The Rise of Otaku – ตอนที่ 146

ตอนที่ 146
บทที่ 146 ชีวิตประจําวันที่ไม่ปกติ
โจวหยูไม่ได้คาดหวังว่าแม้แต่เซี่ยฮวนจะปฏิเสธออกมาอย่างเด็ดขาด ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงบริษัทจัดการอื่นๆที่เขาไม่เคยให้ความร่วมมือมาก่อนเลย และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่สามารถขอให้เบียโม่แต่งเพลงให้พี่สาวตัวเองร้องได้เช่นกันนี้ถือว่าเขาได้เดินมาเจอทางตันอย่างแท้จริง
ในครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนของโจวหยูจริงๆ เขาไม่คิดว่าความขัดแย้งระหว่างขั้วอํานาจจะรุนแรงแบบนี้
สิ่งเดียวที่ทําให้โจวหยูรู้สึกโล่งใจคือสมาชิกของหมู่บ้านมินิลู่หัวไม่ได้แสดงความไม่พอใจต่อเบียโม่ออกมาพวกเขายังคงยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่นี้ด้วยความยินดี เช่นกันกับพวกลูกๆของเจ้าเดียนเดียนและเจ้าเซอร์แบล็ก
ในตอนนี้เบียโม่คงไม่สามารถทําอะไรได้มากนัก และโจวหยูเองก็ต้องใช้เวลาอีกซักพักที่จะคิดวิธีแก้ปัญหาที่มีในตอนนี้
ทางด้านของเบียโม่เมื่อได้รู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาก็ได้กลายเป็นเจ้าชายน้ําแข็งทันทีและนั้นทําให้อุณหภูมิโดยรอบของเขานั้นลดลงไปอย่างน้อย 10 องศาก่อนที่เขาจะพูดเย็นชา”พ่อไม่จําเป็นต้องไปสนใจพวกนั้นอีกแล้ว! เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นได้ปฏิเสธพ่อดังนั้นผมเองก็ไม่สนใจที่จะทํางานกับพวกเขาเช่นกัน”
“โอ้ไม่นะ! … เด็กคนนี้เริ่มไม่ชอบพวกเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่กับเจ้าลูกคนนี้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นแต่เขาก็ได้เรียนรู้อารมณ์ของเจ้าเด็กคนนี้มามากพอถ้าเจ้าลูกคนนี้พูดออกมาแบบนี้ก็แสดงว่าในอนาคตเขาจะไม่มีทางยุ่งหรือสนใจอะไรทั้งสิ้นเมื่อเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้และมันก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจได้ด้วย
เฮ้อ! ดูเหมือนว่าเขาต้องรับขยายสตูดิโอภาพยนตร์ของเขาให้เร็วที่สุดแล้ว”
แต่ก่อนหน้านั้นไม่ได้หมายความว่าเบียโม่จะไร้ประโยชน์ไปอย่างสมบูรณ์ เขายังมีทักษะในการแต่งเพลงอยู่กับตัวและนั้นเป็นเรื่องที่ดีเพราะทั้งบริษัทแอนิเมชันและบริษัทเกมต่างก็มีความต้องการด้านดนตรีมากไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนให้กับเด็กๆในหมู่บ้านหรือขายให้กับโลกแห่งความจริง หรือเพียงแค่ให้ความบันเทิงสวนตัวของเขาเองมันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จําเป็นดังนั้นในตอนนี้เขาจึงได้มอบหมายให้เบียโม่รับผิดชอบเรื่องนี้หรืออาจจะพูดได้ว่าอีกฝ่ายได้ถูกฝึกไปก่อนในช่วงนี้
ในส่วนของด้านอาชีพการแสดงของเขา ดูเหมือนว่ามันจะต้องถูกเลื่อนออกไปก่อนชั่วคราว
เมื่อเห็นว่าเบียโม่เริ่มทํางานได้ตามปกติเหมือนกับพลเมืองอื่นๆในโลก ACG ในที่สุดโจวหยูก็สามารถตามตาราเดิมที่เขาเคยทําก่อนหน้านี้ได้ในที่สุดสิ่งแรกคือการเพิ่มระดับทักษะของอู่หยุนสิ่งที่สองคือการศึกษาการทําอาหารและสิ่งที่สามคือการศึกษาวิธีการป้องกันตัวโดยใช้หอกแบบง่าย
ในตอนเช้าโจวหยูได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยบูบูและเจ้าเซอร์แบล็ก จากนั้นด้วยไม่ในมือของเขาโจวหยูก็เริ่ม ฝึกเทคนิคการแทงหอก ด้วยตาที่ง่วงนอนในโรงยิมในบ้านของเขา
หากไม่มีพลังงานโฮตาคุเป็นตัวช่วย โจวหยูก็ทําได้เพียงต้องพึ่งพาตัวเองในการเรียนรู้ทุกอย่างได้เท่านั้น และด้วยวิธีนี้เองมันเป็นอะไรที่ยากเป็นอย่างมากอย่างน้อยในความเข้าใจของศิลปะการต่อสู้ของโจวหยูก็ไม่ได้เก่งเท่าการเล่นเกมเลยดังนั้นคนฝึกอย่างบูบจึงรู้สึกเบื่อหน่ายกับการสอนในครั้งนี้เป็นอย่างมากระหว่างที่โจวหยูพักเหนื่อยอยู่นั้นเองบูบกับเจ้าเซอร์แบล็กก็มักจะหัวเราะอยู่ข้างๆเสมอ
แม้ว่าความเป็นมิตรได้ถูกยกขึ้นเป็นห้าดาวในก่อนหน้านี้และเมื่อได้ยอมรับมาฝึกเป็นครูพิเศษในครั้งนี้แน่นอนว่าบูบูต้องตั้งใจเต็มที่เขาไม่ต้องการให้คู่แข่งของตัวเองอย่างแจ็คมารู้ว่าเขานั้นไม่มีความสามารถในการสอนอย่างเด็ดขาด
แต่ดูเมื่อว่าจะไม่มีความลับในโลก เพียงไม่นานแจ็คก็ได้ปรากฏตัวในโรงยิมพร้อมกับหัวเราะไม่หยุดเมื่อเขา เห็นสภาพที่เกิดขึ้น และนั้นทําให้บบไม่มีความสุขเป็นอย่างมากทันใดนั้นเองมันก็ได้พองตัวและใหญ่พอๆกับโจวหยูเมื่อเห็นกระรอกตัวใหญ่ตัวนี้ปรากฏตรงหน้าโจวหยูก็ถึงกับแสดงสีหน้าแปลกใจพร้อมกับเหลือเชื่อออกมา
ก่อนหน้านี้ที่โจวหยูได้ออกไปต่อสู้กับสัตว์ป่าตัวเล็ก มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอกับการกลายร่างแบบนี้แต่นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าคนจากโลก ACG เองก็สามารถกลายร่างได้
“นี่เป็นทักษะหลักที่จะได้เมื่อระดับเป็นมิตรขึ้นมาถึง 5 ดาว มันสามารถทําให้ขยายร่างกายให้ใหญ่ได้แต่มันอยู่ได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นฉันจะสอนวิธีแบบง่ายๆที่สามารถทําให้เห็นผลได้เร็วและยังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักสู้ นั้นก็คือการให้ร่างกายจดจํามันเอง!”
คําพูดประโยคท้ายของบูบ ทําให้โจวหยูรู้สึกถึงรางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อเกิดความคิดแบบนี้นมาแน่นอนว่าเขาได้ยกหอกไม้ขึ้นมาและเตรียมป้องกันตัวเองทันที
แน่นอนว่านี้เป็นเพียงปฏิกิริยาตอบสนองเบื้อต้นเท่านั้น มันไม่มีทางที่เขาจะป้องกันตัวได้จริงๆ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในตอนนี้ขนาดตัวของเจ้ากระรอกบูบได้มีขนาดใหญ่เท่ากับตัวของเขา
โชคดีที่โรงยิมนี้อยู่ในตัวอาคารและไม่มีใครอยู่แถวนั้น ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นฉากที่แปลกเป็นอย่างมากที่เห็นโจวหยวิ่งไปรอบๆในโรงยิม พร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาตลอดเวลาในระหว่างนั้นเองก็มักจะเกิดรอยฟกช้ําขึ้นมาตามตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากครึ่งชั่วโมงของการวิ่งหนี เอ้ย!ของการฝึกซ้อมจบลงบูบูก็ได้กลับมามีขนาดตัวปกติและแสดงสีหน้าที่พอใจเป็นอย่างมากอาจจะเพราะในการฝึกครั้งนี้อีกฝ่ายได้แก้แคนเรื่องกาแฟไปพร้อมๆกันเมื่อคิดว่าเขาต้องฝึกแบบนี้ทุกเช้ามันก็ทําให้เขากลัวขึ้นมาแล้วบางทีการคิดฝึกแบบนี้อาจจะเป็นทางเลือกที่ผิดมาตั้งแต่ต้นก็ได้
ในช่วงท้ายของการฝึก ที่น่าและแม่มดขาวได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรีบเข้ามารักษาทันทีอันที่จริงแล้วการรักษาของโลก ACG นั้นเป็นอะไรที่สบายเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโลกแห่งความเป็นจริงและการดูอีกฝ่ายลงมือรักษาเองก็เป็นอะไรที่ผ่อนคลายเช่นกัน
คิดเห็นแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหวังให้ระดับความเป็นมิตรของพวกเธอมาถึงระดับ 5 ดาว เมื่อเป็นแบบนั้นพวกเธอก็สามารถกลายร่างให้มีขนาดเท่ากับเขาได้ แบบนี้มันเป็นอะไรที่น่าซึ่งเป็นอย่างมาก
หลังจากฝึกฝนช่วงเช้จบลง มันก็เกือบเก้าโมงแล้วซึ่งเป็นเวลาที่เขาต้องไปฝึกการทําอาหารต่อ
เมื่อเห็นว่าโจวหยูได้มาถึงห้องครัวตรงเวลา ใบหน้าของพ่อครัวอ้วนลี่ก็ได้กระตุกสองสามครั้งโอ้พระเจ้า!เจ้านายมาอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
การหายตัวไปเป็นเวลาเกือบ 10 วัน ทําให้พ่อครัวลี่คิดว่าความสนใจของเจ้านายได้หมดไปแล้วแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะกลับมาที่ครัวอีกครั้งแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายไม่ได้มาตรวจสอบการทํางานพวกเขา แต่การทํางานกับเจ้านายก็ยังคงมีแรงกดดันมากอยู่ดี
เวลานี้ครูฝึกก็ถูกเปลี่ยนตัวเช่นกัน ในครั้งนี้เปลี่ยนเป็นกาก้าและเบ็นเท็น การหั่นผักก็ยังเป็นงานที่จําเป็นแต่หลังจากนั่นผักในครั้งนี้จบลง กาก้าสั่งให้โจวหยูพยายามทําอาหารจานง่ายๆขึ้นมาเพราะท้ายที่สุดในเกม “ห้องความสุขสัน” ก็เป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้นมันไม่สามารถทําให้คนเล่นกลายเป็นเชฟได้จริงๆ
ดังนั้นในเวลาต่อมาพนักงานในครัวทั้งหมด ต่างก็ได้ลิ้มลอง “พิษ” ที่โจวหยูเป็นคนทําขึ้นมา
จานที่โจวหยูทําขึ้นมาต่างก็ถูกส่งไปยังทุกคน ถึงแม้ว่าอาหารจานนี้จะแย่แค่ไหนแต่พวกเขาก็ทําได้เพียงยกย่องมันเท่านั้นมีเพียงลูกฝาแฝดของเขาทั้งสองเท่านั้นที่พูดออกมาตรงๆกาก้าได้พูดถึงจุดเสียที่เขาได้ทําพลาดระหว่างการทําออกมาอย่างละเอียดไม่มีอะไรตกหล่นแม้แต่จุดเดียว
หลังจากถูกตีด้วยไม่ในคลาวศิลปะการต่อสู้มาตอนนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในระหว่างการทําอาหารอีกด้วยมันทําให้ตอนนี้โจวหยูเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองทําขึ้นมาแล้วแต่ความคิดนี้ก็อยู่ไม่นานเพราะช่วงต่อไปเขาต้องไปทําการสอนลูกศิษย์ของเขาต่อ
อย่างน้อยในตอนนี้เขาต้องรีบยกระดับของอู่หยุนให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้รับพลังโอตาคุเพิ่มขึ้นมาใครจะไปรู้ว่าในอนาคตเจ้าบูบูจะมีการฝึกยังไงรอเขาอยู่
เขาที่เป็นเด็กฝึกงานมาตลอดทั้งเช้าในที่สุดช่วงบ่ายนี้เข้าก็ได้สลับมาตําแหน่งครูได้ โจวหยูรีบวิ่งไปที่บ้านของอิหยุนวางแผนที่จะหาข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเพื่อวิพากษ์วิจารณ์เธอด้วยวิธีนี้มันจะทําให้เขารู้สึกดีขึ้นมาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าทันทีที่เขาเข้าไปถึงช่างไม้บีเวอร์ก็ได้พูดว่า”เธอคนนี้ดีมากเลย!ตอนนี้เธอได้ฝึกฝนคู่มือลับระดับกลางใกล้จะสําเร็จแล้วข้าคิดว่าให้เวลาเธออีกไม่กี่วันเธอก็คงสามารถเข้ารับการทดสอบได้
“แม่*!”
The Rise of Otaku

The Rise of Otaku

เรื่องย่อย

โจวหยูเป็นโอตาคุที่รักสันโดษ ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบออกจากบ้านของตัวเอง

แต่เขาก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านโดยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในวันหนึ่ง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท