ร่างของสวีฉางหลินชะงักไป แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีหญิงใดมาก่อน เรื่องที่ผู้หญิงมีประจำเดือนและไม่สามารถร่วมหลับนอนได้เขาเองก็พอจะรู้อยู่
เขาในตอนนี้รู้สึกแค่ว่าร่างของตนเองแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว กดโจวกุ้ยหลานเอาไว้ไม่ยอมลุกไปไหนเป็นเวลานาน
รับรู้ถึงความแข็งเกร็งของร่างกายเขา โจวกุ้ยหลานเองก็รู้สึกไม่สบายตัวเลย
นี่…… นี่มันทรมานมากสินะ ……
นางอดไม่ได้ที่จะใช้สองมือโอบไหล่ของสวีฉางหลินเอาไว้ ตบที่แผ่นหลังของเขาเบาๆ
ทั้งสองแต่งงานกันสามเดือนแล้ว เขาเองก็ทรมาน เรื่องมีประจำเดือนจะโทษนางก็ไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าประจำเดือนจะมาในเวลาที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”โจวกุ้ยหลานถามเขา
สวีฉางหลินทรมานอย่างบอกไม่ถูก มือใหญ่กอดเอวของภรรยาไว้แน่น ก้มหน้าก้มตาพูดว่า “ทรมาน”
แล้วจะทำอย่างไรดี
เมื่อครู่โจวกุ้ยหลานเองก็ถูกกระตุ้นจนไฟในร่างลุกโชนขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ก็ทรมานเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าของสวีฉางหลินแล้ว เกรงว่าคงจะทรมานกว่านางมากนัก
“ท่านไปอาบน้ำดีหรือไม่”โจวกุ้ยหลายเสนอแนะ
เมื่อก่อนเขาก็ทำเช่นนี้มาตลอด
แต่ว่าตอนนี้สวีฉางหลินไม่ตอบรับ แต่ยังคงกอดนางเอาไว้แน่น
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าเอวของตนเองอึดอัดมาก แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าจะขัดสวีฉางหลินขึ้นมาในตอนนี้ และไม่กล้าเคลื่อนไหวด้วย ได้แต่ตบเบาๆไปที่แผ่นหลังของสวีฉางหลินต่อไปเรื่อยๆ
เท้าซ้ายรับรู้ได้ว่าน้ำในอ่างได้เย็นลงแล้ว นางค่อยๆยกขาของตนเองขึ้นมา วางไว้อีกฝั่งหนึ่ง
แล้วมองไป ริมฝีปากของสวีฉางหลินประทับลงมาอีกครั้ง ประกบริมฝีปากของนางเอาไว้ เพียงแต่ครั้งนี้นุ่มนวลกว่าครั้งที่แล้วมาก ค่อยๆบดขยี้ ในขณะที่โจวกุ้ยหลานเองก็เริ่มตอบสนอง ในปากรู้สึกถึงความอบอุ่น
ผ่านไปครู่ใหญ่ สวีฉางหลินก็ค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ด้านข้างมาช่วยเช็ดเท้าของนาง และยกอ่างน้ำเดินออกไป
เมื่อเขาไปแล้ว โจวกุ้ยหลานก็รีบตบไปที่บริเวณหน้าอกของตนเอง
ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้พอป่าเถื่อนขึ้นมาก็ช่างน่ากลัวเสียจริง นางไม่มีทางรับมือได้เลย
ระหว่างที่คิด ก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียง สวมรองเท้าของตนเอง ไปหาผ้าประจำเดือนในหีบ ต้องจัดการกับตนเองให้เรียบร้อย จึงรีบถอดเสื้อผ้าออก มุดเข้าไปในผ้าห่ม ร่างสั่นเทาซึมซับความอบอุ่นของเตียงอุ่น
หนาวเกินไปแล้ว หนาวแทบตายจริงๆ หรือว่ามีเพียงนางที่รู้สึกหนาวขนาดนี้ ทำไมคนอื่นจึงได้ดูสบายนัก
โจวกุ้ยหลานแอบคิดถึงเครื่องปรับอากาศในชาติที่แล้ว ไม่ช้า ก็นอนหลับไป
ไก่ยังคงขันตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง นางขยี้ตาตนเองและลุกขึ้นมา เห็นบนเตียงอุ่นเหลือแค่นางกับเจ้าก้อนน้อยแล้ว
นางอ้าปากหาวออกมาอีกครั้ง หยิบเสื้อตัวหนาของตนเองขึ้นมาใส่ไว้บนร่าง สวมถุงเท้าและรองเท้าผ้าฝ้ายหนาเดินออกไป
เมื่อไปถึงห้องโถง ก็เห็นเหล่าไท่ไท่กำลังกวาดพื้นอยู่
“ท่านแม่ ท่านตื่นเช้าจริง”
ระหว่างที่โจวกุ้ยหลานทักทาย ก็เดินไปทางห้องครัว
เหล่าไท่ไท่เห็นนางตื่นนอนแล้ว ก็เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ยื่นไม้กวาดให้นาง สั่งการเสียงเบาว่า “พี่ชายเจ้ากับฉางหลินเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว ข้าก็จะไปแล้วเหมือนกัน เจ้าอยู่บ้านคนเดียวต้องระวังนะ เข้าใจไหม”
“ท่านจะออกไปหรือ ”เมื่อโจวกุ้ยหลานได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยถามขึ้น
เหล่าไท่ไท่ปัดเสื้อผ้าของตนเอง เหลือบมองไปทางห้องครัว พูดเสียงเบาว่า “ข้าจะไปเรียกคนที่จะมาซื้อหลิวเซียง เจ้าอยู่บ้านอย่าให้นางทำอะไรเจ้าได้เชียวนะ”
“วางใจเถอะ ข้ารู้แล้ว รอให้ฟ้าสว่างแล้วค่อยไปเถอะ”โจวกุ้ยหลานบอกเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่ตบสองมือของตนเองเบาๆ พูดว่า “ประเดี๋ยวฟ้าก็สว่างแล้ว เดี๋ยวเจ้าเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ช่วงกลางวันจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วคืนนี้พวกเราจะไปที่เรือนใหม่ของเจ้าเพื่อทำพิธีขึ้นบ้านใหม่กัน”
โจวกุ้ยหลานรับคำอย่างมึนงง จากนั้นก็เห็นเหล่าไท่ไท่ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก
ท่านแม่เป็นยอดฝีมือในการทำงานจริงๆ ช่างรวดเร็วทันใจจริงๆ
โจวกุ้ยหลานทอดถอนใจ และเดินเข้าไปในห้องครัว เห็นหลิวเซียงกำลังก่อไฟ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้น
ถามนางว่า “กุ้ยหลาน เจ้าตื่นแล้วหรือ ในหม้อมีน้ำร้อน เจ้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ”
“อืม ”โจวกุ้ยหลานตอบรับเสียงเย็นชา ตักน้ำไปล้างหน้าเสร็จแล้ว ก็เริ่มทำงานของตนเอง
ต้องให้อาหารหมูที่เลี้ยงเอาไว้ก่อน อีกไม่กี่วันก็ได้ขายแล้ว ยังมีไก่ ต่างก็เลี้ยงอาหารแล้ว เมื่อยุ่งกับการทำงานทั้งหมดนี้ นางก็ได้ทำงานในบ้านและนอกบ้านจนเสร็จหมดแล้ว แน่นอนว่า หลิวเซียงก็อยากจะช่วยทำงานเหล่านี้ แต่ถูกโจวกุยหลานปฏิเสธไป
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาไม่เช้าแล้ว ก็กลับไปที่ห้องของตนเอง และตอนนี้เจ้าก้อนน้อยก็กำลังนั่งขยี้ตาอยู่บนเตียงเตา
โจวกุ้ยหลานเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ช่วยจัดการเขาให้เรียบร้อย พาไปล้างหน้าแปรงฟันข้างนอก เมื่อมองดูท้องฟ้า ก็เพิ่งจะสว่างตอนนี้เอง
หลิวเซียงที่อยู่หน้าเตาไฟเห็นว่าพวกเขาจัดการกับตนเองเรียบร้อยแล้ว ก็รีบพูดประจบว่า “พี่กุ้ยหลาน พวกท่านจะกินอะไร ข้าจะทำให้พวกท่านกินเอง”
“ไม่ต้อง เกี๊ยวของเมื่อวานยังไม่ได้กินเลย วันนี้เอามาอุ่นพวกเราสามคนกินด้วยกันก็พอแล้ว”
โจวกุ้ยหลานตอบ เกี๊ยวก่อนหน้านี้ยังกินไม่หมด พอดีกับที่ไม่ต้องทำอาหารเช้า
เอาเกี๊ยวที่เหล่าไท่ไท่ตักเอาไว้เมื่อวานใส่ลงไปในหม้อ ให้หลิวเซียงก่อไฟ รอให้เกี๊ยวร้อนแล้ว ทั้งสามคนก็แบ่งกันกิน
เมื่อกินเสร็จแล้ว หลิวเซียงก็แย่งหน้าที่ล้างจาน โจวกุ้ยหลานจึงปล่อยให้นางทำ
จูงมือของเจ้าก้อนน้อยไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างห้องครัว มองดูท่าทีกระตือรือร้นของหลิวเซียง นางก็หรี่ตาลง
ก่อนหน้านี้นางจงใจให้หลิวเซียงเลือกว่าจะอยู่ที่ไหน ให้แรงกดดันกับนาง ให้นางลองใคร่ครวญว่าจะทำอย่างไร ปรากฏว่าเมื่อคืนนางได้เผยตัวตนออกมาแล้ว มาแสร้งทำตัวน่าสงสารตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ระหว่างที่คิด ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกของหวังหยู่ชุนดังขึ้นมาจากข้างนอก
โจวกุ้ยหลานตอบรับหนึ่งเสียง หวังหยู่ชุนก็พาลูกๆทั้งสามคนเดินเข้ามาข้างใน เมื่อเด็กๆเหล่านั้นเข้ามา ก็เริ่มเปิดตู้กับข้าว รื้อไหต่างๆในห้องครัวทันที
ขณะกำลังจะเอ่ยเตือน หวังหยู่ชุนก็นั่งลงข้างโจวกุ้ยหลานทันที บนใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม “นี่กุ้ยหลาน ทำไมเจ้าจึงอยู่ที่บ้านคนเดียว อาสะใภ้รองเล่า”
“ท่านแม่ออกไปทำธุระข้างนอก”โจวกุ้ยหลานตอบรับส่งๆ จากนั้นก็พูดกับเด็กที่ไปรื้อตู้กับข้าวและเอาเนื้อตากแห้งออกมาว่า “สิ่งนั้นกินแล้วจะท้องเสีย พวกเจ้าอยากกินก็แบ่งกันซะ”
เด็กทั้งสามคนนึกถึงเรื่องท้องเสีย ต่างก็มองหน้ากันไปมา ในที่สุดก็ยังคงส่งเนื้อตาแห้งที่เย็นชืดเข้าไปในปาก
มีเนื้อให้กินก็กินก่อน ยังไม่ต้องสนใจว่าประเดี๋ยวจะท้องเสีย
“เผ็ดจริงๆเลย”เด็กทั้งสามคนกินไปหนึ่งชิ้นก็เริ่มร้องตะโกนขึ้น วิ่งไปข้างโอ่งเก็บน้ำตักน้ำเย็นขึ้นมาดื่ม
พวกเขาต่างก็ไม่เคยกินของเผ็ดขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้รู้สึกทนไม่ไหวกับความเผ็ดร้อนเช่นนี้
หวังหยู่ชุนที่อยู่ข้างๆก็ไม่ได้ใส่ใจ ยังเรียกให้ลูกชายทั้งสามคนเอามาให้นางกินด้วย
เจ้าก้อนน้อยที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมอกของโจวกุ้ยหลานมองดูพวกเขากินเนื้อตากแห้งของบ้านเขา ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
โจวกุ้ยหลานบีบมือน้อยๆของเขา จากนั้นก็พูดกับหวังหยู่ชุนว่า “พี่สะใภ้ กินของเย็นในฤดูหนาวเช่นนี้ แล้วยังดื่มน้ำเย็นอีก เกรงว่าจะท้องเสียได้นะ”
“เด็กบ้านนอกน่ะแข็งแรงมาก แม้จะท้องเสียก็ไม่เป็นไรหรอก”หวังหยู่ชุนตอบ และดึงมือของโจวกุ้ยหลายเอาไว้อย่างมีเลศนัย “ทำไมเมื่อคืนพวกเจ้าจึงกลับมาเร็วนัก”
โจวกุ้ยหลานเหลือบไปมองเด็กๆทั้งสามคน ตอบรับว่า “พวกเราต่างก็หิวแล้ว จึงกลับมากินข้าว”
“โธ่ พวกเจ้าออกมาก่อนจึงไม่ได้เห็นเรื่องดีๆ เจ้าคงไม่รู้ ชิวเซียงต้องครรภ์ได้เดือนกว่าแล้ว เถ้าแก่เฉียนจึงยอมตกลงแต่งงานกับนาง ตอนแรกนั้น เขาก็แค่อยากจะรับนางเป็นเมียน้อยเท่านั้น ”