จักรพรรดินีปี้ฉงเป็นสัตว์เลี้ยงของพญางูขาวงั้นเหรอ
อันหลินใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะตื่นจากภวังค์ความตกใจ
พญางูขาวจูงมือเขาเข้าไปยังห้องสงบใจด้านข้างของตำหนัก
“ฉันรู้ว่าทุกคนคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อ บอกตามตรงว่า ตอนที่ฉันรู้เรื่องนี้ก็ตกใจเหมือนกัน” พญางูขาวมองทุกคนที่ตกตะลึงจนหายใจไม่ออกพลางพูดยิ้มๆ
อันหลินคิดว่าตัวเองไม่กล้าสบตาน้องใหม่คนนี้แล้ว “คือว่า…ผู้อาวุโสป๋าย ทำไมคุณต้องปลอมตัวเป็นน้องใหม่มาหลอกพวกเราด้วยล่ะ”
“ว๊าย ท่านเจ้าแห่งพิษ คุณอย่าเรียกฉันแบบนี้เลย ฉันยังเป็นพญางูขาวคนเดิม!” พญางูขาวได้ยินสรรพนามที่อันหลินเรียกก็รีบอธิบายเป็นพัลวันว่า “เป็นเพราะร่องรอยบางอย่างของฉันทำให้เสี่ยวชิงยอมรับ! ต่อไปคุณ…เรียกฉันเสี่ยวไป๋ก็พอแล้ว!”
“เอ่อ…” อันหลินมองหญิงสาวที่ดวงตาเป็นประกาย รูปโฉมน่ารัก ไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรดี เรียกเธอว่าเสี่ยวไป๋งั้นเหรอ งั้นต่อไปลูกของต้าไป๋จะทำอย่างไร
“อ้อ เจ้าน่ะหรือเซียนกระบี่อันหลินคนนั้น”
จักรพรรดินีที่พันรอบข้อพับของพญางูขาวมีดวงตาคมดูน่าค้นหา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงข่มขู่เจือความสงสัย
อันหลินยังไม่ทันได้ตอบ จักรพรรดินีปี้ฉงก็ถูกพญางูขาวตบเข้าที่หัวอย่างแรง “เสี่ยวชิงห้ามเสียมารยาท ต้องเรียกว่าท่านเจ้าแห่งพิษ!”
“อ้อ…” งูมรกตไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง พูดเชิงประจบประแจงว่า “ท่านเจ้าแห่งพิษ ไม่คิดเลยว่าเจ้าซวีหมิงจะถูกท่านกำจัด สุดยอดจริงๆ!”
เมื่อเห็นจักรพรรดินีปี้ฉงพูดเช่นนี้ จักรพรรดิจื่อหยางก็ปาดเหงื่อเงียบๆ รู้สึกเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ใหม่
แต่อันหลินเป็นประเภทที่หางตั้งทันทีที่ได้รับคำชม จึงพูดอย่างถ่อมตนว่า “ไม่หรอก สุดท้ายแล้วข้าก็ใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยีอยู่ดี”
ประโยคแรกยังดูปกติดี แต่ต่อมาก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว “ตอนนั้นจักรพรรดิซวีหมิงกับจักรพรรดิจื่อหยางอยู่พร้อมหน้ากัน ข้าพังเขาซินจิ้งให้ราบเป็นหน้ากลอง คร่าซวีหมิงภายในกระบวนท่าเดียว แต่จื่อหยางแค่บาดเจ็บสาหัส รอดมาได้ เฮ้อ…เห็นแก่ที่จื่อหยางเหน็ดเหนื่อยบำเพ็ญเพียร ต้านทานการโจมตีของข้าได้…ตอนนั้นข้าใจอ่อน เป็นมนุษย์ต้องมีบันยะบันยัง จึงปล่อยเขาไป คิดๆ แล้วละอายใจเหลือเกิน”
จื่อหยางเกือบจะลุกพรวดขึ้นสบถแล้ว คนเขาชมที่เจ้ากำจัดซวีหมิงได้ เจ้าจะโยงข้าทำไม
โยงข้าไม่พอ ไยต้องพูดเรื่องเป็นมนุษย์ต้องมีบันยะบันยังด้วย!
พวกสวีเสี่ยวหลานต่างก็กลอกตา มองอันหลินทำเท่ด้วยใบหน้าที่เอือมระอา
พูดแล้วละอายใจงั้นหรือ ไยอันหลินถึงได้คุยโวได้อย่างกระหยิ่มใจเช่นนี้เล่า
จักรพรรดินีได้ฟังนัยน์ตาก็เป็นประกาย นางทราบเรื่องของจักรพรรดิซวีหมิงแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิจื่อหยางก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงจ้องมองจักรพรรดิจื่อหยางที่ยืนอยู่ด้านหลังอันหลินด้วยท่าทางมีเลศนัย
พญางูขาวจิตใจบริสุทธิ์ เอ่ยปากชมไม่หยุดว่า ท่านเจ้าแห่งพิษมีวรยุทธ์เย้ยปฐพี เป็นหนึ่งไม่มีสอง อันหลินยังคงขานรับด้วยความถ่อมตนเช่นเดิม
จากนั้นอันหลินก็เริ่มสอบถามเบาะแสของลูกทีมคนอื่นกับพญางูขาว คำตอบที่ได้ทำให้พวกเขาปลื้มปีติยิ่งแล้ว
หลิวเชียนฮ่วน ถังซีเหมิงกับเถียนหลิงหลิงอยู่ที่นี่กันหมดเลย!
บ่อสรรพสิ่ง เขตหวงห้ามของราชวัง ทั้งสามคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางบ่อ
“บ่อสรรพสิ่งมีสรรพคุณช่วยขัดเกลาจิตสฤษฏ์กาย พี่หลิว พี่ถังกับเสี่ยวชิงได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยระหว่างต่อสู้ กำลังรักษาตัวที่บ่อสรรพสิ่ง เถียนหลิงหลิงแช่ตัวอยู่ในบ่ออาบน้ำ จนตอนนี้แล้วยังไม่ยอมออกมา!” พญางูขาวเดินพลางชี้แจงไปด้วย
อันหลินพยักหน้า เรื่องนี้เขารู้แล้ว ก่อนหน้านี้ถังซีเหมินกับหลิวเชียนฮ่วนเจรจากับจักรพรรดินีไม่เป็นผล พูดจาขัดแย้งกันจึงสู้กันขึ้นมา จากนั้นก็เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง โชคดีที่รอยตราภายในร่างกายของพญางูขาวทำปฏิกิริยากับประคำแพรวพราย ศึกนี้ถึงได้ยุติลง และได้สัตว์เลี้ยงมาด้วยตัวหนึ่ง
จากคำพูดของจักรพรรดินีปี้ฉง พญางูขาวเป็นคนที่นางรอมาโดยตลอด
พล็อตที่ชวนงงแบบนี้ ทำให้อันหลินกระวนกระวายใจ เขาหวนคิดถึงความน่ากลัวที่เกิดจากการท่องสุสานครั้งก่อน หรือครั้งนี้เขาจะถูกน้องใหม่บงการ
ไม่! เขาต้องต่อต้าน!
อันหลินทำหน้าเด็ดเดี่ยว เขาจะรวบรวมเพลิง…ถุย! เพลิงเทวะให้เสร็จสิ้นก่อน!
ณ บ่อสรรพสิ่ง เขาเห็นทั้งสามคนกำลังแช่อยู่ในบ่ออย่างเพลิดเพลินใจ
เสียดายที่พวกเขาล้วนถูกหยกมรกตขวางกั้น เมื่อออกมาก็สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ไม่มีภาพอะไรทำนองนั้น
“นักพรตจอมปลอม มาได้สักทีนะ ได้ยินว่าช่วงนี้สุขสบายดีนี่!” ปลายผมของเถียนหลิงหลิงยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ กระปรี้กระเปร่าจนอยากจะกระโจนเข้าไปกอดอันหลิน แต่ภายหลังนางเห็นผู้คนรายล้อมรอบกาย ก็เก็บอาการ กลายเป็นสงบเสงี่ยมทันที
“งั้นๆ แหละ แค่จัดการคนที่สุดยอดที่สุดในจักรวรรดิอ้าวซินได้ก็เท่านั้น” อันหลินลูบผมที่เปียกชื้นของหญิงสาวพลางพูดอย่างถ่อมตัว
หลิวเชียนฮ่วนกับถังซีเหมินก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นพรรคพวก ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มโล่งใจ
ในที่สุดเหล่าสมาชิกก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในโลกที่แปลกหน้า มีหัวข้อสนทนาที่พูดไม่หมด
เมื่อพูดถึงสี่เพลิงเทวะ พวกหลิวเชียนฮ่วนต่างก็ตกใจหลังรู้ว่าอันหลินกลืนสองเพลิงเทวะลงท้องไปแล้ว
นานๆ ทีที่สมองของหลิวเชียนฮ่วนจะเป็นปกติ เอ่ยถามถึงรสชาติของเพลิงเทวะด้วยความใคร่รู้
อันหลินทำท่าเหมือนพบเพื่อนรู้ใจ แน่นอนว่าไม่มีปิดบัง
ด้วยเหตุนี้ เพลิงมารดารารสสตรอว์เบอร์รี เพลิงสุริยะรสแป้งทอดหม่าล่าจึงกลายเป็นมโนภาพของเพลิงเทวะที่ชัดเจนที่สุดสำหรับทุกคน
จักรพรรดิจื่อหยางต้องคอยแบกรับการโจมตีของอันหลินตลอดเวลา ทำไมเขาไม่รู้กันนะว่าเพลิงสุริยะเป็นรสแป้งทอดหม่าล่า อึดอัดใจยิ่งนัก อยากไปจากที่นี่เหลือเกิน!
จากนั้นความปรารถนาของเขาก็เป็นจริง อันหลินพาเขาไปจากที่นี่
พวกพ้องสนอกสนใจบ่อสรรพสิ่งเป็นอย่างมาก อยากจะแช่อีกหลายๆ วัน อันหลินจึงฉวยจังหวะนี้ ลากจักรพรรดิจื่อหยางไปค้นหาเบาะแสของเพลิงจันทร์ภฤษฏ์
ทะเลครามเป็นทะเลภายในที่คาบเกี่ยวระหว่างจักรวรรดิรุ้งอุดรและจักรวรรดิทีฆชาติ
ท้องสมุทรกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทอดมองไปเห็นทะเลกับผืนฟ้าเป็นเส้นเดียวกัน ไม่เห็นพื้นดินชายฝั่งเลย
เกาะขนาดมโหฬารโผล่พ้นเหนือผิวน้ำ
รูปลักษณ์ของมันเป็นเหมือนเต่ายักษ์ จึงได้ชื่อว่า เกาะเต่ายักษ์
ลำแสงสีดำกับลำแสงสีขาวพุ่งมาแต่ไกล จากนั้นก็หยุดอยู่เหนือเกาะเต่ายักษ์
“โอ้ เกาะนี้ใช้ได้เลย เพลิงจันทร์ภฤษฏ์อยู่ใต้เกาะเต่ายักษ์งั้นหรือ” อันหลินถาม
จักรพรรดิจื่อหยางพยักหน้า “ใช่แล้ว ยามแสงจันทร์สาดกระทบผิวทะเล มันจึงจะปรากฏให้เห็น”
“จิ๊ มีเอกลักษณ์จริงๆ! แต่ไม่รู้ว่ารสชาติของมันเป็นอย่างไรนี่สิ” อันหลินตื่นเต้นแล้ว
จักรพรรดิจื่อหยาง “…”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำไมเจ้าถึงกลืนเพลิงเทวะหลายชนิดได้ หากข้าทำเช่นนี้ ร่างกายของข้าระเบิดเป็นแน่ แต่เจ้ากลับรับรู้รสชาติได้…” จักรพรรดิจื่อหยางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงเผยความในใจออกมา
อันหลินกลับพูดยิ้มๆ อย่างไม่ปิดบัง “เหอะๆ เจ้าเคยได้ยินคำว่าเคล็ดวิชาเผาไหม้หรือไม่”
“เคล็ดวิชาเผาไหม้หรือ” จักรพรรดิจื่อหยางกะพริบตาปริบๆ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จัก
“มันเป็นวิชาที่เก่าแก่อย่างยิ่งยวดในแผ่นดินบรรพกาล สามารถเลื่อนระดับด้วยการกลืนเพลิงเทวะอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสุดท้าย เพลิงเทวะทั้งหลายผสานกัน สรรสร้างกระบวนท่าที่สะท้านฟ้าดิน!” อันหลินพูดอย่างลุ่มลึก
จักรพรรดิจื่อหยางเบิกตากว้าง ถูกเกทับจนนิ่งงันไป
“เอาละ ตอนนี้พวกเราไปวนรอบๆ เกาะกันหน่อย รอคืนนี้ยามจันทร์เผยโฉม ค่อยไปหาเพลิงจันทร์ภฤษฏ์” อันหลินเลิกคุยเรื่องนี้ ตบไหล่จื่อหยางปุๆ แล้วพุ่งลงเกาะเต่ายักษ์อย่างสบายใจ
จักรพรรดิจื่อหยางตามหลังอันหลินมา ในใจกลับถูกคำพูดนั้นก่อกวนจนระส่ำระสาย
เคล็ดวิชาเผาไหม้หรือ
โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ มีแม้กระทั่งเคล็ดวิชาลึกลับและแกร่งกล้า
ข้าจะไม่อยู่ในกะลา ติดแหง็กอยู่ในแผ่นดินนี้อีกต่อไป ข้าต้องออกไปท่องโลกให้ได้!