สายฟ้าเส้นหนึ่งกะพริบแสงท่ามกลางฝุ่นควันที่ฟุ้งตลบ เลือดสีน้ำเงินไหลออกจากตัวมัน เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บหนัก แน่นอนว่ามันคือราชากะพรุนที่โดนหมัดของอันหลินซัด
“เจ้า…เจ้าเป็นนักพรตมนุษย์หรือ”
ราชากะพรุนพรั่นพรึงใจชอบกล
“ใช่แล้ว” อันหลินขี่สุนัขสีขาว ชักกระบี่พิชิตมารดำขลับดุจหมึกออกมา เจตนาแห่งกระบี่ลอยล่องไปทั่วพื้นที่ราวกับเซียนกระบี่สะท้านโลกา
“นี่เป็นเรื่องระหว่างปีศาจทะเลกับเผ่าพันธุ์มุกดา มนุษย์อย่างเจ้าสอดมือเข้ามายุ่งทำไม หากจะทำลายแผนการของจักรพรรดิปีศาจสีชาด เจ้าจำต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นที่บ้าบิ่นที่สุดของปีศาจทะเล ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า ไปจากที่นี่เสีย!” ราชากะพรุนรู้ว่าอันหลินไม่ธรรมดา จึงกล่างอ้างถึงนายของมัน ลองพูดให้นักพรตคนนี้รามือ
“จักรพรรดิปีศาจสีชาดเป็นปีศาจทะเลระดับจักรพรรดิหรือ” อันหลินเอ่ยถามด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
หนวดสีน้ำเงินของราชากะพรุนไพล่หลัง พูดอย่างทะนงองอาจว่า “มันแหงอยู่แล้ว ท่านเป็นบุคคลที่เจ้าแตะต้องไม่ได้”
อันหลินขำออกมา “เช่นนั้นข้ายิ่งปล่อยเจ้าไปไม่ได้เลย…”
ราชากะพรุนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของอันหลิน
“เจ้าอัปลักษณ์ เจ้าไปเฝ้าประตู!”
อันหลินกระโดดลงจากต้าไป๋ ปีกวายุสีขาวกางออกแล้ว กระบี่รายล้อมด้วยลำแสงสีขาว
เจ้าอัปลักษณ์ทะยานลงหน้าประตูเมืองปานเทพเจ้าปีศาจ กางเขตอาคม ในรัศมีสิบจั้งกลายเป็นทะเลเพลิง ปีศาจทะเลที่กระโจนใส่ประตูเมืองล้วนถูกเผาจนมอดไหม้
เหล่าทหารไข่มุกเห็นเจ้าอัปลักษณ์ลงมือ ต่างก็ตะลึงงัน “นี่…นี่มันเขตอาคมระดับเทวะ…”
บุคคลที่มีเขตอาคมระดับเทวะ ล้วนเป็นยักษ์ใหญ่แห่งแดนในเผ่าพันธุ์มุกดาแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของนักพรตมนุษย์คนนี้!
ขณะที่พวกมันกำลังตกตะลึง สิ่งที่ทำให้ชาวไข่มุกตกใจกว่าเดิมก็บังเกิด ราชากะพรุน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพปีศาจทะเลก็ถูกอันหลินที่รวดเร็วจนกลายเป็นลำแสงสีขาว ฟันขาดสะบั้นหลายสิบท่อนในพริบตา
“นี่มัน…” ราชามุกดามองราชากะพรุนที่ถูกหั่นเป็นชิ้น อึ้งๆ ตกใจจนพูดไม่ออก
หน้าประตูเมือง กระดองของเต่ายักษ์น้ำดำก็ถูกวานรตัวนั้นฟาดด้วยกระบองจนแตก เพลิงสีดำลุกโชน ปีศาจทะเลหลายร้อยตัวถูกเปลวไฟแผดเผาจนวอดวาย เขตอาคมเพลิงนิลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเป็นกำแพงเมืองริ้วคลื่นชั้นยอด
อันหลินกระโดดลงพื้น คลื่นสีทองแผ่รอบทิศทาง ปีศาจทะเลในรัศมีร้อยจั้งน้ำลายฟูมปาก สลบเหมือดทันที
วิชาแห่งอานุภาพ! ยับยั้งพลังยุทธ์ ทำให้อานุภาพของอันหลินถูกสำแดงออกมาอย่างแท้จริง
อันหลินก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดปานเป็นใหญ่ในหล้า ปีศาจทะเลเป็นก่ายเป็นกองเป็นลมล้มพับต่อหน้าเขา
ทหารเม่นทะเลที่อ่อนแอที่สุดถูกอานุภาพยิ่งใหญ่โจมตีจนระเบิด
หมึกยักษ์ทะเลลึก ปีศาจทะเลระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณตัวสุดท้ายตกใจจนขวัญกระเจิง หลังหนวดของมันถูกต้าไป๋ฉีกเป็นห้าท่อน ก็รีบหนีหัวซุกหัวซุนไปทางทะเล คิดไม่ถึงว่าจะมีก้อนอิฐมหึมาใหญ่สิบจั้งลอยลงจากฟ้า ทับมันกับพื้นดินอย่างแนบแน่น
“อย่าฆ่าข้า พวกเจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ! หากฆ่าข้า จักรพรรดิปีศาจสีชาดไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!” หมึกยักษ์ทะเลลึกตะโกนลั่น ระหว่างนี้ หนวดที่เหลือของมันถูกต้าไป๋กระชากจนขาด เลือดพุ่งกระฉูดอีกครั้ง
“เอ๊ะ หากสังหารเจ้า จักรพรรดิปีศาจสีชาดจะมาคิดบัญชีกับข้าหรือ” อันหลินยืนอยู่บนก้อนอิฐสีนิล เอ่ยถามอย่างสงสัย
หมึกยักษ์ขู่เสียงดุดันว่า “มันแหงอยู่แล้ว หากมันสัมผัสได้ว่าพวกเราสามราชาตายในเมืองริ้วคลื่น จักรพรรดิปีศาจสีชาดต้องนำทัพมาถล่มเมืองริ้วคลื่นภายในสองวันแน่! หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าขอร้องให้จักรพรรดิปีศาจสีชาดไว้ชีวิตเจ้าได้”
อันหลินยิ้ม “จักรพรรดิปีศาจสีชาดจะเป็นฝ่ายมาเองหรือ งั้นก็เยี่ยมสุดๆ ไปเลย”
จากนั้นหมึกยักษ์ก็ถูกหมัดสะเทือนขุนเขาอัสนีกระแทกภายใต้สายตาที่เปี่ยมด้วยความตกใจ ร่างของมันจมหายไปท่ามกลางการระเบิด…
ศึกนี้ปิดฉากลงอย่างรวดเร็ว โดยมีกองทัพปีศาจทะเลตายกันเหี้ยนเป็นจุดจบ
อันหลิน เจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋ย้อนกลับมาที่กำแพงเมือง ได้รับการต้อนรับประหนึ่งวีรชนจากเผ่าพันธุ์มุกดา เสียงโห่ร้องไชโยสะท้อนก้องกำแพงเมือง
“ต้องขอบพระคุณสหายมนุษย์เป็นอย่างยิ่งที่ช่วยพิทักษ์เมือง ช่วยชาวประชาเมืองริ้วคลื่นให้พ้นจากวิกฤต!” ราชามุกดาม้วนตัวอยู่กับที่ พูดอย่างตื้นตัน
ว่ากันว่าการม้วนตัวกับที่เป็นการแสดงความขอบคุณของเผ่าพันธุ์ไข่มุก คล้ายคลึงกับการคุกเข่าคำนับของมนุษย์
“ไม่เป็นไร เชิญท่านแม่ทัพลุกขึ้นเถอะ ข้าผ่านมาทางนี้ ไม่ชอบใจความอำมหิตของปีศาจทะเล ถึงได้ลงมือ” อันหลินประคองราชามุกดาที่กลิ้งตัวให้ลุกขึ้นแล้วพูดเสียงเคร่งขรึม
ราชามุกดาพูดอย่างนอบน้อมว่า “เช่นนั้นขอเชิญสหายมนุษย์ย้ายไปที่จวนของข้า ให้ข้าได้ปรนนิบัติทุกท่านให้ดี แสดงน้ำใจของเจ้าถิ่นหน่อย!”
อันหลินครุ่นคิด อย่างไรเสียก็ต้องรอจักรพรรดิปีศาจสีชาดมาเยือน เปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ดีหน่อยก็ใช่ว่าจะไม่ได้ จึงพยักหน้าตกลง
เขาขี่ต้าไป๋ไปพาตัวฉีฉีหญิงงามแห่งเมืองริ้วคลื่นมาก่อน
ฉีฉีมองพวกอันหลินด้วยความเลื่อมใส นางทอดมองการต่อสู้นอกเมืองริ้วคลื่นจากโรงเตี๊ยม ก็พอจะรู้อยู่บ้าง
ตอนที่ประตูเมืองถูกทลาย ราชันวานรสูงค้ำฟ้าตัวนั้นก็คือ วานรที่น่าเกลียดน่าชังบนหัวไหล่อันหลินไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่พวกเขาดูเหมือนจะไปมุงดูเฉยๆ ไม่คิดว่าเพียงชั่วพริบตา จะกลายเป็นวีรบุรุษที่พิทักษ์เมืองริ้วคลื่น! เรื่องนี้ทำให้ฉีฉีทั้งตะลึงและนับถือชื่นชม ดวงตาที่จ้องมองอันหลินจวนจะหยาดน้ำหลั่งลงมา เสียดายที่อันหลินไม่ตอบสนองกับใบหน้าของนางเลย
ราชามุกดาเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองริ้วคลื่น ขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าเมืองด้วย จวนของเขามีศาลาพลับพลา ทิวทัศน์ดุจภาพวาด ซ้ำยังมีสาวใช้ที่งดงามราวบุปผา เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในเมือง
เนื่องด้วยอันหลินทานมื้อค่ำแล้ว พวกเขาจึงกินแค่ผลวิเศษ ดื่มสุรารสเลิศ จากนั้นชื่นชมระบำของไข่มุกหยาดเยิ้ม
ท่วงท่าระบำของเผ่าพันธุ์มุกดาอย่างมากก็เป็น ‘การกลิ้ง’ คุณจะได้เห็นเหล่านางระบำกลิ้งเป็นขบวนต่างๆ วาดเส้นโค้งสีขาวอันงดงาม…หึ ให้ตายสิ งดงามมากทีเดียว!
ราชามุกดานั่งอยู่บนบัลลังก์ ชมอย่างออกรสออกชาติ
“เรื่องของจักรพรรดิปีศาจสีชาด สหายอันหลินไม่ต้องห่วง ข้าแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับกษัตริย์ผ่านยันต์ส่งสารแล้ว พระองค์ก็ทรงรับปากแล้วว่าจะส่งยอดฝีมือชั้นสูงมาช่วยเมืองริ้วคลื่นทันที” ราชามุกดาดื่มสุราพลางพูดเสียงดังลั่น
อันหลินกลับไม่แยแส เพราะมีไพ่ตายอย่างต๋าอีและต๋าเอ้อร์ จัดการปีศาจทะเลจักรพรรดิตัวเดียวไม่ใช่ปัญหา
วันต่อมา วีรกรรมของอันหลินก็กระฉ่อนไปทั่วเมืองริ้วคลื่น
ยามที่เมืองริ้วคลื่นถูกปีศาจทะเลบุก ราชันวานรเพลิงนิล สุนัขขาวเทพวายุ เซียนกระบี่อันหลิน ผู้แข็งแกร่งทั้งสามจากแดนจิ่วโจวลงมืออย่างมีคุณธรรม กวาดล้างกองทัพปีศาจทะเล กลายเป็นวีรบุรุษแห่งเมืองริ้วคลื่น
อันหลินได้ยินเหล่าไข่มุกในเมืองริ้วคลื่นเรียกตนว่าเซียนกระบี่ ก็แอบปลาบปลื้มดีใจ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่จาก ‘กล่าวอ้าง’ เป็น ‘ถูกคนขนานนาม’!
แม้ผู้ที่เรียกเขาจะเป็นเหล่าไข่มุก แต่ก็น่าภูมิใจแล้ว
และในค่ำคืนนี้เอง ยอดฝีมือที่จักรวรรดิมุกดาส่งมาก็มาถึงที่นี่
เดิมทีอันหลินคิดว่าผู้แข็งแกร่งที่ส่งตัวมาจะเป็นไข่มุกทั้งขาวและกลมที่เก่งฉกาจมากเป็นพิเศษ แต่ภายหลังเขาพบว่า ผู้มาเยือนเป็นหญิงโฉมสะคราญคนหนึ่ง!
ไม่ใช่หญิงงามตามแบบฉบับของไข่มุก แต่เป็นหญิงงามในแบบของมนุษย์