บทที่ 116 ยาพิษ
นับตั้งแต่การสร้างสวนสนุกแห่งนี้ขึ้นมา ชีวิตของผู้คนในหมู่บ้านลู่หัวเองก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เช่นกัน ในตอนแรกผู้คนแค่คิดว่านี้เป็นศูนย์กิจกรรมระดับสูงอีกแห่งหนึ่งที่พวกเขาสามารถดื่มชา และเล่นหมากรุกได้
และนั้นทําให้ทั้งโจวหยูกับโจวฟูทั้งสองคนต่างก็ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงจากเหล่าผู้อาวุโสในหมู่บ้าน
พวกเด็กๆเองก็ไม่ได้วิ่งไปทั่วหมู่บ้านอีกต่อไปแล้ว เพราะสวนสนุกของพี่ชายหยุนั้นมีของเล่น และสนามเด็กเล่นเพียงพอสําหรับพวกเขาที่จะเล่นในฤดูร้อนสระว่ายน้ําก็จะเปิดและพวกเขาสามารถเล่นน้ําได้ตลอดทั้งหมด
นี้เป็นเพียงสวนเล็กๆเท่านั้น เพราะในสวนสนุกยังได้จัดสถานที่อย่างสนามแบดมินตัน, โต๊ะปิงปอง, สนามบาสเก็ตบอล, ทรายและสิ่งอํานวยความสะดวกด้านกีฬาอื่นๆจํานวนมากเอาไว้มันจึงทําให้เหล่าคนในหมู่บ้านต่างไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ต่างก็มารวมกันอยู่ในสวนสนุกแห่งนี้ทุกวัน
สวนสนุกลิตเติ้ลพาราไดซ์ ค่อยๆกลายเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านลู่หัวต้องมาทุกวัน
ไม่นานก่อนที่โจวหยุผู้ซึ่งปฏิบัติตัวเหมือนคนแปลกๆก็เปลี่ยนไป
เนื่องจากการถ่ายทําภาพยนตร์เรื่องนี้ ทําให้จํานวนนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมสวนสนุกแห่งนี้มากขึ้น ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนว่ารายได้ของชาวบ้านเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ตราบใดที่พวกเขาเต็มใจที่จะทํางาน พวกเขาไม่จําเป็นต้องกังวลว่าพวกเขาไม่สามารถหางานทําได้
การได้เห็นสวนสนุกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนหนุ่มสาวบางคนที่เคยทํางานนอกบ้านต่างก็ถูกเรียกกลับมา ท้ายที่สุดแล้วการทํางานในเมืองก็เป็นเรื่องยากกว่าการหางานทําใกล้ๆบ้า
เป็นผลให้หมู่บ้านลู่หัวซึ่งเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ที่แต่เดิมดูเหมือนเป็นหมู่บ้านของคน ชราก็ค่อยๆเริ่มดูเหมือนหมู่บ้านปกติมากขึ้น
ผู้สูงอายรู้สึกขอบคุณสวนสนุกแห่งนี้เป็นอย่างมากที่ทําให้ครอบครัวของพวกเขานั้นอยู่กันพร้อมหน้าได้ในที่สุด
ในทางกลับกันพวกเด็กๆไม่มีความคิดที่ลึกซึ่งอะไรมากนัก สําหรับพวกเขาแล้วการมีสถานที่เที่ยวเล่นแบบนี้มันก็ทําให้พวกเขามีความสุขมากพอแล้ว
เนื่องจากพี่ชายยุได้เปิดประตูลานบ้านของตัวเองตลอดเวลา ในนั้นต่างก็เต็มไปด้วยของเล่น จํานวนมากที่พวกเขาสามารถเล่นได้ และยังมีทุกวันเสาร์พวกเขายังสามารถได้ดูภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมได้อีกด้วย
ซึ่งปกติแล้วการฉายภาพยนตร์นั้นโจวหยูจะเปิดให้ทุกคนเข้าชมไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีนักข่าวเพิ่มมากขึ้นในหมู่บ้าน เขาจึงกลัวว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลต่อความสงบของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงได้เปลี่ยนกฏที่ว่าทุกคนสามารถเข้าชมได้ ให้เหลือเพียงพวกเด็กๆเท่านั้นที่สามารถเขาสมได้ แต่กฏของการใช้การบ้านเป็นตัวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งที่น่าจดจําที่สุดสําหรับเด็กน้อยโจวเฮาคือการช่วยสร้างภาพยนตร์
เจ้าเด็กน้อยนี้เคยเป็นผู้นําหลักของภาพยนตร์มาก่อน แต่เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจมากนัก สิ่งที่เขาชอบที่สุดในตอนนี้ก็คือการช่วยพี่ชายหยูในการสร้างภาพยนตร์ ระหว่างการถ่ายทําเด็กทุกคนต่างก็ค่อยควบคุมเรือทําการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบ เมื่อภาพยนตร์ออกมามันกับกลายเป็นการต่อสู้ทางเรือที่งดงามซึ่งทําให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
หลังจากที่โจวเฮารู้เรื่องนี้ เขาก็ได้ตั้งตาคอยที่พี่ชายหยูจะสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ขึ้นมา เขาไม่สนใจว่าเขาจะได้รับมอบหมายให้ทํางานอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเป็นเด็กยกกระเป๋าเขาก็จะทํามันอยู่ดี
และโอกาสนั้นก็มาถึงในที่สุด เมื่อพี่ชายหยู่เริ่มสร้างสร้างโมเดลขนาดใหญ่ขึ้นมา อีกฝ่ายได้บอกกับเขาว่าเจ้าโมเดลเหล่านี้จะถูกนําไปใช้ในภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า “ล่าขุมทรัพย์มังกร” ซึ่งมันฟังดูเป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่สมัครเข้าร่วมทีมงานถ่ายทํานี้
อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันไม่มีการต่อสู้ทางทะเล แต่เป็นการต่อสู้ทางอากาศแทน
เห็นได้ชัดว่ามันดูเหมือนเรือ แต่พี่ชายหยูอธิบายว่าเจ้าสิ่งนี้เรียกว่าเรือเหาะ มันสามารถบินได้ บนท้องฟ้า เมื่อเขาได้ฟังแบบนั้นมันทําก็เกิดความสงสัยว่ามันจะเป็นอย่างไรเมื่อภาพยนตร์ออกมา
นอกจากโจวหยูซึ่งกําลังถือกล้อง – “ข้ามมิติ” อยู่ ช่างภาพหนุ่มอย่างฉียูลินเองก็ถือกล้องถ่ายเพื่อถ่ายทําภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน โดยที่เจ้าตัวจะรับผิดชอบในการถ่ายมุมที่โจวหยุไม่สามารถจับภาพได้ เช่น ภายในเรือเหาะ ภาพโคลสอัพ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ต่างก็ยกให้ฉียูลินเป็นคนจัดการ
นอกจากนี้ยังมีกล้องอีกหลายตัวจากบริษัทเซี่ยฮวน ด้วยฉากจํานวนมากที่จําเป็นและด้วยมุมมองต่างๆที่ต้องจัดการ และด้วยการนําโดยผู้กํากับในตํานานอย่างดราก้อน มันจึงเป็นที่แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดีกว่าภาพยนตร์ก่อนหน้าอย่างแน่นอน
การวางแผนโดยรวมสิ้นสุดลง อุปกรณ์ประกอบฉากเองก็เสร็จสมบูรณ์ นักแสดงอยู่ในพื้นที่แล้วและสามารถเริ่มได้ตลอดเวลา
ในโลกแห่งความจริงมีเพียงโจวหยูเท่านั้นที่อยู่ในสตูดิโอนี้ สําหรับพวกเด็กๆนั้นจะสามารถเข้ามาได้ก็ต่อเมื่อโจวหยุต้องการทําให้เรือบินเคลื่อนที่หรือต้องการความช่วยเหลืออื่นๆเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในนี้โดยเด็ดขาด แล้วยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สําคัญนั้นก็คือกระบวนการถ่ายทําในตอนนี้นั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
เป็นเพราะคนจากโลกแห่งความจริงนั้นไม่สามารถมองเห็นคนจากโลก ACG ได้ ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มจดจ่อกับการทํางานของผู้คนในโลก ACG คนภายนอกก็จะเห็นเพียงว่าเขาถ่ายฉาก เปล่าๆเป็นเวลานาน และนั้นก็ทําให้คนอื่นนอกเหนือจากโจวหยุนั้นรู้สึกว่างานเหล่านี้มันน่าเบื่อ
เป็นเรื่องปกติที่ใครๆจะรู้สึกเบื่อถ้าพวกเขาอยู่เงียบๆเป็นเวลานาน ผู้เชี่ยวชาญสามารถทน ได้แต่มันเป็นเรื่องยากมากสําหรับเด็กๆ
แม้ว่าความยาวของภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่การถ่ายทําฉากสั้นๆ เพียงหนึ่งนาทีก็ต้องถ่ายซ้ําจํานวนมากจนกว่าผู้กํากับจะพอใจกับมัน ดังนั้นแม้ว่าขั้นตอนการถ่ายทําภาพยนตร์ของโลก ACG จะเร็วกว่าโลกจริง แต่ความเร็วนี้ก็เป็นเพียงความเร็วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่มันก็มีหลายสิ่งที่อาจถูกมองข้ามในโลกของ ACG เช่นกัน ในระหว่างขั้นตอนการถ่ายทํานั้นนักแสดงไม่จําเป็นต้องมีการเติมเครื่องสําอางเลย ดูเหมือนว่าเพียงแค่การแต่งหน้าเพียงครั้งเดียวเจ้าเครื่องสําอางนี้ก็จะติดอยู่บนหน้าของพวกเขาตลอดเวลา หรือจนกว่าพวกเขาจะล้างมันออก
ตั้งแต่เริ่มการถ่ายทําภาพยนตร์เรื่องนี้ โจวหยูก็ได้รับผิดชอบอาหารของทีมงานถ่ายทําทั้งหมด โชคดีที่ผักในฟาร์มขนาดเล็กกําลังสุกและพวกมันสามารถนํามาทําอาหารได้ เกษตรกรสิบห้าคนเริ่มทํางานอย่างรวดเร็วและรวบรวมผักเพียงพอสําหรับโจวหยู
จากนั้นโจวหยูก็นํามันกลับให้พ่อครัวลี่ และปล่อยให้เขาทําอาหารจากพวกมัน จากนั้นก็นําอาหารที่เตรียมไว้กลับมา
มีคนหลายสิบคนในทีมงานถ่ายทําและยังมีสมาชิกชาวบ้านมินิลู่หัวเช่นกัน ดังนั้นการกินแต่ละมื้อนั้นข่อนค้างมากในอนาคตจํานวนชาวบ้านยังคงเพิ่มขึ้นแบบนี้ เขาก็คิดว่าจํานวนผักที่ปลูกเอาไว้อาจจะไม่ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงทุกคน เมื่อเป็นแบบนี้มันคงถึงเวลาที่เขาจะต้องขยายมันอีกครั้ง
การได้มองดูคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งกําลังกินอาหารกัน มันเป็นฉากนี้น่าตื่นเต้นเป็นมาก โดยเฉพาะลูกสาวคนโตอย่างนิ่งห้อย ทุกวันนี้เธอยิ่งเหมือนจิ๊กโก่มากขึ้น เมื่อเธอมากินข้าวกับทุกคน เธอเกือบจะคว้าจานอะไรก็ได้ที่เธอเห็นเอาไปไว้ตรงหน้าของตัวเอง
ในทางกลับกันมู่ลี่ทําตัวน่ารักกว่ามาก เธอจะทําเพียงนั่งตัวตรงและกินอาหารที่ละนิดๆ เธอไม่ได้ทําสิ่งที่เรียกว่าการฉกอาหารอย่างที่พี่สาวของเธอทํา
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
เวลาพักทานอาหารพึ่งจะผ่านไปเพียงไม่นาน โจวหยูก็ก็สังเกตเห็นสัญาลักษณ์ของ “ความโกลาหล” ปรากฏอยู่ด้านบนของทีมงานถ่ายทํา และจากนั้นหนึ่งในนั้นสมาชิกของทีมงานก็เริ่มกลายเป็นซอมบี้
เมื่อเห็นฉากแบบนี้มันก็เกือบจะทําให้โจวหยูรู้สึกกลัวออกมา
“เกิดอะไรขึ้น? มันกําลังเกิดอะไรขึ้นกัน?!”
เซี่ยฮวนเพียงแค่ดื่มน้ําเท่านั้น แต่เขาก็ยังกลายเป็นซอมบี้กระโดดแบบชาวจีนไป
อีกฝ่ายได้กระโดดเข้าหาโจวหยูพร้อมกับถอนหายใจ “นี่เป็นยาพิษตัวหนึ่ง โดยมันมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นซอมบี้เป็นเวลาวันหนึ่ง ฉันไม่คิดว่าพวกนั้นจะลงมือเร็วแบบนี้ เวลามันยังไม่ทันผ่านไปหนึ่งวันด้วยซ้ํา พวกนั้นก็เริ่มลงมือแล้ว”
มันกลับกลายเป็นว่านี้ในวิธีต่อสู้กันระหว่างบริษัทจัดการของโลก ACG และวิธีการต่อสู้แบบนี้เองก็ได้รับอนุญาตให้ใช้กันทั่วไป ดังนั้นขอเพียงแค่พวกเขาไม่ได้ทําร้ายคู่แข่งจนถึงขั้นตายก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันซักพัก เซี่ยฮวนก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นผู้ก่อปัญหานั้นมา เพราะถ้ามันเป็นเพียงแค่บริษัทของเขาเป็นคนสร้างภาพยนตร์ขึ้นมา มันก็จะมีเพียงบริษัทนา น่าเท่านั้นที่ทําแบบนี้ แต่ครั้งนี้มันกับเป็นความร่วมมือกันระหว่างเขากับโจวหยู มันจึงทําให้ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นฝีมือของใคร
เพราะการเปิดตัวของมู่ลี่ก่อนหน้านี้ ทําให้เธอได้รับความนิยมเป็นอย่างมา ไม่แน่ว่าหนึ่งในบริษัทที่มาในวันนั้นอาจจะเป็นคนลงมือในครั้งนี้
เมื่อไม่สามารถหาได้ว่าเป็นบริษัทไหนที่เป็นคนลงมือทํา ดังนั้นพวกเขาจึงมาคิดว่าอีกฝ่ายได้ลงมือวางยาตอนไหน? ถ้าเป็นตอนที่พ่อครัวลีทําอาหารละก็มันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกตัดออกไป เขาสามารถรับรองได้ว่าตลอดกระบวนการทําอาหารของพ่อครัวลี่ นั้นเขาเองก็อยู่ด้วย ถ้าเกิดว่าในระหว่างนั้นมีคนจากโลก ACG มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เห็น
ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงที่แห่งเดียวเท่านั้นที่พวกนั้นจะสามารถวางยาได้!