แกร่งสุดด้วยอาชีพผสาน ในโลกที่มีมอนสเตอร์ออกมากินคนยามค่ำคืน – ตอนที่ 21 ใครจะรู้ว่าจะเจอมิโนทอร์ในซุปเปอร์มาร์เก็ต

แกร่งสุดด้วยอาชีพผสาน ในโลกที่มีมอนสเตอร์ออกมากินคนยามค่ำคืน

แฮ่…

เจ้ามิโนทอร์ยักษ์ที่เดินออกมาจนพ้นชั้นวางสินค้าในซุปเปอร์มาเก็ตทำให้ทุกคนมองเห็นร่างกายของมันทั้งหมดเต็มตัว เป็นอีกครั้งที่ได้เห็นอย่างชัดเจนว่าตัวของมันสูงใหญ่และน่ายำเกรงมากขนาดไหน

แต่ที่ดึงดูดสายตามากที่สุดก็คงจะเป็นขวานศึกยักษ์สองคมที่มันถือลากพื้นมาด้วยเป็นอาวุธประจำกายนี่แหล่ะ ที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าร่างกายกำยำของมันหลายสิบเท่า

เพียงแค่คิดว่าต้องรับการโจมตีจากคมขวานยักษ์ขนาดนั้นร่างกายก็รู้สึกสั่นกลัวขึ้นมา และถ้ายิ่งถูกมันจดจ้องด้วยดวงตาสีแดงฉานราวกระหายโลหิตด้วยอีกก็ยิ่งทำให้ผิวกายทั่วร่างรู้สึกเย็นเฉียบขึ้นมา

โชคดีก็คือการที่มันจ้องมาทางพวกทัตนั้นเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นมันก็หันไปโฟกัสที่อื่นแทน ทำให้ร่างที่กำลังเกร็งอยู่ของทุกคนผ่อนคลายลงได้บ้าง ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณสกิลพรางกาย

แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าหากเข้าใกล้มันแล้วมันจะไม่หันมาสนใจเข้าจริง ๆ ทุกคนถึงไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นิดเดียว

“พี่ทัตคะ” กระทั่งได้ยินคำพูดของฝ้ายที่ตั้งสติได้เร็วพอ ๆ กับทัต เขาจึงรู้ว่าฝ้ายต้องการอะไร

“คิงมิโนทอร์… เลเวล 95 ความสามารถทางกาย 171 แต้ม มีสกิลทักษะจู่โจมของ Knight เสริมพลังกายและซิกส์เซนส์ ใช้เวทมนตร์ธาตุไฟได้ ส่วนจุดอ่อนอยู่ที่หัว และเวทมนตร์ที่แพ้ทางคือธาตุดิน น้ำและน้ำแข็ง”

“…ขอบคุณมากค่ะ” ฝ้ายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบทัต เขาสังเกตเห็นชัดว่ามีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ

ไม่สิ… ตอนนี้เหงื่อเย็น ๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของทุกคนกันหมดนั่นแหล่ะ รวมถึงทัตด้วย

“เอาไงดีครับ… ศัตรูระดับค่อนข้างสูงทีเดียว” แม้แต่สินเองยังพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสงบกว่าทุกที เห็นได้ชัดเลยว่าเขาจริงจัง

“บอสที่มีอาวุธประจำกายส่วนใหญ่ต้องใช้คลาสเดียวกันอย่างน้อย 3 คนในการรับมือ… เพื่อความปลอดภัยเรากลับไปขอให้กิฟมาช่วยดีไหมครับ” เช่นเดียวกับคิวที่ชอบเลียบตามฝ้ายมาตลอด เขาเองก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังไม่ต่างกัน แถมยังให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ด้วย

ยังไงก็ตาม… เห็นได้ชัดเลยว่าทั้งสองคนไม่ได้นับทัตกับพิมเป็นกำลังรบด้วย แม้ว่าทั้งสองคนจะเก็บเลเวลมามากพอควรจากระหว่างทางจนทำให้ตอนนี้ทัตมีเลเวล 64 และพิมมีเลเวล 52 แล้วก็ตามที

“เราไม่รู้ว่าข้างนอกยังมีศัตรูอยู่อีกไหม แถมไม่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยอีกรึเปล่าค่ะ… ดังนั้นคงให้แบ่งกำลังมาทางนี้ไม่ได้” ฝ้ายพูดแบบนั้นออกมา แต่ทัตเป็นคนเดียวที่สังเกตได้ว่าเธอลำบากใจที่พูดแบบนั้น

เพราะนั่นหมายความว่าคนที่สามารถรับมือกับมิโนทอร์ได้ จะเหลือแค่สิน คิวและตัวฝ้ายเอง

“แต่ถึงจะเป็นคุณฝ้าย แบบนี้มันก็ยังเสี่ยงอยู่นะครับ… ถ้ามันใช้สกิลเสริมพลังกายด้วยพวกเราอาจจะเอาไม่อยู่ก็ได้”

คิวพูดไปแล้วก็กัดฟันไป เพราะคนที่จะเสียเปรียบกับสถานการณ์ที่ว่านั้นมีแต่เขากับสินที่มีความสามารถทางกายพื้นฐานน้อยกว่าเจ้าบอส

ดังนั้น ถ้าบอสกับทั้งคู่ใช้สกิลเสริมพลังกายพร้อมกัน ยังไงบอสก็ยังได้เปรียบเรื่องสเตตัสความสามารถทางกายอยู่ดี ต่างกับฝ้ายที่หากอยู่ในสถานการณ์เดียวกันแล้วจะได้เปรียบเพราะเธอมีสเตตัสพื้นฐานสูงกว่าเจ้าคิงมิโนทอร์

“งั้นก็ให้ฉันช่วยสิ” แต่ว่า… นั่นแหล่ะคือโอกาสที่ทัตเห็นว่าตัวเองสามารถช่วยเหลือได้

“ฉันเองก็มีสกิลของ Supporter …ให้ฉันช่วยบัฟสกิลเสริมพลังกายกับเสริมพลังเวทให้พวกนายซ้อนทับกันสองขั้น เท่านี้ก็จะแก้ปัญหาเรื่องส่วนต่างที่เสียเปรียบกับเจ้าบอสนั่นได้แล้ว”

ทัตจึงได้เริ่มเสนอทางออกใหม่ของปัญหาให้ฟัง ทำให้ดวงตาของสินกับคิวฉายประกายขึ้นมา เพราะมันคือทางออกที่ดีที่สุดของสถานการณ์นี้แล้ว

ยกเว้นอยู่สองคน… คือพิมที่ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ กับฝ้ายที่ส่งสายตาคล้ายคลึงกันมาแต่แฝงด้วยความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยในนั้น

“นายจะสู้เหรอทัต?” พิมเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ แววตาของเธอดูสั่นกลัวราวกับเป็นตัวเองที่ต้องลงไปสู้ แต่นั่นก็สื่อให้เห็นชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงทัตแค่ไหน

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา… คิวก็บอกแล้วว่าสามคนมันเสี่ยงเกิน————”

“ฉันไม่ยอมรับหรอกนะคะ”

แต่ก่อนที่ทัตจะได้บอกความตั้งใจของตัวเองออกมา ฝ้ายก็ดันชิงตัดบททัตเสียก่อน เหมือนกับตอนที่ทัตขอเข้าร่วมการลาดตระเวนเมื่อเช้าไม่มีผิด

ไม่สิ… ที่จริงมันต่างอยู่พอสมควร เพราะฝ้ายในตอนนี้ดูดุดันกว่าก่อนหน้านี้ แถมสายตายังน่ากลัวสุด ๆ เลยด้วย น่ากลัวถึงขนาดที่สินกับคิวที่อยู่ใกล้ ๆ ถึงกับต้องกลืนน้ำลายเลยทีเดียว

แต่สำหรับทัต… เขารู้อยู่แล้วตั้งแต่ที่ฝ้ายเรียกแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ ไม่ใช่ ‘หนู’ เหมือนทุกที ทัตถึงได้รู้ว่าฝ้ายกำลังไม่พอใจสุด ๆ แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลให้เขายอมถอยเหมือนกัน

“ไม่ยอมรับ… ในฐานะของน้องสาวหรือว่าหัวหน้ากันล่ะ” ทัตเอ่ยถามอีกครั้งด้วยแววตาและน้ำเสียงที่ไม่มีการหวั่นไหวใด ๆ เพื่อพยายามจี้จุดฝ้าย

แน่นอนว่าเขาไม่กลัวเธอ เพราะสำหรับทัต ฝ้ายเป็นน้องสาวตัวเล็ก ๆ ไม่มีพิษภัย

“น้องฝ้าย!”

แม้เขาจะโดนคมหอกของอาวุธประจำกายของฝ้ายจ่อคออย่างกะทันหันเขาก็ไม่รู้กลัวเลยสักนิด แต่ในทางกลับกันมันทำให้พิมตกใจจนต้องร้องเสียงหลงออกมา ซึ่งถ้าไม่มีสกิลพรางกายอยู่ล่ะก็ เจ้ามิโนทอร์ที่เดินไปเดินมาอยู่ห่าง ๆ คงจะวิ่งเข้ามาทางนี้แล้ว

ทางด้านสินกับคิวเองก็ตะลึงจนเหงื่อตก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมาเหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นฝ้ายทำหน้าน่ากลัวขนาดนั้นมาก่อน

ทางพิมก็ไม่ได้ตกใจอะไรไปมากกว่านั้น เพราะทัตที่ถูกคมหอกจ่ออยู่ไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัวเลยสักนิด แถมยังยกมือห้ามพิมด้วย

กลับกัน… ทัตที่ไม่หวั่นไหวเลยสักนิดนั่นกลับเป็นฝ่ายทำให้ฝ้ายรู้สึกหวั่นไหวแทน เพราะเธอแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาหลังจากนั้น

นั่นเลยทำให้ทัตเผลอเผยยิ้มออกมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะรู้ว่าฝ้ายกำลังทำเรื่องที่เกินตัวรวมถึงเป็นเรื่องที่เธอไม่ได้อยากทำ

“น้องไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เพื่อกันพี่ออกจากสนามรบเลยนะ” ทัตยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ออกไปในทางเอ็นดูมากกว่าจะโกรธเคือง เพราะประเมินแล้วว่าหากใช้อารมณ์โต้กลับก็มีแต่จะทำให้เรื่องมันแย่ลง

“พี่เองก็ไม่ได้อยากตายหรอกนะ พี่คิดถี่ถ้วนแล้วถึงได้ตัดสินใจแบบนี้” ทัตเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้งทำให้ฝ้ายลังเลในความคิดของตัวเองขึ้นมา ดูเหมือนตัวเลือกประนีประนอมจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง

ไม่สิ… ที่ตอนแรกเขาไม่ได้ตอกกลับด้วยอารมณ์ ที่จริงก็ไม่ได้เป็นเพราะทัตหวังผลแบบนี้แต่แรกนักหรอก แต่เรื่องมันก็แค่เขาไม่อยากให้ฝ้ายทำสีหน้าทรมานแบบนั้นมากกว่า

และดูเหมือนจะได้ผล ฝ้ายจึงลดคมหอกของตัวเองออกจากคอของทัต ทำให้ทั้งพิม สินและคิวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ให้ตายสิ… ตกใจหมดเลย” พิมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอกเพราะรู้สึกเหมือนใจตกไปอยู่ตาตุ่ม

“เฮ้อ… ไม่คิดจะกลัวซะหน่อยเหรอคะ” ในทางกลับกัน ฝ้ายนั้นแอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะคาดหวังไว้ว่าทัตจะกลัวคำขู่ของเธอจนต้องขอถอนตัวจากการต่อสู้นี้ไปเอง

“พี่ไม่คิดว่าฝ้ายจะทำอะไรพี่อยู่แล้วล่ะ”

ทัตว่าแบบนั้นด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แต่ดูเหมือนครั้งนี้นอกจากจะทำให้ความคิดที่จะกันทัตออกไปหมดลงแล้ว มันยังทำให้แก้มของเธอแดงระเรื่อด้วยความประหม่าอีกด้วย

พิมที่เห็นใบหน้านั้นของฝ้ายก็เริ่มจะรู้และเข้าใจแล้ว ว่าฝ้ายก็แค่พยายามกันทัตออกไปจากการต่อสู้ด้วยความเป็นห่วงเฉย ๆ ไม่ได้อยากจะทำร้ายทัตแต่อย่างใด ซึ่งความรู้สึกนั้นเธอเองก็เข้าใจดีจึงไม่ได้เอ่ยว่าอะไรฝ้าย

อย่างไรก็ดี… ทัตรู้อยู่แล้วว่าแค่คำพูดมันไม่ทำให้ตัวเขาดูน่าเชื่อถือ จึงได้เปิดหน้าต่างข้อมูลในตอนนี้ของตัวเองขึ้นมาแล้วส่งให้ฝ้าย สินและคิวดู เพราะตระหนักดีว่าแค่การเตรียมใจมันไม่เพียงพอ

แต่ผีมือต่างหากคือสิ่งที่จะช่วยยืนยันว่ามันเพียงพอไหม

“เลเวลสกิลของฉันทั้งหมดขั้นต่ำอยู่ที่เลเวล 7 ทำให้ความสามารถพอ ๆ กับคนที่มีเลเวล 80… หรือต่อให้นับสเตตัสความสามารถทางกายกับความเชี่ยวชาญคลาสด้วย ฉันก็สามารถเป็นกำลังรบที่ใช้การได้เหมือนกับสินและคิวนั่นแหล่ะ”

ทัตพูดในสิ่งที่สอดคล้องกับตัวเลขที่ถูกแสดงบนหน้าต่างข้อมูลของตัวเอง และเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันให้ทุกคนรู้ด้วย ว่าความสามารถของทัตนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากแนวหน้าที่ฝ้ายเชื่อใจอย่างสินกับคิว

เขาอยากให้ฝ้ายคิดและยอมรับแบบนั้น จึงพยายามมองเข้าไปในดวงตาที่ยังมีความลังเลของฝ้าย

แล้วพอเธอสบเข้ากับสายตาจริงจังของทัต ฝ้ายก็รู้สึกได้ว่าคงไม่ดีนักหากยังคงดื้อดึงมากไปกว่านี้

“เข้าใจแล้วค่ะ… แต่ห้ามฝืนนะคะ” เธอจึงย้ำเตือนแบบนั้นอีกครั้งโดยไม่ได้พูดอะไรอีก เป็นเชิงว่ายอมรับให้ทัตเข้าร่วมศึกนี้ได้แม้จะไม่เต็มใจเท่าไรนักก็ตาม

“งั้นพิมไปรวมตัวกับพวกกิฟพวกเบลนะ อย่าเพิ่งคลายสกิลพรางกายจนกว่าจะถึงพวกนั้นล่ะเข้าใจไหม?” ทัตหันมาย้ำเตือนกับพิมแบบนั้น ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับแต่โดยดี

“เข้าใจแล้ว อย่าตายเด็ดขาดเลยนะ” พิมทิ้งท้ายไว้แบบนั้นด้วยสายตาเป็นห่วงแบบเดียวกับที่ฝ้ายมีก่อนจะวิ่งออกไปจากจุดที่พวกเขายืนอยู่เพราะเวลาไม่คอยท่า

ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ทัต ฝ้าย สินและคิวรวมเป็นกองกำลังต่อต้านเจ้าบอสคิงมิโนทอร์กันสี่คน

“ฉันจะเป็นคนโจมตีเปิดเองค่ะ” ฝ้ายพูดแบบนั้นในขณะที่เริ่มเดินนำออกไป พร้อมกับเรียกหอกคู่ใจในมือออกมาเป็นสัญญาณเริ่มให้สินกับคิวกระชับอาวุธในมือตัวเองแน่น

ฝ้ายเริ่มโค้งตัวต่ำตั้งท่าพุ่งตัว ในพริบตาถัดมาร่างของเธอก็ไม่อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว แต่กลับไปลอยอยู่เหนือหัวของเจ้าคิงมิโนทอร์แทน

“!!!?”

เธอตวัดหอกก่อนจะหันคมไปที่ดวงตาของมัน หวังจะแทงลึกไปถึงก้านสมอง ทว่าในพริบตาก่อนที่คมหอกจะได้สัมผัสกับดวงตาสีแดงฉานของมัน เจ้ามิโนทอร์ก็กลับเบี่ยงหัวหลบแล้วใช้เขารับการโจมตีนั้นของฝ้ายไว้เสียอย่างนั้น

และเพราะคมหอกสัมผัสเข้ากับร่างของมิโนทอร์ สกิลพรางกายของฝ้ายก็เลยถูกคลายออกโดยอัตโนมัติไปด้วย

โฮกกกกกก!!!!!!

เจ้ามิโนทอร์ถึงได้เริ่มคำรามออกมาเสียงดังลั่นอย่างพิโรธคลั่ง เมื่อได้เห็นว่ามีเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ลอยอยู่เหนือหัวของตน

“ฝ้าย!”

มันถึงยกขวานยักษ์ขึ้นด้วยมือขวาข้างเดียวก่อนจะเหวี่ยงใส่ฝ้ายที่อยู่กลางอากาศ นั่นทำให้ทัตเผลอตะโกนลั่น แต่แน่นอนว่าฝ้ายหรือมิโนทอร์ไม่มีทางได้ยิน

เคร๊ง!!!

แน่นอนว่าฝ้ายไม่เสร็จมันง่าย ๆ

เธอใช้ตัวหอกรับการโจมตีนั้นไว้จนกระเด็นออกไปไกลพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงขั้นเสียหลัก เท้าเธอถึงพื้นได้โดยสวัสดิภาพแม้สีหน้าจะดูไม่สู้ดีก็เถอะ

“เราก็เอามั่งสิวะ”

“แน่อยู่แล้ว”

สินกับคิวมองหน้ากันแวบนึงก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย พริบตาถัดมาเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้นอาบดาบไทยของสินและคมหอกของคิวไปพร้อมกัน

ทั้งสองคนพุ่งตัวออกไปในเวลาเดียวกัน และถีบพื้นลอยขึ้นเข้าหาเจ้ามิโนทอร์ในเวลาไล่เลี่ยกัน

“เอานี่ไปแดกซะ!”

“โทษฐานที่ทำร้ายหัวหน้าของผม จะเอาคืนเป็นเท่าตัว!”

สินกับคิวตะโกนลั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะอัดคมอาวุธของตนเข้าใส่กลางหลังของเจ้ามิโนทอร์ยักษ์สุดแรงเกิดเท่าที่พวกเขาจะทำได้จนมิโนทอร์ร้องออกมาอีกรอบ

แต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด… แต่เป็นความโมโหต่างหาก ดวงตาของมันที่หรี่ลงแล้วจ้องเขม็งอย่างคมกริบคือสิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนั้น

ฟุบ!!!

แต่ในพริบตาที่มิโนทอร์หันไปทางสินกับคิว ฝ้ายก็อาศัยจังหวะนั้นแหล่ะในการยิงเวทดินกระแทกเข้าใส่ด้านหลังของเจ้ามิโนทอร์ ความรู้สึกของมันคงเหมือนโดนก้อนหินยักษ์หล่นใส่ซึ่งมันดึงดูดความสนใจของเจ้ามิโนทอร์ให้หันกลับไปหาฝ้าย

แต่ในตอนที่หันกลับไปก็ไม่มีฝ้ายอยู่ตรงนั้นแล้ว เพราะเธอทำไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมันในตอนที่กลับมารวมกลุ่มกับสินและคิวต่างหาก

“เวทมนตร์ที่เป็นจุดอ่อนของมันคือเวทดิน น้ำและน้ำแข็ง อย่าลืมสิคะ” สิ่งแรกที่ฝ้ายทำหลังกลับมารวมตัวกับพวกเขาคือการเตือน

แม้อีกฝ่ายจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่า แต่น่าแปลกที่สินกับคิวรู้สึกเหมือนโดนคุณครูดุ

โฮกกกกก!!!!!

ยังไงก็ตาม… ดูเหมือนสำหรับเจ้ามิโนทอร์แล้วมันจะดูโมโหเอามาก ๆ ที่ฝ้ายหลอกล่อมันให้หันไปมาก่อนหน้านี้ ไม่มั่นใจว่ามันมีสติปัญญาไหม แต่อย่างน้อยมันก็มีอัตตามากพอให้โมโหเรื่องไม่เป็นเรื่องได้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

มันถึงเริ่มวิ่งชาร์จเข้าใส่พวกฝ้ายไปพร้อม ๆ กับเงื้อขวานขึ้นสูงด้วยสองมือ คงหวังถึงขั้นจะฟาดทำลายทุกสิ่งในบริเวณให้ราบเป็นหน้ากลองเพื่อระบายความกริ้วโกรธ

แต่เพราะใช้แต่อารมณ์นี่แหล่ะ… ถึงได้เป็นจุดอ่อนสำคัญของเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่ไร้สติปัญญา

ตู้ม!!!!

ในพริบตาก่อนที่มันจะเข้ามาถึงและกำลังจะสับขวานลงใส่พวกฝ้ายอยู่แล้ว ก็เป็นเวลาที่มันถูกบางสิ่งกระแทกเข้าใส่แก้มขวาอย่างแรงราวกับถูกรถบรรทุกขับชน แรงถึงขนาดที่ทำให้มันเซจนล้มลงไปกระแทกกับชั้นวางสินค้าด้านข้างจนชั้นวางล้มระเนระนาดไปเลยทีเดียว

และแน่นอนว่าคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากทัตที่อัดหมัดลุ่น ๆ ใส่หน้าของมันเต็มแรง

“อย่างนี้นี่เอง… เล็งจังหวะที่มันกำลังจะโจมตีซึ่งเป็นช่วงที่มันวางการ์ดมากที่สุดสินะคะพี่” ฝ้ายเอ่ยออกมาด้วยความชื่นชมหลังทัตที่ลอยอยู่กลางอากาศลงถึงพื้น

“ก็ขนาดฝ้ายใช้สกิลพรางกายมันยังหลบได้เลยนี่นา… ถ้าโจมตีตรง ๆ ยังไงก็เอาชนะสกิลซิกส์เซนส์ของมันไม่ได้หรอกจริงไหมล่ะ?”

“…ก็จริงค่ะ”

ฝ้ายนิ่งไปนิดหน่อยเพราะรู้สึกเหมือนถูกจี้จุดที่ผิดพลาด ซึ่งมันเกิดขึ้นก็เพราะเธออยากจะปิดเกมเร็วเกินไปเองนั่นแหล่ะ

“แต่ว่า… หมัดของฉันดูเหมือนไม่ค่อยแรงเท่าไหร่เลยแฮะ”

แต่ทั้งที่ผลลัพธ์มันน่าชื่นชม ทัตกลับดีใจได้ไม่เต็มที่นัก เพราะถัดจากนั้นเจ้ามิโนทอร์มันก็ยืนขึ้นมาได้อย่างสบาย ๆ

แก้มขวาที่โดนทัตอัดไม่มีรอยหลงเหลืออยู่เลย แถมดูเหมือนจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนักด้วย

“เดี๋ยวฉันจะเสริมแกร่งอาวุธทุกคนให้นะ”

ยังพอมีระยะห่างระหว่างมิโนทอร์กับพวกตนอยู่ ทัตก็เลยอาศัยจังหวะนี้เดินเข้าไปใช้สกิลเสริมแกร่งให้อาวุธของทุกคนมีสเตตัสพื้นฐานสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งที่จริงมันก็ควรจะทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่เพราะเขาตามการเคลื่อนไหวของคนอื่นไม่ทันก็เลยไม่อยากขัดจังหวะการโจมตีของทุกคน

อย่างไรก็ดี ทัตก็แค่เดินเข้าไปแตะอาวุธของแต่ละคนและคนละทีเท่านั้นก็เสร็จกิจ ไม่ได้ใช้เวลาอะไรมากมาย เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้นมันจะไม่ทันการในตอนที่เจ้ามิโนทอร์มันตั้งตัวได้เอา

แฮ่…

เจ้าคิงมิโนทอร์ที่กลับมายืนได้อย่างสมดุลเริ่มหันหลับมามองทางพวกทัตอีกครั้ง แถมยังเริ่มแยกเขี้ยวขู่แสดงความพิโรธอย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนครั้งนี้มันน่าจะเอาจริงมากกว่าเดิมแล้วแน่นอน

“คิดว่าจะปลดอาวุธของมันได้ไหม” ทัตเสนอแบบนั้นทุกคนก็เงี่ยหูฟังตามในทันที แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วย

หาใช่เพราะเป็นแผนที่ไม่ดี แต่เพราะเป็นแผนที่ทำตามได้ยากต่างหาก

“หนูไม่คิดว่ามันจะยอมง่าย ๆ หรอกนะคะ… ถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็เถอะ” ฝ้ายพูดในขณะที่ยิ้มแห้ง ๆ สายตาของเธอยังคงจดจ้องเจ้ามิโนทอร์แม้จะกำลังคุยกับทัตอยู่ก็ตาม

“ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องโจมตีให้ทะลุผิวของมันก่อนนะครับ” คิวเป็นประเภทที่เทียบให้เห็นความเป็นจริงเพื่อให้มองเห็นภาพว่ามันยากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นที่เขาพูดก็มีประเด็นอยู่

“ยังไงก็ต้องแทงมันให้ทะลุอยู่แล้วป่าววะ? ไม่งั้นจะฆ่ามันยังไงล่ะ!?” สินรู้แบบนั้นก็เลยขยายความสิ่งที่คิวพูดให้ เขาพูดราวกับว่าต่อให้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็คงเอาชนะไม่ได้

และในระหว่างที่พูด เจ้ามิโนทอร์ก็เริ่มเงื้อขวานในมือขึ้นอีกครั้ง

หนนี้มันย่อตัวลงด้วยท่าร่าง ไม่ได้พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเต็มที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ดูท่าสิ่งที่เพิ่มพูนขึ้นนอกจากจิตอาฆาตแล้วจะเป็นความไม่ประมาท แต่สำหรับฝ่ายทัตแล้วนั่นทำให้พวกเขาเสียเปรียบมากขึ้น

พรึ่บ!

“มาแล้วค่ะ!”

ฝ้ายให้สัญญาณทุกคนในจังหวะที่ใบขวานของมิโนทอร์ถูกอาบด้วยเปลวเพลิงร้อนระอุที่แผ่มาจนถึงจุดที่พวกทัตยืนอยู่ พวกเขาทุกคนสัมผัสได้เลยว่ามันกำลังกร่อนเผาผิวหนัง

ยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีกหากเผลอจินตนาการว่าคมขวานนั้นมันเฉือนลงมายังร่างของตนจะแสบร้อนเพียงใด

ฝ้ายคือคนแรกที่เคลื่อนไหวก่อนใครอีกครั้ง… เธอถีบพื้นเข้าหาเจ้ามิโนทอร์ในจังหวะที่มันฟาดขวาดยักษ์ลงมาใส่ ทว่าฝ้ายกลับใช้ตัวหอกรับการโจมตีนั้นได้สบาย ๆ แม้จะส่งผลให้พื้นที่เธอเหยียบกลายเป็นรอยแตกระแหงก็ตามที

บางทีเธอคงคิดว่านี่เป็นความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้า เพราะแบบนั้นจังหวะการบุกเลยถูกเร่งให้เร็วขึ้น สินกับคิวเองก็ถีบพื้นแยกกันออกไปหวังจะโจมตีมันจากทางด้านข้าง เช่นเดียวกับทัตที่พยายามจะโจมตีมันจากทางด้านหลัง

โฮกกกก!!!!!!!

ทว่าในพริบตานั้น เจ้ามิโนทอร์กลับออกแรงเหวี่ยงขวานยักษ์ไปรอบ ๆ ราวกับจำลองตัวเองเป็นพายุ

ทุกคนมีไหวพริบมากพอจะสร้างเวทมนตร์ขึ้นมาป้องกันตัวเองได้ทันก่อนที่การโจมตีจะมาถึงตัว แต่แรงกระแทกของมันก็ทำให้ร่างของทุกคนกระเด็นไกลออกไปคนละทิศคนละทางอยู่ดี

เวรเอ้ย… แข็งแกร่งสมเป็นบอสจริง ๆ

สร้างความเสียหายไม่ได้ ไม่สิ… ไม่มีโอกาสที่จะทำอย่างนั้นมากกว่า

แถมแค่การโจมตีเดียวของมันก็แยกพวกเราออกจากกันได้แล้ว แถมยังขัดจังหวะการโจมตีพวกเราได้หมดอีก

เรียกว่าแค่หาโอกาสเข้าไปทำดาเมจอย่างต่อเนื่องก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

แล้วจะเอาชนะยังไงวะเนี่ย!?

หลังเห็นผลลัพธ์สุดเลวร้ายทัตก็ได้แต่กัดฟันกรอดเจ็บใจ เพราะดูท่าแล้วหากไม่ยอมเปลี่ยนแผนจู่โจมล่ะก็ จะแพ้เมื่อไหร่คงขึ้นอยู่กับเวลา

แต่แน่นอน… แผนดี ๆ ไม่ได้เป็นสิ่งที่คิดออกยากถึงขนาดนั้น ความจริงแล้วมันง่ายนิดเดียวเพราะคำตอบมันบอกใบ้ออกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

“ฝ้าย! เราต้องเปลี่ยนคนโจมตีเปิดช่องว่างนะ!” ทัตถึงได้ตะโกนส่งสารหาฝ้ายที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร

และดูเหมือนฝ้ายเองจะเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อด้วย เพราะจากที่เริ่มมาทั้งหมด มีเพียงการโจมตีเดียวเท่านั้นที่สามารถไปถึงเจ้ามิโนทอร์ได้ ซึ่งก็คือการโจมตีของทัตที่อาศัยจังหวะที่มิโนทอร์มันกำลังจะโจมตีคนอื่นนั่นเอง

แม้จะเป็นอย่างที่รู้ว่าการโจมตีของทัตไม่ได้ผลเพราะผลต่างของสเตตัส แต่ก็เห็นกันอยู่ว่า “การให้คนนึงเป็นตัวล่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วให้อีกคนเล็งจังหวะที่มันกำลังจะโจมตีเพื่อจัดการมันซะ” เป็นวิธีเดียวที่จะสร้างความเสียหายให้มันได้

และคนที่จะทำแบบนั้นได้ก็มีแต่คนที่มีสเตตัสสูงพอ แถมยังต้องมีเลเวลสกิลสูงพอจะเอาชนะสกิลซิกส์เซนส์ของมิโนทอร์ได้โดยไม่ต้องพึ่งสกิลพรางกาย

ซึ่งแม้จะไม่ต้องพูดกัน ทุกคนก็รู้อยู่ว่าคนที่เข้าเงื่อนไขก็มีแต่ฝ้ายคนเดียว แต่ว่า…

“ไม่ได้นะคะ! แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป!” ฝ้ายเอ่ยปฏิเสธทันที เพราะเธอรู้อยู่ว่าการกลายเป็นคนที่ต้องเบี่ยงเบนการโจมตีให้มันเสี่ยงมากขนาดไหน

“แต่ที่ทัตพูดมันก็ถูกนะครับ! ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วครับหัวหน้า!” คิวเองก็เห็นด้วยกับทัต ดูท่าเขาจะไม่มีความลังเลเลยหากต้องเป็นแท่นเหยียบให้ฝ้ายคว้าชัย

“มันน่าเจ็บใจก็จริง แต่เธอเป็นคนเดียวที่ทำได้นะหัวหน้า!” และถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่สินเองก็เห็นด้วยกับทัตเพราะคิดวิธีอื่นที่ดีกว่าไม่ออก

ซึ่งสำหรับเรื่องนั้น… ฝ้ายเองก็เป็นอีกคนที่รู้ว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่จะเอาชนะมันได้ดีที่สุด

เป็นวิธีที่ทุกคนมีโอกาสรอดมากที่สุด แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีความเสี่ยงมากอยู่ดี นั่นแหล่ะคือสิ่งที่ทำให้ฝ้ายไม่อยากตัดสินใจ

…แต่แน่นอนว่าสุดท้ายก็ต้องทำ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า

“เข้าใจแล้วค่ะ… ฝากด้วยนะคะ” ฝ้ายกัดฟันพูด จำต้องยอมรับความต้องการของทุกคนในฐานะของหัวหน้า

นั่นทำให้ทัตแอบรู้สึกเห็นใจไม่น้อยที่ปล่อยให้น้องสาวตัวเล็ก ๆ ของตัวเองต้องตัดสินใจและรับผิดชอบเรื่องยาก ๆ แบบนี้

แต่เวลาไม่คอยท่าให้คิดแบบนั้นนานนัก… เจ้ามิโนทอร์เริ่มมองไปรอบ ๆ เพราะถูกล้อมอยู่โดยพวกทัตทั้งสี่คน

และไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย แต่เจ้ามิโนทอร์ที่หันไปทั่วกลับหยุดมองที่ทัตเพียงคนเดียวไม่ใช่คนอื่น

เวรเอ้ย… โคตรน่ากลัวเลย

ทัตเผลอกลืนน้ำลายหลังสบกับดวงตาสีแดงฉานของมัน ทัตรู้สึกหนาวไปจนถึงไขกระดูกเพราะสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ของมันได้

‘เจ้าคือคนที่ข้าต้องกำจัดให้ได้’

สายตาของเจ้ามิโนทอร์เหมือนกับจะบอกแบบนั้น ด้วยสาเหตุบางอย่างที่ทัตยังไม่เข้าใจ

และที่แน่นอนยิ่งกว่าสายตา… คือความเฉียบคมของการโจมตีที่มีมากขึ้นในตอนที่เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นทัต มันวาดคมขวานในพริบตาหวังจะแยกทัตเป็นสองส่วนในแนวราบ ทัตเกือบจะหลบไม่พ้นแล้วหากไม่รีบนอนลงไปกับพื้นก่อนที่มันจะเริ่มโจมตี

โฮกกกก!!!!!

มิโนทอร์คำรามลั่นอีกครั้ง แต่หนนี้มันไม่ได้คลั่งหากแต่ทำเพื่อข่มขวัญทัต ก่อนที่จะกระโดดขึ้นสูงหวังกระทืบใส่ทัตที่ยังนอนอยู่บนพื้น แต่แน่นอนว่าทัตยันพื้นกระโดดหลบออกมาได้ทัน

ทว่าในพริบตาที่ทัตลอยอยู่กลางอากาศ มันก็อาศัยจังหวะนั้นเหวี่ยงคมขวานอาบเปลวเพลิงเข้าใส่หวังฉีกทัตเป็นชิ้น ๆ อีกครั้ง

ทัตเห็นแบบนั้นก็รีบใช้เวทลมสร้างกำแพงขึ้นตรงหน้าแล้วใช้เป็นแท่นเหยียบเพื่อเคลื่อนที่กลางอากาศแล้วหลบการโจมตีถึงตายนั่นได้สำเร็จ

แต่ในตอนที่ทัตลอยออกไป เจ้ามิโนทอร์มันก็รีบวิ่งย่ำเข้าหาทัตก่อนที่เขาจะทันได้ลงพื้นเสียอีก เห็นได้ชัดเลยว่าความสนใจทั้งหมดของมันถูกเบี่ยงไปที่ทัตโดยสมบูรณ์แล้ว

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ ๆ มันไปเล็งไอ้หมอนั่นกันวะ?” สินเองก็สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นได้ จึงพยายามถีบพื้นเข้าไปหา และอาศัยจังหวะนั้นใช้ดาบไทยที่เสริมแกร่งแล้วฟันเฉือนแผ่นหลังของมันไปทีหนึ่งจนเลือดของมันสาดกระเซ็น

แต่ก็แค่นั้น… สเตตัสของสินไม่มากพอจะเฉือนผ่านกล้ามเนื้อเพื่อป่นกระดูกของมันได้

ขนาดคิวที่เข้ามาช่วยทีหลังยังแทงเข้าใส่สีข้างของมันลึกลงไปได้ไม่ถึง 5 เซนด้วยซ้ำ

“ยืดเยื้อไม่ดีแน่ค่ะ! ไม่ต้องรอจังหวะแล้ว ใช้เสริมพลังกายกันให้หมดทุกคนเลยค่ะ!”

ฝ้ายเห็นท่าไม่ดีเลยประกาศให้ทุกคนใช้สกิลก้นหีบ หรือพูดในอีกนัยยะนึงก็คือให้ทุกคนเอาจริงได้แล้ว

แม้เดิมทีทุกคนตั้งใจจะเก็บสกิลนี้เอาไว้ใช้เพื่อปิดฉากก็ตาม… แต่ดูจากสถานการณ์ หากไม่ยอมเอาจริงตั้งแต่แรกเห็นทีคงจะต้องมีคนสละชีพก่อนแน่

ซู่ม!!!

เพราะแบบนั้น… ออร่าสีทองอร่ามจึงปรากฏขึ้นคลุมร่างของทัต ฝ้าย สินและคิวในเวลาไล่เลี่ยกัน แถมยังซ้อนทับกันสองชั้นจากการใช้สกิล ‘เสริมพลังกาย’ และ ‘เสริมพลังเวท’ พร้อมกันด้วย

โฮกกกก!!!!!

แล้วดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่สัญญาณดีสำหรับเจ้ามิโนทอร์… ดูท่ามันเองก็สัมผัสได้ว่าศัตรูอย่างพวกทัตพัฒนาขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่มันทำก็ยังเป็นการพุ่งเข้าใส่ทัตคนเดียวไม่เปลี่ยน

…แต่ทว่า

ฉั๊ว!!!

ฝ้ายอาศัยจังหวะที่มันกำลังเงื้อขวานพร้อมสับทัตในการร่นระยะเข้าหามัน ลอยขึ้นสูงแล้วจัดการใช้คมหอกวาดผ่านดวงตาและจัดการเฉือนช่วงชิงการมองเห็นมันไปในพริบตาเดียว ความเฉียบคมที่ถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของเด็กสาวที่มีเลเวล 120 ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ

มิโนทอร์ส่งเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดหลังสูญเสียตาขวาไป มันถึงกับปล่อยมือจากขวานขึ้นมากุมหน้าตัวเอง

และไม่ว่าจะเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่นั่นแหล่ะคือการขุดหลุมฝังตัวเอง

“คราวนี้แหล่ะ!”

“ไปตายซะ!”

ฝ้ายไม่ใช่แค่คนเดียวที่เล็งจังหวะทีเผลอ… สินกับคิวเองก็รอจังหวะนี้มาตลอด ทั้งสองคนกระโดดเข้าใส่มิโนทอร์จากด้านหลังในทันทีที่มองเห็นช่องว่างที่ถูกสร้างโดยฝ้าย

คิวจัดการแทงเข้าใส่กลางแผ่นหลังของมันบริเวณกระดูกสันหลัง หนนี้การโจมตีของเขาได้ผล คมหอกแทงลึกเข้าไปจนสุดคม ก่อนที่เขาจะเสริมด้วยการหมุนคมหอกเป็นเกลียวราวกับต้องการคว้านและบดละเอียดกระดูกของมัน

ในขณะที่สินนั้นพุ่งเข้าไปสับมือขวาข้างถนัดของเจ้าคิงมิโนทอร์จนขาดสะบั้น… เขามีเซนส์มากพอจะปิดโอกาสจู่โจมกลับของมิโนทอร์ด้วยการทำลายโอกาสใช้อาวุธของมันทิ้งไปเสีย

โฮกกกกก!!!!!!

มิโนทอร์แผดเสียงแหลมเจ็บปวด โหยหวน แต่ก็แฝงด้วยความอาฆาตมาดร้ายมากยิ่งกว่าเดิม

แต่ก่อนหน้าที่จะได้ร้องอะไรมากไปกว่านี้ ทัตก็อาศัยจังหวะนั้นอาบหมัดของตัวเองด้วยเวทมนตร์ธาตุดิน ก่อนจะลอยขึ้นถึงระดับศีรษะของมันแล้วอัดใส่กลางใบหน้าของเจ้ามิโนทอร์จนหน้ายู่

แรงส่งยังมากพอที่จะผลักให้มันกระเด็นแล้วหงายหลังไปกระแทกกับชั้นวางสินค้าที่ยังไม่ล้มด้วย

“รอบนี้ได้ผล!”

“บุกเข้าไปพร้อมกันเลยค่ะ!”

ทัตกับฝ้ายตะโกนพร้อมกับเผยยิ้มเพราะเห็นแววของชัยชนะ เช่นเดียวกับสินและคิวที่ตั้งท่าเตรียมปิดฉาก เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าความเสียหายที่มอบให้กับเจ้ามิโนทอร์มันไม่ใช่น้อย ๆ เลย

ทั้งสี่คนถึงถีบพื้นเข้าไปหาเจ้ามิโนทอร์ที่เพิ่งจะพยายามยันตัวขึ้นมา พร้อมกับหันคมอาวุธหรือหมัดตัวเองเข้าใส่พร้อมโจมตีปิดฉาก

…แต่ดูเหมือนอะไร ๆ มันจะไม่ง่ายขนาดนั้น

โฮกกกกกก!!!!

ทุกคนสัมผัสเรื่องนั้นได้จนต้องหยุดเท้าของตัวเองหลังได้ยินเสียงคำรามของมัน

นั่นเป็นตอนก่อนที่เปลวเพลิงจะเริ่มอาบร่างของคิงมิโนทอร์ ดูท่ามันเองก็สามารถใช้เวทมนตร์ประยุกต์ได้เหมือนกัน แต่นั่นยังไม่ใช่ข่าวร้ายทั้งหมด

โฮกกกกก!!!!

เจ้ามิโนทอร์คำรามลั่นอีกครั้ง ก่อนจะทำท่าเหมือนกับเบ่งกล้าม เพียงเท่านั้นพวกทัตก็รู้สึกไม่ดีแล้ว

…ยิ่งในตอนที่ออร่าสีทองปรากฏขึ้นอาบร่างของเจ้ามิโนทอร์ไปอีกก็ยิ่งแล้วใหญ่

เพราะมันหมายความว่าในตอนนี้ เจ้าคิงมิโนทอร์ได้เริ่มใช้สกิล ‘เสริมพลังกาย’ ไปแล้ว แถมยังใช้เวทเพลิงป้องกันร่างกายตัวเองจากการโจมตีธรรมดาเอาไว้อีกต่างหาก

นอกจากนี้…

“เฮ้ย ๆ… ล้อกันเล่นใช่ไหมวะเนี่ย!?”

สินถึงกับหลุดสบถด้วยความตกใจ… หลังได้เห็นลูกบอลเพลิงขนาดยักษ์ที่ปรากฏขึ้นรอบตัวของมิโนทอร์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของแต่ละลูกใหญ่พอจะกลืนมนุษย์คนนึงได้สบาย ๆ แถมจำนวนยังมีมากถึงหกลูก

“แย่แล้วค่ะ! ต้องรีบทำลายเวทยิงของมัน! ไม่งั้นที่นี่ไหม้เป็นตอตะโกแน่!” ฝ้ายรีบตะโกนบอกแผนรับมือ แต่ก่อนหน้านั้นทัตก็เคลื่อนไหวไปก่อนแล้ว โดยเริ่มจากรีบไปแตะแผ่นหลังของทุกคนเพื่อใช้สกิล ‘เสริมพลังกาย’ กับ ‘เสริมพลังเวท’ ให้พวกเขาทุกคนอีกทบ

รวมตัวทัตเองด้วย… จึงทำให้ตอนนี้ทุกคนมีออร่าสีทองอาบร่าง 4 ขั้นซ้อนทับกันอยู่

“ขอบคุณมากค่ะ” ฝ้ายพยักหน้ารับ ดูท่าจะดีใจไม่น้อยที่ทัตเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการโดยที่ไม่ต้องบอก

“ระหว่างที่ผลของสกิลซ้อนกันอยู่แบบนี้… ต้องอาศัยจังหวะนี้แหล่ะโค่นมันให้ได้” ทัตพูดกระตุ้นทุกคน ก่อนจะเริ่มร่ายเวทยิงธาตุน้ำนำหน้าทุกคนไปพร้อม ๆ กับฝ้าย

“แน่นอนอยู่แล้วครับ!”

“ถึงไม่บอกก็รู้อยู่แล้วเฟ้ย!”

ทุกคนช่วยกันร่ายเวทยิงธาตุน้ำด้วยจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะทำได้ นั่นทำให้มีลูกบอลน้ำลอยอยู่ทั่วบริเวณนี้เต็มไปหมดเหมือนฝนถูกหยุดเวลา

“เอาเลยค่ะ!”

ทันทีที่ฝ้ายให้สัญญาณ ทุกคนก็รีบยิงเวทน้ำทั้งหมดของตัวเองใส่ลูกบอลเพลิงที่เจ้ามิโนทอร์ร่ายไว้

แลกกับบอลน้ำทั้งหมดที่ระเหิดหายไปจนเกลี้ยง ลูกบอลเพลิงของคิงมิโนทอร์เองก็ได้อันตรธานหายไปจนหมดเช่นกัน

นั่นคือสัญญาณดีและเป็นจังหวะที่ทุกคนถีบพื้นร่นระยะเข้าหาคิงมิโนทอร์เพื่อปิดฉาก

หมัดทั้งสองข้างของทัตอาบด้วยเวทยิงธาตุน้ำเพื่อเอาชนะเปลวเพลิงที่ยังอาบร่างของคิงมิโนทอร์อยู่

คิงมิโนทอร์พอเห็นทัตเคลื่อนไหว มันก็รีบเงื้อหมัดซ้ายที่เหลืออยู่ไปข้างหลังก่อนจะชกเข้าใส่ทัต เป็นเวลาเดียวกับที่ทัตออกหมัดต่อยสวนคืนไปจนหมัดของทั้งสองกระทบกัน

เกิดเสียงดังลั่นเหมือนระเบิดลง… แต่ผลต่างของสเตตัสทำให้หมัดของมิโนทอร์ถูกดีดกลับไป หากเป็นตอนนี้ทัตเป็นฝ่ายเหนือกว่ามันด้านพละกำลัง

“เสร็จโจร!” สินเป็นอีกคนที่เห็นจังหวะจึงพุ่งเข้าหามิโนทอร์ถัดจากทัตในเวลาไล่เลี่ยกัน

แต่เจ้ามิโนทอร์มันก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

ด้วยหมัดขวาที่เหลืออยู่… มันจัดการใช้มือข้างนั้นเหวี่ยงใส่ทัตในแนวนอนหวังจะกวาดร่างของทัตให้ปลิวกระเด็นไปโดยไม่สนสินที่พุ่งเข้าหาเลยสักนิด? ท้ายสุดมันก็ยังเล็งทัตที่อยู่ใกล้ตัวเองมากกว่าอยู่ดี

“เฮ้ย! ทำอะไรวะ!?”

แต่แทนที่ทัตจะหลบเฉย ๆ เขากลับเปลี่ยนใจแล้วถีบพื้นพุ่งเข้าไปหาสิน ก่อนจะคว้าตัวสินหลบออกไปจากระยะการโจมตีที่ไม่น่าจะถึงตัวสินด้วยสาเหตุที่สินเองก็ไม่เข้าใจ

การหลบหลีกทำได้สำเร็จ ทางทัตสัมผัสได้เลยว่าจังหวะที่หลบพ้น แขนของเจ้ามิโนทอร์เหวี่ยงผ่านหัวของเขาไปนิดเดียวเท่านั้น

แต่เพราะเปลี่ยนทิศการเคลื่อนที่กะทันหันเลยถึงกับทำให้ข้อเท้าของทัตแพลงไปเลย แลกกับเรื่องนั้นคือทั้งทัตและสินได้ออกจากระยะการโจมตีของเจ้ามิโนทอร์ไปเรียบร้อยแล้ว

นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ้ายกับคิวสลับเข้าไปโจมตีเจ้ามิโนทอร์

เพราะมีจังหวะที่ยังเหวี่ยงแขนอยู่แต่วืดเพราะโจมตีไม่โดนทั้งทัตหรือสิน เลยเป็นจังหวะให้คิวกระโดดขึ้นสูงแล้วจัดการใช้คมหอกวาดผ่านดวงตาซ้ายของมันเลียนแบบการโจมตีของฝ้ายก่อนหน้า และก็ได้ผลเหมือนกับก่อนหน้า

โฮกกกกกก!!!!!!

คิงมิโนทอร์แผดเสียงอีกครั้งด้วยความโกรธกริ้วหลังสูญเสียการมองเห็นทั้งหมดไป ณ ตอนนี้แม้แต่สกิลซิกส์เซนส์ของมันก็ไม่อาจเอาชนะความหวาดกลัวต่อความตายของมันได้ จึงสูญเสียสติและจัดลำดับความสำคัญไม่ถูก

“ช่างเป็นเสียงที่น่ารำคาญจริง ๆ นะคะ”

ฉั๊ว!!!

กระทั่งถูกคมหอกของฝ้ายวาดผ่านเป็นครั้งสุดท้ายจนหัวของมันหลุดออกจากบ่า คือสิ่งที่ช่วยยืนยันการตัดสินใจที่ผิดพลาดและเอาแต่หวาดกลัวจนป้องกันตัวเองไม่ได้ของคิงมิโนทอร์

ร่างของมันจึงล้มลงถึงพื้นพร้อมกับศีรษะที่หลุดกระดอน หลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นละอองสีทอง ช่วยยืนยันว่ามันตายสนิทในทันทีแน่แล้ว

ท่านได้รับการเลเวลอัพเป็น ‘เลเวล 75’ แล้ว

ได้รับ ‘แต้มเลเวล’ 11 แต้ม

ได้รับฉายา ‘Minotaur Slayer’

‘ความสามารถทางกาย’ เพิ่มขึ้น

ความเชี่ยวชาญคลาสของอาชีพ ‘Fighter’ ‘Mage’ ‘Supporter’ ‘Mage Fighter’ และ ‘Guard Fighter’ เพิ่มขึ้น

อีกสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเจ้าคิงมิโนทอร์ตายแน่แล้ว ก็คือคำประกาศที่เข้ามาในหัวของทัต นั่นทำให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกโดยที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาทันที ถึงส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเขาข้อเท้าขวาแผลงเลยลุกขึ้นไม่ได้ง่าย ๆ ก็ตามที

ในตอนนั้น สินที่อยู่ใกล้ ๆ ก็เดินเข้ามาหา ทัตก็เผลอคิดไปว่าสินที่ย่อตัวลงคงหวังจะช่วยพยุงเข้าขึ้นให้ แต่ว่า…

“เห้ยแกน่ะ! เมื่อกี้เข้ามาขวางทำไมวะ!?” สิ่งที่สินทำกลับไม่ใช่การเข้ามาช่วยเหลือทัต หากแต่เป็นการกำคอเสื้อทัตพร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาของทัตเหมือนกับกำลังเค้นคอด้วยแววตาที่หงุดหงิดเอาเรื่อง

ซึ่งพอมานึกดู… การโจมตีของเจ้ามิโนทอร์ก่อนหน้านี้เองก็ไม่น่าจะมาถึงตัวของสินได้เพราะมันเล็งทัตอยู่

ณ จุดนั้นต่อให้ไม่ใช่ทัตก็คงสับสนเหมือนกันว่าทัตจะเข้าไปขัดจังหวะสินทำไม มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สินจะงงงวย แต่ที่ถึงกับหงุดหงิดจนเหมือนจะชวนท้าตีท้าต่อยก็เป็นแค่บุคลิกของเจ้าตัวเท่านั้น

อาจเพราะแบบนั้นก็ได้ ทัตก็เลยคิดว่าต่อให้พูดไปตอนนี้ สินที่กำลังโกรธก็อาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดก็ได้ เลยเอาแต่นิ่งเงียบตามบุคลิกปกติที่ไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่นักของทัต

นั่นถึงยิ่งทำให้สินหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นไปอีก

“เฮ้ย! พูดอะไรหน่อยสิวะ————”

“เพราะการโจมตีนั้นเป็นตัวหลอกยังไงล่ะคะ”

ทว่าในท้ายสุด… คนที่ช่วยแถลงไขเรื่องนั้นกลับเป็นตัวฝ้ายที่เดินเข้ามาทางทั้งสองคนก่อนจะจับข้อมือของสินเอาไว้แน่นเพื่อให้เขาปล่อยมือจากคอเสื้อของทัต

ซึ่งสินเองก็ยอมปล่อยแต่โดยดี แม้จะยังไม่หายหงุดหงิดก็ตาม

…แต่นั่นก็เป็นตอนก่อนที่จะได้รับการแถลงไข

“การโจมตีนั้นเหมือนกับจะเล็งที่พี่ แต่ที่จริงมันเล็งที่คุณต่างหาก พี่ทัตรู้เรื่องนั้นเพราะอยู่ใกล้มันมากที่สุด เพราะงั้น… ที่พี่ทัตทำไปก็เพื่อช่วยชีวิตคุณนะคะสิน” ฝ้ายพูดทุกอย่างออกมาอย่างที่ทัตคิดแต่กลัวว่าพูดไปแล้วอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจเลยไม่ได้พูดออกมา

ซึ่งสำหรับคนที่สื่อสารกับคนที่ไม่สนิทไม่เก่งอย่างทัตแล้ว นี่ถือว่าช่วยได้มากเลย

“…ก็ตามนั้น”

“ชิ!”

ทัตกล่าวเสริมเพื่อยืนยันว่านั่นเป็นความจริง แต่สิ่งที่สินทำดันเป็นการเดาะลิ้นใส่ทัตเสียอย่างนั้น

ตอนแรกทัตก็คิดแค่ว่าสินคงไม่เข้าใจเจตนาของตนก็เลยหงุดหงิด แต่ดูเหมือนการไม่พูดเจตนาของตัวเองออกไปให้เข้าใจตรง ๆ แต่แรกจะส่งผลเสียมากกว่า ทัตเลยถอนหายใจให้กับตัวเองอีกครั้งหลังได้ตระหนักว่าบาดแผลจากการชอบเก็บกดความรู้สึกตัวเองมันส่งผลมากกว่าที่คิด

“ถ้าเป็นงั้นก็รีบอธิบายสิ จะมัวอ้ำอึ้งอยู่ทำไม”

ยังไงก็ตาม… สินก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น

เพราะหลังจากที่เดาะลิ้นระบายอารมณ์ขุ่นเคืองไปแล้ว เขาก็ยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงทัตให้ลุกขึ้น

ดูเผิน ๆ เขาเหมือนเป็นคนที่มีอารมณ์ไม่คงที่ราวผีเข้าผีออก… แต่ตอนนี้ทัตรู้แล้ว ว่าเขาก็แค่เขินที่ดันไปโกรธคนที่ช่วยตัวเขาไว้แทนที่จะขอบคุณก็เท่านั้น

ทัตจะหงุดหงิดใส่กลับไปก็ใช่เรื่อง เขาเลยรับข้อเสนอให้สินช่วยพยุงเขาจนยืนขึ้น

“อาการหนักมากไหมคะ?” ฝ้ายเดินเข้ามาถามทัตที่ถูกสินพยุงด้วยความเป็นห่วงตามคาด

“ไม่หนักมาก แต่คงเคลื่อนไหวได้แค่ข้างเดียวแล้วล่ะ” ทัตยิ้มตอบ แต่แน่นอนว่าอาการไม่ดี เพราะมันหมายความว่าเขาคงสู้ไม่ได้อีกในเร็ว ๆ นี้

“โค่นบอสเลเวล 90 ได้โดยที่มีแค่แผลข้อเท้าแพลงนับว่าประสบความสำเร็จมากเลยนะครับ… ในจุดนั้นทัตเองก็สุดยอดเลยนะครับ ไม่งั้นอาจมีคนมุทะลุแถวนี้เจ็บหนักไปแล้ว” คิวพูดแล้วก็ยิ้มยียวนใส่สิน

“หนวกหูเฟ้ย! ก็ใครจะไปรู้ล่ะวะ!” ได้ยินแบบนั้นมีหรือที่สินจะยอมอยู่เฉย แต่โชคดีที่เขาพยุงทัตอยู่ ไม่อย่างนั้นคู่นี้คงวางมวยกันแล้ว

“แต่ถ้าใช้ ‘จิตล่าสังหาร’ ได้น่าจะสบายกว่านี้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” แล้วพอกวนประสาทคู่กัดตัวเองเสร็จ คิวก็หันมาแสดงความรู้สึกผิดกับฝ้ายแทน

ซึ่งสำหรับเรื่องนั้น ทั้งทัตและสินเองก็คิดอยู่ว่าหากฝ้ายใช้สกิลที่สามารถเรียกมอนสเตอร์ ‘Chivalry’ ออกมาช่วยสู้ได้การต่อสู้ก็น่าจะสะดวกกว่านี้เยอะ แต่ที่ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะมันจะส่งจิตสังหารแล้วทำให้พวกทัตกลัวจนขยับไม่ได้ตามไปด้วย จนสุดท้ายก็จะกลายเป็นฝ้ายคนเดียวที่รับภาระสู้กับเจ้าคิงมิโนทอร์

แต่ดูเหมือนทางฝ้ายจะไม่คิดเรื่องเล็กน้อยแบบนั้น

“ช่างเถอะค่ะ… ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเราชนะแล้ว แค่นี้ก็มากพอแล้วค่ะ”

เธอถึงได้ส่ายหน้าแล้วเผยยิ้มออกมาให้กับทุกคน รอยยิ้มของเด็กสาวน่ารักน่าชังคงทำให้หลาย ๆ คนใจละลาย โดยเฉพาะคิวที่น่าจะหลงฝ้ายหัวปักหัวปำแต่แรกแล้ว นี่ถ้าเป็นในการ์ตูน ดวงตาของเขาคงเป็นรูปหัวใจไปแล้ว

ทัตเองก็รู้สึกใจชื้นอยู่เหมือนกัน เพราะอย่างน้อย ๆ บรรยากาศสงบ ๆ ก็กลับคืนมาแล้ว และคิดว่าอย่างน้อย ๆ ก็ได้เวลาพักเป็นการตอบแทนหลังเจอศึกหนัก

…ตัวเขาคิดแบบนั้น

“สุดยอด!!! จัดการเจ้ายักษ์พวกนั้นได้ด้วย!”

“พวกนายนี่เจ๋งชะมัดเลย!”

“เป็นใครมาจากไหนกันเนี่ย?”

“ “ “ “!!!!?” ” ” ”

ในจังหวะที่คิดว่าถึงเวลาพักแล้ว เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างนั้น

พวกทัตตระหนักเรื่องนั้นได้ หลังจากเห็นว่ามีกลุ่มคนจำนวนนับสิบคนได้เดินออกมาจากห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต คาดเดาได้ว่าคนพวกนี้น่าจะกลัวเจ้าบอสคิงมิโนทอร์จนต้องซ่อนตัวอยู่ในนั้นมาตลอด

แล้วพอเห็นว่ามีคนล้มมันได้ก็เลยออกมาปรากฏตัวให้เห็น ซึ่งถ้าคนพวกนี้เป็นประชาชนตาดำ ๆ ก็ไม่รู้สึกว่าต้องระวังตัวหรอก

แต่เพราะในมือของพวกเขาต่างก็มีอาวุธครบครันและครบทุกคนนี่แหล่ะมันถึงได้น่าระวังตัว

เพราะไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นประชาชนคนธรรมดาหรือผู้มีพลัง

เป็นคนที่ไว้ใจได้หรือไว้ใจไม่ได้

และที่สำคัญ… คือไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นอริกับกลุ่มเซฟเวอร์หรือไม่

เพราะถ้ามันเป็นอย่างหลัง

ในสถานการณ์ที่ทุกคนใช้สกิลก้นหีบไปแล้วแถมทัตยังได้รับบาดเจ็บอีกล่ะก็… คงจะไม่มีสถานการณ์ใดเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว

❖❖❖❖❖

แกร่งสุดด้วยอาชีพผสาน ในโลกที่มีมอนสเตอร์ออกมากินคนยามค่ำคืน

แกร่งสุดด้วยอาชีพผสาน ในโลกที่มีมอนสเตอร์ออกมากินคนยามค่ำคืน

Status: Ongoing
ทัตได้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ประหลาดที่โลกจะเปลี่ยนเป็นเกมเอาตัวรอดจากมอนสเตอร์สุดโหดในตอนกลางคืน เขาจำต้องอัพเลเวลและกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะภัยอันตรายไม่ได้มีเพียงแค่มอนสเตอร์เท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท