ฮีลเลอร์สุดเมพโดนไล่ออกจากตี้ (สุดกาก) ผันตัวมาเป็น ดาร์กฮีลเอร์ – ตอนที่ 11 ณ ขณะเดียวกันปาร์ตี้ของแอสตรอน(Ⅱ)- จบเล่ม 1

ฮีลเลอร์สุดเมพโดนไล่ออกจากตี้ (สุดกาก) ผันตัวมาเป็น ดาร์กฮีลเอร์

ตอนที่ 11 ณ ขณะเดียวกันปาร์ตี้ของแอสตรอน(Ⅱ)

 

 

รถม้าวิ่งผ่านพื้นที่ราบสีเขียว

รถม้าลากโดยใช้ม้าสามตัวมีขนสีทอง ได้รับการออกแบบให้สวยงามและตะการตา

 

「อ่ารู้สึกดีชะมัด」

 

ภายในรถม้ามีแอสตรอนที่เยียดขาของเขาขณะดื่มไวน์

จอมเวทย์ไกล์กล่าวพลางมองดูภูเขาทางหน้าต่าง

 

「ไม่คิดเลยช่วงเวลาแบบนี้จะมีเควสให้ทำแบบนี้」

「นั่นเพราะได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไปไง」

 

ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นคำขอโดยตรงจากเซอร์เฟนเนล หนึ่งในเจ็ดราชวงศ์ผู้ยิ่งใหญ่

ได้รับรถม้าสุดหรูแถมยังมีอุปกรณ์ดีๆให้ใช้ไปยังทุ่งหิมะทางตอนเหนือซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกจิ้งจอกเพลิง ที่สามารถสร้างเงินทองได้มากมาย ใช้เวลามากกว่าสิบวันจากเมืองหลวง โรงแรมขนาดเล็กในแต่ละการพักก็ถูกจองไว้สำหรับกลุ่มนี้โดยเฉพาะและพวกเขาก็ได้สนุกสนานกับการเดินทางอันแสนสะดวกสบาย

 

「อ่าเหมือนเข้าใกล้ขุนนางไปอีกขั้น」  

「อันที่จริงพวกเราจะได้เป็นขุนนางหลังจากเกษียณตัวเองจากการเป็นนักผจญภัย」

 

แอสตรอนตอบสนองต่อคำพูดของนักธนูยูม่าพร้อมกับดื่มไวน์

 

ปาร์ตี้นี้จัดได้ว่าเป็นปาร์ตี้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

ปาร์ตี้ของแอสตรอนที่เอาชนะมอนแรงค์ A จำนวนมากปาร์ตี้เขาอยู่ระดับโกลด์เลย

 เพราะสามารถจัดการมอนอันตรายได้โดยไม่ได้รับอันตรายเลย ถูกเรียกขานว่า「กลุ่มฟีนิกซ์เหล็กกล้า(鋼鉄アイアンの不死鳥フェニックス)」

 

「ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปถึงระดับท็อปสีดำเลยก็ได้」

 

คลาสสีดำ เป็นคนที่มีเกียรติอย่างมากและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและสามารถเป็นขุนนางได้หลังจากเกษียณตัวเองจากการเป็นนักผจญภัย

อันที่จริง ผู้มีเกียรติที่สร้างคุณให้กับประเทศชาตินั้นเรียกได้ว่าเป็นหัวใจของประเทศเลยก็ว่าได้ รวมทั้งเลขาธิการพวกศูนย์รักษาหลวง ส่วนใหญ่อดีตนักผจญภัยคลาสดำก็กลายเป็นขุนนางหลังเกษียณทั้งนั้น

 

จะต้องมีคนแนะนำหลายคนจนกว่าจะได้เป็นขุนนาง แต่หากมีเส้นสายอย่างขุนนางชั้นผู้ใหญ่อย่างเซอร์เฟนเนล ก็จะผ่านข้อกำหนดได้ไม่ยากเลย

 

「ถ้าแบบนั้นพวกเราก็เริ่มไปข้างหน้า」

「ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงได้ลงดันเจี้ยนแน่」

「อืมไม่มีคนแบกสัมภาระนี่สบายดีจริงๆ」

 

ทุกคนหัวเราะ

 

「อย่างไรก็ตามแอสตรอนก็เป็นคนใหญ่คนโต ตอนที่ได้ยินว่าเอาเด็กในสลัมเข้าตี้ ถึงกับสงสัยเลยทีเดียว แต่หมอนั่นก็เป็นเหมือนทาสที่กินเศษอาหารและนอนในทุ่งนา ขนสัมภาระ ทำอาหารและยังใช้เป็นโล่ในกรณีฉุกเฉิน เป็นทาสฟรีๆไม่เสียเงิน」    

「กุกฮ่าๆๆๆ เซนอสที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นทาสมาตลอดคงจะคิดถึงอนาคตอันสวยหรู」

 

พวกข้าไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เลย

 

เซนอส ตอนนี้แกทำอะไรวะ

ก็ให้ค่าขนมไล่ออกจากตี้ไปนิดหน่อย เพราะมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ท้ายที่สุดก็เป็นเด็กจากสลัม ไม่มีงานดีๆทำได้หรอก แน่ใจว่าสักพักเดี๋ยวมันก็ตายข้างถนน ต้องขอบคุณที่ช่วยพวกเรามาจนถึงตอนนี้

 

ในขณะนั้นเองรถม้าหยุดกระทันหัน

 

「เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น? ไวน์เลอะเกราะข้าหมดแล้ว」

 

คนขับรถม้าพูดกับแอสตรอนพร้อมกับกรีดร้อง

 

「ขอโทษด้วยครับ แต่ว่าสัตว์อสูรมันโผล่มา ช่วยกำจัดมันทีนะครับ」

「ชิ คิดว่าจะได้ดื่มสบายๆแล้วเชียว」  

 

แอสตรอนลงจากรถด้วยความหงุดหงิด

สุดถนนมีมอนสเตอร์กระต่ายยักษ์ห้าตัวมีเขาส่งเสียงคำราม

 

「แรปบิทฮอร์นงั้นเรอะ มอนสแรงค์ D  กระจอกชะมัด ช่วยไม่ได้นะจะรีบจัดการให้ไวเลย」

 

แอสตรอนดึงดาบออกมา ยูม่าจับธนู อันเดรสถือไม้เท้าไว้ แล้วไกล์เองก็ถือยันต์

 

เริ่มการต่อสู้

 

แอสตรอนรับการโจมตีแรปบิทฮอร์นเอาไว้

อั่ก!

แรงกระแทกอันรุนแรงถูกส่งไปทั่วทั้งร่าง

 

「อั่ก ไอ้นี่……」  

 

เขาพยายามจะผลักกลับและโค่นมันลง แต่ศัตรูนั้นเร็วกว่าที่คาดไว้ ในท้ายที่สุดก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการจัดการมัน

ร่างกายรู้สึกหนักๆ ดื่มมากเกินไปงั้นเหรอ

 

「เห้ย ยุ่งยากจริงวุ้ย」

 

ยูม่าบ่นจากด้านหลังพร้อมกลับเข้ารถม้า

 

「เฮ้ย แอสตรอนแขนนายมีแผล」

「หา?」

 

แน่นอนว่ามีแผลบริเวณข้อศอก

 

「ชิ เป็นเพราะข้าไม่ระวังตัวเองล่ะ」

 

ในขณะนั้นเองเขากะเดาะลิ้นด้วยความไม่พอใจ

 

ว่าแต่นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้แผลบนการต่อสู้เนี่ย

 

รู้สึกใจไม่ค่อยดีเลยแหะ

ความรู้สึกไม่สบายใจเหมือนโดนหนามทิ่มแทง

อย่างไรก็ตาม แอสตรอนยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

 

ตอนที่ 12 การประชุมของสาวๆในตอนบ่าย

「ว่าแต่ใครเป็นอาจารย์ของเซนอสเหรอคะ?」  

 

「ลิลี่ไม่รู้จักน่ะ แม้แต่ท่านเซนอสเองก็ไม่รู้ เขาเติบโตขึ้นมาในสลัมและบังเอิญได้เจอกับคนๆนั้น และก็มีนักผจญภัยมาขอให้เขาไปร่วมปาร์ตี้ด้วยในฐานะฮีลเลอร์ ก็ไปเข้าตี้แต่สุดท้ายก็โดนไล่ออกมา」

 

「ไล่ท่านเซนอสออกจากตี้? พวกนั้นเป็นคนโง่สินะเนี่ย」

 

「ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะพวกโง่แบบนั้นอยู่ด้วยเหรอคะเนี่ย」

 

「จะว่าไปเวทย์รักษานั่นเข้าขั้นพิลึกไปแล้ว ไปได้มาจากไหนล่ะนั่นคะ?」

 

「ก็ครูพักลักจำมาแต่ว่าลิลี่เองก็ไม่รู้รายละเอียดมากนักหรอก」

 

「ท่านเซนอสเองก็ใช้เวทย์ป้องกันได้ด้วย แม้แต่ขวานของฉันยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วนั่นละ?」

 

「ก็เพราะโดนปาร์ตี้ลากไปเป็นแทงค์บ่อยๆน่ะ」

 

「แค่จำงั้นเหรอ….เวทย์เนี่ยใช้กันได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?」

 

「ลิลี่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนหรอกนะ แต่ว่าเขาก็ใช้เวทย์เสริมพลังกายได้ด้วย」

 

「รักษาได้ ใช้เวทย์ป้องกันได้ แถมยังเสริมพลังกายได้…..เยอะไปหมดแล้วจนริงก้าปวดหัว」

 

「เขาบอกว่าเวทย์รักษาของเขาเป็นที่สุด แต่พื้นฐานแล้วก็เหมือนกันทุกอย่างอยู่ในระดับเดียวกันหมดเลย」

 

「ไม่เข้าใจเลยแหะ แต่ว่าสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ」

 

「แต่ว่าเซนอสก็ไม่ได้รับใบอนุญาติและไม่ได้เป็นฮีลเลอร์อย่างเป็นทางการด้วย เขาเลยคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร」

 

「ถ้าคนระดับเดียวกับอาจารย์ ดิฉันว่าต้องเป็นพวกนักบุญที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแน่ๆเลยค่ะ」

 

สาวๆถอนหายใจพร้อมกัน

 

「ต่อจากนี้อาจารย์จะเป็นยังไงค่ะเนี่ย……」

「ดูจากสภาพแล้วท่านเซนอสไม่อยากโดดเด่นเลยสักนิด」

「แต่ว่าจะปล่อยให้เจ้านั่นอยู่คนเดียวก็ไม่ได้」

 

「คุคุคุ……。ก็คุยแนะนำตัวกันมาพอแล้วทำไมพวกเจ้าไม่รีบเข้าประเด็นหลักกันล่ะ」

 

เรธที่อยู่ทางด้านหลังวางถ้วยชาพร้อมกับรอยยิ้มร่าเริง

 

「พูดถึงอาหารจานหลักกันดีกว่านะ สมาคมสาวที่อยู่ในห้วงแห่งรัก ใครจะพิชิตใจเจ้าคนไร้ความรู้สึกนั่นได้กันนะ?」

 

「ดิฉันแน่นอนค่ะ」

「แน่นอนว่าต้องเป็นริงก้า」

「ข้าเองก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ」

「ลิลี่เองก็……」  

 

ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกัน

สายตาของทั้งสี่จ้องมองไปทางคาร์มิล่า

 

「แล้วคาร์มิล่าล่ะ จะเอาด้วยงั้นเหรอคะ?」

「ริงก้าก็รู้สึกหวั่นๆแล้วสิ」

「เจ้าคิดเช่นไรกับเซนอสงั้นรึ? เรธเอ๋ย」

「อันที่จริงลิลี่เองก็กังวลเหมือกันค่ะ」

 

「…………ดิฉันผู้นี้น่ะเหรอ?」

 

เรธส่ายตาไปมา

เงียบไปชั่วครู่หนึ่งและหัวเราะออกมา

 

「ฟุฮะฮะฮะฮะ พวกเจ้าจะโง่ก็ให้มีลิมิตกันบ้าง ไม่มีเหตุผลใดที่ราชินีแห่งภูตผีคนนี้จะหลงรักมนุษย์หรอกนะ ในตอนแรกดิฉันเองก็เป็นผู้เสียหายเพราะเจ้าเซนอสมันบุกเข้าบ้านของดิฉันคนนี้และมาแย่งห้องของดิฉันไปแถมยังทำความสะอาดซะหมดจด ความเงียบสงบหายไป ดิฉันพยายามหาโอกาสที่จะได้กุดหัวเจ้านั่น ฮิฮิฮิ…แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้ยิ้มแบบนั้นล่ะ?」

 

「ไม่หรอก….ก็แค่สงสัยเฉยๆค่ะ」

「แหม่ ก็มีลังเลก่อนจะพูดด้วยนี่」

「แถมยังพูดด้วยท่าทางร้อนรนอีก」

「โม่วววว ถ้าคาร์มิล่าซังเข้าร่วมก็มีศัตรูสุดแกร่งเพิ่มมาอีกแล้ว……」

 

「ยะยะอย่ามาพูดบ้าๆนะ พวกเจ้าน่ะ เรธอย่างดิฉันคนนี้เนี่ยนะ ดิฉันก็แค่คิดว่ามันน่าสนุกนิดหน่อยแต่เห็นอย่างนี้ดิฉันก็อายุปาเข้าไปสามร้อยปีแล้วนะคะ」

「ความรักน่ะไม่เกี่ยงวัยหรอกนะคะ」

「แถมดิฉันยังเป็นภูติผีด้วยนะคะ」

「ไม่ว่าจะเป็นอะไรริงก้าก็คิดว่าไม่เกี่ยวกันเลย」

「แถมดิฉันยังตายไปแล้วนะคะ」

「ความรักน่ะไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายหรอกนะ」

「แต่ฉันคิดว่ามันเกี่ยวนะคะ……?」

 

「ให้ตายเถอะคาร์มิล่าซื่อสัตย์ต่อตัวเองหน่อยสิคะ」

「ไม่ใช่ แล้ว……? ลิลี่ ท่าทางของเธอแบบนั้นมันอะไรกันคะ」

「ลิลี่พยายามเล่นเป็นท่านเซนอสน่ะสิ」

「อย่าทำหน้าเหมือนคนจะเป็นจะตายสิ」

「โม่ววววววว……」

 

ในขณะนั้นเองประตูทางเข้าก็เปิดออก

 

「กลับมาแล้ว ลิลี่และก็คาร์มิล่าด้วย ไปรักษาข้างนอกเสร็จแล้ว…พวกเธอยังจะมานี่อีกเหรอ? แบบนี้มันก็เป็นอุปสรรคต่อร้านชั้นดิ」

 

พวกผู้หญิงมองหน้ากันและค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้

 

「ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะใช่ไหม?」

「ใช่ยังไงก็เป็นศูนย์รักษานี่เนอะ」

「ต้องขอบคุณเซนอสเลยนะที่ทำให้พวกเราไม่ต้องสู้กันอีกและจำนวนคนเจ็บก็น้อยลง」

 

「ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ」

 

「แต่ว่าลิลี่สนุกนะคะที่ได้อยู่กับทุกคน」

「ก็อย่างนั้นแหละนะพวกผู้หญิงนะชอบการพูดคุยเป็นเรื่องปกติ」

 

「แล้วทำไมถึงมีพวก เอลฟ์ มนุษย์กิ้งก่า มนุษย์หมาป่า ออร์ค และเรธ มาคุยกันในร้านชั้นกันเนี่ย……」

 

ช่วงเวลาอันแสนสงบสุขพร้อมกับกลิ่นอันหอมหวานของชาดำ

 

ตอนที่ 13 ลางไม่ดีอีกแล้ว

 

 

 มหาอำนาจแห่งศูนย์กลางของเมืองหลวงเฮเซสมีนามว่า”อาณาจักรแห่งอัสดง(太陽王国)”ที่แบ่งออกเป็นสี่ส่วน ศูนย์ใหญ่อยู่ที่วังหลวงซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าราชวงศ์ มีพื้นที่พิเศษของพวกขุนนาง และมีพื้นที่ของประชาชนให้อยู่อาศัย และย่านสลัม

 

ในเขตปกครองพิเศษของเหล่าขุนนางที่มีพื้นที่ระดับสถาบันระดับชาติเช่นวุฒิสภาและศูนย์รักษาหลวง และทั้งสองก็เผชิญตั้งอยู่ตรงข้ามกันเป็นอาคารที่มีทั้งการประดับหรูหราและสง่างามตั้งอยู่หัวมุม

 

「เรียกฉันว่าหัวหน้ากองเถอะค่ะ」

「กำลังรออยู่เลยหัวหน้ากอง」

 

ผู้ชายที่ท่าทางเคร่งครึมตัดผมสั้นนั่งอยู่ในสำนักงานด้านหลัง

ตรงหน้าเขามีหญิงสาวที่ยืนตัวตรงไม่ขยับเขยื้อน

 

เธอมีผมสีบลอนด์ยาว ตาสีฟ้า เกราะทองคำขาว และภายในซองหนังมีปืนเวทมนตร์อยู่ข้างสะโพกซ้ายและขวา แม้ว่าจะมีความงามอันโดดเด่น แต่การแสดงออกของเธอนั้นแข็งกระด้างอย่างกับหุ่นเชิด

 

「อ้าวคุณหัวหน้ากองว่าไงมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ」

「อันที่จริงได้ยินข่าวลือที่ชวนน่ากังวลนิดหน่อยค่ะ」

「ข่าวลือ……?」

 

ชายคนนั้นพยักหน้าและลูบคาง

 

「เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวแปลกๆในย่านสลัมค่ะ」

「เป็นเรื่องตลกอะไรยังงั้นเหรอ?」

「อย่างไรก็ตามความขัดแย้งของสามหัวหน้าเผ่ายุติลงอย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ」

 

 หญิงสาวคนนั้นมีนามว่าคริสน่า(クリシュナ)

 

「บ้าน่า พวกนั้นสามเผ่าที่ทะเลาะกันมาหลากปีและการต่อสู้ก็มีมาอย่างยาวนาน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะหยุดลง」

「จริงๆฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อค่ะ」

 

ชายคนนั้นวางศอกลงบนโต๊ะ

 

「แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้แล้วนะเนี่ย อย่างที่ทราบกันดี อาณาจักรฮัสเซสมีความรุ่งเรืองมาอย่างยาวนานโดยการแบ่งชนชั้นทางสังคมอย่างเข้มงวดซึ่งศูนย์กลางรวมอยู่ที่อาณาจักร」

「แน่นอนฉันทราบดีค่ะ」

「ความโกรธของพลเมืองมากมายมักจะไประบายความแค้นกับคนในสลัม และความขุนเคืองเหล่านั้นก็เป็นแรงกดดันให้ทั้งสามเผ่าบาดหมางกันและหากทั้งสามเผ่าเป็นพันธมิตรกันขึ้นมาและเป็นปรปักษ์ต่อชาวเมืองขึ้นมาล่ะก็——」

「อาจจะเป็นภัยคุกคามต่อพวกขุนนาง หรือแม้แต่ลามไปถึงระบบการปกครองเลยสินะคะ?」

「ใช่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์อันเลวร้ายเลยก็ได้สำหรับพวกเรา ที่เป็นกองทหารรักษาพระองค์ ซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลรักษาเมืองหลวงแห่งนี้」

 

กองทหารรักษาพระองค์ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นผู้พิทักษ์ของราชวงศ์ ค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ และปัจจุบันปกครองในฐานะผู้พิทักษ์เมืองหลวง

คริสน่าพูด

 

「อย่างไรก็ตามหัวหน้ากอง ชั้นเองก็สงสัยทำไมทั้งสามเผ่าที่ชิงชังกันหนักหนาถึงได้เลิกแก้แค้นกันอย่างง่ายดายล่ะ」  

「มีข่าวลือว่ามีคนคอยชี้นำพวกนั้นอยู่ค่ะ」

「คนชี้นำงั้นเหรอ……? ยิ่งพูดยิ่งเป็นไปไม่ได้สายลมแห่งโซเฟีย ทรราชริงก้า และ ลีฟผู้ทรงพลังทั้งคู่ต่างเป็นคนที่มีอำนาจมากภายในโลกใต้ดิน ไม่คิดว่าจะมีคนที่ถึงกับรวมสามคนนี้เข้าด้วยกันได้หรอกนะ」  

「ก็เห็นด้วยอยู่หรอกค่ะ แต่ว่าข้อมูลที่ได้มาไม่แน่นอนนัก——」

 

นัยน์ตาของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นมัว

 

「ถ้าวข่าวลือเป็นเรื่องจริง——。หากมีคนที่มีอำนาจขนาดนั้น จะปล่อยมันไว้ไม่ได้ ไม่งั้นพวกราชวงศ์ได้ตื่นตระหนกกันแน่」

「ถ้างั้นจะให้ไปลากตัวมันมาไหมคะ」

「เพราะมันเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็อยากจะขอร้องหน่อยนะหัวหน้ากอง」

 

คริสน่าค่อยๆพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

「ถ้างั้นก็ไว้ใจฉันได้ ถ้าเจอไอ้หมอนั่นจะจับมาให้」

「คาดหวังอยู่นะ——<สตรีศิลา(石ス淑女)>」

 

 +++

 

「ฮัดชิ้ว」

 

เซนอสจามขณะอยู่ในศูนย์รักษาในเมืองร้าง

 

「ท่านเซนอสเป็นหวัดเหรอ? ให้ริงก้าอุ่นร่างกายด้วยขนของริงก้าไหม」

「นั่นคืองานของข้าต่างหากกล้ามเนื้ออันหนาแน่นของข้าผู้นี้จะทำให้เขาอุ่นใจได้แถมยังมีหน้าอกนี่คอยค้ำจุนด้วย」

「ลิลี่เองก็……ไม่มีขน……กล้ามเนื้อ……หน้าอกก็ด้วยที่ทำได้ก็แค่ชงชาค่าาาา」

 

「มันไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ」

 

เซนอสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ห้องรักษาก็พูดแบบนั้นพร้อมมองหน้าพวกเธอ

 

「มันก็แค่การจามและก็โอเวอร์แอคกันเกินไปแล้ว และชั้นก็กำลังรักษาผู้ป่วยอยู่เงียบๆหน่อย」

 

เผ่ามนุษย์กิ้งก่าโซเฟียและซอนเด้นั่งอยู่ข้างหน้าเซนอส

ทั้งสองมีบาดแผลตรงแขน

 

เซนอสจับมือทั้งสองข้างที่เป็นแผล

แสงสีขาวอ่อนๆค่อยๆปกคลุมบาดแผล และบาดแผลก็สมานตัวจนปิดสนิท

 

「ดิฉันเริ่มจะติดใจชอบให้อาจารย์รักษาบาดแผลซะแล้วสิคะ จงใจได้แผลมาเพราะการนี้เลยนะคะ」

「ถ้าหากจงใจได้แผลมาอย่ามาหาเลยนะขอทีเถอะ」

「ฟุฟุแม้ว่าดิฉันจะพูดแบบนั้นแต่ดิฉันก็จ่ายเงินนะคะ เพราะงั้นช่วยจริงจังด้วยนะ」  

 

ลิลี่นำชามาให้กับทุกคน

 

「อีกอย่าง นานๆทีที่โซเฟียซังจะมาเป็นลูกค้านะคะ」

「ไม่เอาสิ ลิลี่ เธอแทบจะมาตลอดเลยล่ะแบบนี้ไม่เรียกว่าแขกแล้ว」

「มาทั้งๆที่ไม่ได้เป็นลูกค้าด้วยล่ะนะ」

 

ขณะที่เซนอสกำลังเหนื่อยหน่ายนั่นเอง โซเฟียก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยและตบแขนข้างที่ได้รับการรักษาอย่างมีความสุข

 

「ถึงงั้นก็เถอะไปได้แผลมาจากไหน พวกเราก็ไม่ได้ทะเลาะกันแล้วสักหน่อย」

「อ่าโซเฟียเป็นโจรน่ะ」

 

เป้าหมายของการโจรกรรมคือปล้นคนชั่วช่วยคนยากไร้

 

「พวกเรากำลังจับตาดูพวกทหารรักษาการณ์ที่มาคอยรักษาความสงบในเมืองและก็ปะทะกันนิดหน่อย」

「อีกอย่างก่อนหน้านั้นที่พวกเธอพี่น้องได้แผลมาก็เพราะกองทหารรักษาการณ์ด้วยใช่ไหม」

 

ซอนเด้โดนเวทย์เพลิงชั้นสูงเผา และโซเฟียเองก็โดนกระสุนเวทมนตร์ที่อัดพิษเข้าไป

แม้ว่าจะหายดีแล้ว แต่จำได้ดีเพราะมันเป็นแผลที่หาได้ยากในเมืองแห่งนี้

 

「อ่าใช่แล้วล่ะเป็นบาดแผลที่พวกเราได้มาจากการไปขโมยของในเขตขุนนางค่ะ」

「แขนผมก็ด้วยพี่โดนยัยนั่นกระสุนเพลิงอัดเข้าเต็มๆ」

「……ยัยนั่น?」

 

พี่น้องกล่าวด้วยใบหน้าหดหู่

 

「มีสตรีนางหนึ่งเป็นที่น่าเกรงขามมากในหมู่ทหารรักษาการณ์ เป็นคนไร้ความรู้สึก และใช้การโจมตีที่น่ารังเกียจ」

「ตื่นขึ้นมาผมเองยังกลัวอยู่เลยว่าจะโดนเธอคนนั้นไล่ล่าอีกรึเปล่า ยัย<สตรีศิลา>นั่นน่ะ」

 

「<สตรีศิลา>งั้นเหรอ……」

 

เมื่อเรียกชื่อนั้นซ้ำ คาร์มิล่าที่นั่งอยู่บนเตียงก็ลูบปากของเธอ

 

「คุคุคุ……มันคงจะยากลำบากแน่ถ้ายัยนั่นรู้สึกตัวขึ้นมา แม้จะเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจ แต่ว่าจะสร้างความวุ่นวายให้แน่นอน」

「……เอ๊ะ แต่ว่าลิลี่คิดว่าดีออกนะคะ คาร์มิล่าซัง?」

 

เมื่อลิลี่พึมพำอย่างกังวลเซนอสก็เกาหัว

 

「ไม่ได้เกี่ยวกับชั้นสักหน่อย ชั้นไม่คิดว่าหัวหน้ารักษาการจะมาแถวนี้สักหน่อย ไอ้ชั้นก็เป็นแค่ดาร์กฮีลเลอร์จนๆในเมืองร้างแห่งนี้」

 

「อย่าดูถูกลางสังหรณ์ของดิฉันสิ~」

 

「กังวลไปก็เปล่าประโยชน์ ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วใช่ไหมลิลี่」

「อืม ท่านเซนอสอยากทานอะไรเหรอคะ?」

 

「ดิฉันชอบผักค่ะ」

「ริงก้าอยากกินปลา」

「พวกเจ้าเนี่ยสมองกลวงเหรอ แน่นอนว่าต้องเป็นเนื้ออยู่แล้วสิ」

 

「ไม่ได้ถามพวกเธอเลยเห้ย? ……แล้วทำไมถึงมาทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ล่ะ?」

 

เพราะมีเมนูเยอะเกินไปเพราะงั้นเลยใช้วิธีจับสลาก ทั้งสามคนดูไม่ค่อยพอใจ และผลจากการจับสลากก็ได้ปลา

คาร์มิล่ามองไปทางริงก้าที่ร่าเริงและโซเฟียกับลีฟที่บ่น「ชิ」

 

「ถ้างั้นดิฉันจะขึ้นไปพักที่ชั้นสองแล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าเป็นถึงที่ชื่นชอบของหัวหน้าเผ่าทั้งสาม เจ้าอาจจะตกเป็นเป้าของพวกราชวงศ์ก็ได้นะ」

「รู้สึกว่าจะมีพวกสัตว์ประหลาดโผล่มาให้รักษากันเยอะแน่ๆเลยแหะถ้าเป็นแบบนั้น 」

「ว่าเแล้วเชียวธงหายนะของท่านเซนอสโผล่มาอย่างลับๆ……」

「หยุดพูดอะไรที่มันลางไม่ดีแบบนั้นจะได้ไหมเนี่ย」

 

ก่อนที่จะรู้ตัว ก็กลายเป็นดาร์กฮีลเลอร์ที่โดนทหารรักษาการณ์จับตามอง

ตอนที่ 14 คริสน่ามาแล้ว

「ที่นี่คือสลัมจริงๆน่ะเหรอ……?」

 

ความขัดแย้งของเผ่าพันธุ์สิ้นสุดลง หัวหน้ากองออกมาตรวจตราด้วยตัวเองก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย เธอที่อยู่ตรงนั้นเปลี่ยนไปยังไงก็ไม่รู้

 

มนุษย์กิ้งก่ากับมนุษย์หมาป่าหัวเราะร่วมกันเดินกอดไหล่กัน

มนุษย์หมาป่าและออร์คที่ตั้งวงล้อมกัน

ออร์คและมนุษย์กิ้งก่าดื่มเหล้าด้วยกัน

 

ความตึงเครีดและความมืดหม่นที่ปกครองเมืองมาอย่างยาวนานได้หายไปโดยสิ้นเชิง

 

「ไม่มีทางนี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย?」

 

ถึงกับต้องกลืนน้ำลาย

ข่าวที่ขั้วอำนาจทั้งสามยุติความขัดแย้งซึ่งกันและกัน

 

จนกระทั่งมาที่นี่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นไปได้ แต่ภาพตรงหน้ามันคือหลักฐานที่บอกว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว

 

「นี่นายตรงนั้นน่ะ ขอถามอะไรหน่อย」

 

คริสน่าเรียกมนุษย์กิ้งก่าที่กำลังสูบซาอยู่ข้างถนน

ในขณะนี้เธอปลอมตัวพร้อมกับสวมผ้าขี้ริ้วที่เปรอะเปื้อนไปเพื่อไม่ให้สังเกตเห็นว่าเป็นสมาชิกของทหารรักษาการณ์

 

「อะไรงั้นเหรอ เจ๊?」

「กล้าเรียกว่าเจ๊…เอ่อช่างมันเถอะ ไม่ได้กลับมาที่สลัมนานน่ะ แต่ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ」

「งั้นเหรอ?」

「เดี๋ยวนี้ดูท่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกมนุษย์หมาป่ากับออร์คด้วยสินะคะ」

「อาาาา พอมาคิดดูแล้วพวกนั้นก็เป็นคนดี」

「จำได้ว่าแต่ก่อนไม่ค่อยถูกกันไม่ใช่เหรอคะ」

「ก็อาจจะแบบนั้นล่ะนะ」

「เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นงั้นเหรอ?」

「อ่าาา คือว่า——」

 

แล้วมนุษย์กิ้งก่าคนนั้นที่กำลังจะเริ่มเล่าก็เงียบไป

เขาหันหลังให้คริสน่าและเดินเข้าไป

 

「ขอโทษด้วยนะเจ๊ แต่ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเจ๊เป็นใคร แต่เรื่องนี้เท่านั้นที่จะคุยด้วยไม่ได้ เพราะไม่อยากให้เด่นอะนะ」

「ไม่อยากให้เด่นงั้นเหรอ……?」

「ถ้างั้นไว้เจอกันนะเจ๊」

「รอก่อนสิ」

 

คริสน่าเดินเข้าไปคว้าตัวชายคนนั้นไว้และเอาปืนเวทมนตร์ออกมาจ่อที่ท้องของเขา

 

「มาคุยกันสักหน่อยไหมคะ」

「แก…..เป็นใครกันแน่เนี่ย?」

「อย่าถามเรื่องไม่จำเป็น ตอบเฉพาะสิ่งที่ฉันถาม ใครคือ”คนกลาง(仲裁者)”กันแน่?」

 

จากนั้นก็เริ่มเหนี่ยวตัวทริกเกอร์

 

「พูดไม่ได้เว้ย……」

「ว่าไงนะ?」

「อ่าาาา แม้ว่าข้าจะโดนยิงก็พูดไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนๆนั้นต้องได้รับการดูแลในฐานะพิเศษ」

「เห็นได้ชัดเลยนะว่า “คนกลาง”นั่นมีอำนาจมากและแบกความหวังมากมาย มันเป็นใคร」

「อ๊ากหัวหน้าช่วยชั้นด้วย!」

 

ทันใดนั้นก็มีชายคนนึงเดินมาจากฝั่งตรงข้ามและตะโกนลั่น

สุดสายตาของคริสน่าคือเหล่าพี่น้องของเผ่ามนุษย์กิ้งก่า ที่เดินมาอย่างห้าวหาญ

 

 ——เป็นโซเฟียและซอนเด้

 

วินาทีถัดมา คริสน่าก็วิ่งผ่านซอกแคบๆทางด้านข้าง

ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะบังเอิญผ่านมา แต่ว่าแย่จริงๆ ถ้าจะปะทะกันในดินแดนของศัตรู

 

 ——ไม่หรอกมากกว่านั้น……。

 

เมื่อมองดูแขนของทั้งสองดูเหมือนจะได้รับการรักษาเป็นอย่างดีเลย

ก่อนหน้านี้พวกนั้นแอบบุกเข้าไปในเขตของขุนนางและได้รับบาดเจ็บแบบที่รักษาไม่ได้แน่ๆ

 

「เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย……」

 

คริสน่าครุ่นคิดขณะวิ่งไปตามตรอก—— สุดท้ายก็หลงทาง

 

 +++

 

「อ้าหนาวชะมัดเลย」

 

ณ ศูนย์รักษาที่เมืองร้าง เซนอสกำลังนั่งตัวสั่น

วันนี้เป็นบ่ายอันแสนสงบสุข ไม่มีทั้งสามคนมาในวันนี้

 

ขณะที่รอลิลี่ให้ชงชาอยู่ทางด้านหลัง ประตูทางเข้าก็เปิดออกอย่างช้าๆ

 

「……?」

 

มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมผ้าที่เปรอะเปื้อนเหมือนเสื้อคลุมตัวไว้อยู่

อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ผมของเธอมีสีบลอนด์ที่สวยงามและดวงตาสีฟ้าสง่างามผ่าเผย

ก่อนที่จะถามว่าเธอเป็นลูกค้ารึเปล่าเธอก็ชิงพูดก่อน

 

「ขออภัยด้วยนะคะ พอดีฉันหลงทาง ฉันเป็นคนจากสลัม แต่พอไปๆมาๆก็ดันมาโผล่ที่เมืองร้างซะแล้วคะ」

「อ่าตอนนี้ก็มีพายุเข้าด้วยนี่น่า」

「อา ดูเหมือนว่าฉันจะตื่นเต้นจนขาดสติไปน่ะ」

「นั่นสินะ……」

「พอเข้ามาในเมืองร้างแล้วก็รู้สึกว่าที่นี่มีคนอยู่ เลยแวะเข้ามา ช่วยบอกทางกลับเข้าเมืองได้ไหมคะ」

「เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็——」

 

เมื่อชั้นพยายามอธิบายกับลิลี่ที่เอาถ้วยชาออกมาจากด้านหลัง

 

「ท่านเซนอส มีลูกค้างั้นเหรอคะ?」

「ไม่หรอก ก็แค่คนหลงทางมาน่ะ……」

 

เมื่อพยายามจะตอบแบบนั้น จู่ๆผู้หญิงตรงหน้าก็ชี้ปากกระบอกปืนมาทางนี้

ปัง! ปัง!

แรงระเบิดอันทรงพลังถูกยิงเข้าใส่เซนอสอย่างไม่หยุดหย่อน

 

「วะวะหวาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา」

 

ลิลี่ตะโกนจนเผลอทำชาหก

 

「ท่านเซนอสค้าาาาาาาาาาาาา~」

「เธอคนนั้นเป็นเอลฟ์ และนายก็เป็นมนุษย์ ไม่น่าใช่พ่อลูกกัน ลักพาตัวมางั้นเหรอคะ」

「ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ท่านเซนอสเป็นเจ้านายของฉัน……!」

「ในเมืองฮาเซสมีการสั่งห้ามไม่ให้มีการค้ามนุษย์ เพราะงั้นแกเป็นคนร้ายสินะ」

「ไม่ใช่แบบนั้นนะคะท่านเซนอสช่วยลิลี่เอาไว้นะ!」

「ว่าไงนะ……?」

 

เมื่อลิลี่ยืนยันเช่นนั้น คริสน่าก็ลดปากกระบอกปืนลง

 

「……อ่าขอโทษทีที่ด่วนตัดสินใจจนเกินเหตุ แม้ว่านี่จะเป็นงานของฉันก็จริง แต่ว่าจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของฉันก็คือไม่ค่อยมีสมาธิและไม่ค่อยมีความอดทน ขอโทษด้วยนะ」

「ไหนเธอบอกว่าเธอมีจุดอ่อนแค่อย่างเดียวคือขาดสติ ชั้นคิดว่ามีเยอะกว่านั้นนะ?」

「ว่าไงนะ……?」

 

เมื่อควันจางลงเซนอสก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

ผู้หญิงตรงหน้าที่คุยด้วยกันเมื่อกี้ตกใจเล็กน้อย

 

「อ่าขอโทษที่ทำฝุ่นเต็มไปหมดเลย แต่ว่าโชคดีแล้วล่ะที่ปลอดภัยและทำไมถึงยังรอดอยู่ได้ละคะ…?」

「ก็ใช้เวทย์ป้องกันนี่」

「อย่าพูดให้ขำหน่อยเลยค่ะ แม้ว่าจะเป็นเวทย์ป้องกันก็กันกระสุนเวทย์จากปืนเวทมนตร์ของฉันไม่ได้หรอก」

「ไม่หรอก ก็แค่ใช้เวทย์ป้องกันธรรมดาเองนะ」

「ว่าไงนะ……!」

 

เอ๊ะ มีอะไรแปลกงั้นเหรอ?

แน่นอนก็ไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกเพราะมันเป็นเวทย์ป้องกันสไตล์ของชั้นเอง

 

「พูดจริงๆนะ」

 

คริสน่าเหล่ตาและรีบเดินมาทางนี้

และชั้นเองก็จ้องกลับไป

 

「อืม ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนมันหมายความว่ายังไง?วันนี้เจอแต่เรื่องเหลือเชื่อจนปวดหัวเลยค่ะ」

「ชั้นเองก็เหมือนกันคนบ้าอะไรเจอหน้ากันก็ยิงเลย……?」

「ยังไงก็ตาม เป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงคนนั้นงั้นเหรอ? ตั้งแต่เขายังเด็กได้อุทิศตนให้กับเวทย์ป้องกัน จนในที่สุดก็เชี่ยวชาญด้านเวทย์ป้องกันและใช้ชีวิตเกษียณในเมืองร้าง」

「ไม่ใช่เลยเว้ย」

「ชื่อที่สองที่ได้รับก็คือ “ผู้อุทิศตนเพื่อปกป้องผู้อื่น”」  

「เป็นชื่อสองที่เชยชะมัด!」

「อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย ไม่งั้นมันก็อธิบายเหตุการณ์ตรงหน้านี้ไม่ได้หรอกนะ แม้ว่าจะทำตบตาคนอื่นได้แต่นายตบตาคริสน่าคนนี้ไม่ได้หรอกนะคะ ตัวฉันที่เป็นถึงหัวหน้ากองรักษาการ」

 

เซนอสจ้องมองไปที่ลิลี่

 

「หัวหน้ากองรักษาการของอาณาจักร……?」

「อ่าใช้แล้วและก็มีชื่อที่สองว่า “สตรีศิลา”เพราะฉันคนนี้ทำงานด้วยตั้งใจอันแน่วแน่ที่แข็งดั่งหินผา」

「……เอ๊ะ?」

「อ่านั่นสินะคะ ฉันมีไอเดียดีๆแล้วล่ะคะ คุณเซนอสสินะคะ ช่วยให้ความร่วมมือในการสืบสวนของฉันจะได้ไหม? มันจะมีประโยชน์อย่างมากเลยถ้าได้คนที่เก่งแบบคุณมาช่วย แน่นอนว่ามีค่าตอบแทน」

 

คริสน่าพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

ชั้นรู้สึกว่าเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะของคาร์มิล่าจากชั้นสอง

 

ตอนที่ 15 ดาวมาอยู่ตรงหน้าแล้ว

「พอดีว่าฉันแอบมาที่สลัมอย่างลับๆน่ะ」

 

หลังจากนั้นคริสน่าก็นั่งลงที่โต๊ะด้านหลังและพูดอย่างเป็นธรรมชาติ

มันคงจะเป็นปัญหาหากไล่เธอแบบกระทันหันและยังเป็นการสอดแนมแบบแปลกๆอีกด้วย ดังนั้นก็เลยดักเก็บข้อมูลซะ

 

ในตอนนี้ปล่อยให้ลิลี่ยกธงเหลืองขึ้นบนหลังคา เพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามาที่นี่

เป็นสัญญาณที่ใช้บอกว่ามันเกิดสถานการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น อย่าเข้ามานั่นเอง

 

「ว่าแต่ มาเล่าเรื่องการทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้มาให้คนอื่นจะไม่แดงเอาเหรอ?」

「ก็เพราะว่าต้องทำตัวลับๆล่อๆเพื่อตามหาตัวบุคคลหนึ่ง」

「ไอ้ชั้นก็ไม่รังเกียจหรอกนะถ้าจะคุยน่ะ」

 

 เป็นพวกที่ไม่ฟังคนอื่นอีกแล้วงั้นเรอะ……?

คริสน่ายังคงนิ่งเฉย

 

「ช่วยไม่ได้นี่คะ ใช่ว่าจะหาคนแบบคุณได้ง่ายๆสักหน่อย ถ้าไม่เปิดเผยข้อมูลในระดับหนึ่ง ก็ไม่สามารถขอความร่วมมือได้」

「ไม่ได้บอกว่าจะร่วมมือสักหน่อยนะ?」

「แต่ว่าคุณเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่งหากทหารขอให้ร่วมมือด้วยคุณคิดจะปฏิเสธงั้นเหรอคะ นอกจากนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองสลัดพวกที่ตามล่าฉันพ้นแล้วรึยังด้วย」

「อา เอาเถอะ……」

 

ชั้นเองก็พูดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นดาร์กฮีลเลอร์ ชั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นและพยักหน้าอย่างคลุมเครือ

 

「เห็นแบบนี้ฉันเองก็เป็นคนดีนะคะ」

「เอ๊ะ……」

「อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้เอาพวกทหารมาด้วยเพราะกำลังหาคนที่ “ไม่ทำตัวเด่น” แบบเดียวกับคุณและคุณเองก็อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเหมือนคนที่ฉันตามหาเลย แล้วนี่ฟังอยู่รึเปล่าคะ?」

「แล้วกำลังตามหาใครล่ะ?」

 

คริสน่าเข้ามากระซิบให้เซนอสฟัง

 

「”คนกลาง”——บุคคลที่ยุติความขัดแย้งของสามเผ่าพันธุ์」  

「อะแค่กแค่ก」

 

เซนอสถึงกับพ่นชาที่อยู่ในปาก

 

「เป็นอะไรเหรอคะ?」

「เปล่า ไม่มีอะไรหรอก……」

 

 ชั้นกำลังเช็ดโต๊ะที่เปื้อนอยู่และกุมหัวตัวเอง จากนั้นคาร์มิล่าก็โผล่มาจากด้านบนเพดาน……ตอนนี้เธอดูตื่นเต้นและเร้าใจสุดๆไปเลย หนอยยัยนี่!  

 

คริสน่ากำหมัดแน่น

 

「ฉันคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้เลยที่จะยุติความขัดแย้งกับเผ่าพันธุ์ทั้งสามนี้ แต่สถานการณ์ที่สลัมเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน และฉันเองก็จะปล่อยให้คนที่มีอำนาจใหญ่โตแบบนั้นอยู่ได้」

「เห้ยใจเย็น」

「แม้ว่าคนๆนั้นจะกุมทั้งสามเผ่าไว้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อยากเด่น เห็นได้ชัดเลยว่าคนๆนั้นมันคุมจิตใจคนเก่งมาก เรียกได้ว่าเป็นลูกน้องของปีศาจเลยก็ว่าได้」

「ลูกน้องของปีศาจ……」

 

เป็นเพียงแค่ดาร์กฮีลเลอร์เอง ขนาดนั้นเลยเหรอฟะ

 

「อย่างไรก็ตามหากจะถอนรากถอนโคนอำนาจนั่นก็ต้องหา “คนกลาง”นั่นให้เจอให้ได้」

「ชั้นคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อตามหาคนๆนั้นเลย……」

「เอ๊ะ?」

「เอ๊ะ?」

 

เซนอสกระแอมไอในลำคอ

 

「ไม่หรอก…..บางทีคนๆนั้นไม่ได้อยากเด่นและคิดว่าปล่อยให้คนๆนั้นอยู่คนเดียว อย่าไปยุ่งเกี่ยวเลยดีกว่านะ」

「หรือว่าคุณจะรู้จัก “คนกลาง”งั้นเหรอคะ!」

「ไม่รู้หรอก ก็แค่เดา ฮ่าฮ่าฮ่า……」

 

ต่อหน้าเซนอสที่หัวเราะ คริสน่ามีท่าทีแข็งกระด้าง

ข้างหลังคือลิลี่ที่กำลังโกรธจนหน้าแดงเลย และคาร์มิล่าที่กำลังกลั้นขำ

นี่มันนรกบนดินเหรอเนี่ย

 

「ไม่มีทางที่จะปล่อยคนๆนั้นไว้ได้หรอกค่ะ เป็นผู้มีอำนาจใหญ่โตถึงขนาดคุมทั้งสามเผ่าได้และในที่สุดอาจจะเป็นถึงภัยคุกคามต่ออาณาจักรเลยก็ได้」

 

คริสน่าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และทันใดนั้นเองลิลี่ก็ทนไม่ไหว

 

「บางที——ฉันไม่คิดว่าคนๆนั้นคิดเรื่องใหญ่โตแบบนั้นหรอกนะคะ」

「……หมายความว่ายังไง?」

「คนๆนั้น….ถึงจะดูน่ารำคาญไปบ้างแต่ลิลี่คิดว่าคนๆนั้นเขาไม่ชอบให้มีคนเจ็บอยู่ตรงหน้าเขามากกว่าค่ะ」

「ลิลี่……」

 

ไม่รู้ว่ากำลังโดนว่าหรือชมเชยอยู่

 

ที่ชั้นทำมันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย——

ในตอนเด็ก

วันที่ฝนตกหนัก

ฝ่ามือที่เปื้อนโคลน

ความรู้สึกที่ได้ปลดปล่อยชีวิตมันฟื้นขึ้นมาในใจของเซนอส

 

หลังจากเงียบไปเล็กน้อย คริสน่าก็จ้องมองลิลี่ด้วยดวงตาสีฟ้าของเธอ

 

「หรือว่าเด็กเอลฟ์คนนั้นก็รู้เรื่อง “คนกลาง”ยังงั้นเหรอ」

「มะมะมะมะมะมะไม่รู้อะไรเลยค่า ลิลี่ไม่รู้อะไรเลยสักนิด ดิฉันไม่รู้อะไรเลย」

 

ลิลี่มองไปทางหน้าต่างและเริ่มผิวปาก

โกหกไม่เก่งงั้นเรอะ

 

「……อีกฝ่ายเป็นคนที่มีอำนาจมากในโลกใต้ดิน ฉันรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะจับตัวเขาแค่ตามหาเงายังลำบาก」

 

แน่นอนสิ ชั้นเองก็มั่นใจพอตัวนะ

ห่างไกลจากการเป็นเงา ตอนนี้ตัวการอยู่ตรงหน้าเธอเนี่ย

 

อาา…มันแย่แล้วนะเนี่ย คาร์มิล่าเริ่มจะกลั้นขำไม่ไหวแล้ว

เซนอสลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่คาร์มิล่าจะไม่ไหวแล้ว

 

「อาพอแล้วฟังมามากพอแล้ว เดี๋ยวชั้นจะบอกทางกลับเมืองให้เพราะงั้นได้เวลากลับบ้านแล้ว」  

「ทำไมถึงรีบนักล่ะ」

「เธอมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำและชั้นเองก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย」

「นั่นสินะคะ……」

 

คริสน่ายืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจและบอกว่า「ขอโทษที่มารบกวนค่ะ」

 

เซนอสโล่งอก

เหนื่อยมากเลยล่ะ แต่ดูว่าจะกลับไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม คริสน่ามุ่งไปยังประตูและหยุดกระทันหัน

 

「อ่าแล้วก็……ทำไมถึงมีเตียงอยู่ในสถานที่แบบนี้ล่ะคะ?」

 

คำพูดที่พูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆแล้วมันยิ่งด้อยค่าให้ต่ำลงไปอีก

 

มันเป็นเตียงผู้ป่วยในห้องทางเข้า

มันเป็นธุรกิจใต้ดินดังนั้นก็เลยไม่มีการตกแต่งอะไรมาก แต่แน่นอนสถานที่เล็กๆแบบนี้มันมีเตียงแบบนี้ก็ดูแหม่งๆ

นี่จะโดนมองเป็นดาร์กฮีลเลอร์ไหมเนี่ย?

 

เซนอสคิดหาข้อแก้ตัว

 

「อาาา มันเป็นเตียงเสริมน่ะ ตอนแรกก็คิดว่าทิ้งไปแล้วไหงยังอยู่นะ」

「ว่าไงนะ……」

 

คริสน่าค่อยๆหันกลับมา

เซนอสที่นั่งลงก็ยืนขึ้น

 

「ถ้างั้น ต้องขอโทษด้วย แต่ให้ฉันขอใช้เตียงหน่อยได้ไหม」

「……เอ๊ะ?」

「อันที่จริงพอดีหลงทางกลับบ้านก็เถอะ แม้ว่าจะไปที่กลางเมืองสลัมเพื่อค้นหาข้อมูล แต่การอาศัยอยู่ที่นั่นมันเด่นเกินไปและตอนนี้ก็กำลังทำตัวเป็นสายลับ อย่างไรก็ตามที่นี่มันเหมาะแก่การไว้เก็บข้อมูลอย่างมากและหลบซ่อนจากพวกนั้นได้ดีด้วยคะ」

「ไม่โว้ย」

「ทำไมล่ะ?」

「เอ๊ะ ได้ฟังปะเนี่ย?」

「หากมีเตียงเกินก็ให้ฉันคนนี้ยืมใช้หน่อยสิคะ แน่นอนว่าจะจ่ายเงินด้วยเพราะจะอยู่นี่เพื่อสืบข้อมูล」

 

คริสน่าวิ่งมาหาเซนอส

 

「หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรแปลกๆกับฉันถ้าฉันพักที่นี่งั้นเหรอคะ?」

 

มันยากจังวะที่จะบอกว่าให้อยู่ไม่ได้เนี่ย

เบื้องหลังของคริสน่าคือกองทหารรักษาการณ์ ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

 

ตอนนั้นเองก็นั่งคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดลงไป แต่ว่าไว้คิดใหม่ภายหลัง

สำหรับตอนนี้ก็คงต้องให้พัก แต่ระหว่างนี้ก็ต้องมาพิจารณามาตราการรับมือให้ดี

 

「ขอบคุณสำหรับความร่วมมือเซนอส ฉันจะค้นหาและจับ “คนกลาง” ที่เป็นรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายให้ได้ จนกว่าตอนนั้นขอรบกวนด้วยนะคะ และก็ขอบคุณค่ะ」

 

คริสน่าพยักหน้าอย่างรวดเร็วและยื่นมือของเธอมาทางนี้

และไอ้ “คนกลาง” เซนอสได้ทำการเลเวลอัพจากเป็นลูกน้องปีศาจกลายเป็นรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายไปแล้ว

 

「ด้วยเหตุนี้เองจำนวนผู้หญิงมากปัญหาในศูนย์รักษาก็เพิ่มขึ้นอีกแล้ว……」

ตอนที่ 16 ค่ำคืนในเมืองที่ล่มสลาย【ตอนแรก】

เวลากลางดึกได้มาถึงในเมืองที่ล่มสลายและบริเวณรอบๆก็ถูดห้อมล้อมไปด้วยความเงียบ

ผมสีบลอนด์ของคริสน่าที่สะท้อนกับแสงตะเกียงบนโต๊ะนั้น

 

「ตอนกลางคืนนี่มันเงียบกว่าที่คิดนะคุณเซนอส」

「ก็เพราะมันเป็นเมืองร้างนี่」

「อืมท่าทางดูสบายกว่าที่คิดนะคะ」

「เสร็จภารกิจก็จะกลับบ้านใช่ไหม?」

 

อย่างไรก็ตามภารกิจนั่นก็คือการจับตัว “คนกลาง” ซึ่งก็คือเซนอส

ถ้าจะจบภารกิจ = เซนอสก็ต้องโดนจับตัวไปและธุรกิจดาร์กฮีลเลอร์ก็จบลง

 

คริสน่ามองไปที่นอกหน้าต่าง

 

「อย่างไรก็ตาม ที่นี่ก็น่าจะมีพวกมอนสเตอร์อันเดดนี่?」

「นั่นสินะ อาจจะมีเรธโผล่ออกมาก็ได้นะ」

「เรธ……?」

「น่ากลัวใช่ไหมล่ะ?เพราะงั้นรีบกลับบ้านไปดีกว่านะ?」

「ยัดเยียดให้ฉันกลับจังเลยนะคะคุณเซนอส ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เรธน่ะใช่ว่าจะพบกันง่ายๆเพราะเป็นอันเดดระดับท็อป」

 

แต่ชั้นเจอมันทุกวันอะดิ

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเรียก คาร์มิล่ามาช่วยดีไหมนะ

 

ด้วยความช่วยเหลือของคาร์มิล่าก็น่าจะขู่ให้กลัวได้ แต่มันก็คงจะน่าอึดอัดใจเพราะพวกทหารรักษาการณ์คงมาล่าในภายหลังแน่

จนถึงตอนนี้ก็คือการให้คริสน่าออกห่างจากการสืบค้นเรื่องของชั้นให้มากที่สุด แต่ว่าดูเหมือนเธอจะไม่ยอมออกจากที่นี่เลย

 

「ชามาแล้วค่า」

 

ลิลี่เอาชามาเสิร์ฟ

อย่างไรก็ตามน้าา มันดูแปลกหน่อยๆ

 

「ต้องขอโทษที่รบกวนด้วยนะคะ」

 

คริสน่าหยิบถ้วยชาและดื่มมัน

 

「อ่าาาาาาฟู่ววววย๊าาา~」

「เอ๊ะ?」

「อะ ขอโทษทีนะคะ อันที่จริง ฉันมีจุดอ่อนคือเป็นพวกลิ้นแมวน่ะ」

「จุดอ่อนเยอะน่าดูเลยนะ?」

「พูดอะไรกันคะ ฉันว่าฉันมีจุดอ่อนเพียงแค่อย่างเดียวนะคะ」

「เออ เอาเถอะ……」

 

หลังจากนั้นเธอก็ดื่มชาต่อและบ่นออกมาว่า「ฟู่ววววววววว」

 

「โม่ววววววววววววววววววว……」

「เป็นอะไรไปลิลี่?」

「ท่านเซนอส ตัก」

 

ลิลี่พูดแบบนั้นแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนตักของเซนอส

เธอตัวติดกับเซนอสและจ้องมองไปที่คริสน่า

 

「ท่านเซนอส ช่วยทำแบบปกติด้วยค่ะ」

「ปกติ……?」

「ป・ก・ติ」

 

เธอส่ายหัวเล็กน้อย ดังนั้นก็เลยลูบหัวเธอและลิลี่เองก็กระดิกหูใหญ่เลย

เธอกอดอกและเชิดคางอย่างภาคภูมิใจ

 

「เอะเฮะเฮะ」

 

 ……อะไรเล่า?  

รู้สึกว่าลิลี่ขี้อ้อนมากกว่าปกตินะเนี่ย

 

「หึงงั้นเหรอ」

「อุหวาาา รู้ตัวด้วยล่ะ」

「เป็นอะไรกับคุณเซนอสเหรอคะ?」

「ไม่มีอะไรหรอกค่ะ」

 

จู่ๆก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู

เป็นเสียงของคาร์มิล่าล่ะ?

 

「คุคุคุ……ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้ดิฉันล่องหนอยู่และก็มากระซิบข้างหูนี่ล่ะ」  

 

หยุดเถอะแบบนี้มันไม่ดีต่อใจชั้น

คาร์มิล่าปกติแล้วไม่ใช่พวกทำอะไรแบบนี้เลย และเธอจะไม่ค่อยแตะต้องอะไรมากนักและเป็นพวกนิสัยเสียด้วย

เซนอสเองก็กระซิบกลับ

 

「ทำไมลิลี่ถึงได้หึงชั้นแบบนี้ล่ะ?」

「แน่นอนสิว่าเธอต้องหึงจู่ๆก็มีสาวใหม่เข้ามาหานายและนายก็ให้นางพักที่นี่ และแถมยังอยู่ด้วยกันไม่กี่วันกลับสนิทสนมกับเจ้ามากขนาดนั้น ดูเหมือนเจ้าเนี่ยจะชอบดึงดูดผู้หญิงเข้ามาล่ะน้อ เป็นศัตรูของผู้หญิงอย่างแท้จริงเลยล่ะ และยัยนั่นเองก็ไม่อยากจะเชื่อในตัวเจ้าที่สามารถป้องกันการโจมตีจากปืนเวทมนตร์เพราะงั้นเลยขอเช่าที่นี่อยู่ ยิ่งกว่านั้น ยัยนั่นน่ะไร้เดียงสาสุดๆ ใช้การโจมตีหว่านล้อมหวานๆอย่าง “ฉันเป็นพวกลิ้นแมวน่ะ” แค่ได้ยินแบบนั้นลิลี่เองก็ใจไม่ดี แล้วตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไร? แล้วคิดว่าลิลี่ทำอะไรได้บ้าง? มันเป็นการต่อสู้ของหญิงสาวเพื่อชิงศักดิ์ศรีในฐานะสตรี……!!!」

「หนวกหูโว้ย」

 

ก็คิดอยู่หรอกนะว่าทำไมอันเดดชั้นสูงตัวนี้มันขี้แซะจังฟะ

 ฮิฮิฮิ……เสียงนั่นดังก้องอยู่ในหู  

 

อย่างไรก็ตาม ก็อย่างที่คาร์มิล่าพูด ลิลี่ก็แค่หึงเพราะเธอทำอะไรไม่ได้

 

「ท่านเซนอสชายังร้อนอยู่เดี๋ยวลิลี่จะทำให้เย็นเองนะคะ」

「ท่านเซนอสผมลิลี่มันฟูหมดแล้วช่วยจัดทรงให้หน่อยได้ไหมคะ」

「ท่านเซนอส จะทานแอปเปิ้ลไหมคะ เดี๋ยวลิลี่ปอกเปลือกให้นะ」

 

บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกที่อัดอั้นมานานและอยากปลดปล่อยก็ได้นะ

อย่างไรก็ตามคริสน่านั้นนิ่งไปสักพักไม่ตอบสนองอะไรเลยแม้แต่น้อย และกำลังคิดอะไรบางอย่าง

 

「โม่ว โม่วววววววววววววว……….ถ้าขนาดนี้นแล้วละก็ลิลี่จะ..……จะใช้ไม้ตายแล้วนะคะ!」

 

เพราะชั้นที่ดูไม่ค่อยสนใจลิลี่และเหม่อลอยอยู่นั่นเอง ลิลี่ที่หน้าแดงก็เอามือจับหน้าผม

 

「ทะทะทะทะทะ—ท่านเซนอส คะคะคะคะคืนนี้ ลิลี่จะไม่ให้นอนแน่ค่ะ!」

 

 ……。

 ……。

 ……。

 

「เดะ……」

 

นอนไปแล้ว

「ดูเหมือนเอลฟ์คนนี้จะนอนไม่หลับนะคะ」

「อ่านั่นสินะ……」

 

ไม่กี่วินาทีหลังจากลิลี่พูดแบบนั้นเธอก็สลบไปพร้อมกับนอนอยู่บนตักของเซนอส

ยังเป็นเด็กอยู่เลย เรื่องยามค่ำคืนมันยังเร็วไปนะ

 

เมื่อชั้นอุ้มลิลี่ไปที่ห้องนอนและกลับมาที่ห้องนั่งเล่น ก็ยังเห็นคริสน่าที่กำลังครุ่นคิดอยู่

 

「เป็นอะไรไป?」

「อาโน่ เอลฟ์คนนั้นบอกว่าโดนพ่อค้าทาสจับมาสินะคะ」

「ใช่แล้ว」

「แล้วรู้จักพ่อค้าทาสคนนั้นไหมคะ?」

「ไม่อะ ไม่รู้จักเลย」

 

เพราะได้คุยกันแป๊บเดียว และก็เจอกันแวบเดียว

ในเวลานั้นเพราะมัวแต่ห่วงลิลี่เลยไม่ได้จำหน้า

 

「งั้นเหรอคะ แต่ว่าเห็นได้ชัดเลยนะคะว่ามีการจับเด็กมาค้าทาสแบบผิดกฏหมายอยู่ที่ไหนสักแห่งโดยไม่ได้ใช้การแลกเปลี่ยน」

 

ก่อนภารกิจนี้ คริสน่ากำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่

 

「เพราะงั้นก็เลยยิงชั้นทันทีที่เจอหน้างั้นเรอะ?」

「ฉันขอโทษจริงๆค่ะ เช่นเดียวกับเจ้า “คนกลาง” ไอ้หมอนั่นมันหนีไปได้ตลอดจับไม่ได้สักที เพราะงั้นอย่างน้อยคราวนี้ก็ว่าจะจับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ได้น่ะ」

 

มนุษย์ที่มีเอลฟ์สาวอาศัยอยู่อย่างลับๆในสถานที่หลบภัย แน่นอนว่าดูจากสถานการณ์มันก็โครตจะน่าสงสัยเลย

 

「ใจร้อนเองเป็นจุดอ่อนเดียวของฉันค่ะ」

「อย่างที่คิดจุดอ่อนเธอมีเยอะมากเลยนะ?」

「ก็บอกแล้วไงคะว่าฉันมีจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวน่ะ」

「เออ เอางั้นก็ได้」

「อย่างไรก็ตามฉันที่เป็น<สตรีศิลา>ที่จัดการงานทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบและเป็นวีรบุรุษของชาวเมือง แม้ว่าจะมีจุดอ่อนแต่ก็ขอมีแค่จุดอ่อนเดียวค่ะ」

「……」

เหมือนได้เห็นอารมณ์อื่นออกมาจากสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของคริสน่าเลยแหะ

 

ตอนที่ 17 ค่ำคืนในเมืองที่ล่มสลาย【ตอนจบ】

「คุณเซนอสฉันมีคำถามจะถามหนึ่งคำถามค่ะ」

 

ณ ค่ำคืนที่ถนนนั้นเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน คริสน่าที่นั่งตรงข้ามเขาก็พูดขึ้น

ภายในห้องนอนได้ยินเสียงลมหายใจของลิลี่ที่ก้องกังวาล

 

「อะไรล่ะ?」

「คุณเป็นปราญช์ด้านเวทย์ป้องกันงั้นเหรอคะ」

「ไม่ใช่เลยเฟ้ย」

「อย่าถ่อมตัวไปเลยค่ะ ต้องเป็นผู้ใชเวทย์ระดับจอมเวทแน่นอนถึงโดนการโจมตีจากปืนเวทมนตร์โดยไม่สะทกสะท้านเลย ถ้าเป็นคนทั่วไปโดนทีไม่เหลือซากแล้วนะคะ」

「ไม่ใช่แบบนั้นเลย เพรามันดูยุ่งยากที่จะอธิบาย ช่างมันเถอะ」

「ฉันเองก็อยากจะฟังความเห็นจากผู้ที่เชี่ยวชาญเวทย์ป้องกันค่ะ ดูจากท่าแล้วคุณน่าจะเก่งเรื่องเวทย์ป้องกันมากเลยนะคะ….จะเป็นไรไหมคะถ้าจะ……」

 

คริสน่าตะโกนออกมา

 

「ถ้าคุณใช้เวทย์รักษาได้เป็นไปได้ไหมคะที่คุณจะงอกแขนใหม่ขึ้นมาได้น่ะ?」

「เอ๊ะ?」

「อ่า ฉันรู้ว่าเป็นคำถามที่ไร้สาระนะคะแต่ว่า」

「มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก นอกเหนือจากนั้น——」

 

มันทำได้สิ ท้ายที่สุดแม้แต่คนอย่างชั้นเอง ยังสามารถทำได้เลย

 

ชั้นจะพูดแบบนั้นเอง ก็ดันหยุดไว้ก่อน

ถ้าไม่รู้เจตนาของอีกฝ่าย ก็อย่าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไปดีกว่า

 

คริสน่าทำท่าทางผิดหวังและถอนหายใจ

 

「อ่าา ขอโทษทีนะคะที่พูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ถ้าจะทำแบบนั้นได้ต้องเป็นนักบุญเท่านั้นแหละค่ะ」

「……แล้วมันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?」

「ขณะที่ทำงานปกป้องเขตของขุนนางอยู่ ฉันได้ต่อสู้กับโซเฟียที่เป็นหัวหน้ากลุ่มโจร ในเวลานั้นเอง ตอนที่ฉันเดินอยู่ในสลัมก็เห็นว่าอีกฝ่ายแขนกลับมาเป็นปกติแล้ว ถึงแม้ว่าจะทำบาดแผลสาหัสที่ไม่สามารถรักษาได้ง่ายๆแล้วก็ตาม」

 

ยังไงก็ตามรู้สึกไม่ดีเลยแหะ

 

「ตอนนี้ฉันกำลังเดาภาพลักษณ์ของ “คนกลาง” ที่สามารถควบคุมสามขั้วอำนาจได้ ถ้ามีคนที่รักษาแผลใหญ่ขนาดนั้นได้ คนๆนั้นจะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆล่ะ」

「……」

 

คริสน่า หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์

ดูเป็นคนที่จริงจังและใจร้อน แต่เธอก็ฉลาดอย่างมาก

ดูเหมือนว่ายศจะไม่ได้มีไว้ประดับเฉยๆ

 

「ไม่หรอก….บางทีมันคงเป็นไปไม่ได้หรอกมั้งคะ? น่าจะเป็นฉันเองที่ตาฝาดมากกว่า」

 

คริสน่ายักไหล่และดื่มชา「อ่าาาฟู่วววว」

ดูเหมือนว่าจะยังร้อนอยู่ เป็นพวกลิ้นแมวที่ดูน่ารักจริงนะ

 

「ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะเริ่มทำภารกิจและสืบสวน ดำเนินการตรวจสอบทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อค้นหา “คนกลาง” ที่เป็นผู้คุมอำนาจและเป็นต้นตอของความชั่วร้ายด้วยมือนี้อย่างแน่นอน」

「ต้นตอของความชั่วร้ายงั้นเหรอ……」

 

ตอนแรกก็เป็นแค่ลูกน้อง ต่อมาก็เป็นรากเหง้า ทีนี้ขึ้นมาเป็นต้นตอทำไมชื่อเสียงชั้นมันดิ่งลงเหวเรื่อยๆเลยเนี่ย

 

「ว่าแต่ทำไมถึงมองพวกคนในสลัมเป็นศัตรูล่ะ」

 

เมื่อถามไปแบบนั้นเอง คริสน่าก็เงียบไปชั่วครู่แล้วจึงพูด

 

「ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจอะไรนักหรอกค่ะ แม่ของฉันโดนพวกคนในสลัมฆ่าตาย」

「……」

「แม่ของฉันเป็นคนที่ใจดีมาก เธอที่เห็นคนในสลัมหิวโหยและทุกข์ทรมานก็เข้าไปทำอาหารแจกให้แทบทุกวัน แล้ววันหนึ่งก็ดันพบว่าแม่กลายเป็นศพไปแล้วและแหวนแต่งงานของเธอก็ถูกขโมยไปด้วยค่ะ」

 

ไฟของตะเกียงพลิ้วไหวทำให้เห็นเงาเกิดขึ้นที่ใบหน้าของคริสน่า

 

「ต้องขอบคุณแม่ของฉันที่ทำให้คนในสลัมรอดพ้นจากความอดอยาก แต่ไม่มีใครเลยที่จะช่วยแม่ของฉันสักคนเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่ดิฉันตัดสินใจที่จะเป็นวีรบุรุษและปราบคนชั่วในสลัมเพื่อไม่ให้มีเหยื่อแบบแม่ของฉันอีก ฉันทำงานอย่างหนักและไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้ากองรักษาการด้วยอายุที่น้อยที่สุด」

 

ขณะพูดสีหน้าเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

 

「เพราะฉันที่ทำงานด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่จึงถูกขนานนามว่า<สตรีศิลา>เพราะไม่มีความยืดหยุ่น ดังนั้นก็เลยโดนเยาะเย้ยว่าแข็งเหมือนหิน แต่ฉันก็รู้ดีว่ามันมีความหมายอื่นแฝงอยู่」

 

ใบหน้านั้นแข็งกระด้างเหมือนกับหินอย่างที่คริสน่ากล่าว

 

「จากวันนั้นเองฉันเองก็กลายเป็นคนที่หัวเราะไม่ออกเลยค่ะ」

 

 +++

 

「งั้นเดี๋ยวตอนดึกจะกลับมานะคะ อย่าได้ใส่ใจ คุณเซนอส」

 

เช้าวันรุ่งขึ้นคริสน่าก็ออกไปสืบข้อมูล

อาจเป็นเพราะได้ยินเรื่องราวของเธอเมื่อวานทำให้ชั้นไม่ค่อยสบายใจ และวันนี้เองก็ได้อิสระมาแล้ว

 

คาร์มิล่าที่นั่งไขว้ห้างที่ขอบเตียงกล่าวเช่นนั้น

 

「อย่ากังวลมากไปเลย เซนอส มันช่วยไม่ได้เพราะเจ้าทำตัวเด่นเองนั่นแหละ」

「อ่า รู้อยู่แล้วล่ะ」

「ไม่ใช่เรื่องหายากอะไรเลย ถ้าเจ้ามีชีวิตอยู่ถึงสามร้อยปี เจ้าก็จะเห็นพฤติกรรมของมนุษย์มากมาย แม้ว่าจะไม่ชอบก็ตามที」

 

ไม่ล่ะ ก็เพราะว่าเธอตายไม่ใช่เหรอไง

คาร์มิล่าได้ฟังเรื่องเมื่อวานรึเปล่าเนี่ย?

 

「มาเพื่อพูดขนาดนี้เลยงั้นเหรอเนี่ย? ขอบใจนะคาร์มิล่า」

「หืมมมม…..อืม ก็ดิฉันน่ะไม่ชอบเรื่องเศร้าๆในบ้านของฉันน่ะสิ」

 

คาร์มิล่าหันหลังและหายตัวขึ้นไปด้านบน

เป็นผีแท้ๆแต่กลับไม่ชอบเรื่องเศร้าเนียนะ

 

ลิลี่ที่กำลังพยักหน้าไปมาราวกับว่าเธอนึกขึ้นได้

 

「อ่านั่นสินะ ท่านเซนอสแล้วเรื่องธงล่ะ?」

「อาาา ถอดออกเลยดีไหมนะ?」

 

 ตั้งแต่คริสน่ามาถึง บางคนอาจจะรอการรักษาอยู่ เนื่องจากพวกเราชักธงเหลืองขึ้นซึ่งเตือนไว้ว่ามีสถานการณ์ผิดปกติอย่าเข้ามา

 

ทันทีที่ถอดธงออก โซเฟียก็มาถึงที่นี่

เธอบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงนิ้วตอนไปทำงาน ดังนั้นก็เลยอยากให้รักษา

 

「อย่าทำอะไรบ้าๆจะได้ไหมเนี่ย ถ้าเธอตาย ชั้นรักษาไม่ได้นะเออ」

「ขอโทษนะ อาจารย์ที่ต้องมารบกวนตลอดแบบนี้ นอกจากนั้นดิฉันกังวลมากเลยล่ะค่ะที่ชักธงขึ้นตลอดทั้งวัน ฉันคิดว่าอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอาจารย์เสียอีกค่ะ」

「ก็มีหลายๆอย่างเกิดขึ้นอะนะสำหรับตอนนี้ก็ปลอดภัยอยู่」

「ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรสินะคะ」

 

หลังจากหายใจอย่างโล่งอก โซเฟียมองขึ้นไปและพูดราวกับเธอนึกอะไรบางอย่างออกขึ้นมา

 

「ใช่แล้ว อาจารย์ดิฉันมีข้อมูลสำคัญด้วยค่ะ」

「อะไรล่ะ?」

「ดิฉันถามลูกน้องฉันมา ดูเหมือนว่า <สตรีศิลา>ที่เป็นหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ กำลังมาตามหา “คนกลาง”ค่ะ」

「เหหห……」

「เป็นผู้หญิงที่ใจกล้าหน้าด้านบุกเข้ามาถึงที่นี่เชียวนะคะ」

「นั่นสินะ」

「อาจารย์ช่วยตื่นตัวกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ ถ้าโดนรู้ตัวจริงเข้าวิกฤตเลยนะคะ」

 

ไม่เว้ย เธอก็อยู่กับชั้นเมื่อคืนเนี่ย ทันใดนั้นเองประตูทางเข้าก็เปิดออกอย่างช้าๆ

ตรงนั้นมีสาวผมบลอนด์ตาสีฟ้ายืนอยู่ตรงนั้น

 

「คุณเซนอส ขอโทษด้วยค่ะ พอดีว่าหลงก็เลยกลับมาไว เพราะงั้นบอกทางไปย่านสลัมหน่อยได้ไหมคะ จุดอ่อนของฉันอย่างเดียวก็คือหลงทาง เอ๊ะ…?」

「เอ๊ะ?」

 

คริสน่าและโซเฟียจ้องมองกันและกัน

 

「สายลมแห่งโซเฟีย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ!」

「<สตรีศิลา>เอง ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ค่ะ!」

「ไม่ เรื่องนี้มัน……!」

 

จากชั้นสองก็ได้ยินเสียงของคาร์มิล่าดังเข้าหูอย่างแผ่วเบา

 

「เซนอส ตอนนี้เจ้าน่ะ บทของเจ้าในตอนนี้เหมือนผู้ชายที่นอกใจเมียและโดนจับได้เลยนะ คุคุคุ」

ตอนที่ 18 สับราง

「อธิบายหน่อนได้ไหมคะ? ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่」

「ทางนี้ต่างหากที่ต้องถาม」

 

คริสน่าหยิบปืนเวทมนตร์มา

โซเฟียเองก็โยกตัวต่ำ

 

และเซนอสที่อยู่ระหว่างกลางของผู้หญิงทั้งสองที่จ้องเขม็ง

 

「รอก่อนสิทั้งสองคน มันมีเหตุผลอยู่นะ」

 

สถานการณ์ตอนนี้ก็คือการสับราง ผู้ชายนอกใจที่หาข้อแก้ตัวด้วยท่าทางสิ้นหวัง

 

「แล้วก็คนที่อยู่ชั้นสองเมื่อกี้พูดจาแปลกๆด้วย」

「คริสน่าซัง พี่สาวคนนี้เธอหลงทางน่ะ」

 

ลิลี่หาข้อแก้ตัวได้เก่งมาก

คริสน่าทำเสียงต่ำพร้อมกับชี้ไปทางโซเฟีย

 

「……หลงมาและมาโผล่เนี่ยนี่นะ? ดูท่าจะหลงทางเกินไปมั้ง」

 

ไม่ เธอเองก็ด้วยไม่ใช่เหรอ

โซเฟียที่ดูคาดเดาอะไรบางอย่างและค่อนๆยกมือขึ้น

 

「ใช่แล้ว มันแปลกเหรอ? ถ้าหลงทางก็ต้องถามคนแถวนี้สิ」

 

คริสน่ายังไม่ลดการระวังตัวแม้แต่ก้าวเดียว

 

「คุณเซนอส เห็นน่ารักยังงี้ก็จริงแต่ยัยนี่เป็นคนร้ายนะคะ」

「ชั้นเองไม่อยากให้คนที่เจอหน้าชั้นแล้วก็ยิงมาพูดแบบนั้นหรอกนะ ถ้าจะทะเลาะกันช่วยไปข้างนอกจะได้ไหม?」

「……」

 

คริสน่ามองไปรอบๆห้องและพูดอย่างเงียบๆ

 

「ฉันเองก็ได้รับการดูแลจากคุณเซนอส เพราะงั้นจะไม่สร้างเรื่องก็ได้ค่ะ」

「ถ้างั้นก็จบเกมส์แล้วสินะ แล้วก็เลิกทำตัวเสียงดังจะได้ไหมคะ」

「ก็ได้แต่ก่อนหน้านั้นช่วยบอกอะไรสักอย่างได้ไหมคะ?」

 

ความกดดันของคริสน่าถูกส่งมาจากปากกระบอกปืนที่ยกขึ้นมา

 

「โซเฟียน่ะ แ・ข・น・เ・ธ・อ・ไป・ทำ・อะ・ไร・มา?」

「……!」

 

บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นมาทันที

หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์เดินเข้ามาใกล้โซเฟียโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

「ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแขนจะถูกรักษาหายเป็นปลิดทิ้ง….ดูเหมือนจะไม่มีพิษตกค้างด้วย และคนที่รักษาแขนนั่นงได้ก็น่าจะเป็น “คนกลาง” ที่ยุติสงครามพวกเธอใช่ไหมคะ?」

 

หนอยยัยนี่จะรู้ตัวไวเกินไปแล้ว

โซเฟียเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง แต่สักพักเธอก็พูดขึ้น

 

「……ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำไมเหรอคะ?」

「ว่าไงนะ?」

「บุคคลนั้นเขารักษาคนที่ได้รับบาดเจ็บ และคนเจ็บก็ถูกรักษาจนหายดี มีอะไรแปลกเหรอคะ?」

「สิ่งที่พวกเราระวังก็คืออิทธิพลของคนๆนั้น เขาคนนั้นที่สามารถยุติความขัดแย้งของพวกเธอได้และอาจจะทำให้พวกคนในสลัมคุกคามชีวิตที่ดีของพลเมืองในอาณาจักรได้ ในฐานะที่เป็นทหารรักษาการณ์ฉันปล่อยไปไม่ได้」

 

โซเฟียยักไหล่ และจ้องไปยังปากกระบอกปืนที่ชี้มาที่เธอ

 

「คนในสลัมไปคุกคามชีวิตงั้นเหรอ? ยาเระยาเระดาเซะ แค่เกิดมาในสลัมและเป็นคนจนนี่มันถึงกับเป็นคนผิดตลอดไปเลยรึไงคะ」

「……หมายความว่ายังไง」

「จริงๆแล้วดิฉันก็แค่โจรตัวน้อยๆ ดังนั้นก็เลยพูดอะไรไม่ได้มาก แล้วคนร้ายจริงๆน่ะคือใครกันแน่คะ?」

「อยากจะพูดอะไรกันแน่?」

「มีข่าวลือว่าทางทหารรักษาการณ์กำลังสืบสวนคดีค้าทาสอย่างผิดกฏหมาย แต่คุณรู้รึเปล่าคะ ว่าคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวคืออดีตขุนนางผู้สูงส่งที่พวกคุณปกป้องไง」

「ว่าไงนะ……!?」

 

ด้วยคำพูดที่ชวนให้ประหลาดใจเซนอสมองไปทางลิลี่

คริสน่าเองก็ตกใจเช่นกันและเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

「อย่ามาล้อเล่นน่า ไอ้พ่อค้าทาสมันน่าจะเป็นคนในสลัมสิ」

「จุดจบก็คือจับหางพวกนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ว่าฉันเพิ่งได้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ เพราะฉันเองก็เป็นคนในโลกใต้ดินเหมือนกันนี่」

「คิดว่าจะเชื่องั้นเหรอคะ? มีหลักฐานไหมคะ?」

「ด้ายที่เชื่อมโยงไปยังขุนนางนั้นถูกลบออกไปแล้ว ดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากย้ายถิ่นกบดาน ดูเหมือนว่าเด็กบางคนที่ถูกลักพาตัวไปจะได้ไปอยู่ห้องพิเศษในคฤหาสน์เพราะการสืบสวนข้อมูลมันเข้มข้นขึ้น เพราะแบบนั้นเองพวกนั้นเลยเอาตัวเด็กๆไปซ่อนในที่พิเศษเพราะมันเป็นที่ปลอดภัยมากที่สุดค่ะ」

 

คริสน่ายกปืนขึ้นและก้าวเข้ามาใกล้อีก

 

「……เชื่อไม่ได้เลยนะคะ」

「นั่นสินะคะ ยังไงแค่ลมปากมันก็เชื่อไม่ได้สินะคะ」

「อืม ถ้างั้น บอกได้ไหมคะใครคือตัวการ」

「เซอร์คาเรนดอร์(カレンドール卿さ)」

「เซอร์คาเรนดอร์? ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยสนับสนุนการศึกษาเด็กกำพร้ามาโดยตลอดนะคะ」

「ก็เพราะมองแค่ผิวเผินไง เนื้อแท้ของพวกขุนนางน่ะไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกนะคะ」

 

โซเฟียเดินตรงไปด้านหน้า

เธอจ้องมองไปทางเซนอสชั่วขณะหนึ่ง

 

「แต่ว่าจะบอกให้นะคะ “คนกลาง” ที่คอยผลักดันพวกเรานั้นไม่ได้ตัดสินพวกเราเพราะฐานะเลยค่ะ เขาไม่สนว่าเราจะเป็นเผ่าอะไร ถิ่นเกิดมาจากไหน เขาไม่สนใจอดีตของพวกดิฉันเลยแม้แต่น้อยและช่วยชีวิตที่อยู่ตรงหน้าอย่างใจจริง นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเรายอมยุติสงครามเพื่อคนๆนั้น แม้ว่าจะมีความแค้นต่อกันมากแค่ไหนแต่ถ้าทำตัวเองได้แผลมา เขาก็จะรักษาคุณอย่างแน่นอนแม้ว่าจะเจ็บหนักแค่ไหนก็ตามแต่ว่าก็มีค่ารักษาเหมือนกัน แต่ว่าสำหรับพวกคุณแล้วมันแตกต่างกันเลยพวกคุณเลือกปฏิบัติกับคนในสลัมราวกับเป็นสิ่งชั่วร้าย ความยุติธรรมของคุณมันก็แค่สิ่งจอมปลอมเท่านั้นเองค่ะ」

「ว่าไงนะ……!」

 

คริสน่าเหนี่ยวไกปืนเวทมนตร์ของเธอ

แต่ก่อนที่กระสุนจะถูกยิงออกมาเซนอสไปยืนข้างโซเฟีย

 

「คุณเซนอสหลบไปค่ะ」

「ขอโทษด้วยแต่ว่าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก โซเฟียเป็นคนไข้ของชั้น」

「คนไข้……?」

 

เซนอสถอนหายใจ

 

「เห้อ ก็ได้ชั้นเองก็ไม่อยากให้ที่นี่เป็นสนามรบและก็ขอบคุณที่ดูแลโซเฟียมาตลอดด้วย」

「อาจารย์คะ……」

 

เซนอสที่จับไหล่โซเฟียก็หันไปมองคริสน่า

 

「เงียบต่อไปก็จะมีแต่ปัญหาเดี๋ยวจะมีคนโดนลูกหลงมากขึ้น “คนกลาง” คือชั้นเองล่ะ」

 

 ……。

 ……。

 ……。

 

เมื่อเซนอสพูดแบบนั้น คริสน่าก็กระพริบตาสองสามครั้ง

 

「คุณเซนอสน่ะเหรอเป็น……”คนกลาง”?」

「อ่าใช่แล้วล่ะ」

 

ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากทำตัวเด่นนักหรอก และดูเหมือนว่าจะเกิดการใช้กำลังโดยใช่เหตุด้วยแต่ว่าดูจากท่าเธอไม่ได้ทะเลาะอะไรกันมากมายแล้ว “คนกลาง” อย่างชั้นเปิดเผยไปเลยก็ไม่เสียหาย

 

「ขอโทษด้วยนะไม่คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่โตขนาดน——」

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่ชั้นจะพูดจบคำพูดก็โดนขัด

 

「เป็นไปไม่ได้ คุณเซนอสเนี่ยนะเป็น “คนกลาง”เป็นจอมเวทแห่งการรักษา ในทางกลับกันคุณเก่งด้านเวทย์ป้องกันไม่ใช่เหรอคะ เป็นไปไม่ได้ที่จะเก่งเวทย์สองประเภทพร้อมกันเลย」

「ไม่ใช่เท่านั้นหรอกนะ ไม่ใช่แค่เวทย์รักษาและเวทย์ป้องกัน แม้แต่เวทย์เสริมพลังกาย ล้วนอยู่ในระดับเดียวกันหมดเลย」

「ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยนะคะในชั้นเรียนทฤษฏีเวทมนตร์เนี่ย」

 

แม้ว่าคริสน่าจะดูไร้ความรู้สึก—แต่ว่ามันก็มีออร่าแห่งความโดดเดี่ยวออกมาอยู่

 

「แต่สิ่งอื่นที่ฉันค้นพบคือ แม้ว่าคุณจะมีความเก่งกาจเหมือน “คนกลาง” แต่ไม่มีทางที่คุณจะเป็นคนแบบนั้นได้หรอก ถ้างั้นก็เป็นความอัปยศของฉัน ฉันคิดว่าคุณเป็นคนที่น่านับถือมาก ดังนั้นฉันจะไปหาที่ซ่อนอื่นค่ะ」

「คริสน่า」

 

เขาเรียกเธอแต่คริสน่าก็ปิดประตูโดยไม่หันมามอง

 

「ฉันน่ะ….……ต้องการเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ฉันไม่ใช่ตัวปลอมสักหน่อยนะ….」

 

 +++

 

หลังจากคริสน่าออกไป โซเฟียก็จับมือชั้นและขอโทษ

 

「ฉันขอโทษนะอาจารย์ ที่ฉันทำอะไรแปลกๆลงไป」

「มันไม่ใช่ความผิดของโซเฟียหรอก ชั้นไม่ระวังตัวเองล่ะ」  

 

「อืมดูเหมือนว่าภรรยาคนที่สองจะชนะนะในครั้งนี้ อย่างที่คาดไว้เลย ปีนี้มันต่างออกไปจริงๆเลยน้อ」

 

ก่อนที่ชั้นจะรู้ตัว คาร์มิล่าก็นั่งอยู่ที่ขอบเตียง

แล้วใครคือภรรยาคนที่สองฟะ?

 

「ละละลิลี่ละคะ คาร์มิล่าซังลิลี่เบอร์อะไรเหรอคะ」

「ลิลี่ ไม่ต้องไปยุ่งกับยัยนั่นเลยนะ?」

 

「อย่างไรก็ตาม มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างยากและตึงเครีดเลยน้า」

「ยังมีหน้ามาพูดอีกตัวเองไม่ยอมโผล่มาเลยแท้ๆ」

「ก็เพราะว่ามันไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไรละน้อ」

「ไม่น่าสนใจงั้นเหรอ」

「นอกจากนี้คนตายพูดไม่ได้แถมยังเป็นสถานที่ๆมีคนพลุกพล่าน มันเป็นความเชื่อล่ะ」

「……อ่าก็จริงนะ」

 

คาร์มิล่ายกมือขึ้นและเหยียดออก

 

「แล้วจะทำยังไงต่อเซนอส」

「นั่นสินะ……」  

 

เขาเรียกตัวเองว่า “คนกลาง” เพื่อยุติสถานการณ์นั้น แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เชื่อในท้ายที่สุด

ในแง่หนึ่งก็พูดได้วิกฤตในครั้งนี้จบแล้วใช่ไหม?

 

คริสน่าจะยังตามหา”คนกลาง”ต่อไปอีกหรือไม่?

 

เมื่อมองไปทางประตูที่ปิดเงียบๆ ลิลี่ก็คร่ำครวญออกมา

 

「เป็นอะไรไปลิลี่?」

「คริสน่าซังจะไปที่สลัมงั้นเหรอคะ?」

「น่าจะเป็นอย่างงั้นเพราะดูเหมือนว่าคริสน่าจะเชื่อว่า “คนกลาง” ซ่อนตัวอยู่ในนั้น」

「แต่ว่าแบบนั้นก็เดินหามั่วแล้วสิคะ」

「ก็คงงั้น」

จู่ๆชั้นก็เผลอกุมขมับ

 

เป็นแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอ

 

「ไม่มีทาง……」

「อาจารย์เป็นอะไรไปเหรอคะ?」

 

เซนอสพูดกับโซเฟียที่มองหน้าเขา

 

「ปลายทางของคริสน่าไม่ใช่สลัมแน่นอน」

 

ตอนที่ 19 วีรบุรุษของฉัน 【ตอนแรก】

ณ เขตขุนนางของเมืองหลวง

สุดถนนนั้นมีก้อนหินปูไปจนสุดทางและตรงปลายทางมีคฤหาสน์ที่ใหญ่โตอยู่

 

ในห้องที่มีแสงแดดส่องถึงในตอนทิศตะวันตก สุภาพบุรุษสูงวัยผู้รอบรู้กล่าวขึ้น

 

「ยังไงก็เถอะนะครับ แปลกใจเลยนะครับที่มาเยี่ยมกันอย่างกระทันหันแบบนี้หันหน้ากองทหารรักษาการณ์」

「ขอโทษที่มารบกวนนะคะเซอร์คาเรนดอร์」

 

คริสน่านั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามและจิบชาที่เสิร์ฟ

 

「อาฟู่ววววว」

「เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ?」

「อ่าขอโทษด้วยนะคะจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของฉันก็คือลิ้นแมว」

「โฮะโฮะโฮะ <สตรีศิลา>ก็มีจุดอ่อนเหมือนกันเหรอครับเนี่ย นี่คือชาที่สั่งมาจากตะวันออกเลยหวังว่าจะชอบมันนะครับ」

「อ่า มันอร่อยมากเลยค่ะ」

 

มีกลิ่นหอมกลมกล่อมและรสชาติที่หรูหรา

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันก็นึกถึงชาดำที่ได้ดื่มที่เมืองแห่งการล่มสลายได้

 

หากมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นสวนหลังบ้านที่มีต้นสนสวยงาม

แม้แต่ในสลัมๆธรรมดาๆยังดีกว่าตึกรกร้างแถวนั้นเป็นไหนๆ

 

「แล้วทำธุรกิจประเภทไหนงั้นเหรอคะ?」

「เอ๊ะ แบบนั้นมัน……」

 

ฉันเองก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับค้าเด็กอย่างผิดกฏหมาย–แต่ว่าคงพูดไม่ได้หรอก

 

คริสน่ากำลังหัวเราะเยาะกับสิ่งที่ตัวเองทำ

ไปเชื่อคำพูดของคนในสลัม(ระหว่างที่หลงทาง)ก็เลยมาที่นี่

 

ขุนนางทำการค้าทาสผิดกฏหมาย มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นเลย

แน่นอนว่าข้อมูลนั้นไม่มีความแน่นอนเลยแม้แต่น้อยก็เลยไม่ได้แจ้งไปที่สำนักงานใหญ่

ฉันมาที่นี่ก็เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งหมดมันเป็นความลับ

 

ด้วยความคิดเช่นนั้นคริสน่าก็วางถ้วยชาลง

 

「รู้บ้างรึเปล่าว่ามีโจรบุกมาในพื้นที่ขุนนาง」

「ก็เคยได้ยินมานะครับ แน่ใจว่าน่าจะเป็นพวกมนุษย์กิ้งก่า……」    

「ใช่แล้วพวกเรากำลังพยายามอย่างหนักในการป้องกันพวกนั้น」

「ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะครับ」

「แน่นอนค่ะ อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ดูแลได้ไม่ทั่วทุกพื้นที่ทุกย่าน พวกเราต้องการให้พวกขุนนางช่วยกันปราบการเกิดอาชญากรรมด้วยค่ะ」  

「ฟุมุ เช่นนั้นเองสินะครับ」

「เพราะแบบนั้นเอง ฉันอยากให้คุณพาชมคฤหาสน์หน่อยค่ะและตรวจสอบระบบป้องกันอาชญากรรมในปัจจุบันที่นี่มีความเสี่ยงสูงมากเลยค่ะ」

 

คริสน่าพูดอย่างนั้นและมองดูเซอร์คาเรนดอร์

 

โซเฟียบอกมาว่าพวกเขากำลังย้ายเด็กเหล่านั้นไปที่ซ่อนพิเศษในคฤหาสน์ เพราะการสืบสวนที่รุกหนักขึ้น

คนธรรมดาไม่สามารถเข้าคฤหาสน์ของชนชั้นสูงได้และห้องต่างๆนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย

ในแง่หนึ่งมันอาจจะเป็นที่ซ่อนที่ปลอดภัยมากๆ

 

อย่างไรก็ตามการแสดงออกทางสีหน้าของอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลง

 

「นั่นก็ดีนะครับ แต่ถ้าบอกล่วงหน้าทางนี้จะได้เตรียมตัวสักนิด」  

「อยากเห็นสภาพปกติมากที่สุดค่ะ ก็เลยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า」

「โฮะโฮะโฮะ เข้าใจแล้วครับ ผมว่างจนถึงมื้อเย็น ถ้างั้นเดี๋ยวจะพาไปชมรอบๆนะครับ」

「ขอโทษที่มารบกวนนะคะ」

 

คริสน่าสำรวจรอบๆคฤหาสน์ของเซอร์คาเรนดอร์

สังเกตให้ทั่วทั้งห้องครัว ห้องน้ำ และห้องใต้ดิน แต่ไม่มีร่องรอยการถูกคุมขังของเด็กเลย

 

 ——ท้ายที่สุดก็เป็นเรื่องล้อกันเล่นสินะ

 

อย่างที่คิดเชื่อใจไม่ได้

รู้สึกโกรธและตกใจนิดหน่อยที่ตัวเองโดนหลอกง่ายแบบนี้ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจ

 

「เป็นยังไงบ้างครับ ท่านคริสน่า」

「อ่าานั่นสินะ ความปลอดภัยดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยล่ะ หากเป็นกรณีนี้พวกโจรคงบุกเข้ามาได้ยาก」

「โฮะโฮะโฮะ ผมโล่งใจนะครับที่ได้รับการรับรองจากท่านหัวหน้ากองรักษาการแบบนี้ อยากได้ตราประทับจังเลยนะครับ」

「ถ้าจะบังคับให้ฉันใช้ตรากุหลาบแห่งความั่นคงก็แสดงให้เห็นทีสิคะ……」

 

ตอนนั้นเองคริสน่าก็หยุดพูด

 

「อืมเกิดอะไรขึ้นเหรอ」

「……อ่า ไม่มีอะไรหรอก พอดีว่าขอเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับบ้านได้ไหม?」

「โฮะโฮะ เชิญเลย」

 

คริสน่าโค้งคำนับและออกไปที่โถงทางเดิน

 

หัวใจเต้นรัวขึ้นเล็กน้อย

 

แม้จะมีพื้นที่มากมายขนาดนี้ แต่เซอร์คาเรนดอร์ก็เป็นแค่ขุนนางระดับล่างถึงกลางเท่านั้นเอง

ด้วยเหตุผลนั้นการรักษาความปลอดภัยมันเข้มงวดแปลกๆ

 

ราวกับว่าระมัดระวังอะไรสักอย่าง แต่ที่แปลกที่สุดก็คือความสมดุลในการรักษาความปลอดภัย ฉันเดินไปรอบๆกำแพงชั้นนอก และจำได้ว่าพวกทหารเฝ้ายามอยู่ที่ด้านหลังเยอะกว่าหากเทียบกับฝั่งประตูหลัก

 

คริสน่าเปิดหน้าต่างโถงทางเดินและลงไปที่สวนหลังบ้าน

 

 ——ไม่มีทาง……。

 

ไกลสุดสายตาแถวนั้นมีกระท่อมเล็กๆอยู่

 

หลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมแล้วคริสน่าก็รีบเข้าไปใกล้กระท่อมที่อยู่แถวด้านหลังและซ่อนตัวหลังต้นไม้ เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์ก็เลยต้องเอาปืนเวทมนตร์ออกไป ดังนั้นซองปืนจึงว่างเปล่า

 

 ——ตรจสอบให้แน่ใจว่ามันใช่อย่างที่คิดรึเปล่าและรีบกลับมาเร็วๆนี้

 

เมื่อผลักประตูกระท่อมออกไปคริสน่าก็มองไปในบ่อน้ำ

ด้านล่างนั้นมืดจนมองไม่เห็น

เมื่อหยิบก้อนกรวดและหย่อนลงไปข้างล่างก็ได้ยินเสียง

 

 ——ไม่มีน้ำสักหยด

 

ภายในบ่อน้ำมีราวบันไดเล็กๆ

 ไม่ใช่เรืองแปลกที่จะมีราวบันไดกันตกบ่อน้ำในกรณีที่ตกลงมาโดยไม่ได้ตั้งใจแต่ว่า——

 

คริสน่าตะโกนลงไป

 

เมื่อลงไปข้างล่างก็พบพื้นที่ขนาดเล็กมีห้องๆหนึ่งอยู่

ดวงตาของฉันเริ่มค่อยๆชินกับความมืดมิด

ด้านหลังเป็นประตูเหล็กหนาพร้อมกับแม่กุญแจ

 

「โกหกใช่ไหม……」

 

คริสน่าที่ยืนอยู่ตรงนั้นวิงเวียนหัวเล็กน้อย

 

 ——ทำยังไงดี……。

 

ไม่มีเวลามาชักช้าแล้ว

 

โดยปกติแล้วต้องขอเซอร์คาเรนดอร์ในการตรวจสอบ แต่ถ้าโดนปฏิเสธก็เท่านั้น และเมื่อถูกขุนนางปฏิเสธก็ยากที่จะเข้ามาตรวจสอบได้แม้จะเป็นทหารรักษาการณ์ก็ตาม ยกเว้นแต่จะมีหลักฐานชัดเจน

 

และข้อแก้ตัวนั่นจะใช้เพียงแค่ครั้งเดียว

ตอนนี้เป็นเวลาเดียวที่จะตรวจสอบ

 

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันมันมีทางที่จะเป็นเพียงแค่หีบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในนี้ก็ได้

หากแอบเข้าไปเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาติก็มีความผิดตามกฏหมาย

 

「แต่ถึงอย่างงั้น――……」

 

คริสน่าก้าวช้าๆ

 

ถ้ามัน

 

ถ้ามีเด็กอยู่ข้างในขึ้นมาละก็

 

พวกนั้นกำลังรอความช่วยเหลือจากวีรบุรุษ——

 

 คริสน่ากลั้นหายใจ ถอดเข็มขัดรัด และสอดมันเข้าไปในตัวล็อค ในกองทหารป้องกันราชวงศ์และรักษาการเองก็ได้เรียนเกี่ยวกับการป้องกันอาชญาการรม จะใช้เวลาสักตรู่ แต่ก็สามารถปลดกุญแจได้ ฉันปลดล็อคมันออกและเอามือผลักประตูอันหนักแน่น

 

「อาาาาาาาาาาาาาาาาาาา……」

 

คริสน่าโอดครวญ

 

ด้านหลังนั่นมีเด็กมากกว่าสิบสองคน

ทุกคนถูกพันผ้าปิดตาและมีกุญแจมัดมือและเท้า

 

หญิงสาวตรงหน้าพูดบางอย่างด้วยความสั่นกลัว

 

「คนน่ากลัวพวกนั้น?」

「ไม่เป็นไรนะ แม้ว่าจะไร้ความรู้สึกแต่ก็ไม่ใช่คนน่ากลัวหรอกนะ และก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายพวกเธอด้วย」

 

หน้าอกฉันแน่นขึ้นและพวกเด็กๆเองก็ดูกลัวมาก

เซอร์คาเรนดอร์ระบายความโกรธกับเด็กพวกนี้

อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันมีหลักฐานยืนยันก็คือตาคู่นี้ของฉันเอง หากเป็นกรณีนี้ก็ไปบอกสำนักงานใหญ่ได้

 

「พวกเธอคงจะกลัวกันสินะ รอก่อนนะเดี๋ยวฉันกลับมาช่วย」

「คุณเป็นใครงั้นเหรอคะ……?」

「ฉันเหรอ? ฉันคือผู้ผดุงความยุ……」

 

ปัง !

คริสน่ารู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งหลังและกระเด็นเข้าไปชนกับกรงเหล็ก

 

เมื่อมองย้อนกลับไปก็เจอเซอร์คาเรนดอร์

สิ่งที่เขาถือคือปืนเวทมนตร์ของคริสน่า

 

「อย่างที่คาดไว้เลย ปืนเเวทมนตร์ของอาณาจักรนี่มันเยี่ยมจริงๆ หากเพิ่มพลังเวทย์ลงไป กระสุนเวทย์ก็จะแรงขึ้นสินะ? สามารถใช้ขู่เด็กพวกนี้ได้อย่างดีเลย」  

 

การแสดงออกอันแสนอ่อนโยนหายไปและมีรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมอยู่บนใบหน้า

 

「ก็เห็นว่ากลับมาช้าก็เลยรู้สึกว่าจะเป็นเรื่องเข้าแล้ว ไม่รู้เหรอว่าเข้าถิ่นศัตรูแล้วยังไม่มีอาวุธมันก็เหมือนหนูติดจั่นเลยนะ」

「หนอยยยยย แกกกก!」

 

เมื่อฉันพยายามจะกระโดดก็โดนกระสุนอีกนัดก็ถูกยิงและมันช็อตที่มือซ้ายของฉัน

เด็กที่ถูกปิดตาเริ่มแสดงความรู้สึกผิดและเริ่มร้องไห้ออกมา

 

「คิดว่าจะปล่อยไปง่ายๆงั้นเหรอ」

「นั่นสินะ ถ้าปล่อยเธอไปคงลำบากน่าดูเลย ก็คิดว่าจะกำจัดทิ้งที่นี่ซะทุกอย่างก็จบ ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ก็เป็นแบบนั้นละมั้งนะฮ่าฮ่าฮ่า?」

 

เมื่อฉันไอออกมา เลือดสดๆก็ไหลออกมาจากปาก

สีข้างกระดูกหัก และแขนซ้ายก็ข้อศอกหัก

คริสน่าคุกเข่าลง

 

 ——ท่าไม่ดีแล้ว……。

 

เธอคิดผิดที่สงสัยพวกคนในสลัมและแค้นคนในสลัมจนเกินเหตุ

แต่ว่าสิ่งที่พวกคนในสลัมพูดนั้นกลับเป็นเรื่องจริง

 

ท้ายที่สุดก็เป็นแค่ความยุติธรรมจอมปลอมแม้จะช่วยเด็กที่ร้องไห้ยังทำไม่ได้เลย

นี่คือจุดจบของวีรบุรุษจอมปลอม

 

「พวกกองทหารรักษาการณ์นี่คิดจะต่อต้านพวกขุนนางงั้นเหรอเนี่ย」

 

เซอร์คาเรนดอร์ค่อยๆเอาปืนเข้ามาใกล้ดวงตาของเธอจากนั้นเองอุณหภูมิก็ค่อยๆสูงขึ้น

ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว

 

「สิ่งที่พวกแกควรจะทำก็คือเก็บกวาดพวกเศษสวะไม่ใช่มาต่อต้านพวกขุนนางแบบนี้?」

 

อย่างน้อยที่สุด คริสน่ากัดฟันและคลานไปจากด้านหน้ากรงเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กถูกยิง

 

「ฟุฮะฮะฮะช่างเป็นสภาพที่น่าสังเวชของ<สตรีศิลา>จริงๆ」  

 

 ——ขอโทษนะ

 

「ดูเหมือนว่าข่าวลือจะดังมากเลยสินะเพราะว่าข้าลักพาตัวเด็กในสลัมไปหลายสิบที่เลย」

 

 ——ขอโทษนะทุกคน

 

「ข้าคือขุนนาง ไม่เหมือนกับพวกโง่พวกนั้น สิ่งที่ข้าทำไม่ว่ายังไงก็ได้รับการอภัยโทษ เข้าใจไหม?」

 

 ——ขอโทษนะคะคุณแม่

 

「ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ตายไปได้แล้วพวกแกน่ะ」

 

 ——ฉันไม่สามารถเป็นวีรบุรุษที่แท้จริงได้

 

「……หะ?」

 

เซอร์คาเรนดอร์หยุดเหนี่ยวไก

 

ข้างนอกมีเสียงดัง

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของชายที่ดูเหมือนยามดังขึ้นมา

 

「โจรบุกครับ โจรบุกเข้ามาแล้ว!」

「ว่าไงนะ!」

 

เสียงตะโกนดังมาจากภายนอกและเซอร์คาเรนดอร์ก็เงยหน้ามองด้านบน

เสียงการต่อสู้ข้างนอกดังก้องอยู่ในอากาศ

 

วินาทีถัดมาก็มีคนลงมาในบ่อน้ำ

 

「อะไรกัน ยังมีชีวิตอยู่เหรอเนี่ย รู้งี้มาช้าๆหน่อยดีกว่านะคะ」

 

ผู้หญิงผมสีดำยาวและตาแหลมคม พูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

 

「สายลมแห่งโ….ซ…เฟีย..ทำไมกันคะ……」

 

ฉันพึมพำขณะกระอักเลือดออกมาและก็ได้ยินอีกเสียงหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลัง

 

「เห้อเป็นคนไร้เหตุผลชะมัดจริงๆเลยน้าเธอเนี่ย แม้ว่าจะดูน่าผิดหวังแต่ก็ไม่ใช่ในทางที่แย่หรอกนะ」

 

ในความมืดมิดโครงร่างของผู้ที่อยู่ตรงนั้นก็เริ่มจะชัดเจนขึ้น

 

「กล้าเข้ามาบุกบ้านของข้าผู้นี้ถ้างั้นก็เตรียมตัวตายได้เลย」

 

เขาแต่งกายด้วยชุมคลุมสีดำและเป็นคนที่ดูมืดมิด เขาเนี่ยแหละวีรบุรุษที่แท้จริง

ตอนที่ 20 วีรบุรุษของฉัน【ตอนกลาง】

 

 

「พวกแกเป็นใคร!」

 

ทันใดนั้นเอง เซอร์คาเรนดอร์ก็ชี้ปากกระบอกปืนไปที่ทั้งสองคนที่ปรากฏตัวขึ้นมา

เซนอสเข้ามาใกล้และตอบกลับอย่างช้าๆ

 

「ไม่ต้องกังวลก็เป็นคนจากศูนย์รักษาน่ะ」

「หะ? อะไรวะ?」

「ฉันเองก็เป็นแค่คนนำทางเท่านั้นเอง」  

「อืมมม อย่ามาล้อเล่นน่า ข้าไม่เข้าใจพวกแกเลยสักนิด เฮ้ พวกแกลงมาช่วยกันหน่อยสิวะ!」

 

เซอร์คาเรนดอร์โวยวาย แต่ไม่มีวี่แววของกำลังเสริม

ข้างนอกมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง

 

「อ่าลูกน้องฉันอาละวาดอยู่ละ เพราะงั้นคงไม่มีกำลังเสริมาหรอกนะ」

「ถ้าดูดีๆแล้วแกมันมนุษย์กิ้งก่า….เป็นโจรในข่าวลืองั้นเหรอ!」

 

เซอร์คาเรนดอร์ทำหน้าเหมือนกับชนะแล้ว

 

「ฟุฮะๆๆๆ ก็คิดว่าใคร อย่ามาล้อเล่นกับข้านะ ถ้าเป็นโจรในเขตสลัมละก็ฆ่าตายได้โดยไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ข้าจะฆ่าแกจากนั้นก็หมอนั่น」

「ถึงจะแอบเข้ามาก็เถอะนะ แต่ว่าเกลียดหมอนี่ชะมัดเลยคะ」

「ขุนนางนี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ?」

「ก็ขึ้นไปแล้วแต่ตามบุคคลค่ะ」

 

เซนอสก้าวไปข้างหน้าต่อโซเฟียที่ยักไหล่

คริสที่หายใจไม่ออกให้คำเตือน

 

「คุณเซนอส….ระวังตัวด้วย……แม้ว่าคุณจะเก่งเวทย์ป้องกันแค่ไหน แค่ก แค่ก…..หากตัวลิมิตเตอร์โดนปลดออก….พลังทำลายล้างของมันมหาศาลมาก……」

 

ปัง!

 

ก่อนที่จะพูดเสร็จกระสุนก็ถูกยิงออกมาแล้ว

กระสุนที่หุ้มเปลวเพลิงกระทบกับเซนอสโดยตรงและหมุนอยู่ในอากาศ

 

「เหอะคิดจะมาหาเรื่องกับขุนนาง เป็นแค่ขโมยแท้ๆทำตัวอวดดีจริงๆ」

「อ่าเจ้านี่คันๆหน่อยๆนะเนี่ย」

「นาาาาาาาาาาานี่!!」

 

หลังจากที่ควันหายไปเซนอสก็ยังอยู่ในสภาพเดิมที่ไม่ได้รับความเสียหาย

 

「ทำไมกัน!เกิดบ้าอะไรขึ้น!」

 

เซอร์คาเรนดอร์ยิงรัวๆ

เสียงปืนดังก้องอยู่หลายครั้งจากนั้นก็มีควันเต็มไปหมด

ท่ามกลางควันไฟ เซนอสก็เริ่มเดินเข้าหาเซอร์คาเรนดอร์

 

「อย่ายิงเหมือนกับคนบ้าจะได้ไหม นี่ไม่มีความลังเลเลยเหรอที่ยิงคนอื่นเนี่ย……?」

「แกเป็นสัตว์ประหลาดเหรอไง」

 

ด้านหลังของเซอร์คาเรนดอร์คือกรงเหล็ก

 

「ฮี้」

 

เซอร์คาเรนดอร์ตกใจกลัวเลยเผลอทิ้งปืนเวทมนตร์ไป

เซนอสหยิบมันขึ้นมาและชี้ปากกระบอกปืนไปที่ชายคนนั้น

 

「หนอย ไอ้คนชั้นต่ำอย่างแกกล้าชี้ปืนใส่ขุนนางอย่างข้าผู้นี้งั้นเหรอ」

「ถ้าคิดจะยิงคนอื่นก็ต้องเตรียมใจที่จะโดนยิงด้วย อย่างน้อยก็จำไว้ซะ」  

 

เขาวางนิ้วลงบนไกปืน เซอร์คาเรนดอร์ยกมือขึ้นและคุกเข่าลงอย่างหวาดกลัว

 

「ระระระระระระรอก่อนสิ เข้าใจแล้ว ต้องการเงินเท่าไร อยากได้เท่าไรล่ะ? 」

「ชั้นไม่ใช่โจร แล้วก็แกจะจ่ายเท่าไรชั้นไม่สน」

「ถ้าถามฉัน ฉันจะตอบให้ เพราะครั้งนี้ฉันเป็นไกด์ด้วยสิ ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาของอาจารย์ล่ะนะ」  

 

โซเฟียพูดเช่นนั้นพร้อมยืนกอดอก

เซอร์คาเรนดอร์คุกเข่าลงกอดเข่าของเซนอสราวกับอ้อนวอน

 

「แล้วต้องการอะไรล่ะ ทำให้ได้ทุกอย่าง ดังนั้นโยนปืนนั้นทิ้งไปได้ไหม?」

「อืมพูดตามตรง…..เพิ่งเจอกับนายครั้งแรกและตอนแรกมันก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่ถ้าพูดถึงความแค้นก็ตรงที่แกยิงใส่ชั้นเมื่อกี้ไม่ยั้งเลย」

「วะวะวะวะวะ…มันแย่มาก ไม่ดีเลย ขอโทษด้วย ผิดไปแล้ว」

「ไม่ได้」

「ทำไม……」

 

เซอร์คาเรนดอร์ตกตะลึงและเหลือบมองคริสน่าที่หายใจอ่อนแรง

 

「ถูกต้อง ข้าเองก็ควรจะขอโทษเธอด้วย ข้าไม่ดีเอง พอดีเลือดขึ้นหน้าไปหน่อย」

 

เซอร์คาเรนดอร์โค้งคำนับคริสน่าและหันไปมองเซนอส

 

「แบบนี้โอเคไหม?」

「ไม่」

「ทำไมถึงมาขอโทษเอาป่านนี้」

「พอมาคิดดูแล้วชั้นเองก็ไม่ใช่เพื่อนของคริสน่า และก็ไม่ใช่ว่าจะแคร์คริสน่า แตว่าควรจะแคร์สินะ」

「แล้วจะทำยังไง」

「แต่ยังมีคนที่นายควรขอโทษมากที่สุดอยู่นี่」  

 

เซนอสหันไปหาเหล่าเด็กๆที่สั่นกลัวด้านหลังกรงเหล็กนั่น และชี้ปากกระบอกปืนไปที่หน้าผากของเซอร์คาเรนดอร์

 

「พวกนั้นน่ะเป็นลูกค้าในอนาคตของชั้นแท้ๆแต่แกก็กลับทำแบบนี้!」

 

 ปัง!!

ปืนเวทย์ถูกยิงออกไปและร่างของเซอร์คาเรนดอร์ก็ปลิวไป

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!」

 

ร่างกายหมุนติ้วและชนเข้ากับกรงเหล็ก

 

「ขอโทษ……」

 

ใบหน้าของเขามีฟองออกจากปากพร้อมกับเยี่ยวราด

 

「……ฆ่าตายแล้วงั้นเหรอ……?」

 

คริสน่าที่คลานอยู่บนพื้นพร้อมกับคร่ำครวญ

 

「ยังไม่ตาย ใช้ลิมิตเตอร์ ดังนั้นคงจะไม่ตื่นหรอก」

 

เซนอสขว้างปืนให้คริสน่าและเดินเข้าไปหาเธอ

 

「มันไม่ใช่หน้าที่ของชั้นที่จะตัดสินความผิดของชายคนนั้นจริงไหม?」

「……แต่ว่าฉันน่ะ………」

 

เมื่อตระหนักถึงคริสน่าที่หอบหายใจอย่างแผ่วเบา

 

「แล้วก็….ขอโทษด้วยนะ….นอกจากนี้ฝากเรื่องนี้ให้สำนักงานใหญ่….ได้ไหม……」

「หาาาา? ใครจะไปทำกัน นั่นงานเธอ」

「แต่ว่าฉัน……」

 

คริสน่าไม่คิดจะพูดต่อ

เซนอสคุกเข่าลงข้างเธอและมองบาดแผล

 

「แขนซ้ายและสีข้างหัก ดูเหมือนว่าอวัยวะภายในบางส่วนจะถูกทำลายไปด้วย」

「อ่าาา……」

「อะไรกันเจอแค่นี้ก็ยอมแพ้ซะแล้ว <สตรีศิลา>มีไว้ประดับงั้นเหรอ อย่ามาร้องไห้ง่ายๆสิ」

「……เอ๊ะ?」

 

เซนอสจับมือเหนือบาดแผลของคริสน่า

 

「อย่างไรก็ตามต้องใช้พลังเวทย์เยอะมากในการรักษาแผลใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเห็นบิลค่ารักษาแล้วอย่าร้องไห้นะ」

「ว่าไงนะ……」

 

แสงสีขาวไหลออกมาจากฝ่ามือจากนั้นมันก็เริ่มสมานบาดแผลและรักษาอวัยวะภายใน

เมื่อมันล้อมรอบตัวคริสน่า ความเหนื่อยล้าและความรู้สึกใกล้ตายก็ค่อยๆลดลงและจิตใจเธอก็เริ่มสงบลง

 

「มีความเสียหายในหลอดเหลือ กระดูกถูกทำลาย เนื้อเยื่ออ่อนถูกกดทับ และความเสียหายของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ การแข็งตัวของเลือด เริ่มบรรเทาอาการปวด ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และสร้างอวัยวะขึ้นใหม่」

「คุณเซนอส นี่มัน คือว่า……」

「มันเสียสมาธิหุบปากสักครู่ได้ไหม」

 

 ใบหน้าจริงจังปรากฏอยู่ตรงหน้าและเขาเป็นเหมือนวีรบุรุษตัวจริง——

เซนอสยิ้มและกลับไปหาคริสน่าที่พึมพำโดยไม่รู้ตัว

 

「ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ก็อีกแค่แผลเล็กน้อยแค่นี้ ชั้นเป็นดาร์กฮีลเลอร์ ที่อยู่ในเมืองแห่งการล่มสลาย」

 

แสงระยิบระยับเจ็ดสีเป็นประกายและระเบิดออกมา——

 

ตอนที่ 21 วีรบุรุษของฉัน【ตอนจบ】

「ไม่อยากจะเชื่อเลย」

 

ที่ก้นของบ่อน้ำ คริสน่าที่ได้รับการรักษาเสร็จแล้วก็พูดอย่างตกตะลึง

 

สีข้างที่หักและแขนซ้ายที่ข้อศอกหัก นั้นถูกรักษาจนดีแล้ว

ลองขยับนิ้วอยู่หลายครั้งและพูดคำเดิมซ้ำๆไปมาด้วยน้ำเสียงชื่นชมพลางสงสัยไปพร้อมๆกัน

 

「ไม่อยากจะเชื่อ……」

 

ทันใดนั้นเองเธอก็จ้องมองไปยังชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ

 

「เวทย์แห่งการรักษานี่มันอะไรกันคะ–คุณเซนอสเป็น “คนกลาง” งั้นเหรอคะ」

「เออ ก็พูดไปหลายรอบแล้วแต่ไม่ยอมฟังเลยนี่」

「อืม แต่ว่ามันยากที่จะเชื่อนะคะ ไม่ใช่เวทย์ป้องกันอันสุดแสนจะโกงนั่นแต่ยังมีเวทย์รักษาเข้าขั้นสัตว์ประหลาดไปอีก มันเทียบกับเวทย์ทั่วไปไม่ได้แล้วนะคะ」

「ก็บอกแล้วว่าพื้นฐานของเวทย์พวกนี้มันก็คล้ายๆกันไม่ว่าจะเวทย์รักษาเอย เวทย์ป้องกันหรือเวทย์เสริมพลังกาย」

「ไม่เข้าใจเลยค่ะ ยิ่งกว่านั้นยังใช้เวทย์เสริมพลังกายได้อีกเหรอคะ?」  

 

โซเฟียที่ยืนกอดอกอยู่ข้างกำแพงก็พูดขึ้น

 

「ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ <สตรีศิลา> ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ว่าภาพตรงหน้ามันคือความจริงไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยสิ่งนี้ก็น่าจะทำให้นิสัยดื้อรั้นของคุณเบาลงบ้างก็ยังดี」  

「ก็อาจจะเป็นแบบนั้นนะ……」

 

คริสน่าพูดแล้วก็โค้งคำนับให้กับโซเฟีย

 

「……ฉันขอโทษ ฉันคิดผิดมาโดยตลอด  เป็ยอย่างที่เธอว่าจริงๆ」

「อะไรกัน? หัวไปกระแทกอะไรมารึไง?」

「ไม่ได้มีอะไรกระแทกหัวทั้งนั้นแหละค่ะ แค่ไหล่หลุดและมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ก็เลยเปลี่ยนไปนิดหน่อยมั้งคะ」

 

หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์กล่าวด้วยความเหงาเล็กน้อย

 

「ฉันไม่ใช่วีรบุรุษตัวจริง ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ….อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าวีรบุรุษที่แท้จริงนั้นคือคุณเซนอส」

「อะไรกัน ชั้นเนี่ยนะวีรบุรุษ」

 

เซนอสกุมขมับ

 

「ตอนที่ชั้นยังเด็กอะนะ ชั้นแทบจะไม่มีอะไรกินเลย และไม่ได้รับการศึกษาที่ดีด้วย ชั้นมีประสบการณ์ชีวิตแย่ๆมากมายในตี้นักผจญภัย และก็ไม่มีใบอนุญาติการเป็นฮีลเลอร์ด้วย……」

「ขอโทษด้วยนะคะ เหมือนว่าจะไปเหยียบกับระเบิดแปลกๆซะแล้ว」

 

สำหรับคริสน่าที่กำลังสับสน เซนอสถอนหายใจออกมา

 

「ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกนะ เหล่าผู้คนที่สู้เพื่อบางสิ่งก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบก็ตามที เพราะแบบนั้นก็เลยเกิดคนแบบชั้นที่เป็นดาร์กฮีลเลอร์ขึ้นมาเพื่อเยียวยาคนเหล่านั้น」

「คุณเซนอส……」

「ก็น่ะ จะพูดว่าขายตรงก็ได้เออ」  

 

เซนอสค่อยๆหันหลังกลับ

 

「แต่ไม่ว่าจะต้องล้มลุกคลุกคลานขนาดไหนหรือต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม สำหรับชั้นแล้ว ชั้นมั่นใจได้เลยว่าเธอน่ะคือวีรบุรุษของพวกเด็กเหล่านั้นแล้ว」

「สำหรับพวกนั้น……?」

 

เด็กที่ถูกปิดตาอยู่กำลังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้ากังวล

ความเงียบเข้าปกคลุมอย่างกระทันหันและเด็กสาวที่กลัวก็เริ่มพูด

 

「นี่ นี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้นกับวีรบุรุษผู้ผดุงความยุติธรรมคนนั้นเหรอคะ?」

「……อึก!」

 

คริสน่าลืมตาขึ้นมาและขยับริมฝีปากที่สั่นเทา

 

「แต่ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ……」

「แต่ว่าเธอก็เคลื่อนไหวก่อนใครเพื่อนไม่ใช่เหรอไงล่ะ ท่ามกลางข้อมูลที่ไม่แน่นอนว่าจะจริงหรือเปล่า เธอกลับเข้าสู่ดงของศัตรูอย่างไม่ลังเล โดยคิดว่าอาจจะมีเด็กบางคนโดนพวกขุนนางจับตัวมาก็ได้ เด็กบางคนยังรอคอยความหวังเหล่านั้น และเธอก็มาถึงที่นี่หาที่นี่จนเจอ แบบนี้จะไม่เรียกว่าวีรบุรุษก็คงแปลกแล้วล่ะ」

「ฉันน่ะ…..ฉัน……」

 

คริสยืนขึ้นและเดินไปที่กรงเหล็ก

 

「ทะ—ทุกคนไม่เป็นอะไรนะคะ ฉันจะช่วยทุกคนออกมาอย่างปลอดภัยเองค่ะ เดี๋ยวจะไปช่วยแล้วนะคะ ดังนั้นช่วยรอสักหน่อยจะได้ไหม」

 

ทันใดนั้นเหล่าเด็กๆก็ให้กำลังใจกับเธอ

ขอบคุณนะ วีรบุรุษ! คริสหลับตาและกดหน้าอกของเธอแน่น

 

「แม่ของฉัน….ก็เป็นแบบนี้เหรอคะ……」

「……?」

「ฉันคิดว่าแม่ของฉันเป็นเหยื่อที่น่าสงสารตลอดเวลา แต่…แต่ว่าแม่ของฉันมักจะเป็นประกายแสงแห่งความหวังและคอยทำอาหารให้กับเด็กผู้ยากไร้……」  

「……ใช่แล้วล่ะ แม่ของเธอก็อาจจะเป็นวีรบุรุษสำหรับใครบางคน เหมือนกับเธอที่เป็นวีรบุรุษสำหรับเด็กพวกนี้」

 

คริสน่าร้องไห้ออกมา

 

เธอที่พยายามจะเป็นวีรบุรุษที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอด

 

อย่างไรก็ตาม——

 

มันก็แค่นั้น

 

ในกรณีนี้น่ะ

 

「แม่ของฉันเป็น……คนซุ่มซ่าม รีบร้อน และโกรธง่าย มีหลายอย่างมากมายที่เธอทิ้งไว้ และเต็มไปด้วยจุดอ่อนมากมาย……แต่ว่ายังไงก็เถอะนะ——」

 

คริสน่าพูดพร้อมกับเอามือกุมหน้าอกนั้นไว้

 

「แต่ยังไงสำหรับฉันแล้วเธอคือวีรบุรุษของฉัน——」

 

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าของเธอ

น้ำตาไหลลงและหยดลงบนดินที่แห้งชื้น

 

โซเฟียหันหลังผิงกำแพงและฟังเสียงสถานการณ์อยู่ข้างนอกพร้อมกับยักไหล่

 

「อาจารย์ ถึงเวลาที่พวกกองทหารรักษาการณ์จะมาแล้วนะคะ」

「อาา ไอ้พวกบ้าๆพวกนั่นสินะ」

 

เซนอสตามโซเฟียไปและมองย้อนกลับไปที่คริสน่า

 

「ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเธอแล้ว ฝากด้วยนะคุณวีรบุรุษ แล้วก็อย่าลืมมาจ่ายเงินค่ารักษาด้วยล่ะ」

「รอก่อนสิคะ」

 

คริสน่าปาดน้ำตาและพยายามจะหยุดเซนอสเอาไว้

 

「ขอถามแค่คำถามเดียวนะคะ? ทำไมถึงมาช่วยฉันงั้นเหรอคะ?」

 

อ่าถามกระทันหันเสียจริง

คริสน่ากล่าวว่าพวกใต้ดินอย่างชั้นไม่มีประโยชน์อะไรให้มาเสี่ยงกับสถานการณ์แบบนี้

 

โซเฟียและเซนอสมองหน้ากัน

 

「ไอ้ฉันเองก็บอกให้อาจารย์ปล่อยวางไปและไม่ต้องยุ่งแล้วนะคะ แต่อาจารย์ก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้ค่านำทางไปคฤหาสน์ของเซอร์คาเรนดอร์ ฉันเกลียดเธอก็จริง แต่เป็นคำขอของอาจารย์มันก็ช่วยไม่ได้นะคะ」

「คุณเซนอสงั้นเหรอคะ? คุณเซนอสถ้างั้นทำไมล่ะ……?」

 

เมื่อมองไปยังคริสน่า เซนอสก็ตอบกลับอย่างเรียบง่าย

 

「……ค่าห้อง」

「หะ?」

「เธอบอกว่าจะจ่ายเงินค่าเช่าห้องของชั้น และตอนนั้นที่เธอมารบกวนชั้นมันทำให้รายได้ชั้นหดหายไปหมดเลยเพราะลูกค้าคนอื่นก็กลัวเธอกันหมด ดังนั้นก็เลยมาทวงค่าเช่าห้องแต่แล้วก็มาพบเธอเจ็บหนักอีก และถ้าเธอตายไปด้วยเหตุผลบ้าๆบอๆแบบนี้ ชั้นก็ไม่ได้เงินกันพอดี เพราะงั้นก็เลยสรักษาให้และก็จ่ายค่ารักษาเพิ่มมาด้วยล่ะ」

「……」  

 

คริสน่ากระพริบตาปริบๆ

 

เพื่อมาเก็บค่าเช่าห้อง

ด้วยความเสี่ยงขนาดนี้ เขาจึงมาที่พักของขุนนางซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

คิดอย่างไรก็ไม่มีความคุ้มเลย

 

ไม่รู้หรอกว่าเขาจะจริงจังแค่ไหน แต่ว่าคนๆนี้นี่แหละคือเซนอส

 

「ฟุ……」

 

ถอนหายใจออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

「ฟุฟุ … ฮ่า ฮ่า … ฮ่า ฮ่า ฮ่า」

 

จากนั้นเองเธอก็อดที่จะขำไม่ได้เลย

เซนอสและโซเฟียมองไปที่เธอพร้อมกับตกใจเล็กน้อย

 

「……อะไรกัน หัวเราะเรื่องอะไรฟะ」

「——!」

 

คริสยืนขึ้นขณะอ้าปากค้าง

 

ตั้งแต่ที่แม่เธอเสียไป เธอก็ไม่เคยหัวเราะอีกเลย

ตอนแรกหัวเราะไม่ออกเพราะความโกรธและความเศร้า

หลังจากเป็นทหารรักษาการณ์ เธอก็คิดว่าไม่มีเวลาให้มาหัวเราะจนกว่าจะกำจัดคนชั่วให้หมดไป

 

จากนั้นเธอก็ลืมไปแล้วว่าการหัวเราะคืออะไร

 

「งั้นเหรอคะ….นี่ฉันคนนี้…….หัวเราะออกมางั้นเหรอคะ……」

 

「เออสิ เห็ยรอยยิ้มนั่นแล้วมันน่าหงุดหงิดจริงๆ」

「ค่อนข้างน่าขนลุกมากกว่านะ」

 

ทั้งสองที่พูดแบบนั้น คริสน่าก็ตอบกลับ

 

「อย่างไรก็ตาม ช่วยไม่ได้นี่คะ ฉันไม่ได้หัวเราะมานานมากแล้ว และฉันเองก็เป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าไม่เก่งด้วยค่ะ……」

 

คริสน่าปาดน้ำตาที่ขอบตาของเธอ จากนั้นก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงอันเบา

 

「นี่เองก็เป็นจุดอ่อนหนึ่งของฉัน」

 

ตอนที่ 22 คริสน่าหลังจากเหตุการณ์นั้น

 

 

คริสน่ามาที่ศูนย์รักษาหลังเหตุการณ์นั้นผ่านไปเจ็ดวัน

 

「ช้าจังเลยคิดว่าจะเบี้ยวแล้วซะอีก」

 

กับคำพูดของเซนอสแบบนั้น แต่คริสน่าไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

 

「ขอโทษนะที่ใช้เวลานานกว่าจะมานี่ได้หลงทางแทบแย่」

「ฮะฮะ ยังจำทางมาที่นี่ได้อีกนะ」

「ช่วยไม่ได้จุดอ่อนฉันมีมากมาย」

「โอ๊ะ คราวนี้ยอมรับว่าตัวเองจุดอ่อนเยอะด้วยวุ้ย……!」

 

คริสน่าหัวเราะเล็กน้อย

รอยยิ้มดูอ่อนโยนขึ้นนะ

 

「อ่าล้อเล่นหรอก เนื่องจากเหตุการณ์นั้นเอง ก็เลยไม่มีวันหยุดน่ะ เลยมาหาไม่ได้เลย เพราะงั้นก็เลยกว่าจะหาวันมาได้ก็แทบแย่เลยนะเนี่ยเห็นใจกันหน่อยสิคะ」

「แล้วเรื่องเป็นยังไงบ้าง?」

「กองใหญ่เป็นภูเขาเลยล่ะคะ」

 

เซอร์คาเรนดอร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับว่าตัวเองค้าเด็กและเขาเป็นคนที่ช่างพูดช่างเจรจาเพราะงั้นมันเลยเรื่องมันเป็นเหมือนต่อความยาวสาวความยืด กว่าจะรู้เส้นทางซื้อและขายก็ลมแทบจับกันเลยทีเดียว

 

แล้วก็ความจริงที่ว่าเธอได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับด้านมืดของขุนนางและจับได้เนี่ยเรียกว่าเด่นมากๆเลยล่ะ

 

「อ่า ตอนนี้ก็เริ่มเดินไปทีละเรื่องแล้วล่ะ」

「ก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่ดื้อโครตดื้อเลย ชั้นก็เลยไม่อยากจะกังวลให้มากความ ชั้นเองก็เคยจัดการพวกขุนนางเหมือนกันนะ……」

「แล้วแบบนั้นจะดีเหรอคะ ตอนแรกคิดว่าขุนนางนั่นตายแล้วซะอีก ก็เลยประหม่ามาก และความจำฉันเองก็เรือนรางด้วยตอนนั้น」

 

คริสน่ายิ้มและโค้งคำนับ

 

「ขอบคุณท่านเซนอสและต้องขอบคุณทุกคนที่นี่ด้วย」

「ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ชั้นเองก็เข้าไปแจมตอนท้ายเองนะ」

「หากต้องการล่ะก็ จะขอให้หัวหน้ากองกำลังป้องกันอาณาจักรมอบเหรียญตราในฐานะผู้ช่วยงานพิเศษได้นะคะ」

「ไม่เอาอะ ถ้าทำแบบนั้นชั้นก็เด่นอะดิ」

「อืม คิดแล้วว่าคุณจะต้องพูดแบบนั้น」

 

「อาโน่วว คริสน่าซัง」

 

ลิลี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังทำปากสั่นด้วยท่าทางน่ากลัว

 

「เกี่ยวกับท่านเซนอสคิดยังไงเหรอคะ……」

「อ้อเรื่อง”คนกลาง”สินะคะ」  

 

คริสน่าลดเสียงต่ำลงเล็กน้อย

 

「ศูนย์กลางที่รวมสามขั้วอำนาจของคนในสลัมและจะเข้าบุกรุกชาวเมือง――”คนกลาง”」  

 

ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปที่ใบหน้าของเซนอส

 

「……พอดีว่าหาไม่เจอเลยค่ะ ก็เลยรายงานสำนักงานใหญ่ว่าไม่มีคนแบบนั้นอยู่」

「ไม่เป็นไรเหรอคะ?」

「ดีแล้วล่ะนะ เอลฟ์ตัวน้อยเอ๋ย สิ่งที่เรากำลังตามหาคือบุคคลอันตรายที่ทำร้ายประชาชน น่าเสียดายที่ “คนกลาง” ที่ฉันพบคนนี้ห่างไกลจากการทำร้ายผู้คนมากเลยค่ะและเป็นคนที่ยังมาโวยเรื่องค่าห้องพักด้วยนะคะ」  

「จะบอกว่าชั้นไม่ใช่คนปกติงั้นเรอะ?」

「ต้องขอบคุณคุณจริงๆ ที่ทำให้ฉันลดความเข้มงวดกับตัวเองลงบ้าง」

 

คริสน่ายิ้มเล็กน้อยและบอกยืนยัน

 

「แต่ว่าคุณเซนอสก็เก่งจริงๆนั่นแหละค่ะ ช่วยในการจับคนร้ายอย่างงดงาม แม้ว่าจะไม่ได้บันทึกไว้ในสำนวนคดีก็เถอะนะคะ」

「ดีแล้วล่ะ หากเขียนชื่อชั้นไปคงได้สติแตกและฝันสลายแหงๆ」

「……เข้าใจแล้วล่ะ ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่จะบันทึกไว้ในสำนวนคดีอย่างเป็นทางการ แต่ถึงแม้จะไม่ได้บันทึกไว้ก็เถอะนะคะ แต่ว่ามันก็จะยังคงอยู่ในความทรงจำของฉัน วีรบุรุษแห่งเมืองที่ล่มสลาย」

「พูดเกินจริงไปแล้วนะ ที่ชั้นทำก็แค่รักษาแผลให้เธอเอง」

「นั่นสินะคะ คุณช่วยรักษาแผลของฉันด้วยนี่……」

 

คริสน่าวางมือลงบนหน้าอกและก้มหน้าลงเล็กน้อย

 

หลังจากอยู่ท่าทางนั้นสักพัก เธอก็เงยหน้าขึ้นราวกับตัดสินใจได้แล้ว

 

「คะคะคะคือว่านะ…คุณเซนอส」

「อะไรเล่า ทำตัวแปลกๆนะ?」

「ไม่ว่า “คนกลาง”จะเป็นคนอันตรายขนาดไหนหรือร้ายแรงแค่ไหน แต่ว่าฉันคนนี้ก็เมินผ่านไปไม่ได้เลยในฐานะหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์」

「เมินเหอะ ขอร้อง อยากให้เมิน」

「นั่นสินะคะ….แต่ว่ามันบางครั้ง….ก็เต้นตึกตักๆ……」

「เอ๊ะ?」

「และบางครั้ง…..จะขอมาที่นี่บ้างได้ไหมคะ?」

 

ไม่รู้ทำไมแต่ว่าเห็นหน้าของคริสน่าเป็นสีแดงด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

「ไม่อะ อย่ามาเลย」

「เออออออออออออ๋……!」  

 

คริสน่าตะโกนออกมาเล็กน้อยด้วยท่าทางผิดหวัง

 

「นะนะนะนะนั่นสินะคะ……………มันเป็นแบบนั้นสินะคะ…….ผู้หญิงต้องอยู่คู่กับรอยยิ้ม……..ผู้หญิงที่มีรอยยิ้มหน้าตายแบบฉันคนนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆค่ะแม้ว่าอยากจะทำให้ฝันเป็นจริง……」

「ทำไมทำสีหน้าซังกะตายแบบนั้นละเห้ย? ไม่ได้ชอบให้มาเฝ้ามองแต่ว่าถ้าอยากจะมาก็มาได้ แต่อย่ามาคอยจับตาดูโอเคไหม?」

「โอเคงั้นเหรอคะ!?」

「อะไรเนี่ยอารมณ์เปลี่ยนเก่งจริงวุ้ย อย่างไรก็ตาม มีลูกค้ามากมายที่ชอบโวยวาย เพราะงั้นถ้าจะมาก็อย่ามารบกวนการรักษาของชั้นก็แล้วกัน」

「เข้าใจแล้วคะ!」

「แล้วมันใช่เรื่องดีไหมเนี่ยที่หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์มาเข้าออกศูนย์รักษาใต้ดินแบบนี้」

「อ่าาา ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ ถ้าเรื่องนั้นก็ต้องปล่อยให้ศูนย์รักษาหลวงเป็นคนดำเนินเรื่องฉันไม่เกี่ยวค่ะ」

「แล้วอะไรคราวนี้ทำหน้าป่วยการ?」

 

จากนั้นคริสน่าก็เดินออกไปด้วยท่าทีสบายๆ

 

ยัยนี่พยายามแสดงอารมณ์ทางสีหน้างั้นเหรอ?

 

「แล้วทั้งหมดนี่มาเพราะเรื่องอะไรเนี่ย……?」

「โมววววววววววววววววววววววววว ศัตรูเพิ่มอีกแล้วค่าาาาาาาาาา」

「แล้วทำไมลิลี่ถึงได้งอนอีกแล้วเนี่ย?」

 

จากชั้นสองก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่น

 

「คุคุคุ…….ท้ายที่สุดแล้วก็มีสาวมากปัญหาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว」

 

ณ ที่แห่งนี้ศูนย์รักษาของดาร์กฮีลเลอร์ยังคงทำงานต่อไป ในขณะที่ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามา

ตอนที่ 23 ขณะเดียวกันปาร์ตี้ของแอสตรอน(Ⅲ)

「ในที่สุดก็มาถึงแล้ว เฮ้อใช้เวลานานชะมัด」

 

ด้านในเต็มไปด้วยป่าที่ต้นไม้ปกคลุมไปด้วยหิมะ

เมื่อมองไปที่ถ้ำข้างหน้า แอสตรอนก็บ่น

 

จิ้งจอกเพลิงที่เป็นเป้าหมายอยู่ในถ้ำของทุ่งหิมะทางตอนเหนือ

รถม้าเข้าไปข้างในไม่ได้เลยต้องเดินมาด้วยตัวเอง

 

「ตรงนี้ให้ข้าจัดการเอง」

 

สมาชิกในปาร์ตี้ที่ตามแอสตรอนมาก็บ่น

 

「อาาา ยังอยากไวน์ไม่หายเลยวุ้ย」เป็นไกล์ที่บ่นขึ้น

「ไว้ค่อยไปดื่มที่เมืองต่อก็ได้」 ยูม่าบ่นแบบนั้น

「ถูกต้องแล้ว ยังไงพวกเราก็เป็น 【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】 แล้วก็เด็กในบาร์มันจ้องเราตาเป็นมันเลยวะ」อันเดรสที่เป็นจอมเวทย์แห่งการทำลายล้างพูดขึ้น

 

ชื่อเสียงของปาร์ตี้ที่โด่งดัง ซึ่งเอาชนะมอนแรงค์  A จำนวนมากได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะโด่งดังแม้จะเป็นที่ห่างไกลเช่นนี้

 

「เน่อันเดรส อย่าเอาไปคนเดียวสิ ฉันเองก็เล็งผู้หญิงคนนั้นอยู่นะ」

「ใครเร็วใครได้ยูม่า」

「เฮ้ยเฮ้ย อย่าไปยุ่งกับพวกผู้หญิงในบาร์นะโว้ยอนาคตขุนนางของพวกเรามันขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น」

 

สำหรับคำพูดของแอสตรอนพวกนั้นก็ยิ้มกันใหญ่

 

เมื่อเข้าไปในถ้ำก็มีอากาศเย็นผสมกับความร้อนปะปนอยู่ด้วย

 จิ้งจอกเพลิงเป็นมอนสหายากที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือ และเป็นที่รู้จักกันดีว่าชอบเลี้ยงลูกอยู่ในถ้ำในช่วงเวลานี้ ขนของมันหากเอาไปทำเป็นเสื้อโค้ทละก็จะมอบความอบอุ่นเพราะพลังเวทย์แห่งเปลวเพลิงที่สถิตย์อยู่ในขนนั่นช่วยปรับอุณหภูมิ แต่ว่าช่วงนี้เองมอนก็จะดุด้วยทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าใกล้

 

 อย่างไรก็ตามเป็นแค่แรงค์ B+。

ไม่ใช่ศัตรูของ『ฟีนิกซ์เหล็กกล้า』ที่ปราบมอนแรงค์ A มามากมาย

 

「คุคุคุ ทางตันแล้ว」

 

เมื่อไปถึงปลายถ้ำก็พบเจอกับจิ้งจอกเพลิงสองตัวในสภาพโตเต็มวัย

และมีลูกตัวน้อยสองสามตัวที่กำลังร้องไห้อยู่ทางด้านหลัง

 

จิ้งจอกเพลิงจ้องมาทางนี้ด้วยความโกรธ

ดูเหมือนว่าจะรู้สึกถึงตัวตนของพวกแอสตรอน

 

「เหหห ระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษเลยนะ」

「ก็นักล่าสุดแกร่งมาถึงนี่ทั้งที มันจะกลัวก็ไม่แปลกหรอก?」

「ขนของตัวลูกน่าจะนิ่มกว่าและขายได้ดีกว่านะ」

「อืม แล้วไม่ล่ามันให้หมดเลยล่ะ? เซอร์เฟนเนลคงรับซื้อหมดอยู่แล้วมั้ง」

 

แอสตรอนพูดแบบนั้นและดึงดาบออกมาจากเอว

 

ในขณะนั้นคนของจิ้งจอกเพลิงก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงมากขึ้นและห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิง

 

「ถ้างั้นก็ช่วยทำให้สนุกทีเถอะวะ ไกล์ ขอเวทย์ป้องกันหน่อยดิ」  

「จัดให้」

 

ไกล์วาดวงเวทย์บนพื้นและถือยันต์เอาไว้

พร้อมกับร่ายเวทย์ แสงสีเขียวห้อมล้อมสมาชิกในปาร์ตี้

 

กรรรรรรรรรรรรรรรรรร!!

 

จิ้งจอกเพลิงเข้ามาโจมตี

แอสตรอนฟันเข้าไป แต่ก็โดนหลบได้และโดนโจมตีจากด้านข้าง

 

「เห้ยทำไมมันเร็วจังวะ อย่างไรก็ตามเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายข้าวะเนี่ย――อ๊ากกก!」

 

อาการปวดอย่างรุนแรงแล่นไปทั่วแขนซ้ายที่โดนโจมตี

เมื่อมองดูก็เห็นผิวเป็นสีแดงและบวมเต่งมีตุ่มพองเพราะความร้อน

 

「เอ๊ะ? อะไรวะเนี่ย?」

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」  

 

ยูม่านักธนูตะโกนออกมา

จิ้งจอกเพลิงอีกตัวมาเกาะไหล่เขา

 

「เจ็บโว้ยยยยยยยยยยยยยย!」

「ทำบ้าอะไรกันวะเนี่ย」

 

แม้ว่าพยายามจะสนับสนุนพวกนั้นแล้ว แต่อีกตัวก็ยิงบอลเพลิงออกมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นก็เลยพยายามจะเอาชนะมัน

 

「อันเดรสรีบร่ายเวทย์ทำลายล้างเร็วเข้าสิวะ」

「ตอนนี้ก็ทำอยู่ไง」

 

อันเดรสที่อยู่แถวหลังสุด ถือไม้เท้าพร้อมกับความกระวนกระวาย

 

เวทย์แห่งการทำลายล้างนั้นทรงพลังแต่ใช้เวลาร่ายเวทย์นานมาก

แอสตรอนขึ้นไปเป็นแนวหน้าและยูม่าก็หาเวลายิงธนูซัพพอร์ต

ตอนนี้ก็ต่อสู้ไปตามปกติ

 

「ช้าจังเลยโว้ย ทำอะไรอยู่วะ?」

 

แอสตรอนตะโกนขณะที่ปัดบอลเพลิงที่เข้ามาใกล้

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดาบเล่มนี้มันทำมาจากอัญมณีที่ส่งเซนอสลงดันเจี้ยนเป็นการลงโทษมัน

 

มันเป็นที่ฝังศพของขุนนางโบราณ และสมบัติต่างๆก็หลับไหลอยู่ในนั้น และก็เป็นเขตอันตรายอย่างมากเพราะมีพวกกูล(ปอบญี่ปุ่น)และเฮลล์ฮาวด์(หมานรก)จำนวนมาก และหากนำสมบัตินั่นกลับมาได้ก็จะได้รับรางวัลจากกิลด์มหาศาล แต่เซนอสที่เขาคิดว่าหมอนั่นคงกลัวและหนีไปกับการลงโทษนั่น กลับนำสมบัติกลับขึ้นมาได้เจ็ดชิ้น ตอนแรกก็คิดว่าแค่โชคดีเท่านั้นและไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

 

ส่วนใหญ่ก็เอาไปแลกเป็นทองและเปย์สาวจนหมดแล้ว แต่ดาบเล่มนี้มันแจ่มเกินจะเอาไปขาย

 

อย่างไรก็ตามความร้อนของเปลวเพลิงนั่นแผดเผาผิวหนังของแอสตรอน

 

「รีบใช้เวทย์ทำลายล้างสักทีสิวะอันเดรส นี่มึงร่ายเวทย์หรือท่องคาถาชินบัญชรวะ!」

「ก็บอกว่ากำลังทำอยู่ไง ทนอีกหน่อยไม่ได้ไง!」

「ชิ ไอ้พวกไร้ประโยชน์」

 

แอสตรอนคิดว่าจะเตะอันเดรสออกปาร์ตี้ในไม่ช้านี้แล้ว

ความเจ็บปวดที่แขนซ้ายเริ่มรุนแรงขึ้นและเริ่มจะหมดแรงแล้ว

 

มีสาเหตุเดียวอยู่ในใจ

 

「แกกกก ไกล์ เวทย์ป้องกันแกเป็นอะไรไปวะ」

「ก็พยายามร่ายใส่อยู่นี่ไง เพราะงั้นรอหน่อยได้ไหม」

「หาาา มึงดิ่มเยอะจนร่ายเวทย์ช้าขึ้นเลยเรอะ? ไอ้โง้เอ้ย……」

「อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก」

 

เสียงกรีดร้องของยูม่าดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ

 

「เวรเอ้ย!」

 

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปแย่แน่ๆ และก็ตอนนี้เริ่มจะหมดแรงแล้วด้วย

แอสตรอนเข้าไปจัดการจิ้งจอกเพลิงที่กัดยูม่า

จิ้งจอกเพลิงทั้งสองตัวกำลังขู่ทางนี้

 

อัสเดรสยังคงถือไม้เท้าและอ้าปากค้างด้วยความกลัว

 

「ทำอะไรน่ะแอสตรอน」

「……ช่วยไม่ได้โว้ย มีแต่ต้องถอยแล้ว」

 

แอสตรอนกัดฟันแน่นพร้อมกับลากยูม่าที่ไม่ระวังตัวไปที่ปากทางเข้าถ้ำ

โชคดีที่ฝั่งนั้นไม่คิดจะไล่ตามเพราะห่วงลูกๆของมัน

 

「พวกแกทำอะไรวะนั่นมันแค่มอนแรงค์ B+ เองนะ?」

「แกเองก็ด้วยเคลื่อนไหวชักช้า ทำห่าอะไรวะ?」

「อาาาาา?」

 

เมื่อแอสตรอนและอันเดรสกำลังจะต่อยกันนั้นเองไกล์ก็พูด

 

「……เน่ ไม่มีทางงงงงง……..เรื่องของไอ้เซนอสที่มันว่าใช้เวทย์รักษาได้ทันที เวทย์ป้องกัน และเวทย์เสริมพลังเป็นของจริงหรอกใช่ไหม……?」

 

หากได้รับบาดแผลก็จะรักษาให้ในทันที

แถมตอนแรกยังช่วยใช้เวทย์ป้องกันและเวทย์เสริมพลังกายเพื่อป้องกันการบาดเจ็บหนัก

 

「มันจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงวะ บ้ารึเปล่า」

「นั่นสินะ โทษที」

 

ไกล์พยักหน้าหลายๆครั้ง

แอสตรอนขมวดคิ้วกับบาดแผลที่ได้รับและพึมพำราวกับว่าเขาคิดได้ในทันใด

 

「……อย่างไรก็ตามพวกเราจ้างพวกฮีลเลอร์ได้ พวกฮีลเลอร์น่ะน่าจะมีสกิลดีๆกว่าเซนอสแน่ๆ ไม่เหมือนไอ้ทาสแบบเซนอสหรอก」

 

ยังมีที่ว่างสำหรับปาร์ตี้

มีเงินพอที่จะจ่าย ดังนั้นแม้จะเป็นคำขอกระทันหันแต่ก็สามารถจ้างใครสักคนได้

 

เส้นทางชีวิตอันแสนรุ่งโรจน์มันมาอยู่ตรงหน้านี้แล้วนะ

จะมาอยู่เฉยแบบนี้ไม่ได้

 

「เอาล่ะ ถ้างั้นก็กลับไปเมืองที่ใกล้ที่สุดไปที่กิลด์ ไกล์แกไม่ต้องดื่มเลย」

「อะอ่าาา」

 

เสียงแห่งความหายนะกำลังคืบคลานเข้าหาปาร์ตี้อย่างช้าๆ

ตอนที่ 24 ขณะเดียวกันปาร์ตี้ของแอสตรอน(Ⅳ)

「เสียเวลาชิบหาย」

 

แอสตรอนกลับไปที่ป่าอีกครั้งหลังจากเดาะลิ้นและเดินไปที่ทางเข้า

 

พยายามหาฮีลเลอร์แล้วในเมืองที่ใกล้ที่สุดแต่ว่าไม่พบใครเลยเพราะมันเป็นคำขอกระทันหันด้วยและเส้นตายที่เซอร์เฟนเนลกำหนดก็ใกล้เข้ามาทุกที ในท้ายที่สุดกิลด์ก็บังคับก็จ้างฮีลเลอร์ในหมู่บ้านใกล้เคียงมาให้

 

「ฝากด้วยนะ ช่วยหน่อยล่ะ」

「อย่าคาดหวังมากเกินไปค่ะ ปกติเป็นฮีลเลอร์อยู่ในเมืองหลวงและมีแค่ใบอนุญาตินักผจญภัยเท่านั้น」

 

เป็นฮีลเลอร์สาวที่มีชื่อว่ายูมิน(ウミン)

เธอสวมแว่นทรงกลมและมีผมสีฟ้าที่พลิ้วไหวและมีหิมะเกาะอยู่บนไหล่เล็กน้อย

 

「ถึงกระนั้นก็เถอะ แม้แต่มอนแรงค์ A อย่าง【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】ที่ไม่เคยได้รับบาดแผลจากการต่อสู้เลย ทำไมถึงได้ต้องการฮีลเลอร์ระดับกลางเช่นฉันล่ะคะ」

「……พอดีมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น」  

 

แอสตรอนบ่นด้วยความหงุดหงิด

 

「เนะเนะ พี่สาวฮีลเลอร์ ยูม่าเป็นไงบ้าง?」

「ยูม่างั้นเหรอคะ พี่ชายถือธนูคนนั้นใช่ไหมคะ ก็ช่วยชีวิตไว้ได้อยู่หรอกค่ะ แต่ว่าเป็นนักผจญภัยต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ……」

 

ยูมินที่รักษาให้กับยูม่า ตอบคำถามของไกล์พร้อมกับก้มหน้าลง

 

「ละละละจะทำยังไงดีแอสตรอน……?」

「ก็แค่ล่ามันให้ได้และเอากลับไปที่เมืองไง อันเดรส」

「มะไม่……」

 

อยากได้ขนของจิ้งจอกเพลิงเป็นของขวัญให้ลูกสาวของฉัน

นั่นคือคำขอของเซอร์เฟนเนล

คำนวนเวลาเดินทางแล้ว วันนี้ต้องได้ขนกลับเมือง

 

เดิมทีวางแผนว่าจะล่ามันให้จบเร็วๆและกลับไปเมืองหลวงระหว่างทางก็จะไปเที่ยวเล่นบ้าง

แอสตรอนโมโหจนถึงขีดสุด

 

「เออ ก็นะยูม่าเองก็เป็นคนมีฝีมือใน【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】ไม่ใช่สิคนยิงธนูก็หายไปแล้ว ไกล์ที่ใช้เวทย์ป้องกัน ส่วนข้าจะบดขยี้พวกมัน และให้อันเดรสใช้เวทย์ทำลายล้างปิดฉาก ไม่น่าจะมีปัญหา」

「ก็อาจจะเป็นแบบนั้น……」

「ไกล์รอบนี้แกต้องไม่ดื่มนะ」

「อ่าาา ไม่เป็นไรหรอก」

 

ไกล์พยักหน้าหลายครั้งและจับยันต์ไว้

 

ปาร์ตี้ค่อยๆเดินผ่านถ้ำไป

แต่ว่า——

 

 กรอดดดดดดดดดดดดด!!

 

ก่อนจะถึงที่อยู่อาศัยของพวกมัน จิ้งจอกเพลิงก็เข้ามาพร้อมกับโจมตีอย่างดุเดือด บางทีเพราะกลิ่นทำให้มันรู้สึกตัว

ทันใดนั้นการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น

 

「อั่ก」

 

แอสตรอนปัดลูกไฟที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยดาบของเขา เป็นหนึ่งในผลงานไม่กี่ชิ้นที่เซนอสมันเอามาได้ มันเป็นดาบที่มีลวดลายพิเศษสลักไว้แม้แต่เปลวเพลิงในดันเจี้ยนก็ไม่สะท้าน

 

「ไกล์เวทย์ป้องกัน」

「อ่า ไว้ใจได้เลย」

 

ไกล์วาดวงเวทย์และถือยันต์ไว้ในมือพร้อมกับร่ายเวทย์ จากนั้นก็โดนแสงสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้

เท่านี้ก็โล่งใจได้ และที่ต้องทำก็คือจัดการศัตรู

 แต่ว่า——

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!」

「ทำบ้าอะไรอยู่วะ เร็วเข้าสิ ลุกขึ้นมา」

 

อันเดรสที่โดนลูกไฟเข้าโดยตรงดิ้นไปมา

 

แอสตรอนมองไปข้างหลังพร้อมกับตะโกน

แม้จะมีเวทย์ป้องกันแต่ก็ประมาทเกินไป

 

 แอสตรอนฟันไปที่จิ้งจอกเพลิงแต่มันหลบได้ปลายดาบไม่โดนศัตรูเลยแม้แต่น้อย

 

「ทำไมถึงโจมตีไม่โดนเลยวะ」

 

ตราบใดที่โจมตีมันได้ ดาบมันก็น่าจะสร้างบาดแผลให้พอควร

ดื่มเหล้ามากเกินไปทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้ดั่งใจ

 

「อาโนะ สักเดี๋ยว!」

 

ขณะที่ถือดาบขณะที่หายใจหอบนั่นเอง ได้ยินเสียงยูมินที่เป็นฮีลเลอร์กรีดร้องจากด้านหลัง

เมื่อมองไปยูมินกำลังอยู่ข้างๆอันเดรส

 

「ยังจะลุยต่ออีกเหรอคะ? คนนี้จะเป็นอันตรายถึงชีวิตนะคะถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง」

「หาาา?」

 

หน้าอกของอันเดรสที่โดนบอลเพลิงไปเต็มๆนั้นเป็นสีแดงและบวม และส่วนหนึ่งดูเหมือนจะไหม้ไปแล้ว และลมหายใจก็เบาบาง

 

แอสตรอนฟาดดาบใส่จิ้งจอกเพลิง

 

ตอนนี้ร่างกายมันแข็งทื่อไปหมด เป็นการยากมากที่จะจัดการเจ้าพวกนี้ด้วยตัวคนเดียว และจำเป็นที่จะต้องกำจัดมันให้ได้ อันเดรสมันเป็นตัวถ่วงมาก ตอนนี้อันเดรสใช้งานไม่ได้แล้ว แถมยังถ่วงหนักกว่าเดิมอีก

 

แอสตรอนก้าวถอยหลังพร้อมกับกัดฟันแน่น

 

「เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ!」  

 

เขากลับไปที่ทางเข้าถ้ำจากนั้นแอสตรอนก็คว้าคอเสื้อของไกล์ที่เป็นผู้ใช้เวทย์

 

「นี่แกเอาจริงปะเนี่ย รอบนี้ไม่มีข้อแก้ตัวแล้วนะโว้ย ทำไมมันเป็นแบบนี้!」

「ไม่สิ ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน……」

「เพราะเวทย์ป้องกันช่วยไว้ หากไม่มีสิ่งนั้นคนๆนี้คงตายทันทีแล้วคะ」

 

ยูมินกล่าวขณะร่ายเวทย์รักษาให้อันเดรส

 

「อย่างไรก็ตาม มันดูไร้เหตุผลไปหน่อยปะ เธอเป็นฮีลเลอร์ แต่รักษาแผลแบบทันทีไม่ได้เนี่ยนะ」  

「อย่าพูดอะไรง่ายๆแบบนั้นสิคะ? ต้องปรับพลังเวทย์และคำร่ายเวทย์ตามสถานะของผู้บาดเจ็บ เพราะแบบนั้นถึงจะรักษาได้ ดังนั้นต้องไปที่ศูนย์รักษาที่มีทีมฮีลเลอร์คอยช่วยใช้เวทย์รักษา」

「หาาาา? เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นรักษาให้หายเดี๋ยวนี้เลย」

「พูดอะไรกันคะมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะรักษาแผลฉกรรจ์ขนาดนี้ให้หายขาดได้เพียงคนเดียวน่ะ หากทำแบบนั้นได้ก็ต้องเป็นฮีลเลอร์ระดับนักบุญไม่ก็ตัวตนที่พิเศษกว่านั้นอีกนะคะ」

「……」

 

ชื่อของชายที่โดนเตะออกจากตี้เข้ามาในหัวทันที

 

ความจริงข้อหนึ่งที่ข้าไม่เคยยอมรับมัน

จนกระทั่งมันถูกไล่ออกจากตี้ และปาร์ตี้ก็ไม่สามารถคงสภาพเดิมไว้ได้เหมือนเดิม

เวทย์ป้องกันและเวทย์เสริมพลัง ขณะที่ใช้เวทย์สนับสนุนอย่างเหมาะสม แถมเมื่อได้แผลก็รักษาให้ทันที

สิ่งที่เซนอสพูดทั้งหมดเป็นความจริงงั้นเหรอ?

 

พอรู้สึกเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของชายคนนั้นจนเข้ากระดูกสันหลัง

 

「นี่ ยูมิน….มีใครบ้างที่สามารถใช้เวทย์รักษาระดับพิเศษได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาติการเป็นฮีลเลอร์บ้างไหม?」

「อืมม คิดดูแล้วก็ยากนะคะ จะว่าไปจะมีคนแบบนั้นเหรอคะ?」

「มะไม่หรอก……」

 

แอสตรอนส่ายหัว

ข้าพูดอะไรออกไป ที่เจ้านั่นมันทำก็แค่เลียนแบบเวทย์ของคนอื่นมาเท่านั้นเอง

หมอนั่นเป็นเพียงแค่ทาสของปาร์ตี้นี้

 

อย่างไรก็ตามมีสิ่งเดียวที่แน่นอนคือภารกิจนี้จบลงแล้ว

 

「ไอ้บ้าเอ้ยยยยยยยยยยยยยยย!!」

 

เสียงคำรามของแอสตรอนดังก้องไปทั่วทุ่งหิมะ

ตอนที่ 25 ขณะเดียวกันปาร์ตี้ของแอสตรอน(Ⅴ)

 ——พวกแกมันโง่ เป็นไอ้พวกงี่เง่า อย่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ

 

แอสตรอนและเพื่อนของเขาที่กลับมายังเมืองหลวงพร้อมกับบาดแผลเต็มไปทั้งตัว เห็นจดหมายดังกล่าวจากเซอร์เฟนเนล

 

ที่เท้าของเขา แอสตรอนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างสั่นสะเทือน

 

「รอก่อนสิ ให้พวกเราได้แก้ตัวกับเซอร์เฟนเนลโดยตรงด้วย」

 

แอสตรอนจับชายชุดดำที่เอาจดหมายมาส่ง

แต่ว่าเขาก็ส่ายหน้า

 

「วันเกิดของลูกสาวท่านผ่านไปแล้ว แกจะมาแก้ตัวอะไรอีก?」

「นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม……」

「แอสตรอน ความโกรธของเซอร์เฟนเนลไม่ได้มาจากการที่ภารกิจของพวกแกล้มเหลว อย่างน้อยถ้าแกทำไม่ได้ แกก็ควรจะบอกเธอล่วงหน้า อย่างน้อยที่สุดเซอร์เฟนเนลก็จะหลีกเลี่ยงการที่ไม่ได้ให้ของขวัญลูกสาวเธอเลย」

「นั่นมัน……」

 

แอสตรอนกำหมัดและยืนอยู่ตรงนั้น

โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับขุนนางผู้ยิ่งใหญ่จากไปแล้ว

หนำซ้ำยังกลืนคำพูดตัวเองลงคออีก

 

「ไม่ใช่สักหน่อย」

「อะไรไม่ใช่?」

「พวกเราจะทำได้ดี พวกเราจะทำการปราบปรามจิ้งจอกเพลิงให้ได้ในอีกไม่นาน」

「……ต้องการจะพูดอะไรกันแน่」

「มันมีคนทรยศอยู่ในปาร์ตี้」

 

แอสตรอนพูดแบบนั้นแต่ทางผู้ส่งสารก็แสดงท่าทีสงสัยออกมาด้วยความลึกลับ

ใช่แล้วก็แค่โทษมัน

 

「ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่พอจะจบพวกมันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวไอ้เซนอสก็เข้ามาขวาง」

「……เซนอส?」

 

ผู้ส่งสารเอียงคอ

 

「มันแปลกนะไม่เคยได้ยินว่ามีสมาชิกดังกล่าวอยู่ในตี้ของ【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】เลย」

「——!」

 

เออนั่นสิ

เพราะเซนอสมันไม่เคยถูกกล่าวถึงในปาร์ตี้เลยสักครั้ง มันเป็นแค่คนในสลัมไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการว่ามันเป็นคนในปาร์ตี้

 

「แต่ว่าเซนอสมันเป็นหนึ่งในปาร์ตี้ของเรา……」

「ไม่ ผิดไปแล้ว ไอ้ยูม่า ไอ้ยูม่าที่เป็นนักธนูมันทรยศเรา」

「เฮ้ยแอสตรอนแกพูดอะไรน่ะ」

 

ไกล์ที่ฟังอยู่ก็คว้าคอของแอสตรอนเอาไว้

 

「หนวกหูโว้ย จริงอยู่ที่หมอนั่นใช้ไม่ได้」

 

ชายผู้ส่งสารค่อยๆควบคุมทั้งสองคนที่กำลังจะทะเลาะกัน

 

「ต้องขอโทษด้วย แต่ว่าเรื่องของปาร์ตี้พวกนายไม่เกี่ยวข้องกับเซอร์เฟนเนล」

「นั่นสินะ……」

 

แอสตรอนยกมือขึ้นจากไกล์และโค้งคำนับให้กับชายส่งสารคนนั้น

 

「ได้โปรดให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้ง!」

 

ทำไมต้องมาก้มหัวให้คนอื่นด้วยวะ หมอนี่มันก็แค่คนส่งสาร?

แอสตรอนยังโค้งคำนับต่อไปด้วยความรู้สึกแบบนั้น

 

จนถึงตอนนี้ทำได้ดีมาโดยตลอด

ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ได้เดินทางไปทั่วโลกโดยใช้ผู้อื่น

ไต่เต้าขึ้นมาจนถึงตอนนี้

แม้ว่าจะทำผิดพลาด แต่ว่าก็ไม่สามารถไปถึงยังจุดหมายได้

 

ชายผู้ส่งสารถอนหายใจชั่วขณะมองหลังของแอสตรอน

 

「ได้ยินมาว่าสมาชิกในปาร์ตี้สองคนเข้าศูนย์รักษาเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วแกจะทำคำขอด้วยสมาชิกที่เหลืออยู่ครึ่งเดียวจากทั้งหมดได้ยังไง?」

「ไม่เป็นไรหรอกถ้าเรื่องนั้น พวกเรากำลังวางแผนจะเอาสมาชิกใหม่เข้ามาเร็วๆนี้ ดังนั้นได้โปรดให้โอกาสพวกเราอีกครั้ง และครั้งต่อไปพวกเราจะตอบแทนความคาดหวังให้แน่นอน!」

 

ผู้ส่งสารถอยหลังกลับและตอบกลับแอสตรอน

 

「……เรื่องนี้ต้องไปบอกเซอร์เฟนเนลก่อน」

「ขอบคุณมากครับ!」

 

แอสตรอนออกไปส่งคนส่งสารและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

หลังจากนั้นที่แขกไปแล้วไกล์ก็รีบไปหาแอสตรอน

 

「เฮ้ย คิดจะทำอะไร ไม่รู้แล้วนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ」

 

สามารถไปที่กิลด์เพื่อหาสมาชิกใหม่ได้

อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เงินในการดึงสมาชิกที่ยอดเยี่ยม

 

เงินที่มีอยู่ก็จำกัดเพราะทุ่มเงินไปหลายครั้ง และตอนนี้เซอร์เฟนเนลก็ถอนตัวไป เงินก็ลดลง

 

「อ่านั่นสินะ【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】จะรวบรวมคนโดยใช้ชื่อนั้น」

「มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันแย่ไปหมดแล้ว และข่าวลือเรื่องความล้มเหลวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งกิลด์ เป็นการยากที่จะเคลื่อนไหวในตอนนี้เพราะงั้นหยุดเถอะ」

「แล้วมีปัญหาอะไร จะอยู่เฉยๆรออะไรมิทราบ?」

「ไม่ต้องห่วงเรามีสมาชิกอีกคนไม่ใช่เหรอ ทาสของเราไงล่ะไกล์」

 

ไกล์ขมวดคิ้ว

 

「……เซอนสเหรอ? แต่ว่ามันเป็น——」

「ไม่มีปัญหา มันจะต้องกลับมาแน่ ถ้าไปพูดมันก็คงกลับมา ถ้าเป็นพวกเราล่ะก็」

 

ไม่คิดเลยว่าเซนอสจะเป็นคนแบกตี้มาตลอด และไม่อยากจะคิดอีกแล้ว

แต่มันเป็นความจริงที่ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

 

ตอนนี้เกียร์มันเริ่มเดินหมุนกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

ใช้เซนอสให้เกิดประโยชน์เพื่อฟื้นคืนชื่อเสียงที่หายไป

 

ฟีนิกซ์จะกลับมาผงาดอีกครั้ง

 

แอสตรอนหัวเราะออกมา

 

「ช่วยไม่ได้ละนะ ต้องขอบคุณไอ้เซนอสสักหน่อยแล้ว รอก่อนล่ะ เดี๋ยวจะไปรับกลับมาเอง」

ตอนที่ 26  ชายที่ชื่อว่าเซนอส

 

 

แอสตรอนและไกล์มาที่สลัมในวันเดียวกันนั้นเอง

 

「ให้ตายเถอะทำไมต้องมาที่สกปรกโสโครกแบบนี้ด้วย」

 

ถัดจากแอสตรอนที่บ่นไกล์มองไปรอบๆอย่างสงสัย

 

「แต่ว่าบรรยากาศมันดูเปลี่ยนไปนะ?」

「……」

 

แน่นอนว่าอากาศนั้นค่อนข้างสลัวที่ครอบงำเมืองและความกดดันที่แฝงตัวอยู่ในเมืองนี้ แต่ว่าตอนนี้มีแต่เสียงแห่งความมีชีวิตชีวาได้ยินทุกย่อมหญ้า

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ตอนนั้นเองเขาก็สงสัยไกล์เองก็กล่าวขึ้นมา

 

「แต่แอสตรอน ไอ้เซนอสมันไม่ตายตั้งแต่อยู่ในป่าแล้วเหรอ」

「นั่นแหละปัญหา」

 

 เป็นเรื่องลำบากของ 【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】ที่ได้ยินมาว่าเซนอสเป็นแค่คนกากๆ และสาปแช่งให้หมอนั่นตายๆไปซะ แต่ว่าเหตุการณ์มันพลิกผัน

ถ้ามันหายไปจากโลกนี้แผนการคืนชีพของปาร์ตี้ก็จบเห่

 แต่——

 

「มันอาจจะมีชีวิตอยู่ ข้าให้เหรียญทองมันไปถึงแม้จะเป็นเศษเงินก็เถอะ」

「อ่านั่นสินะ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าจะรอดได้ในระดับหนึ่งเลยไม่ใช่เหรอ」

「ป่านนี้คงกำลังร้องไห้กับความเมตตาของข้าแล้วมั้ง」

 

หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งไกล์ก็หันไปรอบๆ

 

「อย่างไรก็ตาม สลัมมันกว้างนะ? แม้ว่าจะถามใครสักคน แต่ว่าจะมีคนรู้จักเซนอสเหรอ」

「นั่นก็อาจจะใช่ แต่ว่ามีความคิดดีๆล่ะ」

 

แอสตรอนพูดแบบภาคภูมิใจ

 

「ความคิดดีๆ?」

「คงจะทราบกันดีว่ามหาอำนาจทั้งสามแห่งสลัมกำลังต่อสู้กันเพื่อชิงหนึ่งในใต้หล้า」

「ก็เคยได้ยินอยู่หรอก เป็นพวกมนุษย์กิ้งก่า มนุษย์หมาป่า และก็ออร์คใช่ไหม?」

「แค่ขอให้พวกนั้นช่วยหาเซนอสมันก็เร็วกว่าที่พวกเรามาไล่มองหาทีละคน เพราะพวกนั้นเป็นคนในถิ่น」

「อย่างงั้นเอง ตามคาดเลยนะ แอสตรอน」

「เออ」

 

เคยชินมาตลอดกับการลากหัวใช้คนอื่น

และแกเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

 

แอสตรอนเรียกมนุษย์กิ้งก่าที่เดินไปตามทาง

 

「ขอไปเจอหัวหน้าพวกนายหน่อยได้ไหม พอดีมีคำขอจะให้」  

「พวกแกเป็นใคร?」

「ข้าเป็นนักผจญภัยแรงค์ทองคำ ไม่ใช่คนน่าสงสัยอะไรหรอก」

 

จากนั้นชายคนนั้นก็จ้องมองดูใบอนุญาติของแอสตรอน「ตามมา」พร้อมกับพูดแบบนั้น

 

หลังจากผ่านถนนมาหลายๆแห่งก็พบกับสถานที่ๆคล้ายจัตรัสที่มีหลังคาคลุม

 

「หัวหน้าดูเหมือนว่าคนนี้อยากจะจ้างงานน่ะ」

「งานเหรอ?ไม่ว่างหรอกเพราะต่อจากนี้ฉันจะไปหาอาจารย์」

 

ผู้หญิงคนนั้นที่เอนกายพิงโซฟาทางด้านหลังตอบอย่างเกียจคร้าน

เธอเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และลิซาร์ดแมน มีตาสีดำผมยาวสีดำเงางาม

 

ตามที่คาดไว้ดูท่าจะเป็นคนสูงส่งของที่นี่ เพราะเป็นถึงขั้วอำนาจที่รวบเผ่าๆหนึ่งได้เลย

และก็เป็นผู้หญิงที่สวยชะมัด

ถ้าข้าเป็นขุนนางเมื่อไรจะจับทำฮาเร็มเลยคอยดู

 

แอสตรอนที่ทำท่าจริงจังก้าวเข้าไปใกล้

 

「เธอเป็นหัวหน้าของที่นี่ใช่ไหม ข้าคือหัวหน้าของปาร์ตี้นักผจญภัยแรงค์ทองคำ【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】นามว่าแอสตรอน」

「แนะนำตัวเองยาวเกินไปแล้วค่ะ พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้วจะพูดอะไรก็รีบๆหน่อยนะคะ」

「อยากให้ตามหาใครสักคน」

「แล้วหาใครอยู่คะ?」

「เขาชื่อเซนอส น่าจะมาถึงเขตสลัมเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นมนุษย์ มีผมสีดำ——」

 

แต่ก่อนที่แอสตรอนจะพูดจบหัวหน้าเผ่าก็หัวเราะออกมา

 

「อ่าใช่ใช่ พวกแกเองสินะที่เป็นคนไล่อาจารย์ออกจากตี้นี่คะ? อ่าใช่เลยหน้าตาโง่ๆแบบนี้แหละ」  

「ว่าไงนะ!」

 

เมื่อข้าเอามือไปจับที่ดาบโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกมนุษย์กิ้งก่ารอบๆก็ลุกขึ้นทันที

หัวหน้าฝ่ายตรงข้ามยกมือข้างหนึ่งและบอกให้ไล่พวกหมาจรจัดออกไป

 

「กลับบ้านไปซะเถอะ คนอย่างพวกแกไม่มีค่าพอที่จะพบกับเขาผู้นั้นหรอก」

「……ว่าไงนะ……?」

 

แอสตรอนตะลึงกับคำพูดนั้นและกำหมัดแน่น

 

「เธอรู้จักเซนอสเหรอ 一มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย——」

「ไม่เป็นไร ปล่อยมันไป ถ้ามากกว่านี้พวกลูกน้องฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ」

「……ไอ้เวรเอ้ย」

 

แอสตรอนที่โดนจิตสังหารลอบตัวเข้าก็หันหลังกลับ

จากนั้นก็มีคำพูดทิ้งท้ายมา

 

「อ่าใช่แล้ว แกดูแลอาจารย์ของฉันอย่างดีเลยสินะ จำได้ว่าตอนนั้นพวกแกแทบจะไม่ให้อิสระเขาเลยด้วยซ้ำ」

「……」

 

แอสตรอนกับไกล์ถึงกับเงียบ

ขณะที่เขากำลังกลับไปที่ถนนสายหลักไกล์ก็กรีดร้อง

 

「นี่จะทำยังไงกันดีแอสตรอน」

「ถามข้าแล้วจะไปรู้งั้นเหรอวะ ให้ตายสิ อะไรกันวะเนี่ย」

 

ดูเหมือนว่าคนในสลัมจะรู้จักเซนอสดี

ไม่ใช่แค่รู้จักธรรมดาแต่ยังเคารพในตัวหมอนั่นด้วย——

 

และก็มันมีบางอย่างผิดปกติ

 

「ทำไงดี……?」

 

แอสตรอนตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งต่อไกล์ที่กำลังสับสน

 

「……ไม่ต้องกังวลยังเหลืออีกสองขั้วอำนาจ รอบนี้จะไปหามนุษย์หมาป่า」

 

 +++

 

「อืม แกเองเหรอ ปาร์ตี้โง่ๆที่กล้าไล่ท่านเซนอส? ริงก้าคิดว่าพวกแกตายแล้วไปเกิดใหม่เป็นแมลงในโถส้วมดีกว่านะ」

 

จากนั้นก็มาที่ซ่อนของพวกมนุษย์หมาป่า

เป็นหัวหน้าหญิงเหมือนกันและมีหูสัตว์ที่โผล่ออกมาจากผมของเธอ แลบลิ้นออกมาด้วยใบหน้าที่ขาวสะอาดสะอ้าน

 

「เธอเองก็รู้จักเซนอสด้วยงั้นเหรอ……!」

「ท่านเซนอสไม่จำเป็นจะต้องคุยอะไรกับแมลงในโถส้วมแบบพวกแกหรอก กลับบ้านไปซะ」

「ว่าไงนะ」

「จะเอาเหรอ?」

「……」

 

เมื่อเห็นการจ้องมองของพวกมนุษย์หมาป่ารอบๆ แอสตรอนและไกล์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยหลังกลับ

คำพูดที่เฉียดแหลมดังทะลุผ่านหูของพวกเขา

 

「พวกมนุษย์หมาป่าจะไม่ให้อภัยพวกแกแน่หากกล้าแตะต้องท่านเซนอสแม้แต่ปลายนิ้วเดียว ไปตายที่ไหนก็ไปไอ้พวกโง่เง่า」

「……」  

 

แอสตรอนและไกล์ที่ออกจากที่นั่นก็ไม่พูดอะไร

 

「เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」

「ไม่รู้โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย」

 

ทั้งสองกลับไปที่ถนนหลักพร้อมกับกุมขมับ

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดเลยว่าทั้งสองเผ่ากำลังเข้าหาเซนอส

นี่ฝันอยู่งั้นเหรอ

 

「……อย่างไรก็ตามต้องไปเจอเซนอสให้ได้และจิกหัวใช้งานมันใหม่อีกครั้ง」

 

แอสตรอนพูดเช่นนั้นพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ

 

「ถ้างั้นก็ไปหาออรค์กัน」

 

 +++

 

「โฮวววว พวกแกน่ะเหรอขยะเหลือขอที่กล้าไล่เซนอสออกจากตี้? แล้วมาตอนนี้มีธุระอะไรกันแน่?」  

 

 

ในถ้ำภูเขาหินที่เป็นที่ตั้งของพวกออร์ค

หัวหน้าสาวแสนสวยผู้มีตาสีน้ำตาลแดงพูดเช่นนั้น

 

「……」

 

ไม่มีแรงแม้แต่จะถามอะไรแล้ว

แอสตรอนและไกล์ถูกรายล้อมไปด้วยออร์คจำนวนมากและตัดสินใจหันหลังกลับอย่างเงียบๆ

 

「เฮ้ย หากคิดจะแตะต้องเซนอสแม้แต่นิดเดียว พวกออร์คจัดการแกแน่จำไว้ซะ」

「……」

 

ทั้งสองกลับไปที่ถนนสายหลักและยืนนิ่งครู่หนึ่ง

 

「แอสตรอน……」

「……ไม่ต้องพูดแล้วไกล์」

 

แอสตรอนกัดเล็บมือแน่น

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซนอสจะเป็นที่รักของทั้งสามเผ่า?

 

อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร

 

「……อ่าเข้าใจแล้ว! เป็นคนละคนกันสินะแล้วดันมีชื่อเดียวกันแน่ๆเลย」

「นั่นสินะ! ……ไม่สิ แต่ว่าเรื่องถูกไล่ออกตี้มันชัดมากเลยนะ」

「คิดว่าคงมีเซนอสที่มีสถานการณ์เช่นเดียวกันนั่นแหละ และรวบเหล่าสามอำนาจไว้ด้วยกัน ไม่ใช่เซนอสที่รวมขั้วอำนาจทั้งสาม แต่ที่เราหาคือเซนอสที่เป็นทาสต่างหาก」

「แน่นอน มันต้องแบบนั้นสินะ」

「ถ้างั้นมาตามหาหมอนั่นต่อไปเถอะไกล์」

 

เมื่อพบหมอนั่นจะต้องลากกลับมาให้ได้

 

อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากค้นให้ทั่วแล้วเหรอเนี่ย

 

ลองกนึกถึงความพยายามอย่างมากก็ปวดหวัแล้ว ทันใดนั้นเองไกล์ก็ลืมตาขึ้นและชี้ไปที่ด้านหลังถนน

 

「เ-เฮ้ แอสตรอน」

「……?」

 

เมื่อหันหลังกลับไปอย่างช้าๆ ชายในเสื้อคลุมสีดำสนิทกำลังจะเดินข้ามถนนไป

 

แอสตรอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเรียกชื่อของชายคนนั้น

 

「เซนอส……」

ตอนที่ 27 กลับมาเจอกันอีกครั้ง

——ในที่สุดก็เจอสักทีไอ้เวร

 

แอสตรอนมองที่ไกล์และเริ่มวิ่งไป

 

เซนอสเหมือนจะไม่รู้สึกตัว

มีเด็กสาวหน้าตาดีเผ่าเอลฟ์ เข้ามากอดเซนอส

 

「ลิลี่ทางนี้แหละ」

「อื้อ ลิลี่จำทางไม่ค่อยเก่งค่ะ……」

「ในสลัมมีถนนซับซ้อนนี่น่า」

「ท่านเซนอสรู้จักดี เพราะเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนใช่ไหมคะ?」  

「อ่าถึงจะอยู่ได้ไม่นานมากนัก แต่ก็เคยมาแถวนี้แหละ ลิลี่เองก็ไม่ได้อาศัยในสลัมหรอกเหรอ」

「ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะค่ะ…‥」

 

「เห้ย เซนอส!」

 

ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นแอสตรอนเลย ดังนั้นแอตรอนที่ทนไม่ไหวก็เลยเรียก

 

เซนอสหยุดอยู่กับที่และเหล่มองมาทางนี้ด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย

 

「……หืมมมม?ไม่มีทางแอสตรอนกับไกล์งั้นเหรอ?」

「คุคุคุ ใช่แล้วดูเหมือนว่าจะยังรอดชีวิตมาได้นะเซนอส」

「แล้วมาทำอะไรที่นี่?」

「คุฮะฮะฮะฮะ นั่นสิน้าา? แกเองก็น่าจะรู้ดีนะ?」

「ไม่อะ ไม่รู้หรอกและกำลังยุ่งอยู่ ถ้างั้นก็ลาก่อน」

「เห้ย รอเดี๋ยวก่อนสิ!」

 

แอสตรอนหยุดเซนอสด้วยท่าทางสิ้นหวังขณะเดินข้ามถนนไป

 

「แกน่ะ แกกกกกก!」

「……หา?」

「ข้ากำลังตามหาแกอยู่ ก็เพิ่งมาเจอเนี่ยแหละ ช่างกล้านะที่จะหนีจากไปแบบนี้」

「หาชั้นทำไม? ……เพื่ออะไร?」

 

เซนอสถามแบบงงๆ แอสตรอนจึงยืนกอดอกและพูดออกมา

 

「จะยินดีก็ได้นะ แกน่ะจะได้กลับมาที่【ฟีนิกซ์เหล็กกล้าอีกครั้ง】」  

 

เซนอสตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย

 

「ขอปฏิเสธ」

「ฮะฮะฮะ นั่นสินะ ต้องขอบคุณสำหรับความเมตตาของข้าสินะ ดีใจจนร้องไห้เลยล่ะสิ หาาาาาาาาาาาาาาา…..!?」

 

แอสตรอนตะโกนและรีบวิ่งไปหาเซนอส

 

「นี่ข้าหูฟาดไปใช่ไหม? แกบอกว่าจะไม่กลับมางั้นเหรอ?」

「ก็บอกว่าไม่กลับไง」

「ทำไม….ทำไมวะ」

「ไม่ว่าด้วยเหตุผลอันใด พวกแกปฏิบัติกับชั้นอย่างกับทาส เงินก็ไม่ได้สักแดงเดียว ตัวชั้นที่อดทนให้พวกแกใช้งานมาตลอดคำขอบคุณไม่เคยมีสักแอะ และแกเองก็เป็นคนที่ปฏิเสธชั้นก่อนนะ」  

「อ่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพราะงั้นเลยมาเชิญกลับเข้าตี้ไง」

 

เซนอสเกาหัวราวกับว่าหงุดหงิด

 

「ถ้าจะพูดแบบนั้น ถ้ามีเวลาว่างจะไปทำเควสด้วยก็ได้ แต่ว่ามีเงินจ้างชั้นไหวเหรอ?」

「……หะ?」

「เพราะชั้นน่ะเลิกตัดสินใจเป็นนักผจญภัยไปนานแล้ว และชั้นก็ได้เงินหลายหมื่นเวนต์สำหรับการรักษาแต่ละครั้ง และหนึ่งล้านเวนต์ในกรณีที่เป็นบาดแผลร้ายแรง และจะต้องจ่ายคูณสามหากให้ชั้นใช้เวทย์ป้องกันกับเวทย์เสริมพลังด้วย ถ้าจ่ายไหวก็ไปให้ได้นะ」

「เชี้ยอะไรวะเนี่ย」

 

แอสตรอนกัดฟันแน่น

มันไร้สาระมากเพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น

 

「ดูท่าแกจะอยู่แบบสุขสบายน่าดู และไม่รู้ว่าชั้นอยู่ที่นี่ล่ะสิ」  

 

มันมีคนที่ชื่อเดียวกันกับไอ้นี่และเป็นที่รักของทั้งสามเผ่าพันธุ์ แต่ไอ้คนตรงหน้านี่มันไม่ใช่

 

ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นฮีลเลอร์ระดับพิเศษที่สามารถรักษาแผลได้ในทันที และใช้เวทย์ป้องกันกับเวทย์เสริมพลังกายได้ด้วย

 

ขณะที่จ้องเขม็งไปนั่นเองก็มีคนบางคนเดินผ่านไป

 

「อ่าสวัสดีค่ะอาจารย์เซนอส」

「อ่าแล้วเท้าเธอเป็นยังไงบ้าง」

「ต้องขอบคุณอาจารย์มากๆเลยล่ะคะ แผลดีขึ้นในพริบตาเพราะการรักษาของอาจารย์」

「ยกย่องไปชั้นก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ มันก็ดีอยู่หรอกที่ทำงานยันเที่ยงคืน แต่ว่าทางที่ดีก็พักบ้างนะ」

「ชีสสุ เซนอสซัง ขอบคุณสำหรับการรักษาครั้งที่แล้วนะคะ คราวหน้าจะเอาเนื้อมาฝากนะเป็นเนื้อชั้นดีด้วยขอบอก」

「ขอบคุณนะ เอาจริงๆคราวที่แล้วที่เอามาฝากก็อร่อยมากเลยล่ะ」

 

「……เอ๊ะ?」

 

แอสตรอนและไกล์มองหน้ากัน

กลุ่มคนย่อยๆเริ่มผ่านไปและทักทายเซนอสทีละคน

 

ดูเหมือนว่าเซนอสจะเป็นเหล่าที่รักของผู้คนในสลัม

แต่ว่าคนตรงหน้ามัน……

 

「น่ะเน่….แอสตรอนท้ายที่สุดแล้วเซนอสก็คือเซนอสคนนั้นจริงๆ……」

「……」

 

แอสตรอนอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

อย่างไรก็ตามมีคนมาขอบคุณหมอนั่นมากมายและบอกว่าแผลหายดีแล้ว

 

 แล้วจะทำยังไง?

 

ทุกคำพูดที่หมอนั่นบอกว่าช่วยปาร์ตี้มาตลอดมันคือของจริงใช่ไหม?

 【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】ทั้งหมดต้องขอบคุณเซนอสที่แบกปาร์ตี้มาขนาดนี้ เพราะหมอนั่นเลยไม่มีใครเจ็บเลย

 

ไกล์พูดอย่างรวดเร็ว

 

「เฮ้ แอสตรอน นายที่ไล่เซนอสออกไปแล้วคราวนี้จะทำยังไงดี?」

「หนวกหูน่า พวกแกเองก็เห็นด้วยไม่ใช่เหรอไง?」

 

แอสตรอนและไกล์เริ่มทะเลาะกัน

 

「ตาลุงพวกนี้เสียงดังจังเลยเซนอส」

「ไม่ใช่ลุงนะโว้ยยยย!」

「นั่นสินะ ถ้างั้นพวกเราไปกันเถอะลิลี่」

「แกคิดจะทิ้งพวกเราไว้แบบนี้งั้นเหรอเซนอสสสสสส」

「อะไรยังจะมีอะไรอีก?」

 

แอสตรอนจ้องไปที่เซนอส และหอบหายใจ

 

「แกน่ะ ไม่อยากจะกลับมาตี้จริงๆเหรอ……?」

「ก็บอกได้แค่ว่าไม่ แกไล่ชั้นออกเองและตอนนี้ชั้นก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มีความสุขดี」

「ขอร้องล่ะกลับมาเถอะ」

「โทษทีนะแอสตรอน」

 

 ——มันสายไปแล้ว

 

เมื่อพูดอย่างนั้นเซนอสก็หันหลังกลับ

เอลฟ์สาวน้อยเดินเคียงข้างไปพร้อมกับเซนอส และคนกลุ่มหนึ่งเองก็เดินไปพร้อมกับเซนอสด้วย

 

แอสตรอนที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง กำหมัดจนแน่น จ้องไปที่แผ่นหลังพวกนั้น

 

「อย่ามาเมินข้านะโว้ยยยยยยยยย….ข้าน่ะเป็นถึงที่รักที่หมายปองของพวกเศษสวะเลยนะ ข้าคือชายที่จะได้เป็นขุนนางในอนาคตเลยนะโว้ย……」

 

แอสตรอนดึงดาบออกจากเอวช้าๆ

 

「ยกโทษให้ไม่ได้……….ยกโทษให้ไม่ได้ไอ้เซนอ——」

 

 ปัง!

 

「อึก!」

 

ด้วยแรงกระแทกจากสีข้างทำให้แอสตรอนลงไปนอนกลิ้งกับพื้น

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสาวสวยผมบลอนด์ที่มีดวงตาสีฟ้ามองลงมาอย่างเย็นชาพร้อมกับในมือที่ถือปืนเวทมนตร์

 

「กล้ามากเลยนะคะที่คิดจะทำร้ายผู้คนบนถนนสาธารณะเช่นนี้ อย่างที่คิดเลย ปล่อยให้คาดสายตาไม่ได้ในฐานะทหารรักษาการณ์แล้ว」  

「หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์?」

 

เป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ที่มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของเมืองหลวง

เซนอสที่กำลังเดินอยู่ก็หันกลับมามอง

 

「อาเระ คริสน่า มาทำอะไรที่นี่ล่ะ?」

「ก็มาหาคุณน่ะสิพอดีได้แผลที่ปลายนิ้วน่ะ」

「แผลแค่นั้นแค่อมนิ้วเอาก็หายแล้วไม่ใช่เรอะ」

「เอ๊ะอุตสาห์มาให้รักษาให้แท้ๆเชียวนะคะ? ไม่อยากได้เงินเหรอคะ?」

「อ่าก็ได้อยู่หรอก ไหนๆก็มาทั้งที่แล้วไปที่ศูนย์รักษาเลยดีไหม แต่ว่าบ้านชั้นไม่ได้อยู่แถวนี้สักหน่อยนะ」

「ฟุมุพอดีหลงทางค่ะ」

「เหมือนเคยเลยนะ」

「อย่างไรก็ตาม เพราะแบบนี้ถึงมาเจอไอ้พวกเศษสวะพวกนี้นะคะ เพราะงันก็ต้องขอบคุณการหลงทิศครั้งนี้แล้วล่ะคะ」

「จุดอ่อนใหม่อีกแล้วนะ」

 

คริสน่าเป็นชื่อที่โด่งดังไปทั่ว

แน่นอนว่าเป็นหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ที่อายุน้อยที่สุดและประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง แม้แต่มีเหตุการณ์ค้าทาสในหมู่ขุนนางก็ด้วย

 

บุคคลดังกล่าวกำลังสนทนากับเซนอสอย่างเป็นมิตร

 

เขาเป็นที่รักของผู้คนในสลัมและยังสนิทกับหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์

 

「……เซนอส…แกทำอะไรลงไป…..เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?……」

 

ขณะที่ยืนขึ้นพร้อมกับจับสีข้าง คริสน่าก็เดินเข้ามาหาเขา

 

「ยังไงก็ตามจะขอทำการจับกุมตัวในฐานะอาชญากรที่พยายามทำร้ายประชาชนและส่งให้สถานีใกล้เคียงคะ」

 

แอสตรอนชี้ไปยังคนที่อยู่ด้านหลังเขา

 

「ไม่ใช่นะ ข้าก็แค่โดนหมอนี่บังคับ……」

「เอ๊ะ?แอสตรอนพูดบ้าอะไรของแกวะ……?」

 

ขณะนั้นเองคริสน่าก็จ้องมองไปที่ไกล์ แอสตรอนก็พยายามหนี

เขาก็โดดเข้าไปในช่องแคบเพื่อไม่ให้โดนยิงและวิ่งอย่างบ้าคลั่ง

 

 ——ยกโทษให้ไม่ได้ ยกโทษให้ไม่ได้……。  

 

อารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้เป็นคำพูดกำลังหมุนเวียนอยู่ในใจ

 

ตอนที่ 28 ข่าวลือของกิลด์ใต้ดิน【ตอนแรก】

ไม่กี่วันผ่านไปนับตั้งแต่การพบเจอกับแอสตรอนโดยบังเอิญ

 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงชีวิตในเมืองอันล่มสลายยังดำเนินไปอย่างปกติ และวันนี้ก็เช่นกัน

 

「อืม แยมอันนี้อร่อยจังเลยนะ」

「ฟุมุ ริงก้าใช้องุ่นทำล่ะ」

「อย่าพูดเหมือนทำคนเดียวสิ ข้าเองก็ช่วยด้วย」

 

หัวหน้าของเผ่ามนุษย์หมาป่าดูภูมิใจ กับหัวหน้าเผ่าออร์คที่ค้านเธอ

 

「ได้ความช่วยเหลือจากลีฟ เพราะหม้อต้มมันหนัก เกือบทั้งหมดริงก้าทำเองนะ」

「ข้าเองก็หาองุ่นมาให้และใครกันที่เข้าใจผิดว่าเกลือคือน้ำตาล?」

「ไหนสัญญาว่าจะไม่พูดไงคะ」

 

หัวหน้าของเผ่ามนุษย์กิ้งก่าจ้องมองบนแยมขนมปัง

 

「เหหหห มนุษย์หมาป่ากับออร์คช่วยกันทำแยมงั้นเหรอคะ เกิดบ้าอะไรขึ้นกันคะเนี่ย ในที่สุดก็เริ่มกลายเป็นบ้าแล้วสินะคะ」

「ไม่สุภาพเลยนะ ริงก้าน่ะไม่ได้ทำตัวสนิทสักหน่อย」  

「ออร์คเองก็ทำแค่ทำตามกฏเฉยๆ」

「แล้วลมอะไรหอบมาทำแยมกันคะเนี่ย?」

 

ริงก้าและลีฟมองหน้ากัน

 

「ริงก้ากังวลว่าโซเฟียเอาซีนจากการจัดการพวกชนชั้นสูงไปแล้วก็เลยคิดว่าจะทำแยมขึ้นมา」

「ใช่ข้ากับริงก้าไม่ได้ช่วยเซนอสเลยเพราะงั้นก็เลยอยากทำแต้มบ้าง」

「เข้าใจแล้ว เพราะแบบนั้นเองทั้งสองถึงร่วมมือกันสินะ」

 

โซเฟียยืนขึ้นและหัวเราะลั่น

 

「อะฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนัก คิดว่าแยมองุ่นเนี่ยจะสู้ความสำเร็จของฉันได้เหรอคะ? อาจารย์น่ะเป็นคนขอให้ฉันพาไปที่คฤหาสน์ขุนนางตรงๆเลยนะคะ」

「หนอยยยย……!」

「ขอโทษนะที่แต่ไม่คิดจะคืนคำพูดที่พูดไปแล้วหรอก……」

「ฉันน่ะได้แต้มนำเพราะช่วยอาจารย์ต่อสู้ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

「ลิลี่เองก็……」

「คุคุคุ……การต่อสู้เพื่อแย่งชิงหญิงสาวนี่ดุเดือดหอมหวานยิ่งกว่าแยมอีกนะคะ」

 

「ไม่หรอก ชั้นได้ยินมาสักพักแล้วล่ะ?」

 

เซนอสลุกขึ้นจากเก้าอี้ในห้องรักษาด้วยหน้าตาผิดหวัง

ผู้ป่วยอาการสงบลงแล้ว เขาเลยเข้าไปทางโต๊ะอาหารด้านหลัง

 

「อย่าทิ้งคนอื่นไว้ด้านหลังสิฟะ ไม่ชั้นหมายถึงพวกเธอควรจะไปกินข้าวที่บ้านตัวเองไม่ใช่มากินที่บ้านชั้น」

 

พวกนั้นดูรู้สึกผิดเล็กน้อย

 

「พวกเราก็แค่มาคุยกันสามคนเองนะคะ แต่ว่าดูเหมือนจะเสียงดังเกินไปถ้างั้นพวกเราจะไม่รบกวนอาจารย์นะคะ」

「อืม พวกเราอยากจะมาที่นี่ทุกวันแต่ว่าริงก้ามาได้แค่สองวันต่อสัปดาห์เอง」

「อย่างที่คาดไว้ข้าเองก็ต้องสนใจลูกน้องตัวเองบ้างสินะ」

 

เซนอสนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้า

 

「อืม เอาเถอะตราบใดที่ไม่มาขัดการรักษาของชั้นก็ช่างมัน ลิลี่ ขอชาหน่อยได้ไหม?」

「ค่า」  

 

เซนอสจิบชาพร้อมกับหยิบขนมปังที่ถาแยมไว้

 

「……อืมก็รสชาติธรรมดาๆแต่โดยรวมก็อร่อยแหละ」

「ถึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่ควรพูดออกมานะคะอาจารย์ เพราะพวกนี้อุตสาห์ตั้งใจทำเลยนะคะ อย่าไปให้กำลังใจพวกมันสิ」

「ทำได้แล้ว! ริงก้ามีความสุข」

「มันคือชัยชนะของพวกเรา」

「คุคุคุ……เท่านี้ก็เสมอกันหมดแล้ว」  

 

ริงก้ากระดิกหูด้วยความเร็วสูงและลีฟเองก็มองมาทางนี้

เอ๊ะ ร้องไห้อยู่เหรอ?

 

จู่ๆโซเฟียก็พูดขึ้นมาราวกับนึกขึ้นได้

 

「อีกอย่างเมื่อวันก่อนค่ะ พวกเราเจอพวกที่ไล่อาจารย์ออกจากตี้ด้วย พวกมันนี่โง่จริงๆเลยนะคะ」

「อาาา แอสตรอนสินะ」  

 

รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่ได้พบพวกนั้นอีกครั้ง เพราะไม่คิดว่าจะอยากเจอกันอีก

 

「ริงก้าเองก็เจอนะ พวกนั้นน่ะโง่มากเลยล่ะ」

「ปาร์ตี้ขยะพวกนั้นก็มาหาข้าด้วยนะ」  

 

หวังจากความวุ่นวายโซเฟียก็พูดด้วยท่าทีสงสัย

 

「แอสตรอนคนนั้นเป็นผู้ชาย มีบรรยากาศแปลกๆ ดังนั้นเลยให้ลูกน้องสะกดรอยตามไปแต่ว่าก็ไม่เจอที่อยู่ของชายคนนั้นเลย」

「ริงก้าเองก็เช่นกันไม่เจอมันเลย」

「พวกนั้นไม่ติดกับเหล่าออร์คด้วย」

 

「สงสัยกลับเขตประชาชนแล้วละมั้งคะ……?」

 

ลิลี่กล่าวเช่นนั้นพร้อมกับมองพวกเธอ

 

「ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ……」

「มันน่าอึดอัดถ้าจะค้นหาให้ลึกลงไปอีก」

「อาาา ในสลัมแห่งนี้ก็มีส่วนที่มืดมิดแม้แต่พวกเราสามขั้วอำนาจก็เข้าไม่ถึง」  

「จุดมืดมิดของสลัมงั้นเหรอคะ……?」

 

คาร์มิล่าที่อยู่ด้านหลังก็พูดกับลิลี่

 

「ที่พวกนั้นกำลังพูดถึงก็คือกิลด์ใต้ดินน่ะ」

 

ตอนที่ 29 ข่าวลือของกิลด์ใต้ดิน 【ตอนท้าย】

「กิลด์ใต้ดิน……」

 

ลิลี่พูดคำนั้นซ้ำอีกรอบ

 

「พูดง่ายๆก็คือกิลด์ผิดกฏหมายนั่นแหละ」

 

โซเฟียที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น

 

ถ้าอยากจะไหว้วานงานที่ไม่สามารถทำเองได้ ก็เป็นเรื่องปกติที่ขอทางกิลด์ให้ช่วย กิลด์ที่ใหญ่ที่สุดก็คือกิลด์นักผจญภัย แต่ก็มีกิลด์อื่นๆอีกมากมาย เช่น กิลด์ช่างตีเหล็กและกิลด์ก่อสร้าง

 

ภายใต้การอนุมัติของอาณาจักร กิลด์ทั่วไปจะดำเนินการตามกฏเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับรายละเอียดคำขอและค่าธรรมเนียมการจ้างวานและจำเป็นต้องได้รับการรับรองแม้จะเป็นจากของกิลด์ก็ตามทีและได้รับการตรวจสอบจากทางการ

 

「อย่างไรก็ตามกิลด์ใต้ดินนั้นไม่มีกฏเกณฑ์แบบนั้น เป็นกลุ่มคนที่อยู่เบื้องลึกมากกว่าพวกเรา」

「พวกนั้นน่ะน่ารังเกียจมาก ริงก้าไม่ชอบเลยพวกนั้นทำทุกอย่างเพื่อเงิน」

「อืม ไม่ค่อยอยากเกี่ยวข้องกับพวกนั้นเท่าไรเลยแหะ」

 

หัวหน้าของสามเผ่าก็แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกัน

 

「ทำอะไรก็ได้ทุกอย่างเลยเหรอ……?」

「ใช่ทุกเรื่องเลย ตั้งแต่ซื้อขายประเวณี ลอบสังหาร เป็นตัวแทนล้างแค้น มีข่าวลือว่ากิลด์ใต้ดินเองก็มีส่วนร่วมในการค้าทาสเด็กของขุนนางชั้นสูงด้วย」

「……」

 

ลิลี่ตัวสั่นและจ้องมองเซนอส

 

「ถ้าอย่างนั้น ตาลุงที่ส่งเสียงเอะอะนั่นอาจจะที่กิลด์ใต้ดินเพื่อขอผิดๆ……」

「ลุงเสียงดังแอสตรอนน่ะเหรอ?」

 

เซนอสที่กำลังเอาขนมปังเข้าปากก็พูดออกมา

 

「เกี่ยวกับเรื่องนั้น ตอนที่ไปเดินที่สลัม ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับการจ้างคำขอกับกิลด์ใต้ดินอยู่หรอก แต่มันใช้เงินจำนวนมากเลยนี่」

「ฟุมุ การที่หมอนั่นมาที่สลัมแบบนี้เพื่อตามหาเซนอสแปลว่าหมอนั่นคงมีเรื่องกลุ้มใจมากเลยล่ะน้อ กล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเราไม่รู้จุดประสงค์ของหมอนั่นเลยนี่」

 

คาร์มิล่ากอดอก ลิลี่เองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

「นั่นสินะคะ เพราะแบบนั้นคงวางใจได้」

 

อย่างไรก็ตามโซเฟียที่อยู่ตรงนั้นก็ทำท่าทีกังวล

 

「โซเฟียซัง……?」

「อาาา เปล่าหรอก กิลด์ใต้ดินเป็นโลกแห่งเงินตรา แต่ฉันจำได้ว่ามีบางคนที่สามารถทำคำขอให้กับกิลด์ใต้ดินได้โดยไม่ต้องใช้เงินด้วยคะ」

 

โซเฟียขมวดคิ้วและขณะที่เธอพยายามนึกชื่อนั้นและสุดท้ายก็บอกว่า

 

「ถ้าจำไม่ผิด——คนนั้นเรียกตัวเองว่า”ผู้นำทาง(案内人)”」

 

+++

 

ที่ด้านหลังของสลัม

 

คนสองคนกำลังเผชิญหน้ากันในมุมหนึ่งของพื้นที่ใต้ดินที่มีแสงสลัวและมีทางน้ำสายเก่าทอดยาวราวกับในแมงมุม

 

「ยินดีต้อนรับ คุณลูกค้า ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรดีนะเนี่ย」

 

หนึ่งในนั้นคือชายสวมชุดคลุมสีเทาคลุมศีรษะกล่าวเช่นนั้น

 

「……」

 

อย่างไรก็ตามอีกคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงอันเบาและคำเหล่านั้นก็มลายหายไปในความมืดมิด

 

ในห้องใต้ดินนั้น มีเพียงเสียงอันสดใสของชายสวมชุดคลุมสีเทาที่ดังออกมา

 

「อาาา โดนแนะนำมาที่นี่เพราะเงินไม่พอสินะ?ก็มีคนแบบนี้อยู่เรื่อยๆละนะ」

 

「อืม ได้สิ ผมเองก็ไม่ได้ทำเพราะเงินเพียงอย่างเดียว」

 

「เกี่ยวกับผมน่ะเหรอ? เข้าใจแล้วเรียกผมว่า”ผู้นำทาง”ก็แล้วกันนะ」

 

「ดังนั้นเนื้อหาคำขอคือ?」

 

「เข้าใจแล้ว….พูดง่ายๆคืออยากจะได้คนแก้แค้นให้สินะครับ ไม่ใช่แค่คนๆเดียวแต่รวมถึงคนรอบข้างของคนๆนั้นด้วยสินะครับ」

 

「ถ้างั้นช่วยบอกแรงจูงใจหน่อยได้ไหมครับ?」  

 

「อ่าาาา จะรับคำขอก็ได้ครับ ถึงคนอื่นๆในกิลด์ใต้ดินจะสนใจแต่เงินก็เถอะนะครับ แต่ว่าผมเคารพในเหตุผลของคุณครับ」

 

「ถ้าไม่อยากคุยก็รับคำขอให้ไม่ได้หรอกนะครับ――」

 

「……เอ๊ะ? รู้สึกอย่างพูดขึ้นมาแล้วงั้นเหรอครับ?」

 

「เหหห….นั่นเป็นเหตุผลที่ดูค่อนข้างเห็นแก่ตัวสำหรับการแก้แค้นเลยนะครับ ดูท่าจะมืดแปดด้าน คุณไม่มีเพื่อนเลยสินะครับ?」

 

「อืม?ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีหรอกนะครับ เหตุผลแบบนี้ผมเองก็ชอบ โอเค ถ้างั้นผมจะช่วยก็ได้ครับ」

 

 ”ผู้นำทาง”ที่ใส่เสื้อคลุมสีเทากล่าวเช่นนั้น และหยิบหินเวทมนตร์สีดำออกมาจากอกของเขา

 

มันมีสีดำสนิทแถมยังดูดกลืนความมืดของสภาพแวดล้อมรอบๆ

 

「พอดีว่ากำลังค้นคว้าเกี่ยวกับมันอยู่ครับ เพราะงั้นคราวนี้กะว่าจะใช้มัน เพราะเป็นงานใหญ่น่าดู」  

 

「อ่าา ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ คำขอของคุณผมจะทำให้สำเร็จอย่างแน่นอน」

 

「อีกอย่างช่วยบอกชื่อของคุณหน่อยได้ไหมครับ?」

 

หลังเสื้อคลุมสีเทา ริมฝีปากนั่นก็พูดขึ้นมา

 

「งั้นเหรอครับ แอสตรอนสินะครับ」

 

ตอนที่ 30 วันวาน

ณ ยามค่ำคืนในเมืองร้าง

ศูนย์รักษาถูกห้อมล้อมไปด้วยความเงียบงันของป่าไม้ ซึ่งเทียบกับตอนกลางวันที่มีชีวิตชีวานั้นต่างกันมาก

 

「นอนไม่หลับเลยคะ ท่านเซนอส?」  

 

ขณะที่กำลังง่วงอยู่นั้นเอง เอลฟ์สาวที่อยู่ทางด้านหลังก็ถือหมอนมาหาชั้น

 

「ยังตื่นอยู่อีกเหรอลิลี่」

「ลิลี่ตอนแรกก็นอนอยู่หรอก แต่รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาแถมยังไม่ง่วงอีกด้วยคะ」

「อาาา ท่าจะไม่ดีแล้วนะ เดี๋ยวชั้นเองก็ว่าจะไปนอนแล้วล่ะ」

「ดื่มชาหน่อยไหมคะ?」

「อืม สักหน่อยก็ดีนะ」

 

เมื่อดื่มชาที่ชงของลิลี่นั้นเองก็รู้สึกว่าตรงท้องมันอุ่นขึ้น

 

「……เป็นไงบ้างคะ?」

「อืมยังอร่อยเหมือนเคย ขอบคุณนะ」

 

เมื่อวางถ้วยชาลงและตอบลิลี่ ลิลี่ก็เข้ามากอดชั้น

ชั้นก็เลยเอามือลูบหัวลิลี่เบาๆ

 

「……เป็นอะไรไปเหรอ?」

「ยามลิลี่นอนไม่หลับอยากให้ท่านเซนอสคอยลูบหัวของลิลี่ เพราะงั้นเองลิลี่ก็จะลูบหัวท่านเซนอสบ้าง」

 

เซนอสยิ้มออกมา

 

「อืมจะจำไว้นะ ขอบคุณนะเท่านี้ก็รู้สึกว่าจะหลับได้สบายแล้วล่ะ」

「ฟุมุ」

 

ลิลี่สูดลมหายใจด้วยความพึงพอใจ แต่ไม่นานก็ถอนหายใจและเริ่มเอาตัวอิงเซนอส

เซนอสยักไหล่ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและอุ้มลิลี่ไปที่ห้องนอน

 

จากนั้นก็อุ้มลิลี่ไปนอนที่เตียงแล้วชั้นก็กลับมานั่งดื่มชาที่เหลือแล้วก็เจอคาร์มิล่า

 

「ไม่นอนงั้นเหรอเซนอส」

「เธอก็ด้วยแหละคาร์มิล่า」

「ก็เห็นเตรียมถ้วยชาไว้ตั้งสามถ้วยฉันเองก็ว่าจะลงมาดื่มบ้าง」

「ลิลี่น่ะเป็นเด็กฉลาดใช่ไหมละ」

 

เซนอสนั่งลงและคาร์มิล่าที่ยกถ้วยชาขึ้นก็พูด

 

「เจ้านอนไม่หลับเพราะคิดถึงปาร์ตี้เก่างั้นเหรอ?」

「อะไรกันเป็นห่วงคนอื่นเป็นด้วยเหรอเราอะ?」

「เรื่องนั่นน่ะช่างมันเถอะ ตอนกลางคืนมันค่อนข้างเงียบเหงา ก็เลยว่าจะมาคุยบ้าง」

「เป็นคนดีจังเลยนะคาร์มิล่า」

「ยะ-ยะ-อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ ถ้างั้นก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว」

「ขอโทษน่า ขอโทษ จะให้ชั้นดื่มเองก็ไม่หมดหรอกนะ ดังนั้นมานั่งคุยกันก่อนก็ได้」

「ถ้าพูดถึงขนาดนั้นก็ได้」

 

คาร์มิล่าที่กำลังขึ้นไปข้างบนก็เอนหลังพิงเก้าอี้

เซนอสเทชาที่เหลือออกจากกา

 

「ไม่ได้คิดถึงเรื่องปาร์ตี้เก่าอะไรหรอก ช่วงนี้ชั้นเองก็ยุ่งมากตั้งแต่เปิดศูนย์รักษา และก็ลืมเรื่องของแอสตรอนไปหมดแล้ว」

 

บอกตามตรงการที่ได้มาเจอกันอีกครั้งนั้นแปลกใจอย่างมาก

แต่เซนอสก็กล่าวเสริม

 

「ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากที่ไปดูแลหมอนั่นอย่างดี คิดดูแล้วอยากซัดซักป้าบ」

「คุคุคุ พูดออกมาจากใจจริงเลยสิน้อ」

 

คาร์มิล่ายักไหล่เล็กน้อยก่อนดื่มชา

 

「ชีวิตของผู้คนนั้นมันสั้นและไม่ได้ยั่งยืนอย่างที่คิดเป็นการดีกว่านะถ้ามีโอกาสเอาคืนได้เมื่อไรก็ควรจะทำ」

「……นั่นสิน้า」

 

เซนอสพยักหน้าและมองดูที่มือของเขา

 

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่ได้เอาคืน

 

เซนอสค่อยๆเงยหน้าขึ้น

 

「อาจเป็นเพราะชั้นพบกับแอสตรอนครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่จะได้ร่วมตี้กันอีก」

「เป็นตอนที่เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในสลัมงั้นเหรอ?」

「อ่า」

 

คาร์มิล่าหยุดดื่มชา

 

「เซนอส ดิฉันได้ยินมาว่าเจ้าได้เรียนเวทย์รักษาตอนที่อาศัยอยู่ในสลัม เจ้าทำได้อย่างไรเหรอ?」

「ก็ไม่รู้จะพูดยังไง……」  

 

เซนอสกอดอกและจ้องมองไปที่เพดาน

 

「ตอนแรกชั้นเองก็ถูกเลี้ยงดูในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในสลัม แต่ตอนนี้พอมาคิดดูที่สถานเลี้ยงเด็กนั่นแย่มากเลยล่ะ」

 

ทุกวันนั้นโดนทุบตีอยู่หลายครั้ง

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้สั่งให้พวกเด็กๆขโมยเงินจากศพ

 

「บอกตามตรงเกลียดมากๆเลยล่ะ ชั้นขุดหลุมฝังศพมากมายและซ่อนศพเหล่านั้นไว้ไม่ให้ใครมาขโมยของเหล่านั้นได้ และชั้นเองก็โดนทารุณกรรมบ่อยครั้ง เพราะไม่มีเงินกลับไปสักแดงเดียว」

「ถ้าหากศพเหล่านั้นถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแล จะทำให้เป็นบ่อเกิดแห่งเชื้อโรค ฉันคิดถูกไหม?」

「ไม่ได้คิดมากถึงขนาดนั้นหรอก ชั้นก็แค่คิดว่ามันดูน่าสมเพชที่ไปขโมยของจากคนตาย ดังนั้นชั้นก็เลยฝังพวกเขาไว้และไม่ให้ใครมาขโมยทรัพย์สินของพวกเขาก็แค่นั้น」

 

ผู้คนที่ล้มตายไปเพราะขาดแคลนอาหารมองยังไงก็เหมือนกับเห็นภาพอนาคตของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตามศพเหล่านั้นก็ถูกขุดขึ้นมา

 

「เมื่อตอนชั้นยังเด็ก ชั้นคิดอย่างไร้เดียงสา ชั้นก็แค่สงสัยทำไมถึงคืนชีพไม่ได้กันนะ」

「……!」

 

คาร์มิล่าเบิกตากว้างและดื่มชาของเธอรวดเดียว

 

「นั่นมันเป็นเรื่องต้องห้ามนะ」

「ก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น ตอนนั้นชั้นไม่รู้อะไรเลย ชั้นก็เลยพยายามชุบชีวิตคนเหล่านั้น」

 

จับมือของพวกเขาไว้และจินตนาการว่าทำการฟื้นฟูร่างกายใหม่

แน่นอนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยน

ดังนั้นก็เลยสังเกตศพเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด เลยได้เรียนรู้กายวิภาคศาสตร์

 

โครงสร้างของผิวหนังเป็นอย่างไร

วิธีสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา

การทำงานของหลอดเลือดและเส้นประสาท

ตำแหน่งของอวัยวะภายในแต่ละแห่ง

 

เรียนรู้มันอย่างระมัดระวังและพยายามจำกายวิภาคศาสตร์ขึ้นมาทีละส่วนและคอยเติมเต็มให้มันชัดเจน

 

「……」

 

คาร์มิล่ารู้สึกเหมือนกับได้ยินเรื่องเหนือธรรมชาติเข้าให้แล้ว

 

มีหลายเผ่าอาศัยอยู่ในสลัมและตายในสลัม

กล่าวอีกนัยหนึ่งเซนอสได้เรียนรู้กายวิภาคศาสตร์ของแต่ละเผ่าพันธุ์ผ่านประสบการณ์โดยตรง

มันจะมีฮีลเลอร์กี่คนกันที่เรียนกายวิภาคศาสตร์ของทุกเผ่าพันธุ์เพื่อทำการรักษา

 

「……สัตว์ประหลาดชัดๆ」

「พูดอะไรน่ะ?」

「ไม่มีอะไร」

 

เซนอสเอียงคอด้วยความสงสัยเล็กน้อยและพูดกับเธอต่อ

 

「ในตอนแรกมันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย แต่ในขณะที่ฝึกไปมาอยู่หลายปี วันแล้วันเล่า แสงสีขาวก็เริ่มปกคลุมไปทั่วร่างกายของชั้น」

 

รู้สึกว่ามันมีการตอบสนองทีละเล็กน้อยและคิดว่าคราวนี้คงประสบความสำเร็จแล้ว

 

「แต่ในวันนั้น ตอนที่กำลังจะทำการชุบชีวิตขึ้นมาเอง ก็โดนตีเข้าที่ศีรษะอย่างแรง」  

 

เมื่อมองย้อนกลับไปก็เจอกับชายที่มีหนวดเคราในชุดคลุมสีดำจ้องมองเขาด้วยความหวาดกลัว

ชายคนนั้นพูดว่า

 

อย่าได้ใช้พลังนั้นเพื่อผู้วายชนม์ เจ้าอย่าได้ก้าวล้ำกฏแห่งธรรมชาติ จงใช้เพื่อรักษาผู้อื่น ไม่ใช่ฉุดผู้อื่นมาจากปรโลก

 

「……นั่นคือฮีลเลอร์ที่เจ้าพบในกระท่อมงั้นเหรอ」

「อาาา อย่างไรก็ตาม ชั้นเองก็เคยเห็นคนๆนั้นใช้เวทย์รักษาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น」

 

ยังไงก็ตามไม่รู้ชื่อจริงของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

「อย่างไรก็ตาม เขาก็สอนอะไรหลายๆอย่างให้กับชั้นที่เรียนรู้อยู่ในโลกใบเล็กๆในสลัม เขาดูเหมือนจะเป็นมนุษย์และก็เป็นคนดีมากๆด้วย」  

 

เมื่อพยายามจะถามชื่อเขาๆก็ตอบกลับมาว่า 「เรียกข้าว่าอาจารย์ก็ได้」ชายคนนั้นพูดพร้อมกับหัวเราะ

 

「อาจารย์น่ะเป็นคนเจ้าอารมณ์และเป็นคนมีวาจาสัตย์ เขามักจะกล่าวว่า ฮีลเลอร์มีไว้รักษาคนเจ็บ การรักษาชั้นที่สามคือการรักษาบาดแผล ฮีลเลอร์ชั้นที่สองคือการรักษาผู้คน และฮีลเลอร์ชั้นยอดคือการรักษาโลกที่เน่าเฟะนี่」

 

เซนอสวางถ้วยชาลงและยกกาน้ำชาขึ้น

ดูเหมือนจะเป็นถ้วยสุดท้ายแล้ว

 

「บางครั้งก็นึกคำพูดของอาจารย์ขึ้นมาได้ สงสัยว่าอย่างน้อยชั้นจะเป็นฮีลเลอร์ชั้นสามได้รึเปล่านะ」

 

อยากจะเจออาจารย์อีกสักครั้ง

เมื่อบ่นเช่นนั้นก็รู้สึกว่าภาพของอาจารย์ปรากฏขึ้นมาที่ถ้วยชาครู่หนึ่ง

 

「ขอโทษนะที่เล่าเรื่องอันแสนน่าเบื่อให้ฟัง」

「ไม่หรอกดิฉันเองก็ได้ฟังเป็นการฆ่าเวลาด้วย」

「ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้วล่ะ」

 

เซนอสหัวเราะเบาๆคาร์มิล่ายกถ้วยชาด้วยมือทั้งสองข้างและบอกให้ชั้นจำไว้

 

「มันค่อนข้างต่างจากเวทย์ชุบชีวิต แต่ว่าในวันวานที่ดิฉันยังอยู่ มันมีเวทย์ที่สร้างชีวิตจำลองขึ้นนั่นคือโกเลม」

「สามร้อยปีก่อนงั้นเหรอ? เป็นยุคที่จอมมารยังอยู่สินะ?」

 

ทวีปทางใต้ที่ข้ามมหาสมุทรเคยเป็นดินแดนของจอมมาร

เป็นเวลานานที่มนุษย์และปีศาจไม่ได้บุกรุกซึ่งกันและกัน แต่เมื่อประมาณสี่ร้อยปีก่อน จอมมารได้บุกรุกดินแดนของมนุษย์ การต่อสู้ของทั้งสองนั้นดุเดือดมาก และว่ากันว่าใช้เวลาเกือบร้อยปีในการกำจัดจอมมารให้สิ้นลง

 

「มันคือเวทย์แห่งความมืดของปีศาจที่เข้ามาในดินแดนแห่งนี้ มันสร้างโกเลมขึ้นมาโดยใช้การรวบรวมวัสดุเช่นคาร์บอนและกำมะถันโดยใช้หินเวทย์เป็นแกนกลาง」

「เหหห」

「โกเลมนั้นไร้ความรู้สึกและฟังเพียงแค่คำสั่งอย่างเดียวเท่านั้น เป็นศัตรูที่ลำบากมากเลยล่ะ」

「คาร์มิล่าทำอะไรเหรอเมื่อสามร้อยปีก่อน」

「เรื่องราวมันก็นานนมฉันเองก็ลืมไปหมดแล้วล่ะ」

「เธอเนี่ยนะฟังเรื่องของคนอื่นแล้วแต่ไม่กล้าพูดเรื่องของตัวเอง」

 

เมื่อคิดจะเปิดประเด็น ก็ได้ยินเสียงดังมาแต่ไกล

 

เมื่อมองไปตามสายลม เสียงของบางสิ่งบางอย่างที่ถูกทำลายดังกึกก้องไปทั่วอย่างรวดเร็วและเสียงกรีดร้องก็ดังมาจนถึงที่นี่

 

「……อะไรน่ะ?」

「ดูเหมือนจะมาจากทางสลัมนะ」

 

คาร์มิล่าลอยขึ้ไปบนเพดานเพื่อสังเกตการณ์

ชั้นเองก็จะคิดขึ้นไปบนหลังคาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์เช่นกัน

 

คาร์มิล่ากลับมาเร็วกว่าที่คิดและพูดด้วยใบหน้าตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

「ไม่อยากจะเชื่อเลย….โกเลมที่ฉันพูดถึงกำลังอาละวาดอยู่ในสลัม!」

 

ตอนที่ 31 การบุกรุกของโกเลม 【ตอนแรก】

เมื่อเซนอสมาถึงในสลัมทั่วทั้งเขตก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

 

อาคารหลายหลังพังทลายลงและมีไฟลุกโชนจากหลายพื้นที่ เสียงกรีดร้องของผู้คนที่กำลังหลบหนีดังก้องไปทั่ว

 

และในส่วนลึกของควันที่กำลังลอยขึ้นนั้นเอง

 

「นั่นน่ะเหรอ โกเลม……」

 

ร่างใหญ่ที่สูงตระหง่านฟ้ามองเห็นได้ภายใต้แนวสายตา

 

โกเลมที่เคลื่อนไหวช้าๆ กำลังกวัดแกว่งแขนที่แข็งซึ่งสร้างขึ้นจากโคลนและหินพัดบ้านเรือนกระเด็นไป นัยน์ตาสีดำราวกับความว่างเปล่าที่ดูน่ากลัว และเสียงกรีดร้องครวญคราวงทำให้แก้วหูต้องสั่นสะท้าน

 

「มันแปลกๆแล้วนะ」

「อืม ชั้นเองก็ตกใจเหมือนกัน」

 

เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นคาร์มิล่าที่กางแขนออกและลอยอยู่

 

「ทำไมเธอถึงตามมาด้วยเล่า?」

「ก็ฉันกังวลนี่ เหตุใดวัตถุโบราณเมื่อสามร้อยปีก่อนถึงมาโผล่ในยุคปัจจุบันได้」

「ลิลี่ละ?」

「เธอนอนอยู่ สู้ให้มาเห็นไอ้ของแบบนี้ปล่อยให้เธอฝันหวานดีกว่านะ」  

 

「อาจารย์~」

 

ทันใดนั้นเองเหล่าผู้นำของแต่ละเผ่าก็มากัน

 

「พวกเธอปลอดภัยไหม」

 

โซเฟียและเพื่อนๆของเธอมาหาเซนอสด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ

 

「โล่งอกจังเลย ตอนแรกก็ว่าจะไปตามอาจารย์มาอยู่หรอก พวกเราพยายามรับมือกับมันอยู่คะ……」

「ลูกน้องของริงก้าหลายคนขยับตัวไม่ได้」

「พวกออร์คครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส สัตว์ประหลาดนั่นคือตัวอะไรกันแน่」

 

เห็นได้ชัดว่าโกเลมเป็นสิ่งมีชีวิตประดิษฐในสมัยก่อน เซนอสเลยอธิบาย

 

「นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?」

 

「ถึงว่าทำไมมันดูไม่สะทกสะท้านเลย」

「ตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้วและริงก้ากำลังหลับอยู่เลย พอตื่นมาก็มีเสียงดังและก็เจอหมอนั่นอยู่ตรงนั้น」

「ตามคำบอกเล่าของลูกน้องของข้าดูเหมือนจะมาจากส่วนลึกของสลัม」

 

「ส่วนลึกของสลัม……?」

 

เซนอสวางมือบนหน้าผากและคิด

เรื่องนี้กิลด์ใต้ดินมีส่วนเกี่ยวข้องรึเปล่า?

ถ้าใช่ล่ะก็――。

 

อย่างไรก็ตามเซนอสส่ายหัวและหยุดคิด

คอนนี้คนบาดเจ็บเยอะมาก ไม่มีเวลามาชักช้าแล้ว

 

「โซเฟีย ริงก้า ลีฟ ช่วยให้ความร่วมมือในการรวบรวมคนเจ็บมาไว้ที่เดียวกันที」

 

แล้งใครจะเป็นคนจัดการรับมือกับโกเลมยักษ์ที่อยู่ทางด้านหลัง?

ตอนนี้ฝั่งเราคนไม่พอ

 

ยังมีสิ่งหนึ่งที่พูดได้อย่างเต็มปาก

 

เซนอสจ้องมองไปที่โกเลม

 

「ขอบอกเลยรอบนี้ค่าใช้จ่ายบานเบอะ จำเอาไว้ด้วย」

 

 +++

 

ณ ศูนย์กลางของโกเลมที่กำลังเดือดดาล

บนเนินเขาเล็กๆ ที่ห่างจากที่นั่น มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเทาอยู่ตรงนั้น

 

「พละกำลังนี่ตามคาดเลยนะครับ แต่ความเร็วยังช้ากว่าที่คาดไว้ ต้องขออภัยด้วยไว้จะปรับปรุงใหม่ในภายหลัง」

 

เมื่อมองดูที่เครื่องมือเวทย์แบบกล้องโทรทรรศน์ คนที่เรียกตัวเองว่า “ผู้นำทาง”กล่าวเช่นนั้น

เสียงกรีดร้องที่ดังผ่านมาทามกลางสายลมฟังแล้วชวนรู้สึกดีจริงๆ

 

「อย่างไรก็ตามคำขอนี้เหมือนจะสำเร็จอย่างสมบูรณ์เลยนะ」

 

คำขอของชายที่ชื่อว่าแอสตรอนคือการลงทัณฑ์อดีตสมาชิกปาร์ตี้ที่มีชื่อว่าเซนอสและคนใกล้ตัวเขา

 

เหตุผลคือเขาอุตสาห์เก็บหมอนั่นมาชุบเลี้ยงและก็ไล่หมอนั่นออกจากปาร์ตี้ พอถึงคราวที่เขาตกที่นั่งลำบาก หมอนั่นกลับเมือนเฉย เขาจึงไม่สามารถให้อภัยกับชายที่ชื่อเซนอสได้ที่ได้ทุกอย่างที่เขาต้องการตรงกันข้ามกับเขา

 

เป็นคนที่เห็นแก่ตัวสิ้นดี และก็เป็นคนที่มืดแปดด้านอย่างสมบูรณ์ แต่ความปรารถนาแบบนี้มันก็น่าสนใจอีกแบบ

เลยไม่ได้เก็บเงินสักบาท

 

เขาหวังว่าคนๆนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไร และจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง

สำหรับ“ผู้นำทาง”แล้วทั้งหมดคือความอยากรู้เพียงเท่านั้นเอง

 

「ในแง่นั้นเองคำขอของเขาก็มีคุณค่าให้ตอบสนองพอควรนะแอสตรอน」

 

 ”ผู้นำทาง”กล่าวกับลูกค้าที่กำลังเฝ้าดูสถานการณ์จากที่อื่น

 

เนื่องจากตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว การสนับสนุนจากกองทหารรักษาการณ์และศูนย์รักษาของราชวงศ์จึงยังไม่มา

เมื่อพิจารณาจากที่ตั้งของสลัม มีความเป็นไปได้ว่าความช่วยเหลือจะมาไม่ทันเวลา

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหวังความช่วยเหลือจากภายนอกไม่ได้เลย

ได้ยินว่าเซนอสคนนั้นเป็นฮีลเลอร์แต่ถ้ามีคนเจ็บเยอะขนาดนี้ ยังไงก็ควรจะถอนตัวแทนที่จะอยู่รักษาคนเจ็บ

 

「ถ้าคนที่ตัวเองรักหนักรักหนาค่อยๆตายไปทีละคนๆ――」

 

จะต้องคุกเข่าด้วยความสิ้นหวังเพราะความรู้สึกอับจนหนทางและไร้ทางสู้ใช่ไหมล่ะ?

หรือว่าจะยอมต่อสู้เพื่อปกป้องผู้คนเหมือนวีรบุรุษ?

 

และนั่นก็คือ「ฉากแรก」ที่ถูกเซ็ตติ้งไว้――。

 

 ”ผู้นำทาง”ยิ้มพร้อมกับมองเข้าไปในเครื่องมือเวทย์กล้องโทรทรรศน์  

 

「เอาล่ะตอนนี้เซนอสคุงจะเคลื่อนไหวเช่นไร?ช่วยสร้างความบันเทิงให้แกผมผู้นี้ที」

 

 +++

 

「เอาล่ะ พวกฉันแบกมาทางนี้เร็ว」

「มนุษย์หมาป่านั้นมีความว่องไว พวกแกเร็วๆเลย」

「จะตามหลังพวกมนุษย์กิ้งก่ากับหมาป่าไม่ได้นะพวกแก แสดงพลังของเหล่าออร์คให้พวกนั้นเห็นด้วยการยกคนห้าคนมาในคราวเดียวเลย」

 

ผู้บาดเจ็บค่อยๆถูกรวบรวมมาโดยหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่าออกคำสั่ง

 

บรรดาผู้ที่กระดูกหักเอย

คนที่เลือดท่วมตัว

ผู้ที่กรีดร้องไปด้วยความเจ็บปวด

คนที่หายใจแผ่วเบา

 

ฉากนั้นเหมือนกับฉากงานอัปมงคลเลยก็ว่าได้

 

เมื่อมองดูโกเลมที่อยู่ในแนวสายตา เซนอสก็หันไปมองผู้บาดเจ็บ

 

「คาร์มิล่าถอยไปห่างๆเลย <การรักษาระยะกว้าง ไฮ ฮีล(広範囲治癒ハ-イヒール)>」  

 

แสงสีขาวหมุนวนรอบตัวเซนอส และเข้าหาผู้บาดเจ็บ

ความเจ็บปวดของแต่ละคนค่อยๆบรรเทาลง

 

อย่างไรก็ตามนี่ก็แค่การรรักษาเบื้องต้น

 

เพื่อให้แน่ใจว่าจะรักษาได้แบบสมบูรณ์ จำเป็นต้องเข้าใจถึงสภาพอาการบาดเจ็บรายบุคคล ด้วยเหตุผลนั้นเองเลยให้ผู้บาดเจ็บมารวมกันในที่ๆเดียว

 

เซนอสยื่นมือไปข้างหน้าและรักษาผู้บาดเจ็บโดยเริ่มจากฝั่งหนึ่ง

 

「ชั้นกำลังรักษาคนเจ็บเรื่อยๆเพราะงั้นใครที่ถูกรักษาหายดีแล้วช่วยออกจากพื้นที่ที」

 

โชคดีที่โกเลมเคลื่อนไหวช้า

หากวิ่งสุดกำลังก็สามารถหนีได้

 

แถวผู้บาดเจ็บไม่มีวี่แววว่าจะเห็นจุดจบ ถึงกระนั้นเซนอสก็รักษาทุกคนด้วยมือทั้งสองข้าง

 

「แฮ่ก แฮ่ก」

「เป็นท่าทางที่เห็นแล้วชวนหงุดหงิดชะมัดเลยนะ เซนอส」

 

เซนอสหันไปพูดกับคาร์มิล่าที่อยู่ด้านหลัง

 

「น่าหงุดหงิดใช่ไหมล่ะ หลังจากถูกส่งออกมากลางดึกก็ต้องมารักษาคนหลายร้อยคนในคราวเดียว ตอนนี้ไม่รู้แล้วเนี่ยว่ากำไรหรือขาดทุน และชั้นเองก็กังวลที่ทิ้งลิลี่ไว้ที่นั่นด้วย ยกโทษให้อาชญากรผู้นี้ด้วยเถอะนะ」  

 

คาร์มิล่ากางแขนออกพร้อมกับมองดูแผ่นหลังของเซนอส

 

เป้าหมายของผู้บงการโกเลมไม่รู้ต้องการอะไรกันแน่ แต่จุดประสงค์คือสร้างความเสียหายอันใหญ่หลวงแก่ผู้คนในสลัม

 

「……แม้ว่าจะโดนบ่นก็อย่าท้อแท้สิเซนอส」

 

ตอนที่ 32 การบุกรุกของโกเลม【ตอนกลาง】

「นี่มันน่าตกใจจริงๆนะเนี่ย」

 

บนเนินเขา “ผู้นำทาง”กรีดร้องด้วยความชื่นชม

 

「นั่นคืออะไรน่ะ? ระดับพิเศษเลยนะนั่น จะบอกว่าไม่เก่งก็ไม่ใช่เรื่องแล้วมั้ง」

 

เลนส์ของกล้องโทรทรรศน์แสดงให้เห็นถึงชายผมดำและเสื้อคลุมสีดำ

เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์แล้ว ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นบุคคลเป้าหมายของลูกค้า เซนอส

 

ผู้บาดเจ็บที่เข้ามารับการรักษาฟื้นตัวได้ในพริบตา

ได้ยินว่าหมอนั่นเป็นฮีลเลอร์ที่เก่งกาจแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้

 

「ดีเลย เซนอสคุง ผมละชอบจริงๆคนที่เกินคาดเนี่ย」

 

ต่อไปก็ต้องคุกเข่าลงเพราะความสิ้นหวังและอับจนหนทางสินะ?

หรือจะพยายามดิ้นรนต่อสู้ด้วยความหวังอันลิบหลี่

 

อยากจะรู้จังว่าเขาจะเลือกเดินไปเส้นทางไหน เขาจะช่วยคนเจ็บทั้งหมดเลยจริงๆงั้นเหรอ

อีกทั้งยังใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการนั่นอีก

 

ไม่เคยคิดว่าจะมีบุคคลที่ยอดเยี่ยมแบบนี้อยู่ในสลัม

 

「เอาล่ะฉากแรกคือชัยชนะของนายนะเซนอสคุง แล้วฉากที่สองล่ะว่าไงเอ่ย?」

 

แม้ว่าผู้บาดเจ็บจะถูกรักษาจนหมด แต่ก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เว้นแต่โกเลมจะถูกจัดการ

ในขณะที่กำลังมองดูอยู่นั้น เมืองก็ถูกทำลายลงเรื่อยๆ

 

「จะทำอะไรต่อไปดีน้อ เซนอสคุง? จะคอยจับตาดูเป็นอย่างดีเลยล่ะ」

 

 +++

 

「อาจารย์ไม่พบเจอผู้บาดเจ็บแล้วคะ」

「ริงก้าเองก็ไม่พบผู้บาดเจ็บแล้ว」

「ทางฝั่งออร์คเองก็ไม่พบเจอแล้ว」

 

「อ่าาาา เหนื่อยชะมัด……」

 

ณ พื้นที่อันแสนว่างเปล่าในสลัม

หลังจากเสร็จสิ้นการรักษาทั้งหมดแล้วเซนอสก็นั่งลง

 

เขาสั่งให้ผู้ที่ได้รับการรักษาแล้วอยู่ให้ห่างจากโกเลมมากที่สุด เหลือเพียงแค่โซเฟีย ริงก้า ลีฟ เซนอสและคาร์มิล่า และรองผู้บัญชาการของแต่ละคน

 

「ต้องขอบคุณอาจารย์จริงๆที่ทำให้ไม่มีคนตายเลย」

「อา ก็ดีแล้วล่ะแต่ตอนนี้ปัญหาคือไอ้นั่น……」

 

เซนอสพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

 

โกเลมไล่ทำลายบ้านเรือนมั่วซั่ว บางครั้งก็ส่งเสียงคำรามกึกก้อง

ร่างกายอันใหญ่โตค่อยๆเข้าใกล้มาจากส่วนลึก

 

「คาร์มิล่านั่นมันอะไรน่ะ?」

「อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ มันคือสิ่งมีชีวิตจำลองที่มีศูนย์กลางอยู่ที่หินเวทย์」

「ถ้าปล่อยมันไว้เฉยๆแล้วมันจะกลับบ้านเองไหม?」

「มันจะไปเป็นแบบนั้นได้ไงเล่า โกเลมมันไม่มีความเหนื่อยเหมือนมนุษย์หรอกนะ มันจะไม่หยุดนิ่งจนกว่าจะทำตามคำสั่งที่ได้รับจนเสร็จสิ้น」

「อะไรกัน นี่เหนื่อยจะแย่แล้วนะ」

 

ในกรณีนี้คำสั่งที่ได้มาก็คือ 「ทำลายเมืองสลัม」แต่ว่ามันจะถึงไหนกันล่ะ

 

นอกจากเซนอสที่หมดแรงแล้วคาร์มิล่ายังพูดต่อไป

 

「ฉันเองก็ไม่รู้หรอก หินเวทย์ที่มีความบริสุทธิ์สูงซึ่งเป็นแกนกลางของโกเลมมันน่าจะหาได้จากทวีปทางใต้ของเผ่าปีศาจเท่านั้น ทั้งหมดน่าจะถูกใช้ไปเมื่อสามร้อยปีก่อนแล้วและเวทย์แห่งความมืดมันน่าจะสูญหายไปแล้วและแม้แต่วัสดุในการสร้างมันขึ้นมาก็ไม่ใช่ง่ายๆ จะมีใครสักคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้งั้นเหรอ……」  

 

คาร์มิล่าสรุปประมาณว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้

 

「ถึงอย่างนั้นมันก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง」

「นั่นสินะ……」

 

เซนอสถอนหายใจแล้วยืนขึ้นอย่างช้าๆ

 

「ช่วยไม่ได้นะ น่ารำคาญชะมัด แต่ถึงเวลาตัดสินแล้ว」

「……จะไปงั้นเหรอ? ที่ไหนล่ะ?」

「ก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องจัดการเจ้านั่นลงให้ได้」

「――!」

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคาร์มิล่าก็เบิกตากว้าง โซเฟียเองก็พูดขึ้น

 

「อาจารย์ พวกฉันเองก็จะไปด้วยค่ะ」

「ได้งั้นเหรอ? ชั้นเองรับประกันความเสี่ยงให้ไม่ได้หรอกนะ」

 

อีกทั้งสามคนมองหน้ากันและพยักหน้าอย่างหนักแน่น

 

「ก็ตัดสินใจแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ฉันเองก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆได้หรอกค่ะ เพราะที่อยู่อาศัยถูกทำลายไปแบบนี้」

「นี่คือเมืองที่ริงก้าเกิดและเติบโตขึ้นมา จะไม่ยอมให้มันพังทลายเพียงเพราะไอ้นั่นคนเดียวหรอก」

「อาาา พวกเราต้องไปแสดงความน่ากลัวของพวกเราให้มันเห็นซะแล้วสิ」

 

「……เข้าใจแล้ว ขอบใจนะที่มาช่วย ปกติแล้วชั้นเป็นพวกประเภทซัพพอร์ตซะด้วยสิ」

 

เซนอสถามคาร์มิล่า ที่อยู่ด้านหลังเขา

 

「คาร์มิล่ามีวิธีเอาชนะเจ้าโกเลมไหม?」

「ทำลายหินเวทมนตร์ที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในร่างกายของมัน ถ้าไม่เช่นนั้นก็บดขยี้มันให้ละเอียดด้วยมือของเจ้าเองนั่นแหละ ไม่งั้นก็เห็นมันเป็นเป้าซ้อมมือได้เลย」

「ทำลายหินเวทมนตร์งั้นเหรอ……」

 

เซนอสหันหลังนึกถึงวันวาน

 【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ถูกไล่ออกตี้

 

เซนอสส่งเสียงแหลมๆในคอออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งแรงจูงใจ

 

「หินเวทย์เนี่ยขายไม่ได้สินะ เฮ้อ……」

 

ขนนกที่ครั้งหนึ่งเคยถูกทอดทิ้งจากความเป็นอมตะ

 

นกฟีนิกซ์สีทมิฬซึ่งที่เคยล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้นบัดนี้กำลังกลับมากระพือปีกท่ามกลางความมืดมิด

ตอนที่ 33 การบุกรุกของโกเลม 【ตอนจบ】

สิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือตัวตนที่สร้างขึ้นมาจากหินและโคลน

 

「ทุกคนอัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งไปเลย」

 

โซเฟีย ริงก้า ลีฟ

จากนั้นทุกคนก็ไปลุยตามคำสั่งของเซนอส

 

อย่างไรก็ตามแรงกดดันของศัตรูทำให้สับสนเล็กน้อย

 

「ไม่เป็นไรหรอก ถึงมันจะน่ากลัว แต่ไม่ต้องกลัวเลย หน้าที่ซัพพอร์ตไว้ใจชั้นได้เลย」

 

เซนอสที่ยืนอยู่แนวหลังเขา ก็ยื่นมือออกไปและจ้องมองทั้งสามคน

 

 ――<เสริมความเร็ว(敏捷性強化)>

 

แสงสีฟ้าจางๆปกคลุมล้อมรอบพวกเขาทุกคนและความเร็วของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

「รู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นเยอะเลยนะคะ」

「แน่นอนว่าท่านเซนอสต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ」

「ดีเลย ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ไหวแน่」

 

 โซเฟียหยิบแส้ออกมา ริงก้าถือขวาน และลีฟเองก็ถือหอก

 

 ――<เสริมพลังกาย เสริมพลังการทะลวง(筋力強化。,打撃力向上)>

 

เสียงทำลายดังกึกก้อง และส่วนหนึ่งของเท้าของโกเลมซึ่งถูกโดนโจมตีก็แตกเป็นเสี่ยงๆ

 

「เป็นเวลานานแล้วนะที่ไม่ได้ใช้เวทย์เสริมพลัง แต่ก็ไม่เป็นไร ลุยต่อเลย」

 

เซนอสตะโกนแบบนั้นและยื่นมือไปข้างหน้า

 

โอววววววววววววววววววววววววววว!!!!

 

บางทีโกเลมตระหนักได้ถึงความเป็นศัตรู ทันใดนั้นมันก็ตะโกนและฟาดแขนลงมาทางนี้

 

เสียงคำรามพร้อมกับลมกรรโชกแรง

ปลายนิ้วของโกเลมปะทะเข้ากับริงก้าและร่างของเธอก็ปลิวกระเด็นไปในบ้านที่ถูกทิ้งร้าง

 

「ริงก้า ไม่เป็นไรนะ?」

「อืม ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ปลอดภัยดี ขอบคุณท่านเซนอส」

 

ริงก้าไม่ได้รับอันตรายอะไรและออกมาจากบ้าน

เวทย์ป้องกันถูกร่ายคลุมไว้แล้ว

 

แม้แต่ในตอนปาร์ตี้เองเขาก็ซัพพอร์ตปาร์ตี้ด้วยวิธีแบบนี้

ความแตกต่างคือเซนอสทำได้แต่ซัพพอร์ตอยู่เงียบๆ

 

เหตุผลก็คือหากใช้เวทย์อื่นเพิ่มก็โดนแอสตรอนโกรธใส่

ถ้าคิดดูแล้วก็รู้ได้เลยว่าโดนกดขี่ออกมาตลอด

ดังนั้นหมอนั่นก็เลยกลัวว่าจะโดนแก้แค้นเพราะว่าร่ายเวทย์แปลกๆใส่จากทางด้านหลัง

ชั้นพยายามอธิบายอยู่หลายครั้งแต่หมอนั่นก็ไม่ฟัง และสุดท้ายเซนอสก็เลยเงียบปากและพยายามฝึกเวทย์แบบไร้ร่ายมาโดยตลอดจนในที่สุดก็สำเร็จ

เป็นผลให้ดูเหมือนว่าเขาไม่ทำอะไรเลยและเพราะแบบนั้นก็เลยโดนเตะออกตี้

 

「ค่อยๆจำวิธีการต่อสู้แบบนี้ให้ดี」  

 

มีข้อจำกัดสองประการที่ควรรู้ไว้

 

หนึ่งคือต้องเว้นระยะห่างให้ดีหากห่างเกินไปเวทย์จะอ่อนกำลังลง

อีกประการหนึ่งคือ เวทย์รักษาและเวทย์ป้องกันและเสริมพลังกายไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้ เนื่องจากพื้นฐานแล้วมันก็คือเวทย์จำพวกเดียวกันแต่รูปแบบการใช้งานแตกต่างกันไป

 

ดังนั้นขณะที่ใช้เวทย์ป้องกันก็จะป้องกันได้เต็มที่ ตอนโจมตีก็จะรุนแรงบ้านแตกสาแหรกขาด และหายได้รับความเสียหายก็ฟื้นฟูได้ทันใด

จำเป็นต้องสับเปลี่ยนหมุนเวียนเวทย์ไปตามสถานการณ์

 

ด้วยการสนับสนุนจากเซนอสโกเลมก็ค่อยๆโดนทำลายไปเรื่อยๆโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ

 

「โอเคร เข้าใจแล้ว」

 

ดังที่คาร์มิล่ากล่าวไว้ แม้ว่าจะทำลายร่างกายมันไปก็เปล่าประโยชน์มันไร้ความรู้สึก ร่างกายมันจะฟื้นฟูกลับมาใหม่ด้วยหินและโคลนจากโดยรอบ

อย่างไรก็ตามยืนยันแล้วว่าใช้เวลาสักพักในการฟื้นฟู

 

และนั่นแหละคือกุญแจสำคัญ

 

「ทุกคนทำลายขาซ้ายและขวาพร้อมกันเลย」

 

ตามคำสั่งของเซนอสทั้งสามก็พุ่งเข้าทำลายขาซ้ายและขวาพร้อมๆกัน

 

วิธีจัดการโกเลมก็คือต้องทำลายหินเวทมนตร์ที่อยู่ในร่างกายซึ่งอยู่ตรงไหนไม่สามารถระบุได้

 แต่ว่าด้วย<วินิจฉัย>จะสามารถระบุตำแหน่งอวัยวะภายในร่างกายได้ แต่ถ้าหากร่างกายนั้นกำลังเคลื่อนไหวความแม่นยำจะลดลง

ดังนั้นเลยกะว่าจะใช้<วินิจฉัย>ตรวจสอบหาหินเวทมนตร์ในร่างกายขณะตอนที่มันโดนทำลายขาทั้งสองข้างจนกว่ามันจะงอกใหม่อีกครั้ง

เมื่อรู้ตำแหน่งของหินเวทมนตร์แล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือเล็งไปที่จุดนั้นจุดเดียว

 

ทั้งสามมองหน้ากันและถูกปกคลุมไปด้วยแสงสลัว

 

「ไม่คิดเลยนะคะว่าวันนี้จะมาถึงวันที่ได้สู้ร่วมกับพร้อมกันทุกคน」

「เพราะแบบนี้ไงถึงต้องขอบคุณท่านเซนอส」

「เป็นครั้งแรกเลยที่สู้แล้วอุ่นใจได้ขนาดนี้」

 

 +++  

 

「อาาาา เซนอสคุงทำให้ผมประหลาดใจได้เรื่อยๆเลยนะครับเนี่ย」

 

ตรงนั้นเองมี”ผู้นำทาง”เฝ้าดูสถานการณ์อยู่บนเนินเขาก็ถอนหายใจออกมา

 

พยายามถ่วงเวลาเพื่อให้ศูนย์กลางมาช่วยงั้นเหรอ?

หรือจะวิ่งหนีจากที่นี่เพื่อไปขอความช่วยเหลือ?

 

เมื่อมองดูว่าเขาจะเลือกอันไหน แต่ทุกอย่างก็เกินความคาดหมายอีกแล้ว

ชายคนนั้นมีพรรคพวกเพียงไม่กี่คนและเผชิญหน้ากับโกเลมซึ่งๆหน้า

 

「น่าทึ่งมาก พลังที่ใช้ได้ในทันทีนั้นโครตน่าทึ่งเลยครับ 」

 

ได้ยินมาว่าสามารถใช้เวทย์ป้องกันและเวทย์เสริมพลังได้ แต่มันเกินกว่าที่จินตนาการไว้อีก

ในการต่อสู้กับโกเลม เขาออกคำสั่งกับผู้นำทั้งสามเผ่าที่กำลังต่อสู้เป็นปาร์ตี้ได้เป็นอย่างดี

 

「อย่างแรกเลย นี่มันแหกกฏเกินไปแล้วนะครับนี่เป็นปรมาจารย์เวทย์แขนงเดียวไม่พอล่อไปถึงสามแขนง และแล้วฉากที่สองก็เป็นชัยชนะของคุณอีกแล้วนะครับ」

 

อย่างไรก็ตามตรงกันข้าม “ผู้นำทาง”ดูเหมือนจะสนุกมาก

แบบนี้มันยิ่งชวนทำให้ใจเต้นเข้าไปใหญ่

 

「เอาล่ะ คราวนี้ก็มาถึงไคล์แม็กซ์แล้วนะครับ ตั・ว・เลือก・สุด・ท้าย・กำลังรอคุณอยู่นะเซนอสคุง」  

 

 +++

 

โกววววววววววววววววววววววววววววววว!!!

 

เท้าทั้งสองของโกเลมที่โดนพังทลายในเวลาเดียวกันกระจัดกระจายไปทั่ว

ร่างกายที่สูญเสียการทรงตัวทรุดลงไปข้างหลังด้วยน้ำหนักตัว

 

ในขณะนั้นเองโซเฟียก็ตะโกน

 

「อาจารย์ พบเจอเด็กที่ยังไม่ได้หนีไปด้วยค่ะ!」

「ว่าไงนะ?」  

 

กลัวและแอบซ่อนอยู่ในบ้านงั้นเหรอ

 

โซเฟียชี้ไปในขณะที่โกเลมกำลังจะร่วงหล่นไป แต่ซากปรักหักพังอยู่ในทางสายตาของเซนอสเขาเลยไม่สามารถมองเห็นได้เลย

 

「เวรเอ้ย」

 

เวทย์ป้องกันที่มีความแม่นยำสูงไม่สามารถใช้กับคนที่มองไม่เห็นได้

เซนอสวิ่งไปทันที จะทันเวลาไหม――

 

 ――แต่ว่า

 

จู่ๆโกเลมก็บิดร่างกายส่วนบนและยื่นมือไปทางเด็ก

การเคลื่อนไหวของทุกคนหยุดชั่วขณะราวกับว่าโกเลมตัวนั้นพยายามจะฆ่าเด็กคนนั้น

ระหว่างนั้นตัวเด็กก็กระโดดออกมาแล้วร้องไห้

 

ลูกน้องของโซเฟียจับเด็กเอาไว้และพยายามพาเด็กคนนั้นหนีออกมา

 

「เอเลี่ยน(ありえん)……」

 

ข้างหลังเซนอสคาร์มิล่าพูดด้วยความตกตะลึง

 

「โกเลมปกติทำตามคำสั่งง่ายๆที่พวกนั้นได้รับ  แต่ตอนนี้มันเริ่มแปลกตั้งแต่ที่เริ่มสู้กับพวกนายแล้ว มันดูดุร้ายเป็นพิเศษ โดยปกติแล้วโกเลมจะไม่มีการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปแบบ」  

 

เมื่อฟังคำพูดของคาร์มิล่า เซนอสก็ตอบกลับอย่างเงียบๆ

 

「คาร์มิล่า เธอเคยบอกว่าไม่สามารถหาหินเวทมตร์ที่มีความบุริสุทธิ์สูงซึ่งเป็นแก่นแท้ของไอ้โกเลมนี่ได้อีกแล้วใช่ไหม」

「อ่าก็บอกไปแบบนั้น」

「แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าหากควบคุมหินเวทย์ที่ไม่สมบูรณ์ใส่เข้าไปในสิ่งมีชีวิต?」

「……ไม่มีทาง……!」

 

ด้วยการจ้องมองไปข้างหน้าเซนอสค่อยๆลดมือลง

 

「การ<วินิจฉัย>เสร็จสิ้นแล้ว หินเวทมนตร์อยู่ที่ตำแหน่งหน้าอกฝั่งซ้าย」

 

จากนั้นที่ใช้ <วินิจฉัย> ชั้นก็วาดรูปร่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในตำแหน่งของหินเวทมนตร์

เซนอสพึมพำ จ้องไปยังโกเลมที่กำลังฟื้นฟู

 

「แกน่ะเหรอแอสตรอน……」

 

ตอนที่ 34  เหตุผล

 

 

「รู้ตัวด้วยเหรอเนี่ย」

 

“ผู้นำทาง”ที่กำลังมองดูอยู่ถึงกับตกใจ

 

「ก็ถ้าจะใช้หินเวทย์ที่ไม่สมบูรณ์มันจะต้องมีมนุษย์เป็นแกนกลางด้วยนี่」

 

ปัญหาก็คือหากเป็นคนที่มีอารมณ์ซับซ้อนมากมายก็จะควบคุมมันได้ยาก

จากนั้นพอพยายามหาคนที่มีความรู้สึกเชิงลบที่เรียบง่ายแต่รุนแรง ก็เจอกับแอสตรอนเข้า

 

ด้วยความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ และบอกว่าไม่ต้องการเงินก็ได้ตัวมาใช้งานง่ายๆ

หลังจากนั้นหินเวทมนตร์ก็ถูกปลูกถ่ายเข้าไปในร่างกายเพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแก้แค้นและโกเลมก็ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีร่างของเขาเป็นแกนกลาง

 

「เอาล่ะ เซนอสคุง คิดจะจบการต่อสู้นี้อย่างไรดีล่ะ?」

 

ร่างของลูกค้าที่มาจ้างวานน่าจะหลอมรวมจนเกือบเป็นหนึ่งเดียวกับหินเวทมนตร์แล้ว

หากต้องการทำลายหินเวทมนตร์ ก็ต้องทำลายร่างกายของเขา

 

เพราะครั้งนี้ไร้ซึ่งทางเลือก

ถ้าโกเลมตายลงการต่อสู้ก็จะยุติลง

นั่นคือทางเลือกเดียว

 

「อย่าไรก็ตาม เซนอสคุงที่รักษาชีวิตผู้คนมามากมาย จะต้องจบลงด้วยการฆ่าอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของตัวเอง เป็นสถานการณ์ที่ดูน่าตื่นเต้นมากเลยนะครับ?」

 

เอาล่ะ เซนอสคุงจะติดสินใจเช่นไร

 

แลกกับชีวิตราคาถูกของบุคคลไร้ค่าจะได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นนี้

“ผู้นำทาง” พูดอย่างนั้นและหัวเราะคิกคัก

 

 +++

 

「ทุกคนตอนนี้แย่แล้ว ช่วยถอยไปหน่อยได้ไหม」

 

ต่อหน้าโกเลมที่กำลังฟื้นคืนชีพขึ้นมา เซนอสบอกทุกคน

 

「แต่ว่าอาจารย์คะ」

「ริงก้ายังสู้ไหวนะ」

「ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราเถอะ ด้วยการสนับสนุนจากท่านเซนอส ไม่รู้สึกว่าจะแพ้เลยสักนิด」

 

「อ่าก็อยากให้ทำแบบนั้นอยู่หรอกนะ」

 

ฮีลเลอร์ไม่ควรไปอยู่แนวหน้า นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปใครๆก็รู้

 

การต่อสู้ควรมุ่งเน้นไปที่การซัพพอร์ตสมาชิกมากกกว่า

และถ้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เวทย์ที่ใช้จะมีความแม่นยำน้อยลงและอาจส่งผลให้ปาร์ตี้เสียรูปแบบได้

 

 เพราะแบบนั้น นั่นคือในกรณีทั่วไปโดยสิ้นเชิง――  

 

「ขอโทษด้วยนะ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ชั้นเป็นคนเดียวที่จัดการกับเขาได้」

「อาจารย์……」

 

ด้วยน้ำเสียงอันจริงจังของเซนอส ทั้งสามมองหน้ากันและค่อยๆถอยออกมา

 

「ใกล้จะรุ่งสางแล้ว ดิฉันไม่ถูกกับแสงแดดเพราะงั้นจะขอกลับบ้านก่อนล่ะ」

 

คาร์มิล่าที่อยู่ด้านหลังพูดเช่นนั้น

 

「อาาา ชั้นเองก็จะรีบกลับไปนะ」

「ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เดี๋ยวจะเตรียมชารอไว้แล้วกันล่ะ」

「พูดซะดิบดีทำอย่างกับชงเอง แต่สุดท้ายก็ใช้ลิลี่นี่?」

「คุคุคุ……」  

 

คาร์มิล่าหันหลังกลับและกลับบ้านไป

ชาวบ้านในสลัมเองก็อพยพออกจากบริเวณโดยรอบแล้ว

 

บริเวณนี้เงียบสงบมาก

 

「แอสตรอนตอนนี้เหลือแค่พวกเราแล้วนะ」

 

เสียงของเซนอสดังก้องไปทั่วซากปรักหักพัง

 

「แกเป็นคนมาหาชั้นที่นี่และเชิญเข้าปาร์ตี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของพวกเรา」

 

ขณะเดินไปก็พูดไปด้วย

 

「ให้ตายเถอะ แกมันก็แค่คนที่ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไม่ได้ แม้จะทำยังไงแกก็เอาเธอกลับมาไม่ได้หรอก」

 

แอสตรอนเองก็เป็นพลเมืองแต่ก็เป็นชนชั้นต่ำสุดในบรรดาพลเมือง

 

 ――เขาหมกหมุ่นอยู่กับเงินและอำนาจมาตลอดเพราะไม่เคยมีมัน ตอนนั้นเขาไม่มีเงินที่จะซื้อยามารักษาน้องสาวที่ป่วยได้ แม้ว่าเขาจะพยายามแล้วก็ตาม

 

พอดีชั้นเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากไกล์ที่มีความสัมพันธ์ยาวนานที่สุดกับแอสตรอน

 

บางทีเด็กที่กำลังร้องไห้และร้องขอความช่วยเหลือมันก็เป็นเหมือนภาพซ้อนทับกับน้องสาวของเขาที่จากไปแล้ว

ในทางกลับกันแล้ว จิตใจแห่งความเป็นมนุษย์ยังคงเหลืออยู่แม้จะเบาบางก็ตามที

 

โอววววววววววววววววววววววววววววววววว!

 

หลังจากฟื้นฟูเสร็จแล้ว โกเลมก็ลุกขึ้นมาและคำราม

มันชูแขนทั้งสองข้างขึ้นและเตรียมเข้าต่อสู้กับเซนอส

 

「ในตอนนี้ความรู้สึกโกรธยังคงอยู่ลูกหมาที่แกชุบเลี้ยงขึ้นมาและโยนทิ้งไปทั้งที่แกควรจะมีความสุขแต่ก็เกลียดมันมากเช่นกันใช่ไหม? แอสตรอน!」

 

เซนอสเดินตรงไปยังร่างยักษ์ของโกเลม

 

「อาาาา อาจจะมีเรื่องมากมายหลายอย่างเกิดขึ้นกับแก แต่ทั้งหมดมันไม่เกี่ยวอะไรกับชั้น」

 

แสงสีขาวรวมตัวกันในมือขวา

ก่อนหน้านี้ที่เคยใช้ <มีดผ่าตัด>ที่ใช้รักษาลีฟมันแปรเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นดาบ

 

「――และถ้าแกคิดอย่างใจเย็นแล้ว มันต้องเป็นฝ่ายชั้นมากกว่าที่เกลียดแกเป็นพันเท่า」

 

เซนอสวิ่งไป

 

แขนทั้งสองข้างที่กำนฟาดลงมาโดนหลบได้ด้วยเวทย์เสริมพลังกาย

 

「โอววววววววววววววว!」

 

ตัดเข่าขวาด้วยดาบแห่งแสงและตัดเข่าซ้ายในตอนที่เลี้ยวผ่านไป

เมื่อหลบตัวท่อนบนที่ยุบตัวลงเพราะเสียการทรงตัว ก็วิ่งไปตรงกลางและตัดหน้าอกด้านซ้ายเป็นรูปไม้กางเขน

 

เกราะหินแตกเผยให้เห็นด้านในของอกโกเลม

 

「ไง เจอกันอีกแล้วนะ」

 

แอสตรอนอยู่ตรงนั้น

ถูกหินเวทมนตร์กำลังกลืนกินร่างกายผิวหนังต่างๆมีส่วนดำคล้ำ

ดวงตากลวงและน้ำเสียงก็แผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากลำคอ

 

「นั่นไม่ได้หมายความว่าอยากจะเจอแกเลยสักนิด นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าแกในวันนี้」  

 

อย่างที่เขาพูด เซนอสเหวี่ยงดาบลงและตัดแขนของแอสตรอนทั้งสองข้าง

เสียงกรีดร้องต่ำดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณจากนั้นเองรุ่งเช้าก็มาถึง

 

「ตอนนี้ก็เริ่มจะหมดแรงแล้วด้วย เพราะงั้นจะรีบจัดการให้ไวที่สุดก็แล้วกัน」

 

 +++

 

「อย่างนี้นี่เองเป็นเช่นนี้เองเหรอครับเนี่ย……」

 

“ผู้นำทาง”ที่อยู่บนเนินเขาพยักหน้าเงียบๆมองสถานการณ์

 

「ตัดสินใจฆ่าได้โดยไม่ลังเล และก็รักษาทันทีหลังจากที่ฆ่าตายไปแล้วราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ」

 

เขาดูไม่แปลกใจเลย

 

และถ้าหากฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวไปตามที่ตัวเองคิดก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว

มันไม่ดูง่ายไปหน่อยเหรอ

 

「อืมมมม ต้องบอกว่าจบแล้วสินะครับ? ในตอนท้ายก็มไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่คาดเอาไว้เลย แต่ว่าก็ช่วยไม่ได้นะครับ……」

 

กับคำพูดเช่นนั้น “ผู้นำทาง”ก็ได้แต่ทึ่ง

 

「……ไม่ใช่สิ แบบนี้มัน นี่คือ――!」

 

 +++

 

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!

 

คมดาบสีขาวของเซนอสฟันเข้าร่างของแอสตรอนที่หลอมรวมกับหินเวทมนตร์อย่างไม่ปราณี

เสียงกรีดร้องของโกเลมและแอสตรอนปะปนกันไปและเสียงประหลาดก็ดังไปทั่ว

 

โกเลมเริ่มอาละวาด หินและโคลนก็เริ่มมาก่อตัวใหม่รอบๆแอสตรอน

จากนั้นก็ปลิวออกมาและใช้เวทย์ป้องกันกับตัวเองและก็ทำแบบนี้วนซ้ำไปเรื่อยๆ

 

「โอ้ยยย เหนื่อยโว้ย ยุ่งยากจริงๆเลย」

 

ทั้งสามที่เฝ้ามองสถานการณ์จากระยะไกลก็มองไปทางเซนอสด้วยความไม่พอใจ

 

「อาจารย์มัวทำอะไรอยู่คะเนี่ย?」  

「ริงก้าเองก็คิดแบบนั้น ฉันก็คิดว่าตอนแรกท่านเซนอสจะจัดการแบบรวดเร็วซะอีก」

「ตอนแรกก็สงสัยว่าเจ้านันอาจลังเลใจเพราะเป็นอดีตเพื่อนร่วมตี้รึเปล่า…แต่」

 

ลีฟขมวดคิ้วขณะที่บ่นออกมาด้วยความหวาดกลัว

 

「เซนอส บางทีอาจจะพยายามทำอะไรบางอย่างที่มันเหลือเชื่ออยู่ก็ได้」

 

 +++

 

「……ทำลายไปและรักษาไปในเวลาเดียวกัน……?」

 

“ผู้นำทาง”ที่มองดูสถานการณ์ก็รู้สึกได้ว่าเสียงของเขาสั่นเครือ

 

ชายผู้นั้นไม่ใช่เพียงแค่ฟาดฟันดาบเพียงอย่างเดียว

ส่วนที่โดนหินเวทมนตร์กัดกร่อนก็ถูกฟันทิ้งออกไปและส่วนนั้นก็ถูกสร้างใหม่แทนที่เพื่อคืนเป็นร่างมนุษย์ดั่งเดิม

 

มันมีคนที่ทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยงั้นเหรอ

 ”ผู้นำทาง”เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกสยองขวัญกับความสามารถอันแสนน่ากลัวนั่น

 

「ไอ้หมอนี่นมันเป็นตัวบ้าอะไรกันเนี่ย……」

 

 +++

 

เซนอสยังคงโจมตีต่อไป

 

เขาตัดส่วนที่โดนหินเวทย์กัดกร่อนออกไปและสร้างเนื้อเยื่อของมนุษย์ขึ้นมาใหม่

เมื่อหินเวทย์พยายามกัดกร่อนบริเวณนั้นก็จะถูกรักษาอีกครั้ง

 

การเคลื่อนไหวของโกเลมเริ่มช้าลงเรื่อยๆขณะที่เซนอสทำเช่นนั้น

 

「……ฆ่…า..สัก…ที」

 

แอสตรอนที่เริ่มได้สติกลับมาก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

「พูดตามตรงถ้าทำแบบนั้นทั้งโลกนี้และโลกคนตายก็คงจะดีใจแหละ」

 

เซนอสฟาด <มีดผ่าตัด(เวอร์ชั่นดาบ)>ขณะหอบหายใจ

ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย

 

「……ทะ…..ทำ..ไม……」

「ทำไมงั้นเหรอ? แกรู้ไหมว่าที่นี่ได้รับความเสียหายไปมากเท่าไร? ถ้าแกตายที่นี่ พวกชั้นจะเอาเงินที่ไหนมาซ่อมแซมบ้านเรือนฟะ ถ้าแกตายชั้นก็จะไปเอาเงินจากคนที่บงการแกแน่ ถ้าอยากตายขนาดนั้นก็พูดออกมาว่าใครทำให้แกเป็นแบบนี้」  

 

เมื่อเนื้อส่วนมนุษย์เพิ่มขึ้นหินหุ้มเกราะก็ทะลักออกมา

เซนอสพยายามฟันต่อไปด้วยร่างกายที่อ่อนล้า

 

「อย่างที่สอง แกมันก็แค่เศษสวะ แต่ถึงแม้จะเป็นเศษสวะ แต่ก็เป็นหนึ่งในผู้มีพระคุณของชั้นแกเก็บชั้นที่อยู่ในสลัมอันเน่าเฟะให้ออกไปเผชิญโลกกว้าง」

 

ฟาดดาบลงไปและสร้างส่วนที่หายไปขึ้นมาใหม่

 

ด้วยเหรียญทองที่มันให้มา จึงช่วยลิลี่มาได้และได้สร้างศูนย์รักษาขึ้นมา

นั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิต

 

「อย่างที่สาม มีเหตุผลอะไรที่จะต้องลบแกออกจากโลกใบนี้?――」

 

ด้วยกำลังทั้งหมดเซนอสใช้ <มีดผ่าตัด(เวอร์ชั่นดาบ> ด้วยการฟันครั้งสุดท้าย

 

「เพราะว่าชั้นคือฮีลเลอร์ไม่ใช่คิลเลอร์ที่พรากชีวิตผู้คนโว้ยยยยยยยยยยยย」

 

 ――พวกเราไม่มีฮีลเลอร์เพราะงั้นมาปาร์ตี้กันเถอะ

 ――หา แม้ว่าชั้นคนนี้จะไม่มีใบอนุญาติการเป็นฮีลเลอร์งั้นเหรอ

 ――แม้ว่าจะไม่มีเวทย์รักษาของแก ก็ไม่มีใครทำอะไรเราได้เพราะพวกเราแข็งแกร่งขึ้นแล้ว

 ――เฮ้ย อย่าเห่าให้มากนักสิ

 

「เข้าใจไหมไอ้อภิมหาควายเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย(วากัตตะ กะ. โคะโน่ ได๋ บากะ ยาโร่)」

「……ข้าก็แค่ไม่ชอบใจ ที่แกเก่งกว่าเท่านั้นเอง……」

 

เกราะทั้งหมดพังทลายลงและแอสตรอนก็ลงไปคุกเข่ากับพื้น

 

「แกมัน…..ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกแล้ว……」  

 

จ้องมองแขนอันแสนสวยงามและพึมพำออกมาด้วยความอ่อนแอ

 

「อะไรกันเล่าข้าสูญเสียทุกอย่าง…..แล้วจะมาบอกให้ข้าใช้ชีวิตอยู่ต่อไปงั้นเหรอ? นี่คือการแก้แค้นของแกสินะ?」

「ไม่รู้เว้ย อย่าคิดเองเออเองสิวะ」

「……」

 

สายลมพัดผ่านระหว่างทั้งสอง

ตรงเนินเขาที่อยู่ห่างไกลถูกย้อมด้วยสีแดงสดใสซึ่งเป็นสัญญาณการมาถึงของรุ่งอรุณ

 

หลังจากเงียบไปชั่วครู่แอสตรอนก็พูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

 

「ดูเหมือนว่าแกจะเป็นที่รักของทั้งสามเผ่า……แกคอยซัพพอร์ตผู้คนจากเบื้องหลังตลอดเวลาโดยไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว……」

「เห้ยเป็นอะไรสมองกระแทกเพราะโดนเพลงดาบหมอลำซิ่งงั้นเรอะ」

「หาาา……? ไม่หรอกมันช่วยไม่ได้ถ้าแกจะคิดแบบนั้น……。ข้ามันก็แค่คนที่หลอกใช้คนอื่นมาตลอดๆ สุดท้ายแล้วก็ถึงคราวที่ตัวเองโดนหลอกใช้บ้าง」

 

แอสตรอนก้มหัวลงแล้วเอาหน้าผากกดพื้น

 

「ข้ารู้อยู่แล้วไม่ว่าข้าจะพูดอะไรไปก็ตามแต่ว่า ข้าขอพูดเพียงแค่คำเดียวว่า……。……ขอโทษนะ…ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา เซนอส」

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดจากใจจริงของเขา

เซนอสถอนหายใจเบาๆและแตะไหล่ของแอสตรอน

 

「พอแล้วน่า เงยหน้าขึ้นเถอะแอสตรอน」

「ไม่ได้หรอก ข้าเองก็รู้สึกผิด」

「ไม่เป็นไรหรอก ถ้าแกยังอยู่ท่านั้นอยู่ ชั้นก็ต่อยแกไม่ได้สิเว้ย?」

「……เอ๊ะ?」  

「ถ้าแกกลับมาเป็นมนุษย์แล้วล่ะก็ไม่มีอะไรที่ชั้นจะต้องลังเลอีกแล้ว」  

「อาโนะ เอ๊ะ」

「เสริมพลังกาย――สิบเท่า อ่ารอเวลานี้มาตลอดเหลือพลังเวทย์ไว้หน่อยนึงเพื่อฉากนี้โดยเฉพาะ」

「โชตโตะ」

「ชั้นจะบอกเหตุผลที่สี่ให้ฟังเองที่ทำให้แกมีชีวิตอยู่ หากแก้แค้นแกตอนที่สติแกมันคลุมเครือ มันจะรู้สึกไม่สดชื่น มันจะไม่รีแล็กซ์ และมันก็ไม่สนุกด้วย」

 

เซนอสค่อยๆเหวี่ยงแขนของเขาที่ห่อหุ้มไปด้วยแสงสีน้ำเงิน

 

「เพราะแกชั้นถึงได้ลำบากมาตลอด! คิดว่าทำโดเกซะแล้วจะยกโทษให้เหรอวะ!!!!」

「โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」

 

หมัดขวาที่เสริมพลังกายสิบเท่าถูกซัดเข้าที่แก้มขวาของแอสตรอนอย่างจัง

ร่างกายปลิวลอยไปเป็นเหมือนแสงดาวระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดยามเช้า

 

ตอนที่ 35 สถานที่ให้กลับ<ปัจฉิมบท①>

 

 

「เอ้า ลุกขึ้น」

「อะ…อูย……」

 

เมื่อแอสตรอนตื่นขึ้น ก็มีสาวผมบลอนด์ตาสีฟ้ามองลงมา

ใบหน้าของเขาเจ็บหนักเพราะโดนต่อย

โดนต่อยจนสลบไปชั่วครู่หนึ่ง

 

「เธอคือ……」

「ฉันได้รับรายงานมาว่าพบสัตว์ประหลาดโกเลมตัวหนึ่ง แต่นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะคะที่ได้เจอกัน รอบที่แล้วคุณหนีไปได้」

「อาาา……」

 

แน่นอนเธอคือคริสน่า หัวหน้ากองทหารรักษาการณ์

แอสตรอนค่อยยกร่างส่วนบนขึ้นอย่างช้าๆ

 

「เซนอสล่ะ……?」

「ก็ได้เจอเขาแล้วล่ะคะและได้ยินเรื่องราวระหว่างที่เดินมาที่นี่แล้ว นับเป็นปาฏิหาริย์มากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้เลย คุณเซนอสเนี่ยให้ขอบคุณเท่าไรก็ไม่พอเลยนะคะ」

「…………นั่นสินะ」

 

แอสตรอนพูดเล็กน้อยขณะจับแก้มที่ปวดเพราะโดนต่อยมานั่นเอง

คริสน่าชี้ปืนเวทมนตร์ไปทางแอสตรอน

 

「แอสตรอน・เบอริงเกอร์ ขอจับกุมคุณในข้อหาต่างๆมากมาย เช่น พยายามทำร้ายร่างกายผู้คน หลบหนี ให้การเท็จ แก้แค้นผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามอำเภอใจ และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน พวกเราได้เตรียมการลงโทษที่เหมาะสมกับคุณไว้แล้ว แน่นอน ว่าจะขอให้ปริปากเกี่ยวกับเรื่องผู้บงการเรื่องในครั้งนี้ด้วยค่ะ」

 

คริสน่าเหลือบมองร่างกายของแอสตรอน

 

「นอกจากนี้ยังทำอาชญากรรมโป๊เปลือยอนาจารในที่สาธารณะอีกด้วยค่ะ」

「……?」

 

ในตอนที่ได้รับการรักษา เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็ขาดวิ่นไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ความน่าสมเพช

 

「……ไม่」

 

ทันใดนั้นเองก็สังเกตเห็น

ดาบเล่มโปรดซึ่งเป็นสมบัติของดันเจี้ยนได้หายไปแล้ว

แน่ใจว่าพกติดตัวไว้ตลอดเวลา

 

「อ่าาาา และก็มีข้อความจากคุณเซนอสฝากไว้ด้วยค่ะ 『ในขณะที่แกหมดสติอยู่ ขอยึดดาบเล่มนี้ที่เอาให้แกไปแล้วกัน มันเป็นสมบัติจากดันเจี้ยนใต้ดิน หากเอาไปขายก็คงจะได้เงินจำนวนมากพอชดเชยค่าที่ทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านในสลัมได้ ชั้นหมายถึงดาบนี่แต่แรกก็เป็นของชั้นอยู่แล้ว ชั้นเป็นคนเอามาด้วยซ้ำ มันเป็นของชั้น』 ค่ะ」

「…………หาาาาา」

 

แอสตรอนหัวเราะอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

ทุกอย่าง

สูญเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว

ทั้งหมดที่ทำมา คุณสมบัติการเป็นนักผจญภัยก็จะโดนลิบเช่นกัน

ทั้งตำแหน่ง เพื่อน ทรัพย์สิน ทุกสิ่งทุกอย่างที่สะสมมาทั้งหมดล้วนพังทลาย

 

「มาหงุดหงิดอะไรกันคะ? ทำตัวเองล้วนๆ」

「อาาา รู้อยู่แล้วล่ะ……」

 

ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว

ไม่ ตั้งแต่แรกก็ไม่มีอะไรเลย

เมื่อพูดถึงสิ่งที่กำลังจะพูด――

 

「……?」

 

ทันใดนั้นก็รู้สึกตัว

มีบางอย่างอยู่ในมือซ้ายของข้า

เมื่อแบมือออกก็พบว่ามีเหรียญทองคำเก่าๆอยู่ในมือ

 

「อ้อมีอีกข้อความหนึ่งฝากจากคุณเซนอสค่ะ『เอ้านี่เศษเงินที่เคยได้จากแก และก็อย่ามายุ่งกับชั้นอีก』ว่างั้นแหละค่ะ」

「…………」

 

แอสตรอนจ้องมองไปที่เหรียญทองคำโดยไม่พูดอะไร

 

ข้อความนั่นแล้วเหรียญทองนี่คือสิ่งที่บอกว่าเซนอสได้บอกลากับเขาชั่วนิรันดร์

มันอาจจะไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว

แต่ว่า――

 

「เซ……นอส……」

 

ข้าเสียทุกอย่าง

ทุกสิ่งทุกอย่างได้หายไปจากมืออันแสนสกปรกโสโครกนี่

 

แต่ว่ามีชายคนหนึ่งได้พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าแม้จะเป็นเหรียญทองคำเพียงเหรียญเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาได้

แอสตรอนกำเหรียญทองนั้นไว้แน่นและหมอบอยู่ตรงนั้น

 

「ฮืออออออออออออออ……อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา……」

 

คริสน่ายักไหล่มองชายคนนั้นที่สั่นเทา

 

「อย่าร้องไห้เลยพ่อคุณคะ เดี๋ยวจะได้ร้องไห้จริงๆแน่ตอนสอบปากคำเพราะการสอบปากคำของดิฉันคนนี้น่ะเข้มงวดเหมือนกับปีศาจมาทรมานด้วยตัวเองเลยนะคะ」

 

 +++

 

「อ่ากองทหารรักษาการณ์เคลื่อนไหวแล้วเหรอเนี่ย……」

 

บนเนินเขาที่อยู่ห่างไกล “ผู้นำทาง” พึมพำเงียบๆ

 

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสลัมก็ตามศูนย์กลางก็ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง

 

อาณาจักรฮาเซส หรือที่รู้จักกันว่าอาณาจักรแห่งอัสดง ได้ฉายแสงเจิดจ้าให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แสงที่รุนแรงจนเกินไปก็จะทำให้เกิดเงามืดขึ้นมา

 

ในประเทศนี้ มีบางอย่างเริ่มขับเคลื่อนไปทีละน้อย

 

ที่ศูนย์กลางการเคลื่อนไหวน่าจะเป็นฮีลเลอร์ในเมืองแห่งการล่มสลายนั่นเอง

 

「เป็นคนที่น่าสนใจมากทีเดียวเลยนะครับ ผมล่ะอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้จริงๆ……」

 

ข้อมูลที่ซ่อนของผู้นำทางน่าจะรั่วไหลจากชายที่ชื่อแอสตรอน

ไม่ได้คาดหวังว่าหมอนั่นจะรอด ดังนั้นก็เลยไม่ได้ระวังตัว

อาจจะต้องหาที่กบดานเงียบๆไปซักพักไม่ก็ออกไปนอกประเทศ

ตอนนี้ผมต้องละทิ้งงานวิจัยที่ทำอยู่ทั้งหมดไว้

 

「――จะไม่ลืมในสิ่งที่คุณทำไว้เลย ไว้มาเล่นกันใหม่นะครับเซนอสคุง」

 

“ผู้นำทาง”กล่าวเช่นนั้น แล้วหันหลังกลับ

 

 +++

 

「โอวว อูยยยยยย……」

 

ในขณะที่เซนอสกำลังเดินไปตามถนนที่พังยับเยิน ท่าเดินเหมือนกับซอมบี้

รักษาผู้คนมากมายหลายร้อยคนในตอนกลางคืนและซัพพอร์ตในการต่อสู้กับโกเลม สุดท้ายก็ช่วยแอสตรอนที่โดนหินเวทมนตร์กลืนกินร่างกายโดยตัดส่วนที่โดนกลืนกินเลาะไปทีละน้อยจนหินเวทย์พังทลายไป

 

「อืมมมม ก็อย่างที่คิดแหละ เพราะทำงานหนักเกินไปอะนะ……」

 

เขาพยายามเข้าไปในศูนย์รักษาของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าที่พุ่งพรวดมาราวกับคลื่น

 

「อาจารย์ไม่เป็นไรนะคะ?」

「ท่านเซนอส สภาพดูไม่ได้เลยนะ」

「วิธีเดินนี่เหมือนคนแก่ใกล้ลงโลงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ เดี๋ยวช่วยประคอง」

 

ทั้งสามมาหาด้วยความกังวล

 

「ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเธอก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ชั้นก็แค่ไม่ค่อยมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองก็เท่านั้นเอง」

「……」

 

ทั้งสามพยักหน้าและส่ายหัวให้เซนอสและประคองไหล่เขา

 

「เฮ้ยพวกเธอ」

「ไม่เป็นไรหรอกนะคะอาจารย์ ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นหนี้บุญคุณอาจารย์นะคะ」

「แค่นี้น่ะสบายมาก ริงก้าเองก็อยากจะสนิทกับท่านเซนอสเยอะๆ」

「ริงก้าอย่าวิ่งสิ」

 

เซนอสถอนหายใจเล็กน้อย

 

「……ช่วยไม่ได้นะ บางทีก็ควรจะยอมรับความช่วยเหลือบ้างสินะ」

 

ในที่สุดเซนอสก็มาถึงศูนย์รักษาด้วยการให้ทั้งสามคนประคองมา

 

「คุคุคุ ปลอดภัยดีงั้นเหรอเนี่ย ถึกทนตายยากจริงน้อ」

 

เมื่อชั้นเปิดประตูก็พบกับคาร์มิล่าที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนเตียง

 

「ขอโทษล่ะกันที่รอดมาได้น่ะ」

「ให้ตายสิ คิดว่าจะได้ความสงบสุขกลับมาแล้วเชียว ชิ」

「คาร์มิล่าซังถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะคะ แต่พอเห็นท่านเซนอสกลับช้าเธอก็กังวลและเดินไปรอบๆบ้านใหญ่เลยล่ะคะ」

「พะพะพะพูดบ้าๆน่า ลิลี่ อย่าพูดโกหกสิ มันไม่ดีนะ」

「เหหหหห……」

「อะไรกันสีหน้าแบบนั้นน่ะ」

「ตอนแรกที่ลิลี่ได้ยินเรื่องจากคาร์มิล่าซังก็กังวลใจมากเลยค่ะ แต่คาร์มิล่าซังก็บอกมาว่า”ไม่เป็นไรหรอก เซนอสต้องกลับมาแน่นอน”ค่ะ」

 

ลิลี่วางถ้วยชาบนถาดและเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มแป้น

ยื่นแก้วให้พร้อมกับพูดด้วยเสียงอันดัง

 

「ยินดีต้อนรับกลับมานะคะ ท่านเซนอส」

「……」

 

เซนอสกระพริบตาหลายๆครั้งแล้วพยักหน้าช้าๆ

จากนั้นเขาก็มองหน้าทุกคนและหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบกลับว่า

 

「อ่าาา กลับมาแล้วครับ」

ตอนที่ 36 ลางสังหรณ์<ปัจฉิมบท②>

ช่างบ่ายวัน หลังจากเหตุการณ์โกเลม

 

ที่ทางเข้าของสลัมมีคนกลุ่มหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว

แขนเสื้อมีตราสัญลักษณ์ลวดลายของมือทั้งสองที่โอบล้อมดวงอาทิตย์เผยให้เห็นถึงการรักษา

เป็นกลุ่มฮีลเลอร์ของศูนย์รักษาของราชวงศ์

 

「ทำไมทางสำนักงานใหญ่ถึงใช้เวลานานกว่าจะส่งฮีลเลอร์มาที่นี่?」

 

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งบ่นเล็กน้อย

ฉันสวมแว่นและมีผมสีฟ้ากำลังไหล่สั่นอยู่

 

「มันช้าเกินไปแล้วหากมีคนบาดเจ็บร้ายแรงนี่มันก็เท่ากับตายไปแล้วนะคะ」

「ช่วยไม่ได้นี่น่า ยูมิน เพราะที่นี่มันคือสลัมนะ」

「แม้ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามแต่ถ้ามีผู้บาดเจ็บพวกเราในฐานะฮีลเลอร์ก็ต้องรักษาพวกเขาไม่ใช่เหรอคะ」

「อย่าโวยวายเสียงดังนักสิ มันมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเลยนะ นั่นเป็นสาเหตุเพราะคนที่มาที่นี่ไม่ได้มาเพราะคำสั่งของทางการแต่เป็นอาสาสมัครเข้าใจไหม」

 

ฮีลเลอร์อีกคนหนึ่งพยายามสนับสนุนอีกคน

เด็กผู้หญิงที่ชื่อยูมินยกขอบแว่นขึ้นและถอนหายใจเล็กน้อย

 

「แล้วเหตุใดถึงมากันแค่ห้าคนคะ……」

「ก็ยังดีกว่าศูนย์นี่」

「ฉันไม่ได้ฟังรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหรอนะ」

「ชั้นเองก็ด้วย มีข่าวลือว่ามีสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้นกลางเมืองสลัม แต่ว่าชั้นเองก็ไม่แน่ใจ ดูเหมือนว่ากองทหารรักษาการณ์เองก็ได้สืบสาวพยานสำคัญแล้ว แต่ก็มีเรื่องที่ห้ามไม่ให้ประกาศรายละเอียดเพราะกลัวผู้คนตื่นตระหนก」

「ทำเหมือนกับงมเข็มเลยนะคะ……」

「หน้าที่ของพวกเราไม่ใช่มาค้นหาข้อเท็จจริง แต่ว่าคอยรักษาผู้บาดเจ็บ มันช่วยไม่ได้ หากเธอจะกังวลเกินเหตุ」

「ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะค่ะ……」

 

ฮีลเลอร์กลุ่มหนึ่งเข้ามาในเมืองขณะสนทนากันนั้นเอง

 

「うわ……」

 

มีฉากที่เกินจินตนาการเกิดขึ้น

อาคารโดยรอบส่วนใหญ่พังทลางลงและยังมีเศษไม้บางส่วนยังคงคุกกรุ่นด้วยควัน

 

「ไม่จริงน่า สัตว์ประหลาดโผล่มาจริงเหรอเนี่ยคะ?」

「ชั้นเองก็คิดว่าเป็นเรื่องล้อกันเล่น ถ้ามีสัตว์ประหลาดแบบนั้นปรากฏขึ้นแล้วมันหายไปไหนล่ะ?」

 

ทุกคนต่างสับสน

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูจากสถานการณ์ตรงหน้าต้องมีคนเจ็บจำนวนมากแน่ๆ

 

ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตั้งฐานที่มั่นที่ไหนสักแห่งและตรวจร่างกายผู้คนตามลำดับ แต่ที่นี่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ยูมินเวียนหัวขณะคิดว่าต้องใช้เวลากี่วัน

 

「ถ้างั้นก็ไปขอความร่วมมือจากพวกชาวบ้าน ช่วยรวบรวมคนเจ็บมาไว้จุดเดียวกันเถอะค่ะ」

 

ยูมินและเพื่อนๆแยกจากกันไปและร้องเรียกชาวบ้านที่กำลังทำความสะอาดเศษไม้

 

 แต่ว่า――

 

「ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอคะ……?」

「ทางชั้นเองก็ด้วย」

 

ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและไม่ต้องการๆรักษาเลยแม้แต่น้อย

หากขอรายละเอียดเพิ่มเติมก็ไม่มีใครบอก

 

「เป็นไปได้เหรอกับสถานการณ์ที่มีความเสียหายหนักขนาดนี้? เหตุการณ์มันเกิดขึ้นกลางดึกใช่ไหมคะ? ไม่คิดว่าทุกคนจะอยู่ในสถานการณ์ที่อพยพได้ในทันทีหรอกนะคะ?」

 

ยูมินพูดด้วยความสับสน

ฮีลเลอร์อีกคนพูดพร้อมกับกอดอก

 

「ถ้าคิดดูให้ดีแล้วละก็….ไม่มีคนบาดเจ็บจริงๆนี่ก็เป็นเท่ากับว่าชาวบ้านสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อสร้างความสับสนให้กับศูนย์กลางงั้นเหรอ」  

「แล้วเหตุผลคืออะไรล่ะ?」

「หรืออาจจะมีคนเจ็บแต่ไม่ไว้ใจพวกเรา」

「……」

「ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม สิ่งที่แน่นอนคือเราไม่มีงานให้ทำ เสียเวลาเปล่า」

 

ฮีลเลอร์ทุกคนดูผิดหวังและพากันออกจากสลัม

 

「เป็นอย่างนั้นจริงๆน่ะเหรอ……」

 

ยูมินที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพังพึมพำขณะมองดูซากปรักหักพังของเมือง

 

ประการแรกใครจะบ้ามาทำลายบ้านเกิดตัวเองเพื่อทำให้ทางศูนย์กลางสับสน

นอกจากนี้ หากไม่ไว้ใจฮีลเลอร์จากราชวงศ์ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะมีอีกคนหนึ่งที่พวกเขาไว้ใจให้รักษาบาดแผลก็ได้

 

「บางที――」

 

ยูมินนึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง

 

 พูดง่ายๆ มี・ผู้・ได้・รับ・บาด・เจ็บ・จำ・นวน・มาก・แต่・โดน・คน・อื่น・รัก・ษา・จน・หาย・ดี・หมด・ทุก・คน・แล้ว・นั่น・เอง・。

 

อย่างไรก็ตามเธอส่ายหัวทันที

 

「……จะไปเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ」

 

แม้แต่พวกยูมินเองก็จะต้องใช้ฮีลเลอร์หลายสิบคนเพื่อรักษาคนจำนวนมากขนาดนี้ ในเหตุการณ์ที่มีคนเจ็บเยอะขนาดนี้

ทางศูนย์รักษาของราชวงศ์ไม่มีข้อมูลใดๆของฮีลเลอร์ชื่อดังที่ย้ายมาอยู่ในสลัมสักหน่อย

แน่นอน ตัวฉันเองก็ไม่เคยได้ยินตัวตนฮีลเลอร์ระดับพิเศษหรือบุคคลที่เหนือยิ่งกว่านั้นมาก่อนเลย

 

ยูมินหยุดเดินเมื่อพยายามจะออกจากสลัมด้วยความคิดไร้สาระในหัว

 

จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้

 

ไม่นานมานี้ ไปเที่ยวที่หมู่บ้านห่างไกล และเคยเข้าร่วมกับ【ฟีนิกซ์เหล็กกล้า】เคยไปกับพวกเขาเพื่อไปจัดการกับจิ้งจอกเพลิง

 

ตอนนั้นก็ได้ยินประโยคสำคัญของหัวหน้าปาร์ตี้เข้ามาในหัวของฉัน

 

 ――มีใครบางคนที่สามารถใช้เวทย์รักษาระดับพิเศษได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาติการเป็นฮีลเลอร์บ้างไหม?

 

「…………」

 

พอคิดว่ามันเป็นคำถามแปลกๆ แต่พอนึกถึงตอนนี้แล้วมันควรจะเป็นคนๆนั้นที่เขาพูดถึงรึเปล่า?

 

ศูนย์รักษาแห่งหนึ่งที่มีอำนาจในการรักษาเหนือศูนย์รักษาแห่งอื่นทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตามหากไม่มีใบอนุญาติการเป็นฮีลเลอร์เรื่องก็คงแดงจนได้ยินมาถึงหูแล้ว

 

 ที่ไหนสักแห่งในประเทศนี้มีฮีลเลอร์ที่เป็นตัวตนระดับพิเศษที่ศูนย์กลางไม่รู้จักซ่อนตัวอยู่ และถ้าเป็นบุคคลดังกล่าวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็สามารถอธิบายเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด――

ยูมินมองย้อนกลับไปในสลัมด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

 

「ไม่มีทาง ไม่จริงใช่ไหมคะ……?」

 

ตัวตนของศูนย์รักษาแห่งราชวงศ์กำลังคืบคลานเข้าหาศูนย์รักษาของดาร์กฮีลเลอร์

 

 

จบเล่มแรก ขอบคุณที่ตามอ่าน อาจจะยาวหน่อยๆเพราะขี้เกียจอัพทีละตอน TwT

ฮีลเลอร์สุดเมพโดนไล่ออกจากตี้ (สุดกาก) ผันตัวมาเป็น ดาร์กฮีลเอร์

ฮีลเลอร์สุดเมพโดนไล่ออกจากตี้ (สุดกาก) ผันตัวมาเป็น ดาร์กฮีลเอร์

Status: Ongoing
แกไม่ได้ทำอะไรเลยเมื่อเร็วๆ พวกเราไม่ต้องการแกแล้ว」 วันหนึ่งเซนอส โดนหัวหน้าปาร์ตี้แอสตรอนบอกแบบนั้น เซนอสที่เป็นฮีลเลอร์จากบ้านนอกและไม่มีใบอนุญาติอย่างเป็นทางการ ถึงกระนั้นก็ฝึกหนักอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนปาร์ตี้ที่มาดูแลชั้น    ด้วยเหตุนี้ หากเพื่อนได้รับบาดแผลเล็กน้อยก็รักษาให้ในทันที และใช้เวทย์ป้องกัน ใช้ฟื้นฟูอัตโนมัติ และเสริมพลังกาย ที่มันใช้ได้ยากและว่ากันว่าปาร์ตี้ของเซนอสนี่เป็นอมตะกันเลยทีเดียว   อย่างไรก็ตาม พวกนั้นก็เข้าใจผิดว่าปาร์ตี้ของตนเองเก่งขึ้นและไม่จำเป็นต้องพึ่งเซนอสอีกแล้วและใช้เซนอสเป็นคนแบกสัมภาระ และเริ่มคิดว่าเซนอสเป็นตัวถ่วง หลังจากโดนไล่ออกจากปาร์ตี้ เซนอสได้ช่วยชีวิตทาสเอลฟ์สาวที่ได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญ 「ดิฉัน ยังมีชีวิตอยู่เหรอคะ……? ฉันคิดว่าฉันตายแล้วซะอีก」 「ฮะฮะฮะ รอยขีดข่วนแค่นี้จิ๊บจ๊อยน่า」 「……สุดยอดไปเลยค่ะ」 หลังจากช่วยเอลฟ์สาวแล้ว เซนอสเองก็ตัดสินใจเปิดศูนย์รักษาแห่งความมืดที่มุมมถนน เนื่องจากเขาไม่มีใบอนุญาติ การรักษาจึงเป็นแบบปากต่อปาก แต่ข่าวลือของดาร์กฮีลเลอร์นั่นแพร่กระฉ่อนไปทั่วทุกสารทิศที่ช่วยเหลือผู้อ่อนแอและทำเงินได้เป็นจำนวนมาก จนในที่สุดก็ดังไปถึงพระราชวัง ในทางกลับกันอดีตปาร์ตี้ของเซนอสก็บาดเจ็บกันหนักมากเพราะเสียฮีลเลอร์สุดเมพไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงถูกบอกให้พากลับมาตอนนี้ แต่ว่าได้เงินมากมายขนาดนี้ ใครจะกลับฟะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท