บทที่ 145 ความขัดแย้งของสองฝ่าย
เบียโม่เริ่มทวีความรุนแรงของการเล่นพิเรนทร์มากขึ้นเรื่อยๆ … และมันก็เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจของทุกฝ่าย ในระหว่างนั้นเองโจวหยูก็รู้อีกอย่างว่าถ้าลูกคนนี้สวมเสื้อผ้าแบบผู้หญิงละก็ มันไม่สามารถแยกได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายมาก่อน และยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่เมื่อเจ้าลูกคนนี้ประดับเรื่องประดับอยู่บนหัวตัวเองตลอดเวลา
ดูเหมือนว่านี้จะเป็นงานอนิเรกอีกอย่างหนึ่งของเจ้าลูกคนนี้ โจวหยูต้องยอมรับว่าเมื่อเจ้าลูกคนนี้แต่งเป็นผู้หญิงนั้นมีความสวยที่สามารถแข่งกับพี่สาวของเขาอย่างมู่ลี่ได้สบายๆ
แต่เมื่อย้อนกลับมาดูพฤติกรรมที่เจ้าตัวทําตลอดเวลานั้น กับเป็นอะไรที่ไม่เข้าท่าเป็นอย่างมาก มันได้เลยจุดที่เป็นพฤติกรรมของเด็กซนไปแล้ว ซึ่งนี้เองที่เป็นปัญหาที่เขาต้องคอยแก้ไขอยู่ตลอดเวลา
เมื่อระยะเวลาผ่านไปโจวหยูก็รู้ว่าตัวเองนั้นไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมของเจ้าลูกคนนี้ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปมากกว่านี้
เฮ้อ! โชคดีที่ลูกชายคนนี้ไม่ได้ทําอะไรที่เป็นความผิดร้ายแรงจนเกินไป อย่างน้อยเขาก็ยังทําตัวอยู่ในกรอบอยู่นิดหน่อยละนะ!”
นอกจากการเล่นแผลงๆแล้วเบียโม่ยังได้ไปที่ศูนย์ฝึกอบรมไอดอลเป็นครั้งคราวเพื่อฝึกซ้อมแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากนักด้วยเวลาฝึกฝนที่น้อยกว่าพี่สาวมากทําให้โจวหยุผู้เป็นพ่อนั้นรู้สึกเป็นห่วงเกี่ยวกับค่าสถานะเมื่ออีกฝ่ายตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามโจวหยูเองก็ไม่สามารถบังคับให้เขาไปได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นอารมณ์ของเขาจะเปลี่ยนจากความสงบเป็นพายุหิมะทันทีและเจ้าลูกคนนี้ก็จะปรากฏอีกด้านของเจ้าชายน้ําแข็งออกมาพร้อมกับปลดปล่อยความเย็นสูงสุดออกมาอีกด้วยซึ่งแน่นอนว่าเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาเช่นกัน ในเหตุการณ์นั้นถึงกับทําให้ครูฝึกในศูนย์ฝึกอบรมได้กลายเป็นมนุษย์น้ําแข็งทันที
“เฮ้อ! เจ้าลูกคนนี้เป็นเด็กมีปัญหาจริงๆ”
เนื่องจากเขาไม่สามารถบังคับเจ้าลูกคนนี้ทําอะไรได้มากนัก ดังนั้นเขาจึงได้ปล่อยให้เจ้าลูกคนนี้ตัดสินใจเองทั้งหมด และเขาจะค่อยดูอยู่ข้างไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากนัก นอกเสียจากว่าเจ้าลูกคนนี้จะทําอะไรที่เกิดเลยออกไป
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเบียโม่จะไม่ยอมฝึกฝนตลอดเวลา แต่โจวหยูก็รู้ดีว่าค่าสถานะที่จะออกมานั้นไม่มีทางเลวร้ายเหมือนมิเนียนตัวน้อยอย่างเด็ดขาด และด้วยสถานะนี้เองมันก็รับประกันได้ว่าเจ้าลูกคนนี้จะไม่เป็นปัญหาสำหรับตัวเองในการหางาน แม้ว่าความสําเร็จของเขาอาจไม่สูงมากในอนาคตก็ตาม
เมื่อโจวหยูเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเบียโม่ขึ้นมา โดยไม่คาดคิดว่าจะมีคนจากเมืองแบล็กสตาร์ได้ปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของเขา คราวนี้คนที่มาไม่ใช่ชายที่สวมเสื้อสีดําแปลกๆแต่เป็นคนที่ดูน่าขนลุกมากกว่านั้น เมื่อสอบถามแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายมาจากบริษัทจัดการในเมืองแบล็กสตาร์นี้เอง
เมื่ออีกฝ่ายได้พบกับโจวหยู เขาได้แสดงความดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง พร้อมกับได้โค้งคํานับและมอบของขวัญให้กับโจวหยูโดยตรง – ปีกแห่งความมืด โดยเพิ่ม 10 คะแนนให้กับรูปลักษณ์ของไอดอลที่มาจากเมืองแบล็กสตาร์
เป็นสิ่งที่ดี!” โจวหยูที่เห็นแบบนี้ก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา พร้อมกับได้ยอมรับของกํานัลที่อีกฝ่ายเสนอมาก่อนที่เขาจะถามถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายได้มาหาเขาในครั้งนี้
“ที่ผทมาในครั้งนี้ก็เพราะผมต้องการพูดคุยการเซ็นสัญญากับคุณหยู! คุณหยูต้องรู้ว่าบริษัทของเราในเมืองแบล็กสตาร์นั้นถือว่าเป็นบริษัทยักใหญ่เลยที่เดียว ในครั้งนี้ที่พวกเรามานั้นก็เพื่อที่จะต้องการรับลูกชายของคุณเบียโม่เข้าร่วมกับเราไม่ว่าหลังจากนี้ค่าสถานะของเขาจะออกมาเป็นยังทางบริษัทเราสัญญาว่าจะให้ค่าตอบแทนเป็นไอดอลระดับ B และเรายังจะให้ค่าตอบแทนนี้ไปถึง 3 ปีด้วยกันก่อนที่เราจะกลับมาพิจารณาผลงาน อีกครั้ง คุณหยูคิดว่าเป็นไง?”
“แม่” … ” เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด โจวหยุเกือบจะพ่นน้ําที่กําลังดื่มออกมา
เพราะนี้เป็นชั้นเชิงที่สามารถพบเห็นได้ในภาพยนตร์แนวธุระมากมาย โดยเริ่มจากยื่นข้อเสนอที่ไม่มีทางปฏิเสธได้ออกมา ก่อนที่จะตามด้วยคมมีดที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้ม มันก็เป็นเหมือนการเล่นพนันที่เราไม่มีทางรู้เลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง แต่ดูจากสภาพแวดล้อมและดินที่ใช้ปลูกแล้วโจวหยูสามารถบอกได้ว่าค่าสถานะที่จะเปิดขึ้นมาของลูกชายคนเล็กคนนี้ไม่มีทางอยู่ในระดับ B อย่างแน่นอน
โดยทั่วไปแล้วการเดิมพันในครั้งนี้บริษัทยักใหญ่จะยกผลประโยชน์ในระดับ C เท่านั้น แต่ด้วยการเกิดมาของมู่ลี่ที่ได้รับการประเมินถึงระดับ S ทําให้บริษัทการจัดการต่างๆได้จัดอันดับให้หมู่บ้านมินิลู่หัวอยู่ในระดับที่สูงเป็นอย่างมากดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะได้ยื่นข้อเสนอที่ดีมากขนาดนี้ให้กับเบียโม่
ตัวแทนที่น่าขนลุกนั้นดูเหมือนคนที่สูญเสียความมั่นใจของตัวเองไปทันที ที่ได้เห็นการแสดงออกเป้าหมายก่อนหน้านี้เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าแผนการนี้จะประสบความสําเร็จ แต่มาตอนนี้เขากับไม่มั่นใจในแผนการของตัวเองอีกแล้ว
ในความคิดของโจวหยูกับยุ่งเหยิงมากกว่า เพราะจากที่รู้มาเมืองแบล็กสตาร์นั้นส่วนใหญ่จะผลิตหนังแนวผู้ใหญ่เป็นส่วนมาก ซึ่งเขาไม่มีทางที่จะปล่อยให้ลูกชายคนนี้ของเขาต้องก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้อย่างเด็กขาด
“ทรอย์แมน, เซ็กภาพยนตร์, ลู่น่าสตูดิโอ และ อื่นๆ ไม่ว่าคุณจะเลือกเข้ากับบริษัทใด ทางเราก็ยินดีที่จะสนับสนุนคุณ …”
“หยุด! หยุด! คุณเชิญออกไปข้างนอกก่อน …”
ตัวแทนกําลังพูดถึงประวัติอันรุ่งโรจน์ของบริษัทของตัวเอง เขาไม่คิดว่าเขาจะถูกขัดจังหวะอย่างรุนแรงแบบ นี้ ก่อนที่จะถูกเจ้าบ้านไล่ออกจากบ้านในที่สุด
“พระเจ้า! มันไม่มีบริษัทที่ดีกว่านี้ในเมืองแบล็กสตาร์แล้วหรือไงกัน?’
เมื่อโจวหยได้ไล่ตัวแทนคนนี้กลับไปแล้ว ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็มีบริษัทจัดการอื่นๆอีกหลายแห่งได้มาที่หมู่บ้านมินิลู่หัว แน่นอนว่าจุดประสงค์ของพวกเขาเหมือนกันกับบริษัทแรกที่มาโดยที่อย่างแรกเลยก็จะยื่นข้อ เสนอที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดขึ้นมา ก่อนที่จะตามด้วยเงื่อนไขที่แอบแฝงแต่ทั้งหมดได้ถูกปฏิเสธโดยโจวหยูอย่างเด็ดขาด
ในเรื่องนี้ไม่จําเป็นต้องถามความสมัครใจของเบียโม่ ยังไงก็ตามด้วยความเป็นพ่อเขาไม่มีทางที่จะให้ลูกชายไปทําอาชีพอย่างว่าเด็ดขาด
ในที่สุดหลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ของระยะเวลาการอุปถัมภ์จบลง ก็ไม่มีบริษัทจัดการที่มาจากเมืองแบล็กสตาร์มาอีกเลย และนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เบียโม่ – ไอดอลเมืองแบล็กสตาร์,
หน้าตา 96;
การร้องเพลง 24;
การเต้นรํา 30;
การแสดงอ 87;
การโชว์ 50;
ทักษะพิเศษ 1: นักแต่งเพลงที่มีความสามารถในการแต่งเพลงมากมาย สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้
ทักษะพิเศษ 2: ความสง่างามที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าตัวละครที่เขาแสดงจะเป็นชายหรือหญิงก็ตามมันจะเพิ่มเสน่ห์ของบทที่เขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทักษะพิเศษ 3 : เขาเกิดมาพร้อมกับโรคผิวเผือกที่ไม่สามารถต้านทานความร้อนได้นากเกินไปข้อควรระวังควรให้เขาอยู่แต่ในพื้นที่เย็นตลอดเวลา และยู่ห่างจากความร้อนให้มากที่สุด
จากค่าสถานะทั้งหมดของเบียโม่นั้นทําให้เห็นว่าค่าสถานะสองอย่างแรกที่ได้อันดับสูงสุดของเขานั้นคือการแสดงและการรั่งอเพลง และด้วยทักษะพิเศษที่มีมาถึงสองอย่างเป็นอะไรที่ดีเป็นอย่างมากแต่เมื่อเทียบกับความสามารถของพี่สาวของเขาอย่างมู่ลี่แล้ว กับเป็นอะไรที่ด้อยไปกว่ากันมากถึงแม้ว่าทักษะพิเศษของมู่ลี่นั้นจะมีเพียงอย่างเดียวแต่เมื่อเทียบกับการนําไปใช้แล้วทักษะของเธอนั้นมีความเป็นอิสระมากกว่า
ความสามารถของนักแต่งเพลงคงได้รับมาจากดินที่ใช้ แต่เมื่อคิดว่าดินนี้สามารถมอบทักษะที่เกี่ยวกับทางด้านดนตรีให้ถึงสามอย่าง แต่ได้มาเพียงอย่างเดียวก็ดูเหมือนเป็นอะไรที่ขาดทุนตามมาด้วยทักษะอย่างการแสดงบทชายหญิงที่มี ทําให้เบียโม่สามารถรับบทได้ทุกบทบาทซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ดีมาก
ด้วยทักษะทั้งสองอย่างนี้ของเบียโม่ ไม่ว่าจะเลือกอย่างไหนเขาก็สามารถเดินไปสุดทางได้สบายๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อโจวหยเกิดความคิดแบบนี้ ความจริงที่เกิดขึ้นทําให้เขาถึงอยากจะตาย
ก่อนหน้านี้เขาได้พูดคุยกับเซี่ยฮวนเกี่ยวกับการทํางานร่วมกันในภาพยนตร์เรื่องต่อไป เป้าหมายก็คือการส ร้างเมืองใต้พิภพขึ้นมา
ในปัจจุบันเซียฮวนยังคงพยายามหาบทที่ดีตลอดเวลา แต่เนื่องจากหมู่บ้านมินิลู่หัวได้มีนักแสดงใหม่เกิดขึ้นมาและมันก็เป็นนักแสดงที่ดีมาก ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะคุยกับเซี่ยฮวนเกี่ยวกับบทบาทที่เหมาะสมสําหรับนักแสดงเบียโม่ในภาพยนตร์เรื่องต่อไป
ในตอนแรกเซียฮวนมีความสุขมากกับข่าวนี้ เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะหานักแสดงที่มีค่าสถานะการแสดงสูงกว่า 80 คะแนน เขาถึงกับอิจฉาโจวหยูที่สามารถหานักแสดงคุณภาพสูงแบบนี้มาได้ในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยฮวนได้มาถึงหมู่บ้านมินิลู่หัวพร้อมกับความตื่นเต้นนั้น เมื่อเขาได้เห็นเบียโม่อาการดีใจก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปทันที
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เซี่ยฮวนจะแสดงอาการแบบนั้น เพราะเขาได้อยู่ฝ่ายของเมืองสตาร์ไลน์มาด้วยตลอดและแน่นอนว่าเมืองแบล็กสตาร์ถือได้เป็นคู่ต่อสู้ของเขามาโดยตลอดเช่นกันซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สามารถร่วมมือกันได้
อาจจะเพราะโจวหยูนั้นไม่ใช้คนของโลก ACG จริงๆ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเมืองสตาร์ไลน์และเมืองแบล็กสตาร์นั้นเป็นสองกลุ่มอํานาจที่ต่อสู้กันตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะร้ายแรงแบบนี้
สําหรับสมาชิกของหมู่บ้านมินิลู่หัวนั้นไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาต่างก็ยอมรับเบียโม่ให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านอย่างยินดี แต่ไม่ใช้สําหรับศูนย์ฝึกที่มาจากเมืองสตาร์ไลน์คนพวกนี้มีอาการต่อต้านอย่างเห็นได้ชัดรวมไปถึงคนที่อยู่ฝ่ายเมืองสตาร์ไลน์เองก็เช่นกันดังนั้นจึงไม่แปลกที่เซี่ยฮวนจะต่อต้านการทํางานร่วมกันกับเบียโม่แบบนี้
เซี่ยฮวนได้ตัดสินใจพูดออกมาให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ “โจวหยู! เราสามารถร่วมมือได้ได้ทุกเรื่องนายก็คงรู้แต่เรื่องของเบียโม่นั้นไม่สามารถทําได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบเบียโม่หรอกนะ แต่มันเป็นเพราะข้อพิพาทระ หว่างขั้วอํานาจทั้งสองฝ่ายทําให้เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถนําเบียโม่มาร่วมแสดงได้แต่มันก็ยังมีวิธีแก้อยู่เหมือนกันคือหนึ่งนายส่งเบียโม่ไปยังเมืองแบล็กสตาร์หรือไม่นายก็ต้องสร้างภาพยนตร์ของตัวเองนมาเอง “
เมื่อโจวหยุได้ฟังเรื่องนี้ทั้งหมด เขาก็รู้สึกว่าเรื่องของความขัดแย้งนั้นจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างที่คิดเอาไว้