หลังหมาป่าอนธการถูกสังหารภายในเสี้ยววินาทีแล้ว ฝีเท้าของดุคเจ้าแห่งผีดูดเลือดก็หยุดชะงักโดยพลัน
เข้าโบราณสถานกับชีวิตสิ่งใดสำคัญ แน่นอนว่าชีวิตสำคัญน่ะสิ!
บัดนี้ หญิงสาวที่สวมชุดสีเขียว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่งพุ่งมาหาเขาแล้ว
อากัปกิริยาของดุคแปรเปลี่ยน หญิงคนนี้มีพลังยุทธ์เพียงระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายเท่านั้น
หรือจะ…จัดการนางเสีย ชิงป้ายหยกมาแล้วตรงดิ่งเข้าโบราณสถาน
เขาอาจจะเอาชนะนักพรตที่ถือกระบี่สีนิลคนนั้นไม่ได้ แต่พลังชีวิตของเขาเหนือกว่าหมาป่าอนธการอักโข ต่อให้ถูกฟันสิบกว่าหนให้เจ็บปางตายก็ไม่วายชนม์ สู้ลองดูสักตั้ง ขอเพียงไม่ต้องประมือกับนักพรตที่ฆ่าหมาป่าเป็นพอ
แววตาของดุคเสมองนักพรตกระบี่สีนิล เห็นนักพรตคนนั้นไม่ขยับเขยื้อน แต่หญิงชุดเขียวเข้าประชิดตัวแล้ว…
ในที่สุดใบหน้าของเขาฉายความเด็ดเดี่ยว
ลุย!
หอกโลหิตของดุคก่อตัว ระเบิดพลังทั้งหมดที่มี ขว้างใส่หญิงชุดเขียวด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
ชั่ววินาทีนั้น มิติทั้งผืนร้องหวีดหวิวเพราะถูกหอกโลหิตทิ่มแทง พลังปราณโหมซัดประหนึ่งคลื่นสมุทร
นี่เป็นการโจมตีสุดกำลังของเขา เพื่อจะทะลวงหัวใจของหญิงสาวคนนั้น!
หญิงสาวพลิกมือกระบี่ยาวปรากฏในมือ คมด้านหนึ่งเป็นเปลวไฟแผดเผานภา อีกด้านมีกระแสไฟแล่นพล่าน
เมื่อตวัดกระบี่ ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี
ดุคเบิกตากว้าง ในใจพลันหวาดกลัวขึ้นมา จากนั้นพลังเพลิงอัสนีอันชวนให้พรั่นพรึงก็ทลายหอกโลหิตด้วยพลังทำลายล้างสรรพสิ่ง ฟันร่างกายของเขาขาดเป็นสองท่อน…
กระบี่ไม่หยุดยั้ง น้ำในบ่อสวรรค์ก็ถูกกระบี่พิฆาตฟันแยกเป็นสองทาง สายฟ้าแปลบปลาบ เปลวไฟอันน่ากลัวทำให้ผิวทะเลสาบเดือดพล่าน
ขณะเดียวกัน เจ้าแห่งผีดูดเลือดที่กลายเป็นสองท่อนก็ร้องครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน
เปลวเพลิงที่มีพลังทำลายล้างสูงลุกโชนรอบร่างกายสองท่อนของเขา กระแสไฟที่น่าสะพรึงกำลังทลายทุกอณูรูขุมขนและวิญญาณของเขา พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของเขากำลังถูกทำลายอย่างบ้าคลั่ง
สิ่งที่เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดภาคภูมิใจที่สุดก็คือพลังชีวิตอันเหนือชั้น ต่อให้ร่างกายถูกฟันเป็นสองท่อน ก็กลับมาสมานกันได้อีก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ท่าทางจะถูกกระบี่ผลาญชีพชัดๆ…
ใบหน้าของดุคสิ้นหวัง บัดนี้ในใจมีเสียงหนึ่งกำลังคำรามลั่น ‘ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณจริงหรือ เพลงกระบี่ที่น่ากลัวปานนี้ เจ้าบอกข้าทีว่ายังเป็นระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณอยู่ไหม!’
หญิงชุดเขียวคนนั้นคือสวีเสี่ยวหลานนั่นเอง
มือของนางถือกระบี่วิหคมังกร ยืนตระหง่านบนเวหา นัยน์ตาสุกใสจ้องร่างกายสองชิ้นกลางนภาอย่างเฉยชา ประดุจเทพธิดาตกสวรรค์ สูงส่งเหนือราคี
ร่างกายของเจ้าแห่งผีดูดเลือดผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นควันดำท่ามกลางเปลวเพลิง…
“ถูก…ถูกกำจัดอีกแล้วเหรอ”
นักพรตรอบข้างที่กำลังลังเลว่าจะร่วมรบหรือไม่เบิกตาจนกลมกว้าง ใบหน้ามีแต่ความอึ้ง
นักพรตแดนมังกรจับจ้องหญิงสาวกลางอากาศด้วยความยำเกรงอย่างเต็มเปี่ยม
นั่นมันเจ้าแห่งผีดูดเลือดที่มีพลังชีวิตน่ากลัวอย่างมหันต์เชียวนะ กลับถูกนักพรตที่อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณเท่านั้นปลิดชีพ ความน่าตกใจเช่นนี้ทำให้ผู้คนพูดไม่ออก ต่อให้เรื่องจะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็น่าเหลือเชื่ออยู่ดี
แม้แต่อันหลินก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาเพิ่งเคยเห็นเสี่ยวหลานที่ผนึกมรดกของเสิ่นอิงได้อย่างสมบูรณ์แบบลงมือเป็นครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าเมื่อลงมือ จะถึงขั้นสังหารเจ้าแห่งผีดูดเลือดระดับแปลงจิตขั้นต้นเลย
เลือดมังกรและหงส์หลอมเป็นหนึ่ง ผสานกับกระบี่มังกรวิหคซึ่งเป็นอาวุธเซียน อานุภาพปรอทแตกจริงๆ ด้วย!
ส่วนอิทธิพลต่างชาติที่เป็นอริเหล่านั้น ยามนี้ก็ตกใจปากสั่นเช่นกัน
แต่ฝันร้ายของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ซูเฉี่ยนอวิ๋นขี่กงจักรแสงจันทร์ที่ลึกลับเกินหยั่ง วาดวงโคจรสีน้ำเงินเป็นทางท่ามกลางฝูงหมาป่าอนธการ ราวกับเข้าสู่ดินแดนรกร้างไร้ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นหมาป่า หรือเจ้าแห่งหมาป่าที่มีพลังแก่กล้า ต่างก็ต้านทานไม่ไหว ถูกหั่นเป็นสองท่องกันถ้วนหน้า
ถังซีเหมินที่กำลังเผชิญหน้ากับนักรบกลายพันธุ์ที่มีอาวุธครบมือก็เข่นฆ่าทีละตน ไม่เยิ่นเย้อเลยสักนิดเช่นกัน
ชุดเกราะโลหะผสมน่ะหรือ แหลกลาญภายในกระบี่เดียว!
เปลวไฟ น้ำแข็ง ใบมีดลม ขีปนาวุธ ระเบิดแสง อาวุธแม่เหล็กไฟฟ้าน่ะหรือ
ปราณกระบี่ที่อหังการไร้ที่เทียบเทียมบดขยี้ทั้งปวง!
เหล่านักรบกลายพันธุ์ที่เดินทางมาไกลจากพญาอินทรีล้วนต้องกล้ำกลืนความเคียดแค้น
พวกเขาเป็นกองหน้าที่มีสมญานามว่าไร้เทียมทาน บัดนี้กลับถูกระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณคนหนึ่งจัดการจนสิ้นท่า…
เซวียนหยวนเฉิงยื่นกระบี่สองเล่มออกไป ฟันแผ่นหลังของราชาผีดูดเลือดชุดแดงสองตนที่กำลังวิ่งหนีจนเกิดรอยบากขนาดใหญ่ เลือดสาดกระจายเต็มผิวทะเลสาบ กลายเป็นสีแดงฉายกระจายตัว
“นักพรตระยำพวกนี้มาจากไหน แม้แต่ท่านดุคก็ถูกฆ่าไปแล้ว!”
ราชาผีดูดเลือดตนหนึ่งเหลียวมองด้านหลังอย่างพรั่นใจ เมื่อเห็นว่าเซวียนหยวนเฉิงไม่ได้ตามมา ในที่สุดก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“ยังดีที่ไม่ใช่นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณทุกคนในกลุ่มนั้นจะน่ากลัว พวกเรานับว่ารอดชีวิตแล้ว” ราชาผีดูดเลือดอีกตนออกอาการดีใจ
“ชะตากรรมสรรพสิ่ง ตาย!” เสียงตะโกนของเซวียนหยวนเฉิงแว่วมาไกลๆ
จู่ๆ รอยบากบนแผ่นหลังของราชาผีดูดเลือดทั้งสองก็เริ่มเน่าเปื่อย ลุกลามไปทั่ว พลังชีวิตลดฮวบ
“อ๊าก…บัดซบ นี่มันอะไรกัน!” ราชาผีดูดเลือดตนหนึ่งครวญครางอย่างเจ็บปวด มองดูสหายข้างกายที่ร่วมหลบหนี ใบหน้าก็พลันฉายความสิ้นหวัง
เห็นใบหน้าของสหายคนนั้นแก่ชรา ผมเผ้ากลายเป็นสีขาว สุดท้ายพลังชีวิตก็มลายสิ้น ล้มกระแทกพื้น…
“ไม่!” ราชาผีดูดเลือดคนนั้นกรีดร้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก สุดท้ายร่างกายก็เริ่มร่วงหล่น
เซวียนหยวนเฉิงยุ่งมือเป็นระวิง หันหลังพุ่งตัวไปหาเผ่านักเวทเร้นลับ
…
นินจาสามคนจากแดนอาทิตย์อุทัยใช้วิชาพรางตัวหลบซ่อนอยู่ไม่ไกลจากประตูมิติ เนื้อตัวสั่นเทา บัดนี้ตกใจจนฉี่แทบเล็ดแล้ว
คราแรกพวกเขาตั้งใจจะฉวยจังหวะชุลมุนขโมยป้ายหยก ภายหลังได้เห็นเหตุการณ์ที่อันหลินสังหารจ่าฝูงหมาป่าในเสี้ยววินาที
คาคาชิตัดสินใจทันทีว่าจะไม่ปองร้ายอันหลิน คิดว่าจะเริ่มจากสมาชิกคนอื่น
“ท่าทางหญิงสาวคนนั้นจะดูอ่อนแอ อยู่แค่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย เราไปลอบสังหารนางกันเถอะ!”
“ท่านหัวหน้าฉลาดมาก!”
ภายหลังพวกเขายังไม่ได้ลงมือ ก็เห็นเพลงกระบี่อันสะเทือนปฐพีของหญิงสาวคนนั้น สังหารเจ้าแห่งผีดูดเลือดในกระบี่เดียวแล้ว
คาคาชิ “…”
โจนินอีกสองคนสั่นระริก ความเย็นแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ คิดในใจว่ายังดีที่ไม่ได้ลงมือ
“เราลองดูคนอื่นดีกว่า” คาคาชิกัดฟัน เบนสายตามองนักพรตคนอื่นๆ ที่ถือครองป้ายหยก
คนหนึ่งสู้คนเผ่าหมาป่าอนธการแพ้ย่อยยับ อีกคนสังหารหมู่นักรบกลายพันธุ์ อีกคนใช้เพลงกระบี่พิสดารปลิดชีพราชาผีดูดเลือดสองตน แถมตอนนี้ยังไปไล่ล่าเผ่านักเวท…
คาคาชิคิดว่าร่างกายเริ่มอ่อนเปลี้ย แน่นหน้าอกนิดหน่อย
ให้ตายสิ นักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณในกลุ่มนี้วิปริตผิดคนไปหมดหรือไง!
แค่คิดว่าก่อนหน้านี้เขาคิดจะเอาชนะกลุ่มนี้ ก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวแล้ว
“ท่านหัวหน้า…เราล่าถอยกันก่อนดีไหม” สมาชิกคนหนึ่งเอ่ยปากโน้มน้าวอย่างอดรนทนไม่ไหว
คาคาชิคิดว่าสมาชิกคนหนึ่งมีเหตุผลมาก จึงพยักหน้าทันควัน
“ดี! รู้จักกล้ำกลืนความอัปยศ นี่สิกฎข้อแรกของนินจา!”
ทั้งสามจึงใช้วิชาพรางตัว ทำท่าลับๆ ล่อๆ จะล่าถอย
“หึๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกผีญี่ปุ่นต้องมาที่นี่ ในที่สุดก็เจอพวกแกสักที”
จู่ๆ เสียงที่มีกำลังวังชาก็ดังขึ้นข้างหูทั้งสาม
ทั้งสามหันหลังกลับไป เห็นจอมอ้วนคนหนึ่งถือถาดกลไกในมือ กำลังแสยะยิ้มจ้องมองพวกตน ผู้มาเยือนคือเฉินจิ่งเทียนยอดอัจฉริยะด้านยันต์!
ยันต์สีทองแผ่นหนึ่งลอยมาหาทั้งสามคนตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบได้
“แย่แล้ว รีบถอย!” คาคาชิตะโกนลั่น
ตูม ระเบิดที่น่ากลัวกลายเป็นลูกไฟขนาดมหึมา ม้วนตัวไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้พื้นที่ในรัศมีสิบจั้งเป็นทะเลเพลิง
“ฮ่าๆ ๆ รสชาติยันต์ของฉันเป็นยังไงบ้าง อย่าคิดว่าจะรอด!”
เฉินจิ่งเทียนระเบิดเสียงหัวเราะ ขว้างยันต์อีกสามแผ่นออกไป ก่อตัวเป็นค่ายกลจองจำสีขาว ขัดขวางเส้นทางหนีของทั้งสามไว้
“อยากตายหรือไง!” คาคาชิมองเฉินจิ่งเทียนด้วยใบหน้าที่เย็นเยือก
เฉินจิ่งเทียนมีพลังยุทธ์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย และไม่ใช่นักพรตในกลุ่มวิปริตนั่น คาคาชิไม่กลัวเขาหรอก
“ฆ่ามัน!” คาคาชิออกคำสั่งแล้วขยับตัวทันที
โจนินอีกสองคนก็พุ่งใส่เฉินจิ่งเทียนอย่างฉับไว คุนะอิ[1]ในมือส่องแสงแวววับน่าสะพรึง
“งูเพลิงกงตง!” เฉินจิ่งเทียนขว้างยันต์อีกแผ่นออกไป กลายเป็นงูเพลิงเขี้ยวแหลมคมนับร้อยนับพันตัว พุ่งไปหาทั้งสามคนทันใด
โจนินอีกสองคนปล่อยระเบิดมังกรวารีใส่ฝูงงูเพลิง เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ไอน้ำพวยพุ่ง
สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งทะลุม่านวาริน สุดยอดโจนินคาคาชิทลายการโจมตีของงูเพลิง ในมือถือสายฟ้าที่แฝงอานุภาพอันน่ากลัว ฟาดใส่เฉินจิ่งเทียนด้วยเสียงหมื่นวิหคแผดร้อง
ท่านี้เป็นท่าสังหารศัตรูที่โจนินอย่างคาคาชิภาคภูมิใจที่สุด นักเวทอ้วนฉุที่ทำได้แค่ขว้างยันต์อย่างเฉินจิ่งเทียน ฆ่าได้ภายในท่าเดียวแน่นอน!
แต่ขณะที่กำลังคับขันอยู่นั้น ไม่รู้ว่ากระบี่บินใต้ฝ่าเท้าของเฉินจิ่งเทียนขึ้นมาอยู่ในกำมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด
ฟิ้ว
ลำแสงกระบี่ที่สมบูรณ์แบบปะทะกับสายฟ้าในมือคาคาชิ
ตูม การประสานงาที่น่ากลัว ก่อให้เกิดคลื่นใหญ่ท่วมท้นนภา
คาคาชิถอยกรูดอย่างบ้าคลั่ง เลือดไหลออกจากมือของเขา เงยหน้ามองเฉินจิ่งเทียนด้วยความหวาดผวา พูดด้วยภาษาจีนอย่างตกใจว่า “ให้ตายสิ แกเป็นยอดอัจฉริยะด้านยันต์ไม่ใช่เหรอ!”
เฉินจิ่งเทียนดึงกระบี่เข้าหาตัว ลักษณะแปรเปลี่ยนทันใด เป็นดุจเซียนกระบี่ “กระบี่ของโอตาคุจอมอ้วนไม่เป็นสอง!”
คาคาชิ “…บากะ!”
[1] คุนะอิ เป็นอาวุธโบราณจากญี่ปุ่นใช้โดยนินจา มีลักษณะคล้ายมีดขนาดประมาณ 10-15 ซม.