูกแบนอยู่เลย”
“นี้เขาคิดจะปล่อยฟรีหรือเปล่า! โจวชวหยุที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง
คืนนี้เป็นคืนที่เหลือเชื่ออย่างแน่นอน โจวชูวหยูเกือบจะรู้สึกเหมือนเธออยู่ในความฝัน ในก่อนหน้านี้เขายังได้ทําการปล่อยเกมฟรีไปแล้ว และมาตอนนี้เขาก็ยังต้องการปล่อยภาพยนตร์ นี้ฟรีอีกครั้ง
อาจจะพูดได้ว่าตอนนี้ได้เกิดอารมณ์อย่างหนึ่งขึ้นมาในความคิดของเธอ นั้นก็คือเธอ
ต้องการใช้คอนเหล็กขนาดใหญ่เพื่อทุบตีอีตาโอตาคุที่ร่ํารวยคนนี้ไปสู่ความตาย เห็นได้ชัดว่าเขา ไม่สนใจว่าตัวเองได้ทําเรื่องใหญ่อะไรลงไป แม้ว่าเขาต้องการที่จะสร้างความสนุกสนานให้กับอุตสาหกรรมอนิเมชั่นในประเทศ เขาก็ไม่ควรทําอะไรแบบนี้
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ค่าใช้จ่ายของการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ดูจากผลิตภัณฑ์สําเร็จ
รูปนี้แล้วมันมีความเป็นไปได้มากที่เขาจะต้องใช้จ่ายไปมากอย่างแน่นอน แล้วแบบนี้เขาไม่คิดจะทํากําไร จากมันเลยหรือไง?
“อย่าบอกฉันนะว่าเพื่อนของอีตาบ้าโอตาคุนี้เป็นคนบ้าเหมือนกัน? ถ้าพวกเขาไม่ใช้คนบ้าแล้วทําไมพวกเขาถึงไม่ต้องการเงินกันสะ? ”
เมื่อคิดไปคิดมาเธอก็รู้สึกว่ามันมีความจําเป็นที่เธอจะต้องเปลี่ยนความคิดที่ผิดๆของโอตาคุคนนี้ ให้ไปบนเส้นทางที่ถูกต้องเสียที