เพื่อกู้ภาพลักษณ์ของตนกลับคืนมา ถังซีเหมินก็ยังคว้าโอกาส ชี้แจงประสบการณ์ในการทดสอบเผ่าพันธุ์มังกรของตนด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง
ทุกคนพยักหน้ารัวๆ ตั้งใจฟังกันมาก
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ความเห็นใจในแววตาของพวกเขากลับรุนแรงยิ่งขึ้น
บัดซบ! พวกเขาคิดว่าเรากำลังแต่งเรื่องหรืออย่างไร!
ถังซีเหมินนอนแผ่หลาบนก้อนอิฐสีดำ อดเศร้าเสียใจไม่ได้
“ผู้อาวุโสจื่อหยาง หน้าที่พิทักษ์ศิษย์พี่ถังในลำดับต่อไปฝากเจ้าด้วยละ” อันหลินกำชับอย่างเคร่งขรึม
หลังจักรพรรดิจื่อหยางเป็นผู้นำทางแล้ว ตอนนี้เริ่มทำหน้าที่เป็นพ่อนมของถังซีเหมินด้วย
จักรพรรดิสงครามผู้น่าสงสารไม่มีสิทธิ์มีเสียง ทำได้เพียงยอมจำนนต่อชะตาแต่โดยดี…
หลังพักผ่อนกันระยะหนึ่งแล้ว ทุกคนก็ตัดสินใจออกเดินทางต่อ
เมื่อผลักประตูหินอันหนักอึ้งออก สิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุเป็นเส้นทางสีดำที่ค่อยๆ กว้างขึ้นเรื่อยๆ
กลิ่นอายของความอันตรายและความโกลาหล แม้จะเดินอยู่ในเส้นทางก็ยังสัมผัสได้
อันหลินย่นคิ้ว รู้สึกว่ากลิ่นอายมันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
เมื่อเดินพ้นเส้นทาง พวกเขาก็ปรากฏตัวบนธรณีที่ผุกร่อนแห่งหนึ่ง
ใช่แล้ว มันเป็นความผุกร่อนที่มีแนวโน้มไปสู่ความพังพินาศ ปราศจากพืชพรรณ ก้อนหินเสื่อมโทรม โครงสร้างพังทลาย บรรยากาศอึดอัด ราวกับทุกสิ่งตรงหน้าจะแหลกลาญกลายเป็นความว่างเปล่า
“สิบเผ่าพันธุ์พิทักษ์แดนมาถึงมิติต่างแดนแล้ว กรุณาปราบปรามสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัว ความยากระดับนรก”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นเหนือเวหา ทำให้ทุกคนชะงักงัน
“เอ๊ะ คำพูดนี้ฟังแล้วเหมือนสถานะของพวกเราจะเป็นสิบเผ่าพันธุ์พิทักษ์แดนนะ” เซวียนหยวนเฉิงพูดอย่างแปลกใจ
“คงเป็นเพราะพวกเราสืบทอดมรดกแล้ว จึงมองพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์” อันหลินพูดอย่างเอือมระอา
“ฮ่าๆ ๆ งั้นก็หมายความว่ามีคาแรคเตอร์น่ะสิ น่าสนใจๆ…” หลิวเชียนฮ่วนทำหน้าตื่นเต้น
ชัดเจนมากกว่า ตอนนี้พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของ ‘สิบเผ่าพันธุ์พิทักษ์แดน’ มีหน้าที่กำจัดต่างเผ่าพันธุ์ พิทักษ์แดน
“ประเด็นสำคัญไม่ใช่ตรงนี้ ระดับความยากเป็นระดับนรก ทุกคนไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ” เถียนหลิงหลิงพูดด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
“อ้อ!” อันหลินฉุกคิดขึ้นได้ หันหน้ามองชายวัยกลางคนข้างกายแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสจื่อหยาง ไม่ใช่แค่ถังซีเหมินนะ ความปลอดภัยของเถียนหลิงหลิงก็ฝากเจ้าด้วยละ!”
จักรพรรดิจื่อหยาง “…”
เถียนหลิงหลิง “…”
ครืน
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ผิวดินก็แตกแยก เผยให้เห็นหลุมที่ดำทะมึน
อันหลินถือกระบี่พิชิตมารตั้งท่าระวังพลางจ้องหลุมดำสนิทนั่น
จากนั้นกลิ่นอายที่อันตรายอย่างยิ่งก็แผ่ออกมาจากหลุม โกลาหล บิดเบี้ยว บ้าระห่ำ น่ากลัว…พลังงานด้านลบนานาชนิดเริ่มกระจายตัว ประหนึ่งจะลากทุกคนเข้าไปในหุบเหว
มีเงาสามเงากระโดดออกจากหลุม พวกมันก่อตัวจากวัตถุบิดเบี้ยวที่เหนียวหนืดและดำเมี่ยม แต่กลับสมจริงอย่างยิ่ง
ลูกตาสีดำคู่หนึ่งกำลังสั่นระริกอย่างรุนแรง ให้อารมณ์ปานจะคลุ้มคลั่ง
ชั่ววินาทีที่อันหลินเห็นพวกมัน ก็รู้แล้วว่าพวกมันคือ ปีศาจร้าย!
ไม่ใช่แค่ปีศาจร้าย แต่ยังเป็นปีศาจระดับสูงอีกด้วย เหมือนเจ้าแห่งปีศาจร้ายที่เจอในหุบเหวหมื่นกาลี สมจริงอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกที่อันตรายเป็นที่สุด!
“ทุกคนระวัง! อย่าให้วัตถุสีดำสัมผัสร่างกายเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจิตจะถูกโจมตี!” อันหลินเตือน
เขายังจำเหตุการณ์ที่ถูกปีศาจร้ายแทงในตอนนั้น เกือบจะดำดิ่งจนเป็นปีศาจร้ายแล้ว
ยังดีที่ตอนนั้นเสี่ยวหงอยู่ด้วย จึงใช้พลังแสงรักษา ไม่อย่างนั้นคงจะต้านทานไม่ไหวแน่
ระหว่างที่พูด ปีศาจร้ายสามตนกลายเป็นเงาสีดำพุ่งใส่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้
หนึ่งตนในนั้นกระโจนใส่อันหลินโดยตรง บนใบหน้าดำทะมึนที่แยกอวัยวะไม่ออกมีเพียงรอยยิ้มชั่วร้าย
สีหน้าของอันหลินไม่เปลี่ยนแปร กระบี่พิชิตมารรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ตวัดฟันหน้าผากของปีศาจร้ายทันที ลากกระบี่ทิ้งลำแสงเป็นเส้นโค้งขนาดกว้างสิบจั้ง
ร่างของปีศาจร้ายบิด หลบหลีกลำแสงที่มีอานุภาพอันน่ากลัว ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกมาให้อันหลิน ชั่วขณะที่แขนขยับ วัตถุสีดำก็ยืดยาวออกประดุจกระบี่หลุดออกจากฝัก รวดเร็วถึงขั้นก่อให้เกิดเสียงแหวกอากาศ
เพราะอันหลินเคยสู้กับปีศาจร้ายแล้ว จึงเตรียมพร้อมนานแล้ว ยกกระบี่ขึ้นขวางทันที
วัตถุสีดำชนกับกระบี่พิชิตมาร พลังมวลมหาศาลกระแทกเข้ามาพาฝีเท้าอันหลินไถลไปข้างหลัง
ปีศาจร้ายกำลังจะไล่กวด ลูกไฟที่เจือกระแสไฟก็เข้าประชิดโดยพลัน เขมือบร่างของปีศาจร้ายพร้อมกับเสียงสายฟ้าคำราม
ปีศาจร้ายถอยกรูดพร้อมกับกรีดร้อง ร่างอรชรสีเขียวกลับพุ่งประชิดกายอย่างอหังการ เปิดฉากโจมตีอย่างต่อเนื่อง
อันหลินเห็นว่าไม่ได้การแล้ว จะปล่อยให้สวีเสี่ยวหลานแย่งซีนไปได้อย่างไร!
เขาปล่อยปีกวายุออกมา พุ่งใส่ปีศาจร้ายตนนั้นอย่างไม่ลังเล
ปีศาจร้ายตนที่สองพุ่งใส่ถังซีเหมินที่นอนอยู่บนก้อนอิฐ กลับถูกเซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวี๋น เหยาหมิงซีกับหูก้วนขัดขวาง ภายใต้การร่วมมือของทั้งสี่คน ปีศาจร้ายถอยหลังไม่หยุด
ปีศาจร้ายตนสุดท้ายอยากกระโจนขย้ำพญางูขาว กลับถูกจักรพรรดินีปี้ฉงจัดการจนไม่มีชิ้นดี
สงครามเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน ปีศาจร้ายก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หลิวเชียนฮ่วนยืนมองอยู่อีกมุม ดูเหมือนจะไม่ต้องลงมือนี่นา จึงโยนระเบิดแสงใส่ปีศาจร้ายเป็นครั้งคราว นิ่งดูดายตลอดการรบ
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลุมดำทะมึนก็เกิดเสียงดังอื้ออึง
จากนั้นเสาแสงสีดำขนาดใหญ่มหึมาก็พุ่งขึ้นฟ้า
ปีศาจร้ายที่แฝงด้วยพลังงานด้านลบนับร้อยนับพันตนเทกระหน่ำลงมาจากเสาแสงเหมือนห่าฝน
“ให้ตายสิ เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
อันหลินมองปีศาจร้ายที่แน่นขนัดเต็มนภา อดรู้สึกขนลุกขนพองไม่ได้
ไม่นานก็มีปีศาจร้ายสิบกว่าตนพุ่งเข้าหาเขา
ชั่วขณะที่คมกระบี่ม้วนตัว ปีศาจร้ายสิบกว่าตนก็ถูกแสงกระบี่ของเขาฉีกจนป่นปี้
ปีศาจร้ายเหล่านี้ไม่แข็งแกร่ง ส่วนใหญ่มีพลังระดับกายแห่งมรรคไม่ก็หล่อเลี้ยงวิญญาณ แต่ต้านจำนวนของพวกมันไม่ไหว!คาดคะเนจากสายตา ปีศาจร้ายบริเวณนี้ก็มีร่วมหลายร้อยตนถึงพันตนแล้ว พลาดแม้แต่นิด อาจถูกพวกมันขย้ำเอาได้
จักรพรรดินีปี้ฉงปล่อยจิตพิฆาต ลำแสงสีเขียวมากล้นฟันปีศาจร้ายที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้าเป็นสองท่อน ลำแสงยืดออกไปร่วมร้อยจั้ง ปีศาจร้ายสิบกว่าตนโดนลูกหลง ถูกบดขยี้เป็นผุยผงในพริบตา
นางยังไม่ทันได้เรียกกระบี่กลับ ปีศาจอีกหลายสิบตนก็พุ่งเข้ามา
ปี้ฉงมองปีศาจร้ายที่มีนับไม่ถ้วน คิ้วสวยขมวดยุ่ง จับมือพญางูขาวแล้วเหาะไปหาจักรพรรดิจื่อหยาง นางคิดว่าการโจมตีด้วยเขตอาคมเพลิงของจักรพรรดิจื่อหยางเป็นวิธีจัดการปีศาจร้ายที่ดีที่สุด
ทว่าจักรพรรดิจื่อหยางในตอนนี้ วางเปลวไฟรอบกายประหนึ่งเป็นปลาเค็ม หากมีปีศาจร้ายพุ่งเข้าในอาณาเขตของเพลิง เขาจะเผามันในเสี้ยววินาที
“ทำไมเจ้าไม่เผาปีศาจร้ายข้างนอกนั้นให้หมด” ปี้ฉงลากพญางูขาวเข้าไปอยู่ในวงไฟแล้วเอ่ยถาม
จักรพรรดิจื่อหยางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หน้าที่ของข้าคือปกป้องเถียนหลิงหลิงกับถังซีเหมิน อีกอย่างข้าไม่มีแม้แต่เพลิงเทวะ ไม่มีปัญญาเผาปีศาจร้ายข้างนอกให้เหี้ยนหรอก”
มองออกว่าความอาฆาตของจักรพรรดิจื่อหยางรุนแรงไม่เบาเลย…
หลังพวกเซวียนหยวนเฉิงฆ่าปีศาจร้ายที่ยิ่งใหญ่ตนนั้นแล้ว ก็พุ่งเข้าไปอยู่ในวงไฟของจักรพรรดิจื่อหยางเช่นกัน
“นี่ ไยพวกเจ้าไม่ฆ่าศัตรู พวกเจ้าทำเช่นนี้ปีศาจร้ายก็วิ่งมาทางข้าหมดน่ะสิ ข้ากดดันมากนะ!” จื่อหยางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ตั้งรับเป็นกลุ่มปลอดภัยกว่า!”
เซวียนหยวนเฉิงพูดพลางปล่อยพลังเซียนระยะไกล
อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานก็ร่วมมือกันสังหารปีศาจร้ายที่ยิ่งใหญ่ตนนั้น กำลังเหาะไปทางวงไฟของจักรพรรดิจื่อหยางเช่นกัน
“ต๋าอี ต๋าเอ้อร์ พวกเจ้าปล่อยบาเรียคลุมวงไฟ”
อันหลินนำกันดั้มออกจากแหวนมิติแล้วออกคำสั่ง
“อันหลิน เจ้าจะทำอะไร”
สวีเสี่ยวหลานเห็นอันหลินหยุดฝีก้าว จึงอดเลิกคิ้วไม่ได้
“ข้าน่ะหรือ จะลองท่าใหม่สักหน่อย”
อักขระสีแดงปรากฏบนหลังมืออันหลิน
จากนั้นปราณแห่งเพลิงก็ม้วนตัวไปทั่วทุกสารทิศ!