ทุกคนออกเดินทางอีกครั้ง เหาะไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ภูตผียังคงปรากฏตัวเป็นครั้งคราว แถมความสามารถก็แก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนใหญ่ภูตผีก่อนหน้านี้ล้วนมีระดับกายแห่งมรรค ตอนนี้เริ่มพบเจอภูตผีระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณบ้างแล้ว
พรึ่บ! ลำแสงดำสนิทดุจหุบเหว รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ฉีกร่างของผีแปดแขนตนหนึ่งเป็นสองท่อนในพริบตา
ตอนนี้อันหลินแข็งแกร่งมากแล้ว ต่อให้เป็นภูตผีระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณก็ต้านทานการโจมตีแสนธรรมดาของเขาไม่ได้
ตอนนี้หยินอวี่นับว่าเชื่อคำพูดของอันหลินแล้วจริงๆ แต่นางไม่เข้าใจว่า อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเหมือนกัน แต่ไยความแตกต่างระหว่างทั้งสองถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้
นางเป็นถึงอัจฉริยะที่มีสายเลือดของเผ่าพันธุ์มังกรเชียวนะ!
โอ๊ะ ไม่สิ ตอนนี้ใช้คำว่าอัจฉริยะมานิยามตัวเองไม่ได้แล้ว…
หยินอวี่บีบหน้าขาวผ่องเป็นยองใยของตัวเอง ใบหน้าเศร้าสลด
“พี่อันดูนั่นเร็ว น่าจะเป็นกะโหลกยักษ์ข้างหน้านั่นแหละ!”
ดวงตาของเจ้าอัปลักษณ์ดุจคบเพลิง มือชี้ด้านหน้า มีกะโหลกสีดำขนาดห้าถึงหกจั้งอยู่ตรงนั้น
กะโหลกชิ้นนี้มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับกะโหลกของมนุษย์ หากมองจากภาพความทรงจำแล้ว เป็นกะโหลกของแม่ทัพกองทัพผีแห่งจื่อซิง
ตาของอันหลินลุกวาว ทะยานลงไปหากะโหลกแล้วเดินไปทางตะวันตกสี่สิบเก้าก้าว เท้ากระทืบพื้นอย่างแรง
ครืน!
ชั่วขณะที่ผิวดินสั่นสะเทือน ประตูมิติสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน
หยินอวี่มองอันหลินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เมื่อก่อนพวกเจ้าเคยมาที่นี่หรือ”
อันหลินไม่ตอบ ชิงก้าวเข้าไปในประตูก่อน
เสียงของหยินอวี่สะดุดกึก ตามหลังไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
เมื่อมิติผันแปร มิติที่พลังปราณหนาแน่นก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน
โครงกระดูกมโหฬารที่ยาวหลายร้อยจั้งตั้งอยู่บนพื้นเงียบเชียบ
รอบตัวมันเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจีกับดอกไม้ ความมีชีวิตชีวาผสานกับความวิเวกวังเวง มันงดงามและเงียบสงบไปอีกแบบ
“นี่เป็น…กระดูกของอิงหลงหรือ” หยินอวี่เบิกตากว้าง เสียงเริ่มสั่นเครือ ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
อิงหลงทุกตัวล้วนมีสถานะที่สูงส่งอย่างยิ่งในเผ่าพันธุ์มังกร และเห็นได้ชัดว่าอิงหลงตัวนี้เป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่วายชนม์ในสนามรบบรรพกาลยามสู้รบ
อันหลินเดินไปยืนข้างกะโหลกของโครงกระดูก ย่อตัวนั่งลงแล้วมองแวบหนึ่ง จากนั้นใบหน้าก็ฉายความดีใจ
เห็นใต้ศีรษะมังกรมีเถาวัลย์โบราณที่ส่องแสงสีม่วง แลดูเกลี้ยงเกลาแวววาวหลากหลายเส้น
นี่ก็คือเถาวัลย์ม่วงที่เขาต้องการตามหา
เถาวัลย์ม่วงดูดซึมพลังหยินของอิงหลง มักจะเจริญเติบโตใต้กะโหลกของอิงหลง
เขาไม่คิดเลยว่าเกือบหมื่นปีให้หลัง จำนวนของเถาวัลย์ม่วงเยอะกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าตัว
อันหลินนำเถาวัลย์โบราณทั้งหมดไปอย่างคล่องแคล่วชำนาญแล้วเก็บไว้ในแหวนมิติ
จากนั้นมายังบริเวณกระดูกสันหลังของอิงหลง ใช้พลังสร้างรูเล็กๆ รูหนึ่ง นำเลือดสีแดงแกมทองออกมาหนึ่งชั่ง
เลือดบริสุทธิ์เหล่านี้ของอิงหลงจะมีอยู่แค่ภายในกระดูกสันหลังเท่านั้น มีความเป็นอมตะ จึงสามารถดำรงอยู่ผ่านกาลเวลานับหมื่นปีได้
“นี่…เจ้ากำลังทำให้บรรพชนด่างพร้อยอยู่น่ะ!”
หยินอวี่เห็นว่าแม้แต่เลือดอมตะในกายอิงหลงอันหลินก็ไม่ละเว้น จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อันหลินกลอกตาใส่หยินอวี่ “ไม่ต้องห่วง ข้าใช้พลังปราณตรวจดูแล้ว ข้างในยังมีเลือดอีกสามชั่ง”
เลือดอิงหลงเป็นส่วนหนึ่งที่มีมูลค่าที่สุดของเผ่าพันธุ์มังกร เลอค่ายิ่งนัก
ตอนนั้นเสิ่นอิงเป็นธิดามังกรสวรรค์แห่งเผ่าพันธุ์มังกร ด้วยความเคารพในบรรพชน จึงเอาไม่มาก นำเลือดไปเพียงชั่งเดียวเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของหยินอวี่ อันหลินหยุดคิดครู่หนึ่ง คิดว่าทำแบบนี้ไม่ถูกจริงๆ ด้วย
เขาเดินไปหากระดูกสันหลังอีกครั้ง ดูดเลือดออกมาเพิ่มอีกหนึ่งชั่ง
เสิ่นอิงเป็นมังกร มีใจเคารพยำเกรง
แต่เราเป็นมนุษย์ จะเคารพมังกรตัวหนึ่งไปทำไมกัน!
อืม เลือดสองชั่ง อีกชั่งไว้สำรอง…
หยินอวี่เห็นภาพที่อันหลินดูดเลือดเพิ่มอีกชั่งก็หน้ามืด หน้าอกกระเพื่อมอย่างแรง ชัดเจนว่าได้รับการกระทบกระเทือนอีกแล้ว
“โครงกระดูกนี่หากตกอยู่ในมือของเผ่าพันธุ์อื่น รับรองว่าแม้แต่กระดูกชิ้นเดียวก็ไม่เหลือ เอาไปจนเกลี้ยงแน่ ข้าให้เกียรติบรรพชนของพวกเจ้ามากแล้ว เข้าใจไหม” อันหลินพูดกับหยินอวี่อย่างจริงจัง
ใบหน้างดงามของหยินอวี่ขึ้นสี โมโหจนพูดไม่ออกเลยสักคำ
ทุกคนเดินรอบมิติอีกรอบ รวบรวมสมุนไพรวิเศษได้หลายต้นแล้ว เมื่อไม่มีของดีอื่นใดอีก พวกเขาจึงไปจากมิติแห่งนี้
“ได้เถาวัลย์ม่วงกับเลือดอิงหลงมาแล้ว ได้เวลาไปตามหาขุมทรัพย์บนม้วนหนังแกะ” อันหลินผ่อนคลาย คลี่ม้วนหนังแกะออกแล้วพูดอย่างยิ้มแย้ม
ทุกคนจึงเริ่มรีดนาทาเร้นและต่อสู้จากพิกัดที่ใกล้ที่สุด
เข้าไปในบ่อเลือด เจอผลเลือดอนธการ ผลเซียนขั้นสาม
เข้าแดนปีศาจมรณะ เจอบุปผาแดนมรณะ ไปป่าหินดำ เจอวิญญาณวัชระ
จากนั้นก็ได้กระดูกมายา ผลเลือดปีศาจ บัวน้ำแข็ง เกราะแก้วผี
พิกัดเก้าแห่งที่คาดเดาว่าจะมีขุมทรัพย์ มีทั้งสิ้นเจ็ดแห่งที่มีขุมทรัพย์ มีสองแห่งที่ไม่มีอะไรเลย อันหลินจึงก่นด่าเจ้าพิธีที่ว่าคนนั้นอยู่หลายครั้งหลายครา
หยินอวี่เห็นอันหลินล่าขุมทรัพย์ด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ ก็รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาอีกแล้ว
ต่อไปเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ระบุไว้ในม้วนหนังแกะแล้ว โสมวัฏจักร สมุนไพรเซียนขั้นหนึ่ง!
ของสิ่งนี้ถูกระบุไว้ เป็นสมบัติที่อันตรายที่สุด อันหลินจึงตั้งใจมาค้นหาเป็นอย่างสุดท้าย
โสมวัฏจักรอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางของสนามรบบรรพกาล พื้นที่ตรงนั้นไม่มั่นคงเอาเสียเลย ผิวดินก็แตกระแหงอย่างรุนแรง ร่องที่สุดแท้หยั่งถึงกระจายไปทั่ว เป็นดุจปากเหวลึกเขมือบทุกสรรพสิ่ง
“การเวียนว่ายตายเกิดเท่านั้นที่ทำให้เกิดสมุนไพรเซียนขั้นหนึ่งอย่างโสมวัฏจักร”
“สงครามเมื่อหมื่นปีก่อนนั้น ฟ้าถล่มดินทลาย วังมังกรแทบจะล่มสลาย สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่สิ้นชีพที่นี่ไม่ต่ำกว่าล้าน นี่เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเจริญเติบโตของโสมวัฏจักร ซึ่งก็คือความตาย”
“เช่นนั้นการเกิด หนึ่งในเงื่อนไขการเจริญเติบโตของโสมวัฏจักรล่ะ จะเห็นได้จากที่ไหน”
อันหลินขี่ต้าไป๋ ถือม้วนหนังแกะแล้วพูดด้วยความฉงนใจ
หยินอวี่เห็นว่าบางครั้งอันหลินก็ไม่รู้เหมือนกัน จึงชิงพูดตัดหน้าทันควันว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่รู้สินะ…”
เมื่อเห็นสายตาสงสัยของอันหลินจ้องมองมา นางก็เกิดความรู้สึกเหมือนตนก็ไม่ได้โง่งมปานนั้นขึ้นมาทันที ลำพองใจนิดหน่อย กล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “กำเนิดหลังความตาย เพียงแต่สิ่งที่ถือกำเนิดเป็นความอาฆาต เคียดแค้น เป็นความสิ้นหวังที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด อารมณ์ด้านลบเหล่านี้ก็ให้กำเนิดชีวิตได้เช่นกัน”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “เจ้าหมายความว่า…ภูตผี โครงกระดูกเหล่านั้นสื่อถึงการกำเนิดงั้นหรือ”
หยินอวี่พยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ความจริงสามารถเรียกพวกมันว่าสิ่งมีชีวิตได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้รับการยอมรับ พวกมันถูกวิถีสวรรค์ทอดทิ้งก่อนตาย หลังตายก็ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ความแค้นจึงไม่มีสิ้นสุด จึงดำรงอยู่ในโลกด้วยรูปแบบควอนตัม”
“รูป…รูปแบบควอมตัมหรือ” มุมปากของอันหลินกระตุก ราวกับเขาได้ยินคำศัพท์แปลกๆ อะไรสักอย่าง
“โอ้…เจ้าไม่รู้เรื่องทฤษฎีควอนตัมหรือ” ดวงตาของหญิงชุดขาวเป็นประกาย ประหนึ่งว่าเกิดความเหนือกว่าในบางด้าน “ข้าจะบอกให้นะ มันเกี่ยวข้องกับขนาดของอะตอมขนาดเล็ก มิติเวลาและเหตุการณ์หากเจ้าไม่เข้าใจ ข้าให้ตำราทฤษฎีอะตอมเมื่อกลับวังมังกรกับเจ้าได้ ข้าเป็นครู เจ้าเป็นศิษย์…”
หยินอวี่กระปรี้กระเปร่าราวกับได้รับสารกระตุ้น พูดกับอันหลินไม่หยุดหย่อน เสมือนว่าสามารถพลิกเกมได้ภายใต้สภาพที่ไม่มีอะไรดีเลย ดีใจยิ่งแล้ว
ในใจอันหลินก็ตกใจเช่นกัน วังมังกรเริ่มศึกษาของพวกนี้แล้วเหรอ แถมยังมีหนังสือเสียด้วย!
อดพูดไม่ได้ว่า เขาอยากจะไปเยือนวังมังกรจริงๆ อยากดูว่าตำราเหล่านั้นพูดถึงอะไรบ้าง
ทุกคนเหาะเหินไประยะหนึ่ง มาถึงบริเวณที่เต็มไปด้วยหมอกดำ
“ถึงแล้ว แถวๆ นี้แหละ!”
อันหลินมองม้วนหนังแกะพลางพูดขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง ผีร้ายอีกตัวก็กระโจนเข้ามา จากนั้นก็ถูกเจ้าอัปลักษณ์ฟาดจนแหลกสลายด้วยกระบอง
ที่นี่ มีเพียงภูตผีและโครงกระดูกที่อาฆาตแค้นลอยล่องรอบกาย
พลังของพวกมันแก่กล้าอย่างยิ่ง ถึงขั้นว่ามีจำพวกที่มีพลังเทียบเท่าระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณอยู่ไม่น้อยเลย
ร่องลึกเส้นแล้วเส้นเล่าบนพสุธามีไอดำลอยขึ้นเป็นระลอกๆ
“พี่อัน ดูทางนั้นสิ มีลูกบอลสีดำอยู่!” เจ้าอัปลักษณ์กล่าว
บริเวณหนึ่งที่ไกลออกไปพันเมตร มีลูกกลมๆ สีดำตั้งอยู่เงียบๆ
“ไป ไปดูกันหน่อย!”
อันหลินพุ่งไปหาลูกสีดำก่อน มือกำกระบี่พิชิตมารแน่น
เมื่อทุกคนมาถึงตรงหน้า พบว่ามันกลมกลึงไร้ที่ติ พื้นผิวเรียบเนียนดุจกระจก เส้นผ้าศูนย์กลางราวๆ สามจั้ง นอกจากนี้ไม่มีลักษณะพิเศษอื่นใด
“ข้างในนี้จะใช่โสมวัฏจักรหรือไม่” อันหลินถาม
หยินอวี่ก็ไม่รู้เช่นกัน นางก็ไม่เคยเห็นโสมวัฏจักรเหมือนกัน “ลองทุบให้แตกดูไหม”
คำแนะนำนี้ไม่เลว อันหลินพูดปุ๊บทำปั๊บ ส่งต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ออกมา เตรียมทำการชำแหละอย่างแม่นยำ
ในตอนนั้นเอง ลูกบอลก็แตกออกเองราวกับได้รับแรงกระทบกระเทือน