นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่44 แม่จะช่วยเจ้าจัดการพวกเขา!
โจวกุ้ยหลานปล่อยให้เขาจับไป มือก็ลูบหลังเขาเบาๆ สายตาเหลือบไปเห็นจุดแดงบนคอของเจ้าก้อนน้อย
นางตกใจแล้วขยับเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นว่าเป็นรอยโดนบีบ
เมื่อกี้เขาโดนบีบคอด้วยเหรอ?
พอคิดได้ว่าอาจจะเป็นแบบนั้น โจวกุ้ยหลานก็โกรธมาก
ถ้าเจ้าก้อนน้อยไม่อยู่ในสายตานาง คงจะโดนบีบคอจนตายไปแล้ว
นางตรวจสอบดูจุดอื่นๆ เห็นบนแขนมีรอยฟกช้ำไม่น้อย ข้อมือก็แดงไปหมด ขนาดขาของเขายังมีรอยโดนหยิกเลย
พวกเด็กนรก กล้าทำร้ายลูกชายสุดที่รักของนางงั้นเหรอ?
นี่เข้าขั้นทำร้ายแล้วนะ หวังหยู่ชุนตาบอดหรือไง อย่างนี้แล้วยังไม่เห็นอีก?
โจวกุ้ยหลานกัดฟันกรอด ไฟแห่งโทสะปะทุขึ้นมาในใจ ทำเอานางหน้าแดงก่ำไปหมด
เจ้าก้อนน้อยมองแม่ตัวเองอย่างตกตะลึง เขายื่นมือไปปิดตาโจวกุ้ยหลานไว้ แล้วพูดปลอบใจด้วยเสียงหน่อมแน้มว่า: “แม่ไม่โกรธนะ……”
พอถูกเขาปลอบใจแบบนี้ ในใจของนางก็เหมือนมีมือใหญ่มาบีบเอาไว้ เจ็บจนขอบตานางแดงก่ำ
“แม่ไม่โกรธนะ ต่อไปเสี่ยวเทียนโดนทำร้าย ให้ตีกลับไปแรงๆเลยนะ เข้าใจไหม?” โจวกุ้ยหลานสอนเขา
เจ้าก้อนน้อยก็พยักหน้าเบาๆ
“ถ้าตีไม่ไหวก็เรียกแม่ แม่จะช่วยเจ้าจัดการพวกนั้นเอง!” โจวกุ้ยหลานพูดเสริมไปอีก
เจ้าก้อนน้อยพยักหน้าอีกครั้ง แล้วก็พูดต่อท้ายว่า: “เสี่ยวเทียนไม่เจ็บแล้ว”
โจวกุ้ยหลานแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
เจ้าก้อนน้อยที่น่ารักและเชื่อฟังแบบนี้ เด็กพวกนั้นทำลงไปได้ยังไงกันนะ?
แต่ก็ต้องโทษหวังหยู่ชุนอยู่ดี เด็กยังเล็กก็ควรจะสั่งสอนให้ดี ที่เด็กเป็นแบบนี้เพราะนางสั่งสอนได้ไม่ดี
เอ้อร์เฉียงทำไร่ทำนาข้างนอกบ้าน ไม่มีเวลามาสั่งสอนลูกตัวเอง
นั่งอยู่ในห้องสักพัก ปลอบใจเจ้าก้อนน้อยเสร็จ รอเขาใจเย็นลงแล้ว โจวกุ้ยหลานก็พาเขาออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้ให้เขาอยู่ข้างตัวเองตลอด
หวังหยู่ชุนเห็นนางเลี้ยงเด็กแบบนี้ ก็ทำท่าไม่พอใจ แต่โจวกุ้ยหลานก็ไม่สนใจ
คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อกี้ หวังหยู่ชุนก็ช่วยทำอาหารเช้าอย่างขยันขันแข็ง
รอพวกเขาทำเสร็จหมดแล้ว ก็ถึงเวลากินข้าวเช้าพอดี
เหล่าไท่ไท่เอาผักดองที่ตัวเองเอามาด้วยออกมา ตักข้าวต้มให้ทุกคนคนละถ้วย แล้วให้พวกเราหยิบหมั่นโถวกันเอง
หวังหยู่ชุนหยิบหมั่นโถวชิ้นใหญ่คนแรก นางกัดหนึ่งคำใหญ่ๆแล้วดื่มข้าวต้มหนึ่งคำ ข้าวติดเต็มหน้าไปหมด
เห็นนางกินแบบนี้ โจวต้าซานก็ขมวดคิ้ว แต่ก็เป็นลูกสะใภ้ จะพูดอะไรก็ไม่ได้ จึงต้องทำเป็นไม่เห็นเรื่องนี้
เด็กสามคนกลัวคนอื่นแย่งของพวกเขา มือสกปรกรีบหยิบหมั่นโถวไว้หลายๆอัน หมั่นโถวสีขาวนั้นมีรอยฝ่ามือดำๆประทับ
“เอาไปกินในถ้วยตัวเอง! วุ่นวายอีกเดี๋ยวก็โดนหรอก!” เอ้อร์เฉียงมองค้อนลูกชายสามคนของตัวเอง แล้วตะคอกใส่เสียงดัง
คนเยอะขนาดนี้ เขารู้สึกขายหน้าหมด
เจ้าเด็กพวกนี้ ไม่คิดจะไว้หน้าเขาเลยหรือไง
ผู้ชายคนอื่นเห็นแล้วก็หัวเราะ ในใจคิดยังไงไม่มีใครรู้ได้
นานๆทีจะได้ยินข้าวต้มที่มีข้าวเต็มๆแบบนี้ ยังมีหมั่นโถวให้กินอีก นี่มันเป็นชีวิตบนสวรรค์ชัดๆ!
คนกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกินข้าวต้มข้างนอก กัดกินหมั่นโถวคำใหญ่ๆ
หลี่ซิ่วยิงกินได้อย่างสบายใจมาก ทำอาหารแต่เช้า ในที่สุดก็ได้กินสักที ตาแก่ไม่ได้หลอกนาง อร่อยจริงๆ
คนกลุ่มหนึ่งยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว กินข้าวต้มจนไม่เหลือข้าวสักเม็ด หวังหยู่ชุนกินอย่างไม่หวงหน้าตา ยัดหมั่นโถวเข้าปากแทบจะใช้คำว่าเขมือบเข้าไปแล้ว ยังไม่ทันได้กลืนเข้าท้อง ก็หยิบกินอันต่อไป
โจวชิวเซียงก็กินอย่างสง่าขึ้นไม่น้อย แต่ความเร็วของการกินก็ไม่ลดลงเลย
รอพวกเขากินอิ่มแล้ว ยังเหลือหมั่นโถวสิบกว่าอัน
โจวเหล่าไท่ไท่ทนไม่ไหวเหลือบมองหลี่ซิ่วยิง พึมพำในใจว่า พี่สะใภ้ตัวเองไม่คิดที่จะประหยัดเพื่อคนอื่นเลย ใช้ของคนอื่นโดยไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ
เก็บหมั่นโถวพวกนี้แล้วล้างถ้วยตะเกียบให้เสร็จ ก็ตักน้ำไปต้มให้คนทำงานกิน โจวกุ้ยหลานก็เอาเนื้อกับเคลื่งอหมู ยกกะละมังเสื้อผ้าแล้วพาเจ้าก้อนน้อยลงไปซักผ้าด้วยกัน
เหล่าไท่ไท่ก็ลงเขาพร้อมกับนาง ส่วนพวกลูกสาวของลุงใหญ่ ก็ให้พวกนางไปเด็ดผักในสวนของนางมาเตรียมอาหารมื้อต่อไป
ครั้งนี้โจวกุ้ยหลานไม่ได้ไปบ่อน้ำ แต่ไปลำธารข้างล่างภูเขา นั่งยองๆ ให้เหล่าไท่ไท่ซักเสื้อผ้า นางก็หยิบเกลือหนึ่งกำมือมาล้างไส้หมู
เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว “เจ้าล้างอะไรน่ะ เปลืองเกลือ พวกนี้กินไม่ได้นะ ซื้อมาเสียดายเงินเปล่าๆ”
โจวกุ้ยหลานยังไม่ทันตอบ เจ้าก้อนน้อยก็ตอบก่อนแล้วว่า: “อร่อย”
ว่าแล้ว ก็กลืนน้ำลายเอื๊อกๆ
เห็นท่าทีเขาแบบนี้ ความโกรธและอึดอัดใจของโจวกุ้ยหลานก็หายไปทันที
ครั้งก่อนตอนทำเครื่องในหมูป่า หลังจากที่นางล้างทำความสะอาดแล้วทำเป็นอาหารอร่อยๆ เจ้าก้อนน้อยกินหมดอย่างรวดเร็ว นี่ก็ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้ว เขายังจำได้อยู่อีก
โจวเหล่าไท่ไท่เบิกตาโพลง: “กินได้จริงเหรอ? กลิ่นเหม็นจะตายไป พวกเราหลายปีก่อนจะอดตายอยู่แล้วก็ไม่คิดจะกินของแบบนี้หรอกนะ!”
แน่นอนว่า เหตุผลหลักคือตอนนั้นไม่มีเงินซื้อ
โจวกุ้ยหลานยิ้มตอบ: “นั่นเป็นเพราะพวกท่านทำไม่เป็นไงล่ะ เดี๋ยวตอนเที่ยงข้าทำให้กิน รับรองว่าอร่อยเหาะ”
เหล่าไท่ไท่ไม่เชื่อ: “เจ้าจะทำอร่อยกว่าข้าเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” โจวกุ้ยหลานตอบอย่างไม่ลังเล
โจวเหล่าไท่ไท่ชะงัก นึกถึงอาหารที่ลูกสาวตัวเองทำเมื่อวาน ก็พูดไปว่า: “ถ้าใช้เกลือและน้ำมันแบบเจ้า ใครจะทำอาหารไม่อร่อยบ้างล่ะ?”
สำหรับคำพูดของเหล่าไท่ไท่ โจวกุ้ยหลานไม่ได้ตอบโต้กลับ
การทำอาหารเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำอะไรเหมือนกัน
ถึงแม้จะเป็นวัตถุดิบเดียวกัน ทำออกมาก็ไม่มีทางเหมือนกันแน่นอน
ทั้งสองขยี้ล้างสักพัก เหล่าไท่ไท่ก็พูดขึ้นว่า: “พี่สะใภ้หยู่ชุนของเจ้าไม่รู้กาลเทศะจริงๆ ไม่ดูลูกตัวเองให้ดี นางเกียจคร้านเป็นนิสัย ป้าของเจ้าก็ไม่คุมนางหน่อย”
โจวกุ้ยหลานตอบ “อืม” สั้นๆคำเดียว
“ถึงจะหาเรื่องก็ต้องทำลับหลังไหม เจ้าไปหาเรื่องนางต่อหน้าแบบนี้ พี่เอ้อร์เฉียงเจ้าจะคิดยังไง?”
โจวกุ้ยหลานหันหน้าขวับกลับไปมองเหล่าไท่ไท่ เห็นเหล่าไท่ไท่ยังซักผ้าอยู่ เหมือนคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้พูดกับนาง
นี่กำลังสอนนางว่าควรทำยังไงเหรอ แม่นางองอาจจริงๆเลยนะ!
“โง่จริงๆ!”
เหล่าไท่ไท่จับเสื้อผ้าไว้ แล้วโยนเสื้อผ้าลงไปซักในลำธาร
โจวกุ้ยหลานเบะปากพูด: “ก็แม่คลอดออกมาเองนี่?”
เหล่าไท่ไท่ใช้ไม้ทุบเสื้อผ้า: “แล้วทำไมไม่เรียนรู้สิ่งดีๆจากข้าล่ะ?”
“ก็แม่สอนข้ามาดีไง”
โจวกุ้ยหลานยิ้มตอบ
นางพูดจบก็ยิ่งชอบเหล่าไท่ไท่เข้าไปใหญ่
นางจะต้องตั้งใจหาเงิน ให้เหล่าไท่ไท่ได้ใช้ชีวิตวัยชราดีๆ ไม่ต้องลำบากเหมือนตอนนี้!
รอสองแม่ลูกซักเสร็จแล้วกลับไป ก็เห็นโจวชิวเซียงส่งน้ำให้สวีฉางหลินอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานมองอย่างเย็นชา ถ้าสวีฉางหลินกล้ารับน้ำนั้นอีก นางก็จะ……
กำลังคิดอยู่นั้น สวีฉางหลินก็รับน้ำถ้วยนั้นมาดื่มจนหมด แล้วยื่นถ้วยคืนโจวชิวเซียง แล้วพูดกลับไปว่า: “ขอบใจ”
ขอบใจ……ขอบใจบ้าอะไรกัน!