อันหลินนอนพักบนเตียงไปอีกสองวัน ภายใต้สรรพคุณสมานแผลอันยอดเยี่ยมของยาเซียนชิงหุน ในที่สุดบาดแผลภายในก็ได้รับการฟื้นฟู สิ่งเดียวที่ยังไม่ฟื้นฟูนั่นก็คือ ผลข้างเคียงจากการใช้พลังปราณอนธการ
แม้เขาจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์คาถาที่ทรงพลังได้ แต่ลงจากเตียงเดินเหินนั้นไม่มีปัญหา
ในช่วงพักรักษาตัว เพื่อนบางคนก็เที่ยวเล่นในแดนมนุษย์อย่างสบายใจเฉิบต่อ บางคนกลับฝึกวรยุทธ์ที่ได้มาใหม่
พญางูขาว จักรพรรดินีปี้ฉงกับจักรพรรดิจื่อหยางอยู่พักที่เขาเป่ยอู้ก่อนชั่วคราว จักรพรรดิสงครามทั้งสองยังต้องใช้เวลาปรับตัวให้ชินกับโลกใบนี้ จักรพรรดินีปี้ฉงทะลวงขั้นอีกครั้ง บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางแล้ว ส่วนจักรพรรดิจื่อหยางยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนเส้นชีพจร
อันหลินเดินทอดน่องบนยอดเขา เลียบไปยังเส้นทางที่ปูหินสีเขียว สุดท้ายมาถึงหน้าสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง
หญิงสาวที่สวมชุดเดรสสีขาว ดูค่อนข้างโดดเด่นท่ามกลางมวลดอกไม้สีสันฉูดฉาด มือขาวปลอดเรียวยาวประคองประคำ กำลังเพ่งพิศดูความลึกลับที่อยู่ภายในไม่หยุดหย่อน
หญิงสาวที่งดงามคนนั้นก็คือพญางูขาว ส่วนประคำในมือของเธอเป็นประคำแพรวพราย ห้าอาวุธเทวะแห่งแผ่นดินปราณสงคราม หรือก็คืออาวุธเดิมของจักรพรรดินีปี้ฉงนั่นเอง แน่นอนว่าตอนนี้กลายเป็นของพญางูขาวไปแล้ว
“อ้าว ท่านเจ้าแห่งพิษ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
หลังหญิงสาวเห็นอันหลิน ใบหน้าก็ฉายความประหลาดใจ วิ่งมาด้วยความลิงโลด
ชุดสีขาวพลิ้วไหวประดุจเมฆหมอก พากลีบดอกให้พัดกระพือ นำกลิ่นดอกไม้หอมมาเป็นระลอก
“ฉันมาหาต้าไป๋น่ะ อีกห้าวันก็จะกลับสำนักแล้ว ตอนนี้จะไปที่จุดส่งข้อมูลของสรวงสวรรค์ รายงานประสบการณ์ในครั้งนี้ให้เบื้องบนทราบหน่อย” อันหลินมองหญิงสาวที่งดงามน่ารักตรงหน้าพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ฮะ…จะไปแล้วเหรอเนี่ย…”
เมื่อได้ยินว่าอันหลินจะกลับสำนัก ใบหน้าของพญางูขาวก็เจือความเศร้าใจ
“ใช่ว่าไปแล้วจะไปกลับซะหน่อย โลกต่างหากที่เป็นบ้านของฉัน ฉันจะกลับมาบ่อยๆ” อันหลินลูบหัวพญางูขาว พูดปลอบใจอย่างยิ้มแย้ม
พอพญางูขาวได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็อ่อนลงเล็กน้อย พยักหน้าเบาๆ “อืม งั้นฉันจะรอท่านเจ้าแห่งพิษกลับมา เจอกันครั้งหน้า ฉันจะเติบโตถึงขั้นที่คุณตกใจแน่ๆ!”
อันหลินคิดว่าตอนนี้พญางูขาวก็ทำตนตกใจหลายครั้งหลายคราแล้ว กลับมาคราวหน้าจะทำให้เขาตกใจอีกงั้นเหรอ ตัวประกอบที่คอยรับบทตกใจข้างตัวเอก เขาต้องแสดงต่อไปให้ถึงที่สุดจริงๆ เหรอ
“พี่อัน ดูหมาป่าขย้ำ กระบวนท่าที่สามของข้า โฮ่ง!”
ต้าไป๋สวมกรงเล็บปราณทลายฟ้า วาดลำแสงสีน้ำเงินที่เจิดจ้าอย่างยิ่งร่วมสิบเส้นกลางอากาศ อานุภาพน่ากลัวอย่างมหันต์ ทั้งยังชวนให้รู้สึกอหังการสุดแสนอีกด้วย
อันหลินมองต้าไป๋กลางนภาด้วยความชื่นชม ไม่เสียหลายที่เขาซื้อกรงเล็บนี่มา
อันหลินจึงขึ้นควบต้าไป๋ที่ไม่ได้ขี่มาเนิ่นนาน มุ่งหน้าเหาะไปยังสถานีส่งข้อมูลของสรวงสวรรค์อย่างร่าเริง
…
ขณะนี้ ในเมืองที่คึกคักแห่งหนึ่ง มีหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบทั้งรูปโฉมและรูปร่างกำลังเยื้องย่างอยู่บนคนเดินอย่างเชื่องช้า
ผมขาวดำขลับพลิ้วไหวตามแรงลม สวมเสื้อผ้าชีฟองสีขาว กางเกงยีนขายาวสีเข้ม ช่วงขาเรียวยาวถูกกางเกงยีนรัดแน่น ค่อนข้างน่าดูชม เป็นที่จับจ้องของผู้คนสัญจรนับไม่ถ้วน นัยน์ตาดำขลับลุ่มลึกคู่นั้นมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เมื่อได้มองก็จมดิ่งลงไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่า ระยะเวลาสั้นๆ แค่ห้าสิบปี แดนมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดนี้” สายตาของหญิงสาวกวาดมองรอบกายไม่หยุด มือถือชานมแก้วหนึ่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบางๆ
นางคือพญางูนิลที่ออกมาท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากเก็บตัวมาแล้วห้าสิบปี
“ความก้าวหน้าทางอารยธรรมของแดนมนุษย์ในตอนนี้ คงจะเป็นขั้นกลางของอารยธรรมระดับสองแล้วกระมัง ไม่รู้เหมือนกันว่าค่าความพัฒนาปกติหรือไม่ หากว่าไม่ปกติ ต้องกลับไปปรับอีกสักหน่อย” พญางูนิลพึมพำ
ในความเข้าใจของนาง การแบ่งระดับอารยธรรมเทคโนโลยีของโลกมนุษย์แบ่งออกเป็นห้าระดับ
ระดับที่หนึ่งคือ อารยธรรมธาตุแท้ดั้งเดิม อารยธรรมระดับนี้สามารถใช้งานพลังงานความร้อน เช่นฟืนไฟ ถ่าน น้ำมันเป็นต้น
ระดับที่สองคือ อารยธรรมพลังงานไอออน อารยธรรมในระดับนี้จะสามารถใช้พลังงานไอออนได้อย่างชำนาญ เช่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานไฮโดรเจน รวมถึงพลังงานอนุภาคขนาดเล็กและคลื่นพลังงานนานาชนิด
ระดับที่สามคือ อารยธรรมอัจฉริยะขั้นสูง การศึกษาวิจัยทางชีวภาพของอารยธรรมในระดับนี้มีความพัฒนาสูง ปัญญาประดิษฐ์แทบจะแทนที่แรงงานมนุษย์อย่างสิ้นเชิง และสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตเทียม ควบคุมการแปลงอนุภาคเล็กเป็นมหาภาคได้
ระดับที่สี่คือ อารยธรรมมิติ อารยธรรมในระดับนี้จะสามารถใช้มิติทั้งหลายได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อพัฒนาไปถึงขีดสุดแล้ว จะมีความสามารถควบคุมมิติและสรรสร้างมิติได้อีกด้วย
ระดับที่ห้าคือ อารยธรรมวิถีแห่งเทวะ อารยธรรมนี้มีเพียงในตำนาน หากมีเผ่าพันธุ์ใดบรรลุอารยธรรมระดับนี้ จะเป็นสถานการณ์ที่ก้าวล้ำกันถ้วนหน้า เมื่อถึงตอนนั้น มิติ กาลเวลา สามพันวิถี รวมไปถึงวิถีสวรรค์ จะอยู่ในการควบคุมทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาเป็นเทพ
พญางูนิลก็นับว่าหูตากว้างขวาง แต่อารยธรรมสูงสุดที่นางรู้ ก็เป็นแค่อารยธรรมเทคโนโลยีระดับสี่เท่านั้น อารยธรรมข้อสุดท้ายยังทำตัวเองย่ำแย่อีกด้วย
นางเงยหน้าขึ้น เห็นโฆษณาภาพยนตร์แนวไซไฟที่กำลังฉายบนจอขนาดใหญ่บนตึกสูง ด้านบนเป็นภาพของหุ่นยนต์ตัวเขื่องหลายตัวกำลังสู้รบโรมรันกันอยู่
เมื่อเห็นฉากนี้ นางก็เกือบจะพ่นชานมในปากออกมา “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย มนุษย์ชอบแนวนี้ด้วยหรือ”
รุนแรงปานนี้ จูนิเบียวขนาดนี้ แถมยังเกี่ยวกับการทำลายล้างโลกเสียด้วย
นางอดลูบคางที่เรียบเนียนอย่างครุ่นคิดไม่ได้ว่า แดนมนุษย์อยู่ในอารยธรรมเทคโนโลยีระดับสองขั้นกลาง มีความสามารถทำลายล้างได้แล้ว หากมีคนหนึ่งในโลกเกิดคิดสั้น ระเบิดตัวเองขึ้นมา เช่นนั้นพระแม่ต้องเสียใจมากเป็นแน่
พญางูนิลเป็นมือขวาของพระแม่หนี่วา ยามพระแม่ไม่อยู่ นางก็คือเทพของโลกใบนี้ ย่อมแบกหน้าที่สำคัญอย่างการรักษาความมั่นคงกลมเกลียว และความก้าวหน้าด้วยสันติภาพด้วย
เช่นนั้นปัญหาเกิดแล้ว นางควรทำอย่างไร จึงจะตัดความคิดรนหาที่ตายของมนุษย์ให้หมดสิ้นได้
ให้มนุษย์กลับคืนสู่การปกครองของพระแม่อีกครั้ง
ไม่ได้การ แบบนี้จะเป็นการฝ่าฝืนปณิธานเดิมในการสร้างโลกของพระแม่
บังคับให้ค่านิยมของระบบสังคมนิยมแทรกซึมในสมองของมนุษย์ทุกคนหรือ
ไม่ได้…มันเป็นการแทรกแซงขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดผลข้างเคียงและการแว้งกัดทั้งหลายแหล่…
หรือจะสร้างระบบแจ้งเตือนสงคราม
อืม เรื่องนี้ทำได้ แต่ความปลอดภัยไม่สูง การเลือกกำลังคนก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเช่นกัน เก็บไว้เป็นทางเลือกชั่วคราวแล้วกัน…
พญางูนิลดูดชานมอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับคิดหาวิธีแก้ปัญหาข้อนี้ไปด้วย เรือนคิ้วงามขมวดเล็กน้อย เหมือนหญิงสาวที่มีความกลัดกลุ้มแฝงเร้นอย่างยิ่ง
ผู้คนสัญจรที่ถูกรูปโฉมของพญางูนิลดึงดูดบางส่วน คิดว่าหญิงสาวที่งามล่มเมืองคนนี้กำลังขบคิดเรื่องความรักไม่ก็เรื่องงาน ไม่มีใครรู้เลยว่าสิ่งที่นางกำลังสับสนคือ จะรักษาสันติภาพของโลกนี้อย่างไร…
อีกฟากหนึ่ง อันหลินที่เพิ่งรายงานภารกิจแก่สรวงสวรรค์เสร็จ ก็ขี่ต้าไป๋เหาะเหินเวหา
“พี่อัน สถานีต่อไปเราจะไปไหน โฮ่ง!”
“อืม…ไปซื้อของฝากที่ย่านการค้ากลับสรวงสวรรค์กันหน่อยดีกว่า”