พวกอันหลินเดินหน้าต่อไป มุ่งหน้าสู่ด่านสุดท้าย
มันเป็นแผ่นดินเขียวขจี ฟ้าครามเมฆขาว เขาเขียวน้ำมรกต แม้แต่อากาศก็บริสุทธิ์ปลอดโปร่งอย่างยิ่ง
“ที่นี่ช่างผ่อนคลายเสียจริง”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นหลับตาพริ้ม สูดหายใจเข้าเต็มปอด ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
บรรยากาศรอบกายเช่นนี้ ทำให้อันหลินรู้สึกผ่อนคลายจากภายใน เพียงแต่ไม่รู้ว่าในสภาพแวดล้อมแบบนี้ จะมีสัตว์ประหลาดแบบไหนโผล่มา
ไม่แปลกที่เขาจะคิดเช่นนี้ ต้องรู้ว่าสถานะในตอนนี้ของพวกเขาเป็นสิบเผ่าพันธุ์พิทักษ์แดน หน้าที่พิทักษ์แดนคือการกำจัดสิ่งมีชีวิตที่อันตรายต่อดินแดนแห่งนี้
สองด่านแรกเป็นปีศาจร้ายกับปีศาจเก้าขุมนรก เช่นนั้นด่านนี้น่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ประหลาดอีกชนิดหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีรอยแยกบนท้องนภา
วัตถุบินทรงกลมสีขาวลำหนึ่งก็ลอยออกมาจากรอยแยก วัตถุบินมีเส้นรอบวงในกับวงนอกสองเส้น ผิวเรียบลื่น เปล่งประกายพร่างพรายภายใต้การกระทบของแสงสว่าง ประหนึ่งงานฝีมือที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อพวกอันหลินเห็นวัตถุบินลำนี้ ต่างก็งุนงงกันถ้วนหน้า
นี่มันอะไร ทำไม่ถึงมีเจ้านี่โผล่มาได้
“คุณพระ ด่านสุดท้ายพวกเราต้องสู้กับมนุษย์ต่างดาวงั้นหรือ!” หลิวเชียนฮ่วนอดตะโกนลั่นไม่ได้
อันหลิน “…”
แม้เขาจะไม่อยากเชื่อมโยงเจ้านี่กับมนุษย์ต่างดาว แต่วัตถุบินที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีลำนี้ มันแตกต่างจากศาสตราวุธของเซียนมากเหลือเกิน!
ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น กระแสไฟเจิดจ้าก็วนรอบวัตถุบินหนึ่งรอบ จากนั้นก็ก่อตัวกลางอากาศตรงเบื้องหน้า
“ระวัง!”
อันหลินขนลุกชูชัน ตะโกนเสียงดัง ใช้ก้อนอิฐสีดำขวางหน้าทุกคนแล้วขยายใหญ่ขึ้นทันที!
ถังซีเหมินที่ตั้งตัวไม่ทันกลิ้งตกลงพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นเสาพลังงานกระแสไฟที่แยงตาพุ่งออกมาจากวัตถุบิน จู่โจมก้อนอิฐสีดำที่อยู่ตรงหน้าทุกคนในพริบตา
พลังงานสายฟ้าที่น่ากลัวระเบิดทุกอย่างตรงหน้าจนแหลกลาญ พลังงานที่แผ่ซ่านไปทั่วแหวกพสุธา ฟาดฟันพืชพรรณรอบทิศจนเป็นเถ้าธุลี
ครั้นทุกคนได้สติกลับมา ธรณีตรงหน้าก้อนอิฐสีดำก็ถูกพลังงานระเบิดจนเกิดหลุมใหญ่มโหฬาร
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆ มีแม้กระทั่งวัตถุบินเทคโนโลยีดำ…” อันหลินเบะปาก เอ่ยปากอย่างเอือมระอา
เขาไม่รู้สึกถึงคลื่นพลังปราณจากการโจมตีเมื่อครู่เลย เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นการโจมตีของพลังงานทางฟิสิกส์ล้วนๆ
“ต๋าอี ต๋าเอ้อร์ โจมตีวัตถุบินลำนั้น!”
หลังอันหลินยืนยันศัตรูแล้ว ก็ไม่ยั้งมือ เป็นฝ่ายตอบโต้ทันที
เมื่อต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ได้รับคำสั่ง ร่างสีเงินก็แผ่กระแสไฟ กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง วัตถุบินทรงกลมก็แหวกออกเป็นช่อง ร่างที่สวมเกราะสีดำสองร่างกระโดดออกมาจากช่องนั้น
ฟิ้ว ร่างหนึ่งพุ่งใส่ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ หมัดที่เปล่งแสงของโลหะกระแทกกับดาบเลเซอร์ไอออนของกันดั้มทันที
ตูม
คลื่นทรงกลมแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ ดาบเลเซอร์ไอออนที่คมกริบอย่างยิ่งหยุดนิ่งเหนือผิวของกำปั้น ขยับไม่ได้เลยสักนิด
ขณะเดียวกัน กันดั้มอีกตัวก็ยกกระบอกปืนใหญ่เล็งร่างนั้น ระเบิดแม่เหล็กไอออนถูกยิงออกไปโดยพลัน
ชั่วขณะที่กระแสไฟกระเพื่อม ระเบิดแม่เหล็กไอออนที่แฝงด้วยพลังงานมหาศาลก็ทะลุมิติ เข้าประชิดศีรษะของร่างนั้นในบัดดล
เสียงแผดร้องสะเทือนเลือนลั่นดังขึ้นอีกครั้ง เห็นม่านพลังงานสีเทาก่อตัวรอบชุดเกราะสีดำ ขวางกั้นระเบิดที่ทรงอานุภาพ
“ตัดแสงทะลวงแดน!”
เสียงตะโกนหนาทุ้มดังขึ้น ชุดเกราะสีดำสาดแสงโชติช่วง จากนั้นลำแสงเจ็ดสีก็พวยพุ่งขึ้นจากด้านหลังร่างนั้น พุ่งใส่กันดั้มทั้งสองด้วยอานุภาพที่น่าสะพรึง
“ตัด…ตัดแสงทะลวงแดนนี่มันวิชาของจักรพรรดิเจินหงไม่ใช่หรือ! ไหนจะความรู้สึกที่เต็มไปด้วยปราณสงครามนี่มัน…ไม่ผิดแน่!” จักรพรรดิจื่อหยางใจสั่นสะท้านเมื่อเห็นเหตุการณ์กลางนภา จึงพูดเสียงดัง
“จักรพรรดิเจินหงหรือ เขาเป็นจักรพรรดิสงครามคนแรกแห่งจักรวรรดิรุ้งอุดรสินะ” สวีเสี่ยวหลานเห็นชื่อนี้จากตำราประวัติศาสตร์ บัดนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน “ในตำรากล่าวไว้ว่า เขาหายสาบสูญไปเมื่อเจ็ดพันปีก่อน หรือว่า…”
ทุกคนจดจ้องร่างที่สวมชุดเกราะสีดำบนท้องฟ้า ความสนเท่ห์ในใจมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าร่างนั้นจะเป็นหุ่นยนต์เช่นเดียวกับต๋าอีและต๋าเอ้อร์ เพราะภายนอกปิดผนึกอย่างหนาแน่น เหมือนต๋าอีต๋าเอ้อร์ในเวอร์ชันทาสีดำตัวหนาอย่างยิ่ง
แต่ดูจากตอนนี้ ภายในชุดเกราะเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นจักรพรรดิสงคราม!
ทำไมจักรพรรดิเจินหงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ทำไมเขาถึงมีสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีขั้นสูงแบบนี้ ทำไมเขาถึงเป็นศัตรูคนที่สามของสิบเผ่าพันธุ์พิทักษ์แดนได้
ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ถูกลำแสงเจ็ดเส้นโจมตีจนร่วงหล่นสู่พสุธา
ในตอนนั้นเอง ร่างที่สวมชุดเกราะสีดำอีกร่างก็เริ่มเหาะไปหาอันหลิน พร้อมกับระเบิดพลังงานที่ฮึกเหิมไร้เทียมทาน
มนุษย์เกราะดำแบมือ ท้องนภาก็พลันมืดมนลง จากนั้นปราณสงครามก็ซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง
เพียงไม่กี่อึดใจ ลำแสงสีดำนับพันเส้นก็ก่อตัวกลางเวหา เทกระหน่ำลงมาทางพวกอันหลินด้วยพลังทำลายล้างและความเฉียบคมอย่างที่สุด!
“นี่มันท่าไม้ตายของจักรพรรดิเทียนเตา กระบี่นภาอนธการ!” จักรพรรดิจื่อหยางอุทาน
“ป่านนี้แล้วอย่าเอาแต่ตะลึง ช่วยทำประโยชน์ได้ไหม” ปี้ฉงสวมชุดจักรพรรดินีสีเขียว เท้าย่ำสายลม มือกำอากาศ ก่อตัวเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งพาดผืนฟ้า เป็นฝ่ายตอบโต้ลำแสงสีดำ
ครืน
การปะทะของจักรพรรดิสองคนทำให้ท้องฟ้าทั้งผืนกลายเป็นสีเขียวและสีดำ
“จักรพรรดิเทียนเตา จักรพรรดิสงครามคนที่สองแห่งจักรวรรดิอ้าวซิน เป็นจักรพรรดิสงครามผู้หายสาบสูญที่ถูกกล่าวถึงในตำราประวัติศาสตร์เช่นกัน” สวีเสี่ยวหลานพูดอีกครั้ง
“ดูท่าจักรพรรดิสงครามที่หายสาบสูญจะอยู่ที่นี่กันหมดเลย”
เซวียนหยวนเฉิงมองสงครามสะเทือนฟ้าดินกลางนภาพแล้วสะท้านในใจ
กระแสเสียงแบบนี้ พลังแบบนี้…ที่แท้ยามจักรพรรดิสงครามรบกันอย่างแท้จริง มันน่ากลัวเช่นนี้นี่เอง!
อันหลินมองจักรพรรดิจื่อหยางด้วยความแปลกใจ “ผู้อาวุโส อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นจักรพรรดิสงครามเหมือนพวกเขา ไยตอนนี้ถึงได้กลายเป็นพวกตื่นเต้นไปได้เล่า”
บอกตามตรง จักรพรรดินีปี้ฉง จักรพรรดิเทียนเตา จักรพรรดิเจินหงที่เขาเห็น คนไหนบ้างที่ไม่อหังการ มีเพียงจักรพรรดิจื่อหยางคนนี้ที่ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าภาพลักษณ์ผิดปกติ
ทั้งขี้ขลาดและงุ่มง่าม แถมยังแอบกินผลเซียน คงไม่ใช่ตัวปลอมหรอกนะ…
จักรพรรดิจื่อหยางหัวเราะร่า “อย่าคิดจะยั่วยุให้ข้าลงมือ ข้ามีหน้าที่ปกป้องถังซีเหมินกับเถียนหลิงหลิงเท่านั้น อ้อ ตอนนี้มีพญางูขาวเพิ่มมาอีกคน”
อันหลิน “…”
เขามองต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ที่กำลังประมือกับจักรพรรดิเจินหงอีกครั้ง ตอนนี้ถูกจัดการจนสิ้นท่าแล้ว
“ไปกันเถอะ พวกเราก็เริ่มสู้ได้แล้ว!”
หลังอันหลินประเมินความสามารถของศัตรูได้คร่าวๆ แล้ว ในที่สุดก็ชักกระบี่พิชิตมาร
ในตอนนั้นเอง วัตถุบินทรงกลมสีขาวก็ค่อยๆ ลอยลงสู่พื้นช้าๆ
ช่องสีดำปรากฏให้เห็น จากนั้นก็มีชายหัวโล้นคนหนึ่งกระโดดออกมา
เขาคลุมผ้าคลุมสีขาว ชุดกีฬาสีเหลือง สวมถุงมือสีแดง ปรากฏตัวตรงหน้าทุกคนโดยไม่คาดคิด
หลังอันหลินเห็นภาพลักษณ์นี้แล้ว ก็งงไปโดยไปสิ้นเชิง ในใจเกิดความหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้