ผ่านไประยะหนึ่ง สิ้นสุดการแลกสมบัติ สมาชิกทุกคนต่างก็ได้แลกสมบัติที่ตนเองพึงพอใจกันหมดแล้ว
ของดีที่ฉายบนม่านแสงก็ถูกแลกไปเกือบหมด หลังมันสัมผัสได้ว่าไม่มีคะแนนหลงเหลืออยู่แล้ว ก็หายไปด้วยตัวเอง
จากนั้นอุโมงค์มิติประหนึ่งม่านน้ำก็ปรากฏบนแท่นกลมสีขาว
“ทุกคนต่างก็ได้ของดีจากสุสานไม่น้อยเลย ตอนนี้ได้เวลากลับบ้านอย่างมีเกียรติแล้ว!” อันหลินเอ่ยอย่างเริงร่า
ทุกคนต่างก็ลอดผ่านอุโมงค์ที่เหมือนม่านน้ำด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มแช่มชื่น
มิติเปลี่ยนแปลงปานความฝัน
ชั่วขณะที่สติของอันหลินเลือนราง คล้ายว่าจะเห็นมือกระบี่สะพายกระบี่สีดำคนหนึ่งกำลังเดินไปข้างหน้า
มือกระบี่คนนั้นรบราไม่หยุด ยิ่งใหญ่ประดุจเทพเจ้าสงคราม ไม่มีผู้ใดต้านได้ แต่เขากลับร้องไห้ให้กับปีศาจบิดเบี้ยวที่ล้มลงเหล่านั้น
เขารบมาทั้งชีวิต ยึดมั่นมาชั่วชีวิต ค้นหามาชั่วอายุ สุดท้ายกลับมองอรุณรุ่งแล้วหลับตาลงช้าๆ
ตอนที่อันหลินได้สติกลับมาอีกครั้ง ก็ปรากฏตัวกลางบ่อสวรรค์แล้ว
ลมอ่อนโชยพัด ผิวน้ำสะท้อนแสงสายัณห์ยามตะวันตกดิน
สมาชิกทุกคนก็อยู่บนบ่อสวรรค์เช่นกัน สีหน้าของพวกเขาไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ชัดเจนว่าเห็นอะไรบางอย่างเช่นกัน
จู่ๆ จักรพรรดิจื่อหยางก็ตาเหลือก น้ำลายฟูมปาก ตกลงไปในบ่อน้ำ
“ผู้อาวุโสจื่อหยาง!” อันหลินตกใจจนร้องเสียงหลงเมื่อเห็นภาพนี้
หูก้วนมือไวตาเร็ว กระโดดลงทะเลสาบพาตัวจักรพรรดิจื่อหยางขึ้นมา
ทุกคนมาถึงริมบ่อสวรรค์ วางจักรพรรดิจื่อหยางลงบนพื้น
“ผู้อาวุโสจื่อหยางเป็นอะไรไป” ซูเฉี่ยนอวิ๋นเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ที่นี่ไม่มีปราณสงคราม เขาไม่ชินน่ะสิ”
งูมรกตที่พันเกี่ยวท่อนแขนของพญางูขาวมองจักรพรรดิจื่อหยางที่แน่นิ่งประหนึ่งปลาตาย พูดออกมาเรียบๆ
ขณะนั้นเอง พวกอันหลินถึงได้กระจ่างใจ จักรพรรดิจื่อหยางยังไม่ได้บำเพ็ญเพียรนี่นา!
“เอ๊ะ แล้วทำไมท่านถึงไม่เป็นอะไรล่ะ” เหยาหมิงซีถามขึ้นมาอีกครั้ง
“เหอะ ข้าเริ่มบำเพ็ญเพียรทั้งสองศาสตร์มาตั้งนานแล้ว” งูมรกตกลายร่างเป็นหญิงชุดเขียวที่มีโฉมงามสะคราญ เผยให้เห็นท่อนขาขาวผุดผ่อง นั่งขัดสมาธิบนพื้น
เมื่ออันหลินได้ฟังคำของปี้ฉงก็หน้าแดงก่ำ ตื่นเต้นเล็กน้อย
“อย่ารบกวนข้า ข้าขอสร้างขุมพลังก่อน ที่นี่ไม่มีการรบกวนจากปราญสงคราม ข้าสามารถเลื่อนระดับได้แล้ว” จักรพรรดินีปี้ฉงหลับตาลงแล้วประสานอิน
ทันใดนั้น กระแสวนพลังปราณขนาดมหึมาก็ลอยลงมาจากฟ้า หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง
ทุกคนตะลึงงัน บอกว่าจะเลื่อนระดับก็ทำทันที อหังการจริงๆ!
หากไม่เปรียบเทียบก็ไม่เจ็บปวด ทุกคนเบนสายตามองจักรพรรดิจื่อหยาง พบว่าเขายังคงนอนกระตุกบนพื้นดังเดิม จึงอดรู้สึกเห็นใจไม่ได้
เฮ้อ…อนาถเหลือเกิน!
“จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสจื่อหยางนับว่าเป็นคนธรรมดาสินะ จะจมน้ำตายหรือไม่” หูก้วนค่อนข้างเป็นห่วง
“งั้นศิษย์น้องหูก้วนผายปอดให้เขาดีไหม” อันหลินแนะนำพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
หูก้วนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เสตามองที่อื่น ชื่นชมแสงอัสดง
“จักรพรรดิจื่อหยางเป็นกายจักรพรรดิสงคราม แม้จะใช้ปราณสงครามไม่ได้ แต่ระดับมีให้เห็นอยู่โต้งๆ เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาหรอก” เซวียนหยวนเฉิงกลับพูดอย่างไม่กังวลเลยสักนิด
แม้จักรพรรดิจื่อหยางจะดูน่าสังเวชใจมาก แต่ไม่ตายแน่นอน!
“อา! ผู้อาวุโสจื่อหยางกระอักเลือดแล้ว!”
นัยน์ตาสวีเสี่ยวหลานทอความตกใจ ชี้ชายที่ชักกระตุกไปทั้งตัว เลือดไหลออกจากปากพลางพูดเสียงดังลั่น
เซวียนหยวนเฉิง “…”
ทุกคน “…”
“ข้าคิดว่าผู้อาวุโสจื่อหยางจะตายแล้ว”
อันหลินมองจักรพรรดิจื่อหยาง มุมปากกระตุกยิกๆ
ราวกับตอบรับคำพูดของอันหลิน จู่ๆ จักรพรรดิจื่อหยางก็ตาเหลือก ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย จากนั้นร่างกายก็หยุดกระตุก แข็งทื่อไปแล้ว
ต่อมาสองขาของเขาก็เหยียดตรง ร่างกายค่อยๆ อ่อนยวบลง หลับตาพริ้มอย่างสงบ
เหมือนความสงบหลังรื่นเริงใจ ความเงียบสงัดหลังสิ้นพลังเฮือกสุดท้าย…
ทุกคน “…”
เถียนหลิงหลิงกับพญางูขาวตาแดงก่ำ ประหนึ่งเห็นเพื่อนคนหนึ่งจากไปตลอดกาลต่อหน้าต่อตา ความเศร้าใจมันคุกรุ่นอย่างยิ่ง ไม่อาจควบคุมได้เลย
“ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันดี” อันหลินงุนงง
“ผู้อาวุโสจื่อหยางเป็นชีวิตที่มีระบบพลังงานแตกต่างกับพวกเรา หากบุ่มบ่ามใช้พลังเซียนช่วยเขา จะทำให้ชีพจรต่อต้านและแว้งกัดได้…” เซวียนหยวนเฉิงเองก็ทำหน้ากลัดกลุ้มและจนใจเช่นกัน
หลิวเชียนฮ่วนกะพริบตาปริบๆ ดวงตาสีม่วงลุกวาวทันใด “พวกเราใช้วิธีรักษาทางกายภาพได้นี่นา! เช่นการปั๊มหัวใจ กระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า”
อันหลินได้ฟังก็เริ่มตั้งใจใคร่ครวญ “อันนี้…ก็ลองดูได้ พวกเรากลัวว่าจะควบคุมแรงได้ไม่ดี เถียนหลิงหลิงแรงน้อย เธอลองใช้ไฟฟ้ากระตุ้นผู้อาวุโสจื่อหยางดูหน่อย”
“เอ๊ะ ฉันเหรอ” เถียนหลิงหลิงชะงัก ดวงตากลมโตจ้องมองทุกคน พบว่าทุกคนต่างก็มองตนด้วยสายตาที่เชื่อมั่นและให้กำลังใจ…
“ก็ได้ ฉันจะลองดู…” เธอสูดหายใจเข้าลึก ปากร่ายมนตร์ สายฟ้ารวมตัวกันกลางฝ่ามือ จากนั้นก็ชักนำขึ้นสู่ท้องฟ้า “อินทรีสำแดงอัสนี โปรดฟังคำสั่งแห่งข้า ทลายมารอารักษ์มรรคา!”
เท้าเล็กๆ กระทืบพื้น สายฟ้าสีขาวฟาดลงจากท้องนภา
ชั่วขณะที่จักรพรรดิจื่อหยางกำลังสะลึมสะลือ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้หายใจหายคอ ได้สติกลับมา
เขากอบโกยอากาศของโลกอย่างยากลำบาก พยายามลืมตาขึ้น กลับพบว่ามีสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า
ดูเหมือนว่า…เป้าหมายจะเป็นตัวเขา
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีขาวฟาดจนเขากระตุกไปทั้งตัว ทั้งเจ็บและชา ดวงตามืดดับโดยพลัน หมดสติไปอีกครั้ง…
“เอ๊ะ เมื่อกี้เหมือนฉันจะเห็นจักรพรรดิจื่อหยางลืมตาแล้วนะ!” เถียนหลิงหลิงพูดอย่างตื่นเต้น
“จริงเหรอ” อันหลินเดินเข้าไปแตะหัวใจของจักรพรรดิจื่อหยาง พบว่าหัวใจเต้นเริ่มเต้นอ่อนๆ แล้ว
“หัวใจของเขาเต้นแล้ว สายฟ้าของเถียนหลิงหลิงมีประโยชน์จริงๆ ด้วย! ยอดไปเลย!”
อันหลินโล่งอกไปที เอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม
เถียนหลิงหลิงเกาหัวอย่างเก้อเขิน “ฮ่าๆ ๆ…งั้นฉันลองดูอีกหลายๆ ครั้งดีไหม”
“อืม ลองอีกหลายๆ ครั้งเลย” อันหลินพยักหน้ายิ้มๆ
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!…
จักรพรรดินีปี้ฉงลืมตาขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้ามีรอยยิ้มพึงพอใจประดับอยู่
นางทะลวงขั้นสำเร็จแล้ว ขุมพลังก่อตัว เข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว
ได้สัมผัสพลังปราณที่เต็มเปี่ยมในอากาศ จิตใจของนางก็พลันผ่อนคลาย เตรียมตัวอีกไม่กี่วันค่อยทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลาง…
ปี้ฉงมองหาพญางูขาวตามสัญชาตญาณ กลับเห็นเธอกับสมาชิกกำลังรวมตัวกันอยู่ตรงจุดหนึ่ง ปรึกษาหารืออะไรบางอย่างกันอย่างดุเดือด
“ข้าคิดว่าฟ้าผ่าอีกสักครั้งดีกว่า!”
“หยุดได้แล้ว สหายจื่อหยางแค่หมดสติไปชั่วคราว ผ่าหลายครั้งไม่มีประโยชน์หรอก”
“แต่หัวใจเขายังเต้นช้ามากอยู่เลยนะ ถ้าพวกเราไม่ช่วย หัวใจจะหยุดกะทันหันหรือไม่”
“งั้นก็รอให้หัวใจหยุดเต้นแล้วค่อยผ่าสิ”
“เดี๋ยวก่อน สถานการณ์แบบนี้ ฉันขอค้นไป๋ตู้ดูหน่อย…”
…
จักรพรรดินีปี้ฉงมองลอดผ่านผู้คน เมื่อเห็นจักรพรรดิจื่อหยางที่นอนอยู่บนพื้น ก็อดหายใจดังเฮือกไม่ได้
ท่าทางของจักรพรรดิจื่อหยาง…อนาถเหลือเกิน!
เขานอนแอ้งแม้งเปียกชุ่มไปทั้งตัว มุมปากกับพื้นมีคราบเลือดที่แห้งกรังแล้ว เส้นผมหยิกหย็องไหม้เกรียม เสื้อบริเวณหัวใจฉีดขาด เห็นได้ชัดว่าถูกโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว…
“อ้าว เสี่ยวชิง เจ้าทะลวงขั้นสำเร็จแล้วหรือ รีบช่วยดูให้หน่อยว่าจักรพรรดิจื่อหยางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” พญางูขาวกอดแขนปี้ฉงพลางพูดอย่างตื่นตระหนก
“รบกวนผู้อาวุโสปี้ฉงด้วย พวกเราทำเต็มที่แล้ว…” อันหลินทอดถอนหายใจและจนใจ
จักรพรรดินีปี้ฉงมองอันหลิน มุมปากกระตุกยิกๆ “พยายามเต็มที่แล้วหรือ พวกเจ้าพยายามทำบ้าอะไรกันแน่…”
“ปั๊มหัวใจไงเล่า” อันหลินตอบอย่างจริงจัง
ปี้ฉง “…”
เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นการกู้ชีพ นี่มันพยายามทำให้หัวใจหยุดเต้นชัดๆ