นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 55 ความรู้สึกดีเลยทีเดียว
สวีชางหลินที่ฟันฟืนอยู่ด้านข้าง หอบเอาฟืนที่ฟันเสร็จแล้วมาวางไว้ด้านข้างเตาไฟ จากนั้นก็ไปล้างมือ กลับมาหยิบแผ่นแป้งขึ้นมา มองดูทำตามโจวกุ้ยหลานสอนเจ้าก้อนน้อย ห่อเกี๊ยวทีละขั้นตอน
เกี๊ยวอันแรก ใช้แรงมากเกินไป แผ่นเกี๊ยวอันนั้นถูกเขาบีบจนเสีย
โจวกุ้ยหลานเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า
“นี่เจ้าห่อเกี๊ยว หรือบีบแผ่นเกี๊ยว?”
“เจ้าเด็กคนนี้พูดจายังไง คนอื่นจะเรียนรู้ไม่ได้หรือ?” โจวเหล่าไท่ไท่รีบช่วยพูดแทนสวีชางหลิน
ลูกคนนี้ ทำไมต่อหน้านางที่เป็นแม่แล้วไม่ให้เกียรติสามีของตนเองเลย?
โจวกุ้ยหลานแลบลิ้น
สวีชางหลินไม่ยอมแพ้ หยิบแผ่นแป้งขึ้นมาอีกหนึ่งอันแล้วก็ห่อเกี๊ยวที่แผ่นแป้งเสียแล้วอันนั้น ครั้งนี้เขารักษาแรงอย่างพอดี เมื่อบีบเกี๊ยวติดกันเรียบร้อยแล้ว ก็ยื่นมาให้โจวกุ้ยหลาน
ครั้งนี้ถึงแม้จะไม่มีกรีบเกี๊ยว แต่ยังไงก็พัฒนาขึ้น โจวกุ้ยหลานรีบพูดชมขึ้นว่า “ไม่เลวไม่เลว”
เพิ่งพูดเสร็จ เจ้าก้อนน้อยก็ชูเกี๊ยวของตนเองห่อเสร็จแล้วขึ้นมา บนนั้นยังมีกลีบเกี๊ยวด้วย ถึงแม้จะไม่ค่อยสวย แต่ยังไงก็เป็นการห่อเกี๊ยวครั้งแรก นี่ถือว่าไม่เลวแล้ว
สวีชางหลินเศร้า ตนเองเทียบลูกชายตนเองไม่ได้แล้ว
“ไม่เลวไม่เลว เกี๊ยวอันนี้ห่อได้ไม่เลว เสี่ยวเทียนเก่งมาก” โจวกุ้ยหลานพูดชมขึ้นมาอีกครั้ง
เจ้าก้อนน้อยยิ้มกริ่ม เผยให้เห็นฟันขาวซี่เล็กน้อยๆ
สวีชางหลินหยิบแผ่นเกี๊ยวมาอีก บีบเกี๊ยวให้เหมือนของโจวกุ้ยหลาน
ครั้งนี้เกี๊ยวดูเป็นรูปเป็นร่าง จนโจวกุ้ยหลานยังค่อนข้างตกใจ
โจวเหล่าไท่ไท่ก็พูดขึ้นอย่างดีใจว่า “ชางหลินเรียนรู้ได้เร็วจริงๆ ห่อเกี๊ยวต้องมีเทคนิค ออกแรงมากไม่ได้”
“ขอบคุณครับแม่” สวีชางหลินตอบรับ สายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ห่อเกี๊ยวเก่งขนาดนี้ งั้นเจ้าห่อสามสิบอันนะ” โจวกุ้ยหลานมอบหมายภาระงานให้สวีชางหลิน
สวีชางหลินทำได้อย่างรวดเร็ว และก็ยากที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ห่อเสร็จแล้วมีรางวัลอะไร?”
รางวัล? นางทำกับข้าวมาตั้งหลายมื้อขนาดนี้ก็ไม่เห็นมีรางวัลอะไรนี่
ผู้ชายคนนี้ ทำธุรกิจเก่งจริงๆ
เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ด้านข้างก็ปรบมือพร้อมพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “รางวัล รางวัล”
โจวกุ้ยหลานเอื้อมไปจับแก้มเจ้าก้อนน้อย เจ้าก้อนน้อยคนนี้ เวลาแบบนี้ก็ไปยืนข้างพ่อของเขาแล้ว
“รางวัลก็คือให้พวกเจ้าทานเกี๊ยวที่พวกเจ้าห่อให้หมด แบบนี้ได้ไหม?” โจวกุ้ยหลานปล่อยมือพร้อมพูดขึ้น
เจ้าก้อนน้อยห่อเกี๊ยวอันที่สองต่ออย่างดีใจ
สวีชางหลินไม่ค่อยพอใจกับคำตอบนี้ หากจูบเขาหนึ่งทีก็คงดี หากนอนกับเขา ก็จะยิ่งดีที่สุด
สายตาหันเหลือบไปมองแม่ยายของตนเอง ในใจก็คิดวางแผนไว้แล้ว
รอเมื่อแม่ยายกลับไป คืนนี้ไม่ว่ายังไง ก็จะต้องได้นอนกับภรรยา
นี่เป็นคำปฏิญาณของผู้ชาย
รอเมื่อห่อเกี๊ยวเสร็จหมดแล้ว โจวต้าไห่ค่อยกลับมา
ทั้งครอบครัวต้มเกี๊ยวกินด้วยกัน คนละหนึ่งถ้วยใหญ่
โจวเหล่าไท่ไท่เสียดาย ไม่กล้ากินเยอะ ตักเกี๊ยวมาสิบอันแล้วก็บอกว่าตนเองกินอิ่มแล้ว โจวกุ้ยหลานตักเกี๊ยวให้นางอีกสิบอัน บีบบังคับให้นางกินหมดไม่อย่างนั้นจะต้องทิ้ง โจวเหล่าไท่ไท่ก่นด่าว่านางสิ้นเปลือง แต่ก็ยังกินเกี๊ยวในถ้วยจนหมด
“แม่ แม่เอาเกี๊ยวห้าสิบอันไปให้บ้านลุงใหญ่ด้วย โจวกุ้ยหลานพูดพร้อมกับหยิบเกี๊ยวในมือใส่ในจานสองจาน”
โจวเหล่าไท่ไท่พยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเห็นว่าเนื้อยังเหลืออยู่ เจ้าเอาใส่ไปให้เขาด้วยสิ”
โจวกุ้ยหลานพยักหัว ยังไงครั้งนี้พวกโจวต้าซานก็ช่วยงานอย่างมาก สิ่งของแค่นี้ควรที่จะให้
แล้วก็เอาเนื้อมาตัดแบ่งเป็นสามท่อน ที่เหลือสองท่อนใส่ไว้ในตะกร้ายื่นให้กับโจวเหล่าไท่ไท่
โจวต้าไห่เห็นแล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “น้องทำอะไร ที่บ้านมีของกินอยู่”
น้องสาวของเขาเพิ่งสร้างบ้านเสร็จ เงินที่บ้านก็ใช้ไปจนหมดแล้ว ยังไงก็จะเอาของกินของนางอีกไม่ได้
“ที่บ้านนี้ก็ยังมีอยู่ พวกเจ้าเอากลับไปเถอะ ต้องบำรุงร่างกายพี่ต้าไห่ด้วย ช่วงนี้บำรุงร่างกายให้ดี เดี๋ยวปีใหม่จะต้องสู่ขอภรรยา” โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
แค่คำพูดธรรมดาประโยคเดียว กลับทำให้โจวต้าไห่ที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าแดง
“พูดว่าอะไร ล้อพี่ชายของเจ้าเล่นอีก”
โจวกุ้ยหลานมองดูท่าทีแบบนี้อย่างแปลกๆ ดวงตากะพริบ ยื่นตะกร้าให้กับโจวเหล่าไท่ไท่ โดยไม่สนใจสายตาของโจวเหล่าไท่ไท่ เดินไปนั่งด้านข้างโจวต้าไห่ แล้วถามเขาว่า “พี่ เจ้าชอบคนแบบไหน ข้าช่วยเจ้าดู”
ยังไงก็ยังเป็นชายหนุ่มใสซื่อบริสุทธิ์ ถูกโจวกุ้ยหลานหยอกล้อแบบนี้ หน้าก็แดงแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงไม่หยอกล้อพี่ของเจ้า? เจ้าทำแบบนี้ข้าจะให้ชางหลินจัดการเจ้าแล้วนะ”
“เขาไม่ทำ ใช่ไหม?” ประโยคหน้าพูดกับโจวต้าไห่ ประโยคหลังหันไปถามสวีชางหลิน
สวีชางหลินพยักหัว โจวกุ้ยหลานจึงหยอกล้อโจวต้าไห่ต่ออย่างตื่นเต้น
พี่ชายของตนเองคนนี้น่าสนใจจริงๆ ปกติก็เป็นคนอารมณ์ดีนิสัยดี ตอนนี้แค่ถามเขา หน้าก็แดงไปหมดแล้ว
โจวเหล่าไท่ไท่โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาละ อย่ามัวแต่ล้อเล่น เจ้ารีบมีชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยเหลือพี่ชายเจ้าบ้าง เราจะกลับบ้านกันแล้ว”
เมื่อโจวเหล่าไท่ไท่พูดเช่นนี้ โจวต้าไห่ราวกับถูกละเว้นโทษ รีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ รีบบอกลาพวกเขาแล้วก็ดึงโจวเหล่าไท่ไท่วิ่งหนีกลับไป
มองดูเงาหลังวิ่งหนีกลับไปของเขา โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ
หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว โจวกุ้ยหลานช่วยอาบน้ำให้เจ้าก้อนน้อยเสร็จ แล้วก็ไปอาบให้ตนเองในบ้านไม้ ทางนี้สวีชางหลินอาบน้ำเช็ดตัวแห้งเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าสะอาด นั่งอยู่บนเตียงแล้วก็คุยกับเจ้าก้อนน้อยว่า
“สวีเทียน เจ้าอายุสามขวบแล้ว”
เจ้าก้อนน้อยพยักหัวด้วยสัญชาตญาณ พ่อบอกว่าเขาอายุสามขวบแล้ว
“เจ้าเติบโตแล้ว”
เจ้าก้อนน้อยพยักหัวอีกครั้ง เขาเติบโตแล้ว
เมื่อเห็นเขารู้เรื่อง สวีชางหลินก็พูดกับลูกชายตัวเองต่อไปว่า “งั้นเจ้าควรที่จะนอนคนเดียวได้แล้วใช่ไหม?”
พ่อของตนเองจ้องมองตนเองอยู่อย่างจริงจังแบบนี้ ในใจของเขาเต้นตึกตัก แล้วก็พยักหัว
เมื่อลูกชายของตนเองตอบตกลง สวีชางหลินรีบอุ้มเจ้าก้อนน้อยที่ใส่กางเกงเรียบร้อยแล้วขึ้นมา เดินตรงไปในห้องด้านข้างที่เตรียมไว้ให้กับลูกชายโดยเฉพาะอย่างอดทนรอไม่ไหว กางฟูกบนเตียงใหม่แล้ววางเจ้าก้อนน้อยนอนลง
เอื้อมมือไปปิดตาเจ้าก้อนน้อย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่งว่า “นอนหลับ”
เจ้าก้อนน้อยที่ไม่เข้าใจอะไรหลับตาลงอย่างว่าง่าย สวีชางหลินดึงผ้าห่มมาห่มให้เขา แล้วก็รีบกลับไปยังห้องของตนเองรอคอยภรรยาของตน
เจ้าก้อนน้อยถูกหลอกให้หลับตาอยู่ตลอด รอคอยพ่อแม่ของตัวเองกลับมานอน
โจวกุ้ยหลานขัดถูร่างกายกับเส้นผมตนเอง หลายวันมานี้นางไม่ได้สระผมดีๆเลย วันนี้ต้องสระล้างให้ สะอาด ผ่อนคลายเสียหน่อย
แต่ที่บ้านไม่มีอะไรเลย มีเพียงน้ำให้ใช้ล้าง แบบนี้ยากที่จะล้างให้สะอาดได้ ไม่ได้ นางจะต้องไปซื้อสบู่มา ไม่อย่างงั้นสกปรกมากเลย
ล้างตัวเองสะอาดสะอ้านทั้งข้างนอกข้างใน ผิวหนังทุกขัดจนแดงหมดแล้วนางถึงจะหยุด สวมเสื้อผ้าเช็ดผม เทน้ำในถังออก แล้วค่อยกลับไปยังบ้านใหม่ของตนเอง
เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ล็อกประตูให้เรียบร้อย กลับไปในห้องทิศตะวันออก