นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 75 เจ้าทำไมงกเยี่ยงนี้?
ระหว่างพูด มือก็เอื้อมไปหาตะหลิวในมือโจวกุ้ยหลานอีก
ทำไมคนคนนี้ไม่รู้จักดูสีหน้าคนอื่นบ้างนะ?
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าเริ่มคงรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ไหวแล้ว มือเบี่ยงหนีอีกครั้ง “พี่สะใภ้อวี้ชุน ก้อนแป้งของข้ายังไม่สุกเลย”
พอได้ยินว่ายังไม่สุก หวังอวี้ชุนถึงไม่แย่งอีก และยกมือที่หยิบเกี๊ยวกุ้ยช่ายจีนขึ้นมาเลียทีละนิ้ว
เกี๊ยวกุ้ยช่ายจีนในตอนนี้โดนพวกเขาสี่คนแย่งกินหมดแล้ว เด็กหลายคนก็เลียนิ้วมือตนเองเลียนแบบแม่ตน
โจวกุ้ยหลานขยะแขยงจนจะอาเจียนอยู่แล้ว คนคนนี้ทำไมสกปรกขนาดนี้เนี่ย? และทำเอาเด็กพวกนี้สกปรกตามไปด้วย
“พี่สะใภ้รีบไปล้างมือเถอะ ด้านนอกมีน้ำ” โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าตนแทบจะเค้นคำพูดนี้ออกมาจากคอเลยทีเดียว
หวังอวี้ชุนนั่นเอามือเช็ดกับเสื้อผ้าตนเอง “ไอ้หยา ล้างทำไมล่ะ พวกเราชาวบ้านชาวนากัน จะมาเรื่องมากอะไร?”
โจวกุ้ยหลานพูดไม่ออกแล้ว อยากถามนางว่า ชาวบ้านชาวนาทำอะไรให้นางไม่พอใจรึ ทำไมต้องทำชาวบ้านชาวนาขายขี้หน้าแบบนี้?
แต่ในที่สุดก็ทนเก็บไว้ ไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัวอีก
โจวกุ้ยหลานก็ไม่อยากจะคุยกับนางเรื่องนี้ต่อไป นางหยิบฝาหม้อมาปิดน้ำแกงก้อนแป้งในหม้อลงไป
มื้อเที่ยงของบ้านตนโดนสี่คนแม่ลูกพวกนี้กินไปกว่าครึ่ง นางไม่อยากให้พวกเขามายุ่งกับน้ำแกงก้อนแป้งของนางอีก
สี่คนแม่ลูกยืนมองดูการกระทำของนางตาปริบๆ ต่างกลืนน้ำลายเอื๊อกๆอย่างอยากกิน
หวังอวี้ชุนไม่พอใจร้องว่า “น้องกุ้ยหลาน เจ้านี่งกเสียจริง หลบกินแป้งขาวที่บ้านตนเอง ไม่คิดถึงหลานๆพวกนี้บ้าง พวกเราอยู่บ้านได้กินแต่โจ๊กนะ!”
หลังจากระงับอารมณ์ตนไว้ได้ โจวกุ้ยหลานตะโกนบอกเจ้าก้อนน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆว่า “ลูกแม่ ไปหาพ่อเจ้า”
นิสียเสียของคนที่นี่นางกลัวเสี่ยวเทียนจะเลียนแบบ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือความคิดพิลึกพิลั่นนี้นางยิ่งกลัวเสี่ยวเทียนจะจำเอาไปใช้
เจ้าก้อนน้อยลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง และวิ่งออกไปด้วยเท้าเล็กๆ
“นี่ พวกเรายืนหิวไส้กิ่วกันอยู่นี่ เจ้ารีบต้มเร็วสิ พวกเราจะได้กินด้วย” หวังอวี้ชุนไม่สนใจเรื่องพวกนั้น นางออกคำสั่งใส่โจวกุ้ยหลานทันที
เด็กๆอีกหลายคนก็โผเกาะเตาพลางกลืนน้ำลายพูดว่า “อากุ้ยหลาน พวกเราอยากกิน!”
“ไอ้โหย เจ้าดูสิ หลานชายเจ้าหิวกันหมดแล้ว อาสาวอย่างเจ้าจะทนใจไม้ไส้ระกำไหวรึ!” หวังอวี้ชุนที่ยืนข้างๆรีบเสริมทับ
โจวกุ้ยหลานสูดหายใจเข้าปอดลึก แต่ยังทนไหวไม่โพล่งออกไป
นี่มันคนอะไรกันเนี่ย?
แต่ในเมื่อนางรู้สึกไม่ชอบใจ ก็เลยไม่คิดจะทนอีกต่อไป “พี่สะใภ้อวี้ชุน บ้านข้ามีของกินแค่นี้เอง พวกท่านกินเกี๊ยวกุ้ยช่ายจีนไปแล้วนะ คงไม่ถึงกับจะมาแย่งกินน้ำแกงก้อนแป้งแล้วไม่เหลือให้พวกข้ากินเองหรอกกระมัง?”
หวังอวี้ชุนสองมือเท้าเอว เชิดคอเงยหน้าเถียง “ทำไม กินเกี๊ยวกุ้ยช่ายจีนของเจ้าแค่ไม่กี่อันนี้เจ้าก็บ่น ทำไมเจ้างกเยี่ยงนี้หา?”
โจวกุ้ยหลานโกรธจนยิ้ม คนแบบนี้นางยิ่งทนอีกฝ่ายยิ่งหน้าด้าน “ไม่อย่างนั้น ไว้วันหลังข้าพาสามีและลูกไปกินข้าวบ้านท่านบ้างดีไหม?”
พอได้ยินคำนี้ หวังอวี้ชุนร้อนใจถามทันที “เจ้าถือสิทธิ์อะไรไปกินข้าวบ้านข้า?”
“แล้วท่านถือสิทธิ์อะไรมากินข้าวบ้านข้าล่ะ?” โจวกุ้ยหลานย้อนอย่างไม่ไว้หน้าทันที
คำพูดเดียวทำเอาหวังอวี้ชุนโกรธจนหน้าแดงคอแข็ง แต่หาคำย้อนไม่ออก
แต่ให้นางจากไปแบบนี้ก็ไม่อยาก นั่นน่ะก้อนแป้งนะ!
“แม่ ข้าอยากกินก้อนแป้ง!”
จู้จื่ออายุมากหน่อย ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่ากุ้ยหลานไม่ยอมให้พวกเขากิน เลยได้แต่ขอร้องแม่ตัวเอง
เด็กอีกสองคนเห็นพี่ใหญ่พูดแบบนี้ ก็พากันบ่นร้องหิว
หวังอวี้ชุนกำลังหงุดหงิด พอได้ยินลูกร้องแบบนี้ ก็เอาความโกรธไปลงที่ลูกเลย “กินกินกิน รู้จักแต่กิน! ไม่เห็นหรือไงว่าอีกฝ่ายเขาไม่อยากเห็นหน้าพวกเราแม่ลูก? พวกเจ้ามันดีแต่ทำให้ข้าขายหน้า!”
พูดไป ก็ใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากของซานจู้ที่อยู่ใกล้นางมากที่สุด
ซานจู้ร้องเจ็บ และร้องไห้ออกมา
เด็กอีกสองคนก็หนีไปไกลหน่อย กลัวแม่จะมาระบายความโกรธเอากับตน
โจวกุ้ยหลานปวดหูเพราะเสียงร้องของซานจู้ หวังอวี้ชุนตบหน้าซานจู้เข้าให้อีก
“ร้องทำไม ข้ายังไม่ตายสักหน่อย! รู้จักแต่ร้องไห้ และจับซานจู้มาตบก้นเขาอีกหลายที
“ถ้าพี่สะใภ้อวี้ชุนจะตีลูกก็กลับบ้านตัวเองไปตี” โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ซานจู้พึ่งจะห้าหกขวบเอง นางไม่รู้จักอบรมสั่งสอนให้ดี รู้จักแต่ตี มิน่าเด็กพวกนี้ถึงไม่มีระเบียบวินัยอะไร และไม่รู้จักรักษาความสะอาด
อีกอย่างมาตีลูกที่บ้านนางตอนนี้ จงใจตีให้ใครดูล่ะ?
“โย่ ข้าตีลูกก็ขวางหูขวางตาเจ้างั้นรึ? ได้ งั้นข้ากลับบ้านค่อยตี!” หวังอวี้ชุนกลอกตาไปมา รับคำแล้วก็ปล่อย ซานจู้ พลางยืนพิงอีกด้าน สองตาจ้องมองในหม้ออย่างไม่วางตา
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว คนนี้ทำไมหน้าหนาขนาดนี้นะ?
พึ่งจะทะเลาะกันไปเมื่อครู่ นางนึกว่าหวังอวี้ชุนจะโกรธจนพาลูกกลับไป ไม่คิดว่าพูดถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ยอมไปอีก
ก้อนแป้งก็สุกแล้ว ถ้ารอต่อไป หวังอวี้ชุนก็ไม่ไปอยู่ดี
ในเมื่ออีกฝ่ายหน้าด้านขนาดนี้ แล้วนางยังจะกลัวอะไรล่ะ?
นางมองเจ้าก้อนน้อยที่ยืนข้างนาง ตบไหล่เขาอย่างปลอบประโลม พูดเสียงเบากับเขาว่า “ไปตามพ่อเจ้ามากินข้าว”
เจ้าก้อนน้อยได้ยินคำสั่งแม่ ก็วิ่งออกไป
หวังอวี้ชุนเห็นโจวกุ้ยหลานยืนเฝ้าหน้าหม้อ ก็โกรธกัดฟันกรอด นังเด็กนี่ขวางนางนี่นา!
นางไม่ไปหรอก อีกเดี๋ยวนังเด็กนี่จะกินข้าวกันแค่พวกตนไม่ให้นางกินได้รึ?
ระหว่างที่คิดอย่างนี้ ก็เห็นสวีฉางหลินพาเจ้าก้อนน้อยเข้ามาจากข้างนอก
หวังอวี้ชุนรีบยิ้มหวานถาม “โย่ น้องเขยมาแล้วรึ?”
สวีฉางหลินตอบกลับเสียงเรียบว่า “ที่นี่บ้านข้า”
คำเดียวทำหวังอวี้ชุนพูดไม่ออกอีก
โจวกุ้ยหลานไม่อยากเสียเวลากับพวกเขาอีก หันบอกสวีฉางหลินว่า “ไปเอาชามใหญ่มาหลายใบ”
สวีฉางหลินเข้าใจ หยิบชามกระเบื้องใหญ่สามใบจากในตู้ห้องครัว ยื่นให้โจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานรับชามมา เปิดตะหลิวตักน้ำแกงก้อนแป้ง น้ำแกงก้อนแป้งหนึ่งหม้อได้สามชามพอดี
พอเห็นฉากนี้ หวังอวี้ชุนแอบบ่นในใจ “พวกเขาคงไม่กินกันแค่สามชามนี้กระมัง?”
พอเหลือบตาขึ้นอีกที ก็เห็นพวกเขาแต่ละคนถือน้ำแกงก้อนแป้งคนละชาม เจ้าก้อนน้อยถือไม่ไหว สวีฉางหลินช่วยเขาวางบนเก้าอี้เตี้ยตัวหนึ่ง
นังเด็กเหลือขอนี่กล้าไม่ให้อะไรนางกินเลย?
หวังอวี้ชุนรอจนถึงตอนนี้ก็เพื่อน้ำแกงก้อนแป้ง นางไหนเลยจะคิดว่าโจวกุ้ยหลานจะใจดำขนาดนี้จริงๆ?
“นังเด็กเหลือขอ เจ้านี่ นี่หลานชายสามคนของเจ้านะ เจ้ากลับเอาแต่กินเองไม่ให้หลานเจ้าอิ่มท้องเลยรึ?” หวังอวี้ชุนแผดเสียงด่าทอทันที
กำลังจะยกชามขึ้นซดน้ำแกง ก็โดนหวังอวี้ชุนเบรกเอาแบบนี้
โจวกุ้ยหลานไม่สนใจนาง ก้มหน้ากินก้อนแป้งของตนต่อไป