บทที่ 136 การฝึกอบรมอย่างเข้มข้น
ตลอดทั้งช่วงบ่ายโจวหยูได้มองดูข้อมูลที่มีอยู่ในสมุดบันทึกนั้น เขาพยายามค้นหาว่าทําไมความสามารถในการเรียนรู้ของเขาจึงพัฒนาขึ้นเร็วแบบนี้ ด้วยการเปิดไปทีละหน้าทีละหน้าเขาได้เห็นข้อมูลมากมาย เช่น อาคารบางอย่างได้ถูกสร้างขึ้นมา มีการอัพเกรดบริษัทอนิเมชั่นหรือบริษัทเกมขึ้นมามีการรับสมัครสมาชิกใหม่ของหมู่บ้าน
เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาที่เขากําลังเจออยู่ ดังนั้นเขาจึงได้เพิ่มสปิดการเปิดหน้าหนังสือให้เร็วขึ้น จนมาถึงหน้าหน้าหนึ่งและได้พบกับข้อความแปลกๆที่ว่า : “จากการประเมินของช่างไม้บีเวอร์ มนุษย์โลกแห่งความจริงอู๋หยุนได้รับการเลื่อนตําแหน่งให้เป็นช่างไม้ระดับกลางอย่างเป็นทางการ ทําให้ค่าพลังงานโอตาคุของเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและเมื่อเธอได้เข้าร่วมกับการเรียนรู้อย่างเต็มที่ภายใต้การแนะนําของชาวบ้านใน ACG โลกมันยิ่งทําให้พลังงานโมตาคุของเธอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีความเป็นไปได้มากที่ในอนาคตเธอจะกลายเป็นช่างไม้ระดับสูง “
“อ่า! มันเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ! ดูเหมือนว่ามันจะมีบางอย่างเกี่ยวกับโลกของ ACG จริงๆ”
โดยข้อความนี้มันได้หมายถึงว่า การที่คนจากโลกแห่งความจริงได้ยอมรับการฝึกงานด้วยใจจริงและมีความมุ่งมั่นกับมันอย่างแม้จริง และด้วยพายใต้การนําของคนในโลกACG มันจะเป็นการกระตุ้นทักษะการเรียนรู้ของเป้าหมายให้ดียิ่งขึ้น แต่มันเองก็ต้องใช้ความมุ่งมั่นมากเช่นกันกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดี
เปรียบเทียบง่ายๆเลยก็คงจะเป็นมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขารู้สึกว่าทักษะด้านช่างไม้ของเขาดีขึ้นมากมากและนั้นทําให้ทักษะของอู่หยุนเองก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับทักษะตกปลาที่เขามีถึงแม้ว่าทุกวันเขาจะไปตกปลากับชาวประมงนกนกอ้ายยั่ว เขาก็ไม่รู้สึกว่าทักษะการตกปลาของเขาจะดีขึ้นมันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้สนุกกับกิจกรรมเหล่านั้นจริงๆเขาได้มองมันเป็นเพียงเควสรายวันที่ต้องทําเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่กระตุ้นการพัฒนาทักษะอย่างที่เป็นแต่กับการทําอาหารนั้นปแตกต่างออกไป ไม่เพียงแต่เขาจะจริงจังกับมันเท่านั้น แต่เขายังได้ทุ่มเททั้งแรงกายและจิตใจลงไปด้วย ด้วยทั้งสองอย่างนี้มันจึงได้กระตุ้นทักษะการเรียนรู้ของเขาให้พัฒนาขึ้น
ไม่น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ช่างไม้บีเวอร์พยายามคะยั้นคะยอให้เขาทุ่มเทฝึกฝนให้มาก ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่เป็นเขาเองที่ไม่ยินดีฟังอีกฝ่าย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้โจวหยูก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาถึงกับกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างมีความสุขก่อนที่จะรีบวิ่งไปหาช่างไม้บีเวอร์ และถามอีกฝ่ายว่ายังเปิดรับสมัครเด็กฝึกงานอีกอยู่ไหม? เนื่องจากมีความแตกต่างไม่มากนักกับการสอนนักเรียนหนึ่งหรือสองคน ดังนั้นมันคงไม่ใช้เรื่องยุ่งยากอะไรถ้าจะเพิ่มอีกหนึ่งคน
อย่างไรก็ตามคําตอบของช่างไม้บีเวอร์กับทําให้เขาผิดหวัง “ลืมมันไปซะเถอะ! มันไม่ใช้ว่ามีค่าพลังโอตาคุสูงแล้วจะสามารถเล่นรู้อะไรก็ได้ มันยังต้องมีความสามารถเฉพาะทางอีกด้วยที่จําเป็นและก่อนหน้านี้เองข้อก็พยายามบอกให้เจ้าเรียนรู้เกี่ยวกับงานช่างไม้ แต่เจ้ากับปฏิเสธมันไป มันจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าเจ้าจดจ่อกับการเรียนรู้การทําอาหารให้ดี เพราะไม่แน่ว่าในอนาคตเจ้าอาจจะจําเป็นต้องใช้มัน…”
เมื่อเห็นว่าบีเวอร์เฒ่าตัวนี้กําลังจะไปบรรยายไม่หยุดอีกครั้ง โจวหยูก็รีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขากลับถึงบ้าน เขาได้ยืนอยู่หน้ากระจกเพื่อตรวจสอบสถานะของตัวเองก่อนที่จะพบว่าพลังงานโอตาคุยังคงอยู่ที่ 7.8 เหมือนเดิม ซึ่งมันอยู่ต่ํากว่าระดับพราว 8.0 เพียงเล็กน้อยเท่านั้นดังนั้นนี้มันก็หมายความว่าเหลืออีกเพียงแค่สองคะแนนโอตาคุเท่านั้น เขาก็จะกลาย เป็นคนที่อยู่ในระดับที่สูงแล้วซึ่งจากคําอธิบายของราชามังกรเฒ่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่ามันจะมีความแต่งต่างกันมากเช่นกันกับระดับกลางและระดับสูง
พลังงานโอตาคุสามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกับค่าสถานะ ดูได้จากลุงฟูที่ก่อนหน้านี้ยังมีพลังงานโอตาคุอยู่ที่ 2.0 แต่มาตอนนี้ด้วยการเรียนรู้มากมาย ทําให้ค่าพลังงานโอตาคุของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกลายเป็น 2.2 แล้ว ยิ่งมีค่าพลังงานโอตาคุน้อยการเพิ่มขึ้นจะเป็นไปอย่างรวดเร็วในทางตรงกันข้ามยิ่งค่าพลังงานโอตาคุอยู่สูงมากเท่าไหร่ การเพิ่มค่าพลังงานนั้นยิ่งยากมากขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามมันยังมีวิธีพัฒนาพลังงานโอตาคุอย่างรวดเร็วเช่นกัน นั้นก็คือการรับสมัครคนที่มีค่าพลังงานโอตาคุสูงๆเข้ามา ด้วยการเล่นรู้ไปพร้อมๆกันกับคนเหล่านั้น มันจะทําให้ค่าพลังงานโอตาคุพัฒนาไปได้รวดเร็วมากขึ้น
“เมื่อไหร่จะมีพวกโอตาคุเกมกับโอตาคุการ์ตูนอนิเมชั่นมานะ?
แต่เมื่อเขาคิดตราบใดที่ชื่อเสียงของสตูดิโอสตาร์ไลน์และสตูดิโอฉินโจยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ มันมีความเป็นไปได้ว่าในเวลาช้าก็เร็วๆนี้จะมีบางคนที่มีค่าพลังงานโอตาคุสูงๆปรากฏตัวต่อหน้าเขาเหมือนกับอู่หยุน ถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างช้า แต่มันก็ดีกว่าการที่เขาจะต้องเดินทางไปรอบๆเพื่อค้นหาคนเหล่านั้น
ดังนั้นสําหรับในตอนนี้เขาทําได้แค่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกับอู่หยุนเท่านั้น
เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็ได้เปิดไดอารีขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเห็นข้อความในช่วงการฝึกทําอาหาร ” คุณได้ใช้เวลา XX นาทีเพื่อเรียนรู้ทักษะการทําอาหาร มันทําให้การพัฒนาที่ซ่อนเล่นของทักษะเพิ่มขึ้นในจํานวน XX ในแต่ละวัน”
แต่มันก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นจนไป เมื่อสามวันก่อนจํานวนพลังงานโอตาคุของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกเลยดังนั้นในตอนนี้ค่าพลังงานของเขาจึงหยุดอยู่กับที่
ไม่น่าแปลกใจในเลยที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเมื่อฝึกฝนการนั่นผัก เขาไม่มีความรู้สึกที่ดีอย่างเคยในช่วงเวลานั้นเขาได้คิดไปว่าตัวเองคงมาถึงช่วงคอขวดของทักษะการใช้มีดของเขาแล้ว มันก็ไม่แปลกอะไรที่เขาจะคิดแบบนี้ เพราะตามนิยายต่างๆเมื่อพระเอกฝึกวรยุทธไปช่วงหนึ่งแล้วต่างก็เจอกับประสบการณ์นี้กันทั้งนั้น แต่มันกลับไม่ใช้แบบนั้นมันเป็นเพียงแค่ว่าค่าพลังงานโอตาคุของเขาหยุดเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
แม้ว่าการใช้พลังงานโอตาคุจะมีความรู้สึกโกงอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ใช้มันแข่งขันกับใครมันเป็นเพียงแค่เขาใช้มันเพื่อความทะเยอทะยานของเขาเองเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจกับการ ใช้กลโกงนี้
ดังนั้นในแผนปัจจุบันเขาต้องการเติมน้ํามันเข้าไปเพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับการเรียนรู้ของตัวเองและสิ่งเดียวที่พอจะเป็นเชื้อเพลิงให้กับเขาได้ในตอนนี้ก็คือลูกศิษย์ในนามอย่างอู๋หยุน
ก่อนหน้านี้เธอได้ศึกษาคู่มือลับระดับกลางมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทําให้โจวหยูสงสัยว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะพัฒนาไปเป็นระดับสูง เพราะยิ่งเธอพัฒนาได้เร็วเท่าไหร่ เชื่อเพลิงที่เขาจะได้รับก็ยิ่งมาเร็วมากเท่านั้น ดังนั้นเมื่อคิดได้แบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเริ่มกังวลเกี่ยวกับการศึกษาของลูกศิษย์คนนี้
เมื่อโจวหยุได้เข้าไปในบ้านพักตุ๊กตา เขาเห็นว่าอู่หยุนกําลังแกะสลักเรือเหาะอย่างระมัดระวังและข้างๆกันนั้นก็มีผลิตภัณฑ์สําเร็จรูปที่มีรูปร่างแตกต่างกันอยู่จํานวนมาก มันไม่น่าแปลกใจที่ช่วงนี้ช่างไม้บีเวอร์จะอารมณ์ดีตลอดเวลา เพราะเมื่อเทียบกับฝีมือการทําโมเดลไม้ระหว่างอู๋หยุนกับโจวหยูแล้ว มันมีความแตกต่างกันมากเกินไป
และในเวลาเดียวกัน อู๋หยุนเองก็ได้เปิดร้านขายของที่ระลึกงานจากงานฝีมือเช่นกัน ทุกวันเธอจะนําโมเดลไม้ที่เธอทําเองจํานวนหนึ่งไปวางขายไว้ในร้านของเธอ แม้ว่าราคาโมเดลที่เธอทํานั้นจะไม่แพงมากนัก แต่ยอดขายรายเดือนที่เธอทําได้ก็ถือว่าไม่เลวเช่นกัน
อู่หยุนเริ่มต้นด้วยการทําของเล่นง่ายๆ ต่อมาจึงยกระดับไปเป็นการสร้างโมเดลเรือที่ซับซ้อนขึ้นและเห็นได้ชัดว่า ความสามารถในการเรียนรู้ของเธอนั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน
เมื่อเธอได้เห็นอาจารย์เดินเข้ามาในบ้าน เธอก็ได้หยุดการสร้างโมเดลลง ก่อนที่จะเข้ามาทักทายอาจารย์อย่างตื่นเต้น
” ท่านอาจารย์มาได้ถูกเวลาจริงๆ คือว่าตอนนี้ฉันติดปัญหาบางอย่างในการ สร้างโมเดลในส่วนนี้ ไม่รู้ว่าอาจารย์จะช่วยอธิบายแก้ไขให้ฉันได้ไหม?”
ช่างไม้บีเวอร์ที่อยู่ด้วยกันกับเธอมาตลอดเวลาก็รีบเข้ามาอธิบายในรายละเอียดที่เกิดขึ้น พร้อมกับอธิบายถึงแนวทางการแก้ไขที่ถูกต้องให้กับโจวหยูฟัง ในเวลาเดียวกันโจวหยูได้แกล้งทําท่าทางว่าตัวเองกําลังมองโมเดลตรงหน้าอย่างผ่านๆ ก่อนที่เขาจะพูดถึงปัญหาและวิธีการแก้ไขที่จําเป็นออกมา
หลังจากการสอนตามปกติจบลงแล้ว โจวหยูจะเดินจากไปทันที แต่วันนี้มันกับแตกต่างออกไปไม่เพียงแต่เขาจะเดินกลับไปเท่านั้น แต่เขายังได้มองไปอู๋หยุนและพูดขึ้นว่า “เสี่ยวลู่! เธอชอบอยู่ที่นี่ไหม?”
คําถามดังกล่าวถ้าคนธรรมดาถูกถามมันอาจจะทําให้พวกเขาเกิดความคิดสองแง่สามงามขี้นมา แต่สําหรับอู๋หยุนที่มีมองโลกแตกต่างออกไป มันกับไม่เกิดประสบการณ์หน้ากะอักกะอ่วนเกิดขึ้นเธอทําเพียงหยุดงานที่ตัวเองทําและมองไปยังอาจารย์ของเธอก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า”แน่นอนว่าฉันชอบที่นี้มาก! ทุกวันฉันสามารถทําสิ่งที่ฉันชอบได้ และทุกคนในที่นี้เองก็ดีกับฉันมากเช่นกัน”
“ดี! ดี ดี! ในช่วงนี้ฉันมีเวลาว่างมากขึ้น ดังนั้นฉันคิดว่าจะใช้เวลาช่วงนี้สอนงานของเธอให้บ่อยขึ้นเธอยอมรับใช้ไหม?”
เป็นเรื่องปกติที่โจวหยูต้องการยกระดับให้อู่หยุนสูงขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ เพื่อให้เขาสามารถกลับไปพัฒนาทักษะการทําอาหารของเขาได้ แม้ว่าวิธีนี้มันจะเป็นอะไรที่ลําบากสําหรับเขาแต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวของเขาในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้กังวลว่าการฝึกฝนหนักที่จะเกิดขึ้นมันอาจจะทําให้เธอกลัวการเป็นช่างไม้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามาสําหรับอู่หยุนผู้หลงใหลในโมเดลไม้แล้ว เธอกับคิดว่านี้เป็นที่ยอมเยี่ยมเป็นอย่างมากดังนั้นเธอจึงยินดีที่จะรับการฝึกหนักในครั้งนี้