“ขอฉันลองดูบ้าง!”
นักพรตกายแห่งมรรคคนหนึ่งเดินย่ำน้ำมา พุ่งใส่ประตูมิติ ปรากฏว่าชนอย่างจังจนฟันซี่หนึ่งหลุดออกมา
นักพรตมากมายต่างก็ลองบุกเข้าประตู ทว่ากลับมีความล้มเหลวเป็นผลลัพธ์
บางคนใช้ร่างกายพุ่งชน บางคนใช้อาวุธโจมตี ใช้พลังเซียน ใช้ค่ายกล…
เมื่อล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ความบ้าคลั่งในตอนแรกเริ่มเจือจางลงช้าๆ ทุกคนต่างก็คิดหาทางทำลาย
พวกอันหลินจึงฉวยจังหวะที่สงบลงชั่วขณะ พุ่งตัวใส่ประตูมิติ
เถียนหลิงหลิงกับพญางูขาวยืนเหนือก้อนอิฐสีดำของเขา อีกเจ็ดคนล้วนขี่กระบี่เหาะสู่ใจกลางผิวทะเลสาบ มีนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณทั้งสิ้นแปดชีวิต ไม่มีใครว่างจนปวดไข่ จะไปขัดขวางทีมที่น่ากลัวเช่นนี้หรอก แม้แต่เจ้าแห่งผีดูดเลือดและจ่าฝูงหมาป่าก็อยู่ในความเงียบเช่นกัน
นินจาสามคนที่ซ่อนเร้นอยู่ในมุมมืดรอคอยโอกาสเคลื่อนไหว บัดนี้ปิดปากเงียบกริบ ลอบกลืนน้ำลายเอื๊อก
“ศิษย์พี่หลิว ท่านนำเถียนหลิงหลิงกับพญางูขาวเข้าไปก่อน” อันหลินชิงพูดขึ้นมาก่อน
สถานการณ์ภายในสุสานโสว่หยางไม่ทราบได้ ต้องมีบุคคลที่มีพลังแก่กล้านำเข้าไป ส่วนคนที่อ่อนแอ ก็จำต้องเข้าไปโดยไวเช่นกัน จะได้ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นข้างนอก
หลิวเชียนฮ่วนพยักหน้า หยิบป้ายหยกออกมา วางแนบประตูมิติแล้วกระตุ้นด้วยพลังปราณ
ทันใดนั้น ประตูมิติก็ส่องแสงสีขาวโชติช่วง ร่างของหลิวเชียนฮ่วนกลายเป็นแสงทองระยิบระยับ ถูกดูดเข้าไปในประตู
บ่อสวรรค์ตกอยู่ในสภาวะเงียบเชียบชอบกล ทุกผู้ทุกคนเบิกตากว้างจ้องภาพตรงหน้า ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง พญางูขาวก็กระตุ้นป้ายหยกแล้วเช่นกัน
ตั้งแต่กระตุ้นป้ายหยกไปจนถึงเข้าสู่ประตูมิติใช้เวลาราวๆ สิบวินาที
ตอนนี้ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ ล้วนแต่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ป้ายหยกทำให้นักพรตเข้าสู่อุโมงค์มิติของโบราณสถานได้!”
“นักพรตกลุ่มนั้นมีป้ายหยกกันหมดเลยใช่ไหม”
…
ความดึงดูดใจของโบราณสถานต่างมิติมีมากปานใด ทุกคนในที่เกิดเหตุให้คำตอบทันที
“นักพรตมนุษย์ ส่งป้ายหยกมา ไม่อย่างนั้น ตาย!”
ลำแสงกระหายเลือดปะทุในดวงตาดำขลับของจ่าฝูง บาเรียสายลมดำทะมึนแผ่กระจายไปทั่ว พลังยุทธ์ที่อหังการไร้ที่เทียบเทียมถูกปล่อยออกมาแล้วอย่างสิ้นเชิง
ในสายตาของมัน ตรงนั้นเป็นเพียงนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณไม่กี่คนเท่านั้น หากอยากรอดชีวิต ย่อมต้องรู้จักสละบางอย่าง
ร่างของพญางูขาวหายลับไปในประตูมิติ เถียนหลิงหลิงมองอันหลินด้วยความกังวล
“ทำต่อไป ข้างนอกพวกเราจัดการเอง” อันหลินพูดเสียงนิ่ง
เถียนหลิงหลิงกัดฟันแล้วกระตุ้นป้ายหยก
หมาป่าอนธการระเบิดโทสะทันใด “อยากตายหรือไง!”
ในเวลาเดียวกัน เจ้าแห่งผีดูดเลือดคร้านจะพูดด้วยซ้ำ มือถือหอกโลหิตกระโจนใส่พวกอันหลินด้วยคลื่นสีเลือด
ขณะนั้นเอง นินจา นักรบกลายพันธุ์ เผ่าเวท ฝูงหมาป่า เจ้าแห่งผีดูดเลือด…พลังของอิทธิพลทั้งหมดพากันพุ่งใส่พวกอันหลินอย่างกลัวเสียโอกาส
ป้ายหยกเหลือแค่เจ็ดชิ้น จำนวนมีจำกัด ตอนนี้มีเวลาสนใจเรื่องอื่นที่ใดกัน แย่งได้หนึ่งชิ้นก็เป็นเรื่องดี!
คราแรก ไม่มีใครคิดว่านักพรตกลุ่มนี้จะรอดชีวิต ยอดฝีมือระดับแปลงจิตสองตน ผู้แข็งแกร่งหล่อเลี้ยงวิญญาณยี่สิบกว่าชีวิตรวมตัวกันปิดล้อม กองทัพที่ก่อตัวจากมวลพลังกลุ่มนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
เซวียนหยวนเฉิงหยิบถาดเจ็ดดาวออกมา
ครืน ค่ายกลมหึมาปรากฏขึ้นรายล้อมประตูมิติ!
เปลวไฟอันร้อนระอุและอัสนีสีทองม้วนตัวไปทั่วทุกสารทิศ ข่มขู่ให้การรุกรานของกองทัพใหญ่ล่าถอยด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทานได้! ดุคเจ้าแห่งผีดูดเลือดกับจ่าฝูงหมาป่าอนธการที่อยู่ด้านหน้าสุด ก็ถูกพลังงานที่น่าสะพรึงโจมตีจนถอยกรูดเช่นกัน
ชัดเจนว่านี่เป็นค่ายกลดูดวิญญาณสูงสุดและค่ายกลอัสนีเพลิงวิหคที่เซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานวางไว้ก่อนหน้านี้ ค่ายกลถูกเซวียนหยวนเฉิงเก็บใส่ถาดดวงดาว จากนั้นวางค่ายกลตรงหน้าประตูมิติ
เมื่ออิทธิพลแต่ละฝ่ายเห็นค่ายกลที่ทรงอานุภาพสะเทือนฟ้าดิน ต่างก็ออกอาการพรั่นพรึง
แม้แต่เจ้าแห่งผีดูดเลือดและจ่าฝูงหมาป่าอนธการเองก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
“พลังงานค่ายกลมีจำกัด ยิ่งเราจู่โจม พลังงานของมันจะยิ่งลดหลั่นเร็วขึ้นเท่านั้น!” นัยน์ตาดำขลับของหมาป่าฉายแววมีเลศนัย โพล่งขึ้นมาทันที
เพิ่งสิ้นเสียงของมัน ผู้แข็งแกร่งของแต่ละฝ่ายรู้ว่าเวลากระชั้นชิด จึงเริ่มโจมตีอย่างไม่ออมแรงทันใด!
ครืน… การโจมตีที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่งยวด หลากหลายรูปแบบ ทำให้ค่ายกลสั่นสะเทือนเลือนลั่น
เถียนหลิงหลิงเข้าไปในประตูมิติแล้ว จากนั้นก็เป็นเหยาหมิงซีและหูก้วน
หลังจากที่หูก้วนและเหยาหมิงซีข้ามพ้นประตูมิติแล้ว พลังงานของค่ายกลป้องกันก็จวนแห้งเหือด พร้อมแตกทลายทุกเมื่อประดุจกระดาษบาง
อันหลินมองสี่คนที่เหลือแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปใครจะไปก่อน”
ใบหน้างามสะคราญของสวีเสี่ยวหลานแต้มรอยยิ้มบางๆ “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ลูกไม้ตื้นๆ ของเจ้า”
อีกสามคนก็มองอันหลินด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
อันหลินเกาหัวอย่างเก้อเขิน “เช่นนั้น…ทุกคนจะสู้หรือ”
“คันมือตั้งนานแล้ว คิดว่าพวกเราน่ารังแกมากหรือไง”
ถังซีเหมินยิ้มสบายๆ มือกำกระบี่ไว้นานแล้ว
“ต้องยั้งมือไหม” เซวียนหยวนเฉิงชักกระบี่โบราณออกมาแล้วเอ่ยถาม
“พวกเขาถึงขั้นอยากฆ่าชิงทรัพย์แล้ว ปล่อยตัวตามสบายเถอะ ไม่ผิดกฎหมาย” อันหลินขำเบาๆ
ลำแสงสีดำฟาดลงมาดุจอัสนี ฉีกทำลายปราการสุดท้ายของค่ายกล
ขณะที่พวกอันหลินจะลงมือนั้น มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้ง
เห็นนักพรตแดนมังกรที่มีพลังแก่กล้าห้าหกชีวิตไม่ลังเลอีกต่อไป พากันเหาะไปหาพวกอันหลินกันระนาว ยืนบนระนาบเดียวกับพวกเขา
“พวกนายรีบเข้าไป ขุมทรัพย์จะตกอยู่ในมือของอิทธิพลต่างชาติไม่ได้!” จอมอ้วนเฉินจิ่งเทียนพูดเสียงดังลั่น
“รีบเข้าไปในโบราณสถานให้ไว พวกเราจะจัดการที่นี่เอง!” นักพรตอีกคนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อันหลิน แม้แต่พวกเซวียนหยวนเฉิงก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน
นักพรตเหล่านี้ตัดสินใจออกโรงต่อต้านกองทัพอริ ให้พวกอันหลินเข้าไปในประตูมิติงั้นเหรอ
ต้องรู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ ภายใต้การโจมตีของเจ้าแห่งผีดูดเลือดและจ่าฝูงหมาป่า จุดจบของนักพรตที่ออกโรงปกป้องเหล่านี้คงจะไม่รอดเป็นแน่…
“สหาย โบราณสถานย่อมต้องเข้าอยู่แล้ว แต่ต้องกำจัดศัตรูที่รนหาที่ตายพวกนี้ก่อนค่อยว่ากัน!” อันหลินส่งยิ้มบางๆ ให้เฉินจิ่งเทียนแล้วชักกระบี่พิชิตมารออกมา
“นายพูดอะไรน่ะ พวกนายจะสู้หรือไง” เฉินจิ่งเทียนชะงัก
“ฝันไปเถอะ พวกแกไม่มีใครรอดแน่!”
หมาป่าอนธการมาอยู่ตรงหน้าอันหลินแล้ว กรงเล็บดำสนิทตวัดลงมาพร้อมกับพลังความตาย
ดวงตาของอันหลินกลายเป็นสีขาวโพลน คมกระบี่ห้อมล้อมด้วยกระแสลมสีขาว เข้าประชิดหมาป่าอนธการด้วยความเร็วที่น่ากลัวยิ่งกว่า
ลำแสงสีดำและลำแสงสีขาวตัดสลับกัน ไม่ได้ปะทะกัน
ชั่วครู่ต่อมา ร่างของหมาป่าอนธการกับอันหลินก็สลับกัน ปรากฏบนตำแหน่งของฝ่ายตรงข้าม
หมาป่าอนธการเบิกตากว้าง ใบหน้ามีแต่ความหวาดกลัวและอ้ำอึ้ง ปากพึมพำว่า “เป็นไปได้อย่างไร…ทั้งๆ ที่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแท้ๆ ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเท่านั้น…”
รอยเลือดเส้นหนึ่งเริ่มลุกลามจากศีรษะของหมาป่าไปยังหาง น่าตกใจสิ้นดี
เลือดสาดกระจายเต็มท้องนภา
ท่ามกลางสายตาตะลึงของผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ร่างของหมาป่าถูกฟันเป็นสองท่อน!
ยอดฝีมือระดับแปลงจิตแห่งยุค ต้องมาสิ้นชีพโดยไม่ทันตั้งตัว
ทุกคนต่างก็ตะลึงพรึงเพริด
นักพรตแดนมังกรหลายคนที่อยากคุ้มกันพวกอันหลินให้ได้เข้าไปในโบราณสถานอ้าปากกว้างกันเป็นแถว ไม่อยากจะเชื่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลย
ส่วนอันหลินที่เพิ่งทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เพียงแค่สะบัดกระบี่อย่างเป็นธรรมชาติ จ้องเหล่าผู้แข็งแกร่งที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเขา ไม่ทันได้ยั้งฝีเท้าด้วยสีหน้าที่เย็นเยือก
วินาทีต่อมา ซูเฉี่ยนอวิ๋น สวีเสี่ยวหลาน เซวียนหยวนเฉิงและถังซีเหมินก็เคลื่อนไหวแล้ว
พวกเขาจะให้ผู้แข็งแกร่งต่างแดนได้ลิ้มรสว่า อะไรคือระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณที่น่ากลัวอย่างแท้จริง