อันหลินนิ่งไป จ้องเด็กชายที่ยิ้มชั่วร้ายตรงหน้า
เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตที่ตนสร้างขึ้นมา เด็กชายที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอมาจะใช้กระบี่แทงหัวใจของเขา ต้องการแย่งชิงทุกอย่างของเขา
เขาเจ็บปวดใจมาก เขาไม่ใช่นักบวช เมื่อเจอกับเรื่องแบบนี้จะทนได้อย่างไร
เมื่ออันหลินเห็นตัวเลือกทั้งสองข้อนั้น ก็เลือกข้อ ก. ฆ่าเขาทิ้งทันที!
ร่างกายของอันหลินค่อยๆ เลือนหายไป มองเด็กชายที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่เฉยชา
“พี่อัน ทำไมท่านถึงหายไป!” เด็กชายตะลึงงันทันทีที่เห็นภาพนี้
เขายังไม่ทันได้ดูดพลังเลย พี่อันยังไม่ได้เห็นการเจริญเติบโตของตัวเองเลย ทำไมจู่ๆ ถึงหายไป…
ด้วยเหตุนี้ดินแดนกว้างใหญ่แห่งนี้ สุดท้ายก็เหลือเพียงเด็กชายตัวคนเดียว
เขากวาดตามองรอบข้าง ว่างเปล่าปราศจากทุกสิ่งอย่าง
แผ่นดินดำทะมึนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องนภามืดสลัวขมุกขมัว
เด็กชายมองกระบี่ในมือ แขนสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัว
ไม่มีใครคุยกับเขาอีกต่อไปแล้ว และไม่มีใครถ่ายทอดความรู้ให้เขาอีกแล้ว
จู่ๆ เด็กชายก็รู้สึกว่าตนหมดซึ่งจุดหมาย ไร้ทิศทาง
เขาถูกพี่อันทอดทิ้งแล้ว…หรือเป็นเพราะเขาทอดทิ้งพี่อันก่อน
เสียใจหรือ
เด็กชายมองท้องฟ้า นัยน์ตาแดงก่ำ มีหยดน้ำคลอหน่วย ก้าวขาไม่ออกอีกต่อไป
อันหลินทอดมองเด็กชายที่น้ำตาอาบหน้าจากฟากฟ้า เห็นเขาทรุดตัวนั่งลงบนพื้นด้วยความทำอะไรไม่ถูก
ผ่านไปเนิ่นนาน ความอ้างว้างและความสิ้นหวังแผ่คลุม
เด็กชายเริ่มเสียสติ อารมณ์แปรปรวนไม่เสถียร
พลังปราณภายในร่างกายเริ่มแว้งกัดอย่างบ้าคลั่ง เลือดกลายเป็นสีดำ ดวงตาแดงก่ำ ผิวหนังก็เริ่มแข็งตัวเป็นเกร็ด
เขาเริ่มกลายเป็นสัตว์ที่พี่อันเคยบอก ชั่วขณะที่ร่างกายบิดเบี้ยว ขาเล็กๆ ผุดออกมาจากร่างกายของเขา ตัวขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว กลายเป็นแมงมุม
ผ่านไปไม่นาน เขาก็กลายเป็นเสือสีดำตัวเขื่อง วิ่งพล่านไปทั่วแผ่นดินประหนึ่งคลุ้มคลั่ง
เขากลายเป็นอินทรี พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าขมุกขมัว หมายจะหลุดพ้น อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง
สุดท้ายเขาก็ร่วงหล่นสู่พสุธาอย่างหมดแรง
กระแทกพื้นจนตาย
แม้ตายก็ไม่หลุดพ้น
ความเศร้า ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง ความโมโหร้าย ความบิดเบี้ยว…
เขากลายเป็นวัตถุที่แฝงด้วยอารมณ์เชิงลบ ร่างกายดำเมี่ยมบิดเบี้ยว ล่องลอยวนเวียนอยู่ในดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้
อันหลินตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างปลดเปลื้องพันธนาการบางอย่าง
ขณะที่อารมณ์พลุ่งพล่าน เขาก็ตาลายขึ้นมาโดยพลัน
ครู่ต่อมา เขาก็ปรากฏตัวในห้องที่มีสไตล์ตกแต่งแบบโบราณ
ที่นี่กำลังจัดกิจกรรมอะไรบางอย่าง ครื้นเครงอย่างยิ่ง
อันหลินกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวอย่างสบายใจ
เขาเงยหน้ามองนอกหน้าต่าง ด้านนอกมีหิมะเทกระหน่ำลงมา ทับถมกันเป็นชั้นหนาเตอะ เตาไฟภายในห้องมีฟืนไม้กำลังลุกโชน ทำให้ในห้องถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่อบอุ่น
วิญญาณสีน้ำเงินทรงวงรีดวงตาขาวโพลน ลอยอยู่ข้างอันหลิน กำลังรินชาร้อนอย่างระมัดระวังแล้วยกถ้วยชาส่งไปตรงหน้าอันหลิน
อันหลินยกถ้วยชาขึ้น จิบชาคำหนึ่งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลับตาพริ้มอย่างสุขใจ
ที่นี่มีวิหคเพลิงสีทองกับเต่าที่ขี่เมฆกำลังเล่นสนุกกัน มีก้อนหินเล็กๆ นั่งเหม่อเงียบๆ และมีสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์สีขาวกำลังตกแต่งต้นไม้สวยงามอยู่
ปลาเล็กตัวหนึ่งกำลังโต้เถียงกับมังกรน้อย มีแค่มนุษย์สีนิลไว้ใจได้ กำลังแสดงฝีมือในครัว เตรียมพร้อมสำหรับมื้อค่ำในวันนี้
เด็กผู้หญิงที่สะพายปีกสีดำวิ่งเหยาะๆ มาหาอันหลิน กอดขาอันหลินแล้วฟ้องว่า “พี่อันหลิน เจ้างูน้อยโกง ทั้งๆ ที่ข้าเดิมพันด้วยประคำหนึ่งเม็ด จนตอนนี้นางยังไม่ให้ข้าเลย!”
อันหลินมองเด็กหญิงร่างมนุษย์หางงูที่ยืนเท้าเอว ใบหน้าไม่สบอารมณ์ ก็รู้สึกลำบากใจอยู่เหมือนกัน
เด็กหญิงคนนั้นยู่ปากอย่างขุ่นเคือง ดวงตาสุกใสมีหยาดน้ำคลอเบ้า เห็นได้ชัดว่าเดิมพันเกินเหตุ อาลัยของรักชิ้นนั้น
ขณะที่อันหลินกำลังเกาหัวอย่างลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาว เมื่อเปิดประตูออกก็ต้องชะงักงัน
เด็กชายคนหนึ่งกอดกระบี่สีดำเล่มหนึ่งยืนสะอื้นอยู่หน้าประตู
เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง จมูก ใบหน้า แขน เท้าถูกลมหนาวที่เย็นเยือกพัดจนแดงเรื่อ ผมเผ้ารุงรังมีหิมะเกาะอยู่ทั่ว
“พี่อันหลิน ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ…”
หลังเด็กชายเห็นอันหลิน น้ำตาก็ไหลลงมาไม่ขาดสาย ร่างกายแข็งทื่อจนลืมสั่นระริก มีเพียงดวงตาสุกใสคู่นั้นที่เปี่ยมด้วยความสำนึกผิดและหวาดกลัว
แน่นอนว่าอันหลินรู้จักเด็กชายคนนี้ เด็กคนนี้ถูกสร้างมาด้วยมือเขาเอง สุดท้ายก็เป็นเด็กคนนี้ที่แทงเขา
“พี่อันหลิน ได้โปรดให้อภัยข้าเถิด ต่อไปข้าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
เด็กชายคุกเข่าลงบนพื้นหิมะ วิงวอนร้องขออย่างจริงใจ
อันหลินมองออกว่า ความโศกเศร้าและความเสียใจของเด็กชายไม่ใช่ของปลอม
แต่สำนึกผิดแล้วควรให้อภัยเขางั้นเหรอ
เสียงสนุกสนานในห้องยังคงดังต่อเนื่อง เปลวไฟในเตาไฟก็ยังลุกโชน
ทุกอย่างช่างอบอุ่นงดงาม มันเป็นสวนสนุกชัดๆ
ส่วนข้างนอก ลมเย็นพัดหวีดหวิวไม่ปรานี สิ่งที่เห็นมีเพียงพื้นหิมะขาวโพลนกับท้องฟ้าขมุกขมัว
ทุกอย่างช่างโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ไม่มีที่ใดให้พักกายได้เลย
อันหลินยืนอยู่หน้าประตู ประหนึ่งอยู่ระหว่างสองโลก กำลังเผชิญหน้ากับตัวเลือก
เด็กชายคนนี้ จะยอมรับหรือทอดทิ้งดีล่ะ
พูดจากใจจริง อันหลินชอบเด็กคนนี้มาก
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน เด็กชายในตอนนั้นทั้งน่ารักและไร้เดียงสา เหมือนดินแดนสุขาวดีที่เปี่ยมด้วยความหวัง หล่อเลี้ยงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน
แต่เพราะชอบเกินไป เขาจึงเจ็บปวดปานนั้นยามเผชิญกับการถูกเด็กชายหักหลัง
หัวของเด็กชายก้มลงไป กอดกระบี่สีดำเพียงหนึ่งเดียว สองเข่าแนบพื้นหิมะที่เย็นจับขั้วหัวใจ หดตัวเหมือนเม่น
อันหลินไม่แสดงท่าที เด็กชายก็ไม่ขยับ
หิมะยังคงเทกระหน่ำไม่ขาดสาย กระจายเต็มศีรษะ ปกคลุมร่างกายผอมบางของเด็กชาย
ประตูไม่ได้ปิด ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
อันหลินก็ไม่รู้ว่าเกิดความรู้สึกอะไร เขาก้าวพ้นประตู ยื่นมือไปหาศีรษะของเด็กชายช้าๆ ปัดหิมะที่ปกคลุมตามตัวเขาแล้วกอดเขาไว้แน่น
ความเย็นเยียบกับความอบอุ่นผสานเป็นหนึ่งในตอนนี้เอง…
ท่ามกลางความมืดและขมุกขมัว
ราวกับอันหลินฝันอย่างยาวนาน พอเขาตื่นขึ้นมา ใบหน้าก็เปื้อนน้ำตา
เขาปาดน้ำตาบนใบหน้าทิ้ง กวาดตามองรอบกายด้วยความงุนงง ผนังหิน เสาหิน โลงศพ…
อ้อ…จริงด้วย! เรากำลังสัมผัสดวงใจแห่งเทพสวรรค์อยู่นี่นา!
โชคดีที่ไม่มีใคร ไม่งั้นคนอื่นมาเห็นชายมาดแมนอย่างตนร้องไห้ ต้องขายหน้าแน่ๆ!
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมการสัมผัสดวงใจแห่งเทพสวรรค์ ถึงได้มีความฝันพิลึกแบบนี้เกิดขึ้น
ความฝันนั้นหมายความว่าอะไร ตัวเลือกพวกนั้นสื่อถึงอะไร
เมื่ออันหลินนึกถึงเด็กชายคนนั้น ในใจก็หนักอึ้งยิ่งนัก
ในใจมีข้อสันนิษฐาน แต่เขาไม่อยากคิดไปทางด้านนั้นเลย
ขณะนั้นเอง ดวงแสงสีขาวกับสายธารสีขาวก็เริ่มเคลื่อนไหว
พวกมันเคลื่อนไหวพร้อมกัน พุ่งใส่ตัวเขาแล้วเริ่มผสาน!