อันหลินรอการมาเยือนของลูกทีมอยู่ในห้องหิน
สวีเสี่ยวหลาน เซวียนหยวนเฉิง เหมาหมิงซี หูก้วน และซูเฉี่ยนอวิ๋นที่มาสาย ลูกทีมแต่ละคนก้าวออกจากเส้นทาง ปรากฏตัวในห้องหิน
นอกจากหูก้วนที่ดูสะบักสะบอมแล้ว คนอื่นดูแล้วเป็นปกติดีมาก
แม้หูก้วนจะมีบาดแผลภายนอก แต่สภาพจิตใจกลับยอดเยี่ยมทีเดียว
จากสถานการณ์ตอนนี้ ทีมของพวกเขาปกติสุขดีทุกอย่าง
“อืม ตอนนี้พวกเรายังขาดอีกสองคนคือ ถังซีเหมินกับหลิวเชียนฮ่วน…” อันหลินลูบคาง ในใจก็ยังกังวลอยู่ดี
สองคนนี้ คนหนึ่งดูไว้ใจได้มาก อีกคนดูไว้ใจไม่ได้เลย แต่แท้จริงแล้วไว้ใจได้ทั้งคู่ หากว่าเกิดเรื่องพิลึกอะไรขึ้นจริง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าใดนัก
“พี่หลิวระดับกึ่งแปลงจิตไม่ใช่เหรอ เธอน่าจะรับมือกับโหมดยากได้สบายๆ ไม่ใช่เหรอ ทำไมนานป่านนี้แล้วยังไม่ออกมาอีกล่ะ” เถียนหลิงหลิงพูดอย่างฉงนใจ
อันหลินหวนคิดถึงเมื่อก่อน จึงพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “คงไม่ได้ไปเล่นเกมกับสิ่งมีชีวิตข้างในหรอกนะ”
ทุกคนได้ฟังต่างก็หายใจเข้าดังเฮือก พวกเขานึกถึงเหตุการณ์ตอนศึกชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ จะว่าไปมันก็เป็นไปได้จริงๆ นะ!
บนภูเขาสีนิลที่เต็มไปด้วยกระดูกเกลื่อนกลาด
ถังซีเหมินกวัดแกว่งกระบี่ในมือ กำลังต่อสู้กับมังกรสีดำตัวเขื่องอยู่
มันเป็นมังกรโกโมโกที่มีปีกขนาดใหญ่บนแผ่นหลัง เจ้าเล่ห์ผิดธรรมดา หลังรู้ว่าสู้ถังซีเหมินไม่ได้ ก็เริ่มทำสงครามแบบกองโจร หนีไปสู้ไป
ใช่แล้ว มังกรดำตัวนี้วิ่งไม่หยุดเลย!
มันพ่นไฟอันร้อนระอุออกมาอีกครั้ง ย้อมท้องฟ้าให้แดงฉาน
ถังซีเหมินตวัดกระบี่แหวกเปลวไฟ กลับพบว่ามังกรดำหนีไปไกลอีกแล้ว
“แน่จริงเจ้าอย่าหนีสิ! ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะสู้กันซึ่งๆ หน้าด้วยซ้ำ เจ้าเป็นมังกรประสาอะไร!”
เขาตวาดลั่นแล้วไล่กวาดต่อไป
“เจ้ามีกระบี่ ข้าไม่มีกระบี่ มันไม่ยุติธรรม!” มังกรดำคำราม
มุมปากของถังซีเหมินกระตุกยิกๆ “งั้นข้าจะให้กระบี่เจ้าเอง!”
มังกรดำเหลียวหลังมาฮึดฮัด “ข้าใช้กระบี่ไม่เป็น”
“งั้นเจ้าจะให้ทำอย่างไร” ถังซีเหมินกัดฟันกรอด
“เจ้าเลิกใช้กระบี่ สู้กันมือเปล่า” มังกรดำกล่าว
ถังซีเหมิน “…”
สิ่งที่เขาตอบมังกรดำมีเพียงสายตาที่สาปแช่ง
มังกรดำตอบเขาด้วยการพ่นไฟที่ร้อนระอุอย่างยิ่ง
…
ภายในดินแดนที่เป็นสีบิดเบี้ยว พิลึกพิลั่น
ภายใต้โหมดที่ยากระดับนรก ทั่วทั้งผืนฟ้าเริ่มประหลาดเกินหยั่งแล้ว
สีสันที่ลวงตาและเหนียวหนืดรวมตัวกันช้าๆ สุดท้ายก่อตัวเป็นโครงกระดูกที่ถูกหนังสีเขียวกึ่งโปรงแสงห่อหุ้ม
คลื่นพลังที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวเริ่มกระจายไปรอบทิศทาง เบ้าตากลวงโบ๋ของโครงกระดูกลุกเป็นไฟ มือกำเคียวสีชาดแน่น แผ่กลิ่นอายคาวเลือดออกมาราวกับเกลียวคลื่น
ภายในมิติมืดมน หลังชายหัวโล้นเห็นโครงกระดูกตัวนี้ ในใจก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา
เส้นทางเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณที่มีความยากระดับนรก สิ่งที่ก่อตัวเป็นราชาวิญญาณที่มีวิญญาณ
มันสามารถหลบเหลี่ยงวัตถุทั้งปวง รวมถึงการโจมตีของพลังปราณได้ สิ่งที่โจมตีมันได้มีเพียงพลังจิตเท่านั้น อยู่ในสภาวะกึ่งไร้เทียมทาน
ราชาวิญญาณที่อยู่ในสภาวะนี้ ต่อให้เป็นนักพรตระดับแปลงจิตยังเอาชนะได้ยากยิ่ง นับประสาอะไรกับเจ้าเด็กที่อยู่ในระดับกึ่งแปลงจิต
หึ การทดสอบง่ายงั้นหรือ การทดสอบง่ายดายเหมือนสวนสนุกหรือ
อย่างน้อย…อย่างน้อยก็ไม่ใช่การกับทดสอบนี้!
ชายหัวโล้นจ้องหน้าจออย่างลุ้นระทึก อย่างน้อยสงครามนี้ก็ช่วยกู้หน้ากลับมาให้เขาได้
หลิวเชียนฮ่วนมองโครงกระดูกกึ่งโปร่งแสงสีเขียวตรงหน้า หลับตาพริ้มแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก
“ช่างเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยเหลือเกิน กลิ่นนี้นี่แหละ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…”
นางลืมตาขึ้น ความขี้เล่นและซุกซนที่เคยมีหายไปจนสิ้น มีแต่เพียงความเย็นเยือกจับขั้วหัวใจ
แหวนมิติสว่างวาบ กระบี่สีน้ำเงินอ่อนปรากฏในมือของนาง
นางในตอนนี้มีสมาธิแน่วแน่ เย็นชาเย่อหยิ่ง มาดของเซียนกระบี่หญิงสะเทือนปฐพีเป็นไปโดยธรรมชาติ
นางไม่ใช้กระบี่เลย นอกจากการประชันในการชุมนุมแลกเปลี่ยนมรรคเทศนาสี่ทิศครั้งก่อน ใช้หนหนึ่งเพื่อไม่เป็นตัวถ่วงเพื่อนรวมทีมแล้ว ก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นนางใช้กระบี่อีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมนางถึงต่อต้านการใช้กระบี่ถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่พลังต่อสู้ของนางเพิ่มทวียามใช้กระบี่ แต่กลับไม่ใช้มัน มีเพียงนางที่รู้ดีแก่ใจว่า การใช้กระบี่จะรู้สึกผิดบาปอย่างรุนแรง…
ความรู้สึกผิดบาปเช่นนี้ จะลดลงไปเล็กน้อยยามได้สังหารเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณ
จู่ๆ ร่างของราชาวิญญาณบิดเบี้ยวเลือนหายไป ชั่วพริบตาต่อมา มันก็ปรากฏกายด้านหลังหลิวเชียนฮ่วน ตวัดเคียวสีชาดเป็นองศาคร่าชีวิตสีเลือด หมายปาดคอขาวปลอดของหลิวเชียนฮ่วน
“ช้าเกินไป…”
หลิวเชียนฮ่วนพึมพำเบาๆ ปลายเท้ามีอักขระสีทองระยิบระยับ เคลื่อนตัวไปอยู่ข้างราชาวิญญาณในชั่วอึดใจ กระบี่สีน้ำเงินฟันราชาวิญญาณด้วยความเร็วที่พุ่งสูงกว่าเดิม!
ฉัวะ
ปราณกระบี่ดุจภูตผี เฉือนร่างของราชาวิญญาณจนเป็นแผลใหญ่ในพริบตา
“อ๊าก…” ราชาวิญญาณที่เงียบงันร้องเสียงหลงขึ้นมา
ตำแหน่งที่มันถูกฟันมีไอน้ำค่อยๆ ระเหิดอย่างเชื่องช้า!
ชายหัวโล้นที่จับตามองตลอดเวลาเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อเลย
ราชาวิญญาณได้รับบาดเจ็บหรือ เป็นไปได้อย่างไร
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใช้พลังจิตโจมตี นางทำร้ายวิญญาณได้อย่างไร
ขณะที่ตกตะลึง ไม่รู้เพราะเหตุใด สายตาของเขาหยุดอยู่ที่กระบี่สีน้ำเงินอ่อนในมือของหลิวเชียนฮ่วน ดวงตาเบิกโพลง
หรือจะเป็นเพราะกระบี่เล่มนี้…
หลิวเชียนฮ่วนเดินเข้าไปหาราชาวิญญาณทีละก้าว กระบี่สีน้ำเงินสั่นระริก ราวกับสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่ไม่ได้พบมาเนิ่นนาน จึงพลอยตื่นเต้นไปด้วย
นางมีกระบี่เล่มหนึ่งชื่อว่า มหาเหมันต์ สามารถฟันภูตผีวิญญาณได้ทุกชนิด!
…
ในดงกระบี่โบราณแห่งหนึ่ง เด็กผู้หญิงผมสั้นสีดำคนหนึ่งจับมือของหญิงสาวชดช้อยพลางตะโกนลั่น
หญิงสาวลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างอ่อนโยน “ฮ่วนฮ่วน ทำได้ดีมาก แต่อย่าผยองจนเกินไป ตอนนี้เจ้าแค่ทำลายสถิติกระบี่พิฆาตที่อายุน้อยที่สุดในแดนจิ่วโจวเท่านั้น เจ้าต้องรู้ว่าเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า…”
“อืมๆ…ท่านแม่…ข้ารู้ว่าข้าเป็นแค่ที่หนึ่งในแดนจิ่วโจว ไม่ลำพองตนหรอก” นางพยักหน้าดุจไก่จิกข้าว ดวงตาสีม่วงสุกใสกะพริบปริบๆ ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู
หญิงสาว “…”
หญิงสาวคิดว่าตนชี้ทางผิดเสียแล้ว ทว่าไม่เป็นไร ขอเพียงลูกสาวดีใจก็เพียงพอแล้ว
ฮ่วนฮ่วนเป็นกายวิถีกระบี่ที่หมื่นปีมีหนหนึ่งของสำนัก มีชื่อลือกระฉ่อนไปทั่วสำนักตั้งแต่ยังเยาว์วัย เหล่าลูกศิษย์มักจะเรียกนางว่าประมุขน้อย อืม พ่อนางเป็นประมุขใหญ่
“ท่านแม่…ฝึกกระบี่กับข้า! ข้าจะให้ท่านได้เห็นปราณกระบี่อันดับหนึ่งของแดนจิ่วโจว!” เด็กหญิงตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ได้เลย…ได้เลย ขอแม่ได้เห็นปราณกระบี่ของฮ่วนฮ่วนประจักษ์แก่สายตาหน่อย” หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาสะท้อนรอยยิ้มที่น่ารักของเด็กหญิง
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไป
ฮ่วนฮ่วนอายุสิบขวบแล้ว
นางสามารถเข้าไปค้นหาอาวุธคู่ชะตาของตัวเองในดงกระบี่ของสำนักแล้ว
“ฮ่วนฮ่วน เจ้าเข้าไปแล้วอย่าลืมทำจิตใจให้สงบ เช่นนั้นจึงจะมีกระบี่น้ำดีเลือกเจ้า” หญิงสาวจูงมือเด็กหญิงพลางกำชับเสียงนุ่ม
“รู้แล้วน่าท่านแม่” เด็กหญิงเดินยิ้มแย้มเข้าไปยังดงกระบี่ เฉือนนิ้วที่เนียนนุ่ม ปล่อยเลือดหยดหนึ่งกลางอากาศ จากนั้นก็หลับตาลง
ทันใดนั้น หมื่นกระบี่ก็แผดร้องดังระงม ลำแสงของแท่นศิลาพวยพุ่งขึ้นฟ้า!
กระบี่ทั้งหลายสั่นระริก ราวกับกำลังบอกว่า ‘เลือกข้าสิๆ!’
หญิงสาวจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย รำพึงรำพันว่า “นี่น่ะหรือกายวิถีกระบี่…หรือควรเรียกว่าพรสวรรค์ของฮ่วนฮ่วน”
“อืม กระบี่เล่มนี้ใหญ่เกินไป…”
“กระบี่เล่มนี้บางเกินไป เป็นไม้จิ้มฟันหรือ”
“กระบี่เล่มนี้น่าเกลียดเหลือเกิน ข้าก็ไม่ชอบเหมือนกัน”
“เอ๊ะ นี่น่ะหรือสิบกระบี่ชื่อดังแห่งสำนัก เก่าคร่ำครึ…”
“ฮือๆ…ไม่มีกระบี่สีชมพูเลยหรือ”
…
ด้วยเหตุนี้ ภาพที่ฮ่วนฮ่วนอยากเป็นที่ยอมรับของกระบี่น้ำดีในตอนแรก กลับกลายเป็นฮ่วนฮ่วนเลือกกระบี่คู่ชะตาตามใจชอบ
นางเยื้องย่างในดงกระบี่ กระบี่ทุกเล่มต่างก็สั่นเทา เพียงแค่เด็กหญิงกระดิกนิ้ว กระบี่ก็พร้อมจะลอยไปหานางด้วยความลิงโลดใจและว่าง่าย
แต่สิ่งที่หญิงสาวคิดไม่ถึงก็คือ เด็กหญิงไม่ถูกใจกระบี่เลยสักเล่ม
“ฮ่วนฮ่วน…ลูกลองเลือกอีกหน่อยไหม วัสดุของสิบกระบี่เลื่องชื่อของสำนักล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในแผ่นดิน หล่อเลี้ยงได้ดี เลื่อนขั้นเป็นอาวุธเซียนได้ หากถูกกายวิถีกระบี่ของเจ้าหล่อเลี้ยง อาจกลายเป็นอาวุธเทวะในตำนานก็เป็นได้…”
“ฮือ ท่านแม่ ข้าไม่เอา! พวกมันน่าเกลียดเหลือเกิน! ข้าเจอกระบี่เล่มหนึ่งในคู่มือกระบี่ ข้าชอบยิ่งนัก และเหมาะกับข้าด้วย เราไปขับกล่อมกระบี่เล่มนั้นได้ไหม…”
“เจ้าหมายถึงกระบี่มหาเหมันต์หรือ แต่ว่ามัน…”
“ข้าต้องการมัน ข้าเป็นถึงมือกระบี่อันดับหนึ่งของแดนจิ่วโจว มีมันเท่านั้นที่จะช่วยส่งเสริมบารมีให้ข้าได้! ท่านแม่ ท่านแม่ดีกับข้าที่สุด ช่วยทำให้ความต้องการของข้าเป็นจริงเถอะนะ!”
“เฮ้อ…ก็ได้ งั้นเราไปแดนวิญญาณกัน”