หลิงเซียงเล่อถือกระบี่เจ็ดดาว ตวัดจะฟันอันหลิน
ลำแสงที่แฝงพลังเจ็ดดารารายพราวระยับ ดุจแพรไหมสีม่วง พุ่งดิ่งลงมาพร้อมกับอานุภาพทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง
เมื่อเผชิญกับลำแสงที่ทรงพลัง อันหลินก็ยกกระบี่ขึ้นขวางหน้า สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
ตูม
ปราณกระบี่ระเบิด ลำแสงสีม่วงลุกลามไปหลายสิบจั้ง หั่นหอหลังนี้ให้เป็นสองซีก
อันหลินถูกปราณกระบี่พุ่งชน เลือดลมติดขัด ร่นถอยหลายก้าว ลอบประเมินกำลังในใจ
ท่านี้ของหลิงเซียนเล่อเทียบเท่าการโจมตีสุดพลังของระดับแปลงจิตขั้นกลาง
ท่าทางความสามารถของอริยะสงครามจะเหนือกว่าที่จินตนาการไว้นิดหน่อย
ฟิ้ว ซูเฉี่ยนอวิ๋นก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน กงจักรแสงจันทร์สีน้ำเงินกระโดดข้ามมิติ มาประชิดตัวปรมาจารย์เย่ฉงซานในพริบตา
เย่ฉงซานถอยหลังครึ่งก้าว สร้อยที่ร้อยด้วยประคำสีชาดบนลำคอกระจายตัวโดยพลัน
ประคำเก้าสิบเก้าเม็ดลอยคว้างกลางอากาศ ก่อตัวเป็นค่ายกลพิทักษ์สีชาด แผ่คลุมเย่ฉงซานตั้งแต่หัวจรดเท้า กระจายพลังงานลึกลับเกินหยั่ง
กงจักรแสงจันทร์เฉือนค่ายกลสีชาดจนเกิดเสียงแหลมดังสนั่น แต่ไม่อาจทะลวงเข้าไปได้ ทำให้ดวงหน้าลออของซูเฉี่ยนอวิ๋นขึงขัง จำต้องเพิ่มแรงยิ่งขึ้น
ลำแสงสีน้ำเงินของกงจักรแสงจันทร์แปรเปลี่ยนเป็นลึกล้ำ ค่ายกลพิทักษ์สีชาดเกิดรอยร้าวในชั่วพริบตา
เย่ฉงซานตกใจ ปรบมือตะโกนลั่นว่า “ประคำเทวะหวนคืน!”
ประคำสีชาดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปล่อยลูกไฟร้อนระอุออกมา เชื่อมประสานเป็นเปลวไฟพญาหงส์เย้ยพิภพแล้วพุ่งไปหาซูเฉี่ยนอวิ๋น
ตูม ลูกไฟระเบิดอย่างสิ้นเชิง แผดเผาทุกสรรพสิ่งโดยรอบให้วอดวาย
หอหลักอันโอฬารถูกเปลวไฟพญาหงส์ทำลายล้างกลายเป็นซากปรักหักพัง
อันหลินมองทะเลเพลิงที่อยู่ไม่ไกลด้วยความกังวล เห็นหญิงสาวคนหนึ่งถูกกงจักรแสงจันทร์คุ้มกัน กระโดดออกจากทะเลเพลิง ชั่วขณะที่เส้นผมดำขลับโบกสะบัด ร่างของหญิงสาวดูสะบักสะบอม ทว่าไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เขาโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“ตัวเจ้าเองยังเอาตัวไม่รอด ยังมีแก่ใจไปสนใจชะตาของคนอื่นอีก!”
เสียงของหลิงเซียงเล่อดังขึ้นมากะทันหัน
เพียงครู่เดียว ลำแสงจากกระบี่อันปราดเปรียวอย่างยิ่งเส้นแล้วเส้นเล่าก็พุ่งเข้าประชิดทันที
ลำแสงโลดแล่นไปทั่ว เพียงแค่ควันหลงก็ทำให้ขุนเขาถล่ม ปฐพีทลายแล้ว
ศิษย์ของหอเด็ดดาวเห็นศึกอันสะเทือนฟ้าดินบนยอดเขาสูง บ้างก็วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น บ้างก็จ้องมองไกลๆ ด้วยความสะเทือนขวัญ
หลิงเซียงเล่อปล่อยปราณกระบี่ดุจสายรุ้ง ทรงอานุภาพ
อันหลินอาศัยวิชากระบี่อันแกร่งกร้าวในการต้านทาน ถูกกำราบชนิดที่แทบทนไม่ไหว
ตั้งแต่สู้กันจนถึงตอนนี้ หลิงเซียวเล่อหมดซึ่งความเหลาะแหละแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง “พิลึกเหลือเกิน พลังงานที่พวกเจ้าใช้ไม่ใช่ปราณสงคราม! พวกเจ้าเป็นใครกันแน่!”
“เป็นคนตายอย่าพูดมากปานนี้เลย” จู่ๆ นัยน์ตาของอันหลินก็ขาวโพลน กระบี่พิชิตมารถูกกระแสลมสีขาวโอบล้อมโดยพลัน ร่างกายเหมือนสายลมพัดวูบ ประกายกระบี่ทอแสงสีขาว
“กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่แห่งสายลม!”
พลังต่อสู้โดยรวมของอริยะสงคราม เขาพอจะรู้แล้ว ลำดับต่อไปก็จะไม่ยั้งมืออีกแล้ว
เสี้ยววินาทีนั้น หลิงเซียงเล่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตาย
เขาจึงกัดปลายลิ้นแล้วถ่มเลือดออกมาทันที “โลหิตสังเวยกระบี่ดารา!”
กระบี่เจ็ดดาวถูกเลือดลมกระตุ้น ลำแสงสีม่วงทวีความเร็วจนเหมือนฝนดาวตก พุ่งชนกระบี่แห่งสายลมในพริบตา
ตูม
พลังที่ยิ่งใหญ่สองลูกปะทะกันอย่างจัง เมื่อปราณกระบี่โลดแล่น พสุธาในรัศมีสิบจั้งก็กลายเป็นผุยผง หลิงเซียงเล่อกับอันหลินถูกพลังอันอหังการสะเทือนจนร่นถอย
หลิงเซียงเล่อจ้องอันหลินด้วยความพรั่นพรึง หากเขาไม่ตัดสินใจใช้เพลงกระบี่ไม้ตายของเขาได้ทันท่วงที เขาอาจจะถูกฆ่าไปแล้วก็ได้ ครู่ต่อมา จู่ๆ หนังตาของเขาก็กระตุก เห็นกระแสลมสีขาวโอบล้อมกระบี่ของอันหลินอีกครั้ง
“กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่แห่งสายลม!”
หลิงเซียงเล่อลอบสบถในใจ กัดปลายลิ้นแล้วถ่มเลือดออกมาอีกครั้ง “โลหิตสังเวยกระบี่ดารา!”
กระบี่เจ็ดดาวระเบิดลำแสง พุ่งชนกระบี่แห่งสายลมอีกครา
ตูม
ทั้งคู่ถอยกรูด หลิงเซียงเล่อแทบจะเป็นลมแล้ว
ในตอนนั้นเอง กระแสลมสีขาวก็โอบล้อมกระบี่ในมืออันหลินอีกครั้ง…
“กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่แห่งสายลม!”
หลิงเซียงเล่อหน้ามืด กัดปลายลิ้นแล้วถ่มอีกครั้ง “โลหิตสังเวยกระบี่ดารา!”
ปรากฏว่า
ลิ้นของเขาไม่มีเลือด กระบี่เจ็ดดาวไม่มีเลือดกระตุ้น!
สีหน้าฉายความหวาดผวา ความเคียดแค้นและความกลัวเอ่อล้นหัวใจ “ไม่!”
หลิงเซียงเล่อยกกระบี่ขึ้นกำบัง กลับพบว่าความเร็วและอานุภาพสู้กระบี่พิชิตมารที่มีกระแสลมสีขาวรายล้อมไม่ได้เลยสักนิด
ฉัวะ
เลือดสาดกระจาย หลิงเซียงเล่อล้มลงไปด้วยความขุ่นแค้น ลมหายใจดับไป
หลิงเซียงเล่อ ผู้แข็งแกร่งอริยะสงครามแห่งยุค ประมุขแห่งหอเด็ดดาวสิ้นชีพแล้ว ตายเพราะเลือดปลายลิ้นแห้งเหือด
เย่ฉงซานก็ถูกซูเฉี่ยนอวิ๋นบีบคั้นให้จนมุม
กงจักรแสงจันทร์ที่มีพร้อมทั้งรุกและรับทำให้ซูเฉี่ยนอวิ๋นอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบ เย่ฉงซานถอยกรูด เมื่อเห็นหลิงเซียงเล่อวายชนม์ ใบหน้าก็ฉายความเด็ดขาด
“เพลิงมารดาราปรากฏ!”
เย่ฉงซานตะโกนลั่น เท้ากระทืบพื้นอย่างแรง ปราณสงครามมวลมหาศาลพุ่งทะลุขุนเขา ไหลเลียบไปตามเส้นทางแล้วจู่โจมใจกลางของภูเขา
ตอนนี้เขาหมดหนทางแล้ว แม้จะถูกเพลิงมารดาราแว้งกัด เขาก็ต้องใช้พลังงานนั่น
ครืน ภูเขาเริ่มสั่นสะเทือนเลือนลั่น
ไม่นานลูกไฟสีม่วงก็แหวกขุนเขาแล้วพุ่งขึ้นฟ้า
ลูกไฟทรงพลังปานจะแผดเผาผืนฟ้า ทำให้ท้องนภากลายเป็นทะเลเพลิงสีม่วง
เหนือทะเลเพลิงอันร้อนระอุ มีลูกไฟสีขาวเป็นจุดๆ ประดุจแสงดาวพราวระยิบบนฟากฟ้า
อันหลินมองเปลวไฟสีม่วงด้วยสีหน้าที่เริ่มเคร่งขรึมขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากเปลวไฟ
“ฮ่าๆ ๆ…เพลิงมารดาราเป็นหนึ่งในสี่เพลิงเทวะแห่งแผ่นดินปราณสงคราม การมีอยู่ของมันเป็นความลับขั้นสุดยอดของหอเด็ดดาว แม้แต่จักรพรรดิสงครามก็ไม่ล่วงรู้ พวกเจ้าได้ตายด้วยน้ำมือของเพลิงเทวะทั้งสี่ ก็ไม่ถือว่าสิ้นเปลืองแรงแล้ว!” เย่ฉงซานระเบิดเสียงหัวเราะ ผิวหนังเริ่มแดงเรื่อ ราวกับปีศาจเข้าสิงอย่างไรอย่างนั้น
ติ้ง!
ขณะนั้นเอง จู่ๆ ระบบภายในสมองของอันหลินก็สว่างวาบ
ดวงตาของเขาลุกวาว รีบเปิดระบบทันที
‘ตรวจสอบพบว่าโฮสต์ได้สัมผัสเพลิงเทวะ จึงมอบหมายภารกิจพิเศษให้ดังนี้’
‘ดูดซึมเพลิงเทวะทั้งสี่แห่งแผ่นดินปราณสงคราม สามารถกระตุ้นให้ปีกแห่งอัคคียึดครองได้’
‘ภารกิจสำเร็จ ได้รับวรยุทธ์ปีกแห่งอัคคีขั้นสอง’
‘ภารกิจล้มเหลว ถูกเปลวไฟแผดเผาสามทิวา’
‘ป.ล. ภารกิจมีเวลาหนึ่งเดือน ปฏิเสธภารกิจนี้ไม่ได้’
อันหลินชะงักไปเมื่อเห็นภารกิจนี้ ลอบก่นด่าในใจ
ให้ตายสิ เพลิงเทวะราคาต่ำเกินไปหรือเปล่า!
เซียวเหยียนรวบรวมเพลิงมารเสร็จยังได้เป็นถึงจักรพรรดิเปลวเพลิง[1] เรารวบรวมเพลิงเทวะเพื่อวรยุทธ์ขั้นที่สองเองเหรอ
ขาดทุน!
เขารวบรวมเพลิงมารพลาดยังมีเมดูซ่าคอยปรบมือให้กำลังใจ
แต่ถ้าเรารวบรวมเพลิงเทวะพลาด กลับถูกเผาสามวันเหมือนเป็นคนบาป
ขณะที่อันหลินก่นด่าไม่หยุดนั้น เย่ฉงซานก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“พวกเจ้าแหลกเป็นเถ้าธุลีภายใต้เพลิงมารดาราของข้าเสียเถอะ!” เย่ฉงซานโบกมือ เปลวไฟสีม่วงบนนภาก็โหมซัด “มารดาราเขมือบอุกกาบาต!”
ตูม
เปลวไฟสีม่วงที่ท่วมท้นผืนฟ้าเริ่มก่อรูปเป็นมังกรเพลิงที่มีสองเขางอกบนหัว
เมื่อมังกรเพลิงม่วงก่อตัว ความร้อนระอุก็ยิ่งทำให้อากาศรอบกายบิดเบี้ยว พืชพรรณที่ปกคลุมขุนเขาลุกไหม้
ซูเฉี่ยนอวิ๋นมองมังกรม่วงกลางเวหา กัดฟันกร่อดจะพุ่งขึ้นไป กลับถูกมือคู่หนึ่งห้ามไว้
“ข้าเอง” อันหลินยิ้มบางๆ
มังกรเพลิงม่วงอ้าปากกว้างหมายเขมือบ กระโจนใส่ทั้งคู่ที่อยู่บนพื้นด้วยอานุภาพเผาทำลายทุกสรรพสิ่ง
อันหลินกระทืบเท้าอย่างแรง ร่างกายดีดผึง พุ่งเข้าหามังกรเพลิงม่วงปานขีปนาวุธ
“ฮ่าๆ ๆ…บ้าบิ่นดีจริง ถึงได้กล้าเผชิญหน้ากับพลังของเพลิงเทวะ เพลิงมารดารา เผามันให้วอดวาย!” เย่ฉงซานเห็นอันหลินจะชนมังกรเพลิงม่วงแล้ว จึงหัวเราะชอบใจ
ความรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้น ศัตรูตัวฉกาจดับสิ้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา
พลังงานที่แฝงอยู่ในเพลิงเทวะ ต่อให้เป็นบุคคลสูงส่งระดับจักรพรรดิสงครามก็จำต้องเคารพนบนอบ เจ้าหนุ่มที่พุ่งใส่เพลิงเทวะ เผชิญหน้ากับอานุภาพของเพลิงเทวะ ต้องดับอนาถเป็นแน่แท้!
ครู่ต่อมา รอยยิ้มของเย่ฉงซานนิ่งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง แลดูน่าขบขันอย่างยิ่ง
“นี่…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” เขาถลึงตามองมังกรเพลิงม่วงราวกับเห็นผี ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้ม
บนท้องฟ้านั่น มังกรเพลิงม่วงที่อ้าปากกว้างชนกับอันหลิน เมื่อเปลวไฟม้วนตัว อันหลินก็อ้าปากกว้างเช่นกัน จากนั้นเขมือบมังกรเพลิงม่วงเข้าไปทั้งหัว…
[1] เซียวเหยียนเป็นพระเอกในนิยายเรื่อง สัประยุทธ์ทะลุฟ้า