ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 21 ซอมบี้กลายพันธุ์ปะปนเข้าไปอยู่ในฐาน (รีไรท์)

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 21 ซอมบี้กลายพันธุ์ปะปนเข้าไปอยู่ในฐาน (รีไรท์)

ตอนที่ 21 ซอมบี้กลายพันธุ์ปะปนเข้าไปอยู่ในฐาน (รีไรท์)

ทว่าตอนนี้อารมณ์ของซูเถาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เธอรับเพื่อนของซูเจี้ยนหมิงที่สมัครเข้ามาได้ยังไงกัน?

คนคนนี้คือใคร ทำไมเธอไม่เคยเห็นมาก่อน

ซูเถามองย้อนกลับไปที่ประวัติของเซี่ยงปินอีกครั้งและพบว่าเขาเคยทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง น่าจะเป็นเพราะทำงานอยู่ในสายงานเดียวกันเขาเลยรู้จักกับซูเจี้ยนหมิงที่เป็นวิศวกร

อีกอย่างก่อนหน้านี้เธอได้แต่อยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปพบปะผู้คนข้างนอก ดังนั้นจึงจำไม่ได้ว่าซูเจี้ยนหมิงมีเพื่อนเช่นนี้ น่าปวดหัวจริง ๆ เซี่ยงปินคงไม่ใช่คนที่หลอกง่ายขนาดนั้น ถ้าเรื่องนี้พ่อนิสัยเสียของเธอรู้เข้าล่ะก็…

ช่างเถอะ จะรู้ก็ปล่อยให้รู้ไปสิ แต่เขาจะมาขโมยเงินขโมยห้องเช่าของเธอไปหรือเปล่า

ฝันไปเถอะ!

“เถ้าแก่ซู ฉันทำแบบนี้ได้ไหม” เสียงของจวงหว่านดึงสติของเธอกลับมา

ซูเถามองแบบฟอร์มการลงทะเบียนที่จวงหว่านทำ อีกฝ่ายจดรายละเอียดเวลาที่ผู้เช่าแต่ละคนย้ายเข้ามา เวลาที่ควรจะชำระค่าเช่าในเดือนถัดไป พฤติกรรมของผู้เช่าแต่ละคนเมื่อพวกเขาย้ายเข้ามา ข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งละเอียดมาก

ซูเถาค่อนข้างประหลาดใจและถามว่า “พี่เคยทำงานธุรการมาก่อนเหรอ”

จวงหว่านส่ายหัว “สมัยเรียนฉันเคยเป็นหัวหน้าห้อง”

ซูเถาให้กำลังใจ “พี่ยอดเยี่ยมมาก พี่สามารถเลี้ยงลูกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องค่อยพึ่งพาคนอื่น”

ดวงตาของจวงหว่านแดงระเรื่อ “เถ้าแก่ซู คุณพูดถูก ฉันน่าจะพบคุณเร็วกว่านี้ ฉันจะได้ไม่ต้องคอยพึ่งพาจวงหู่อยู่ตลอด จะได้ไม่กลายเป็นภาระของเขา เขาจะได้ไม่ต้องเสียสละเลี้ยงดูลูกแทนฉัน…และสามีของฉัน เพื่อที่จะปกป้องและดูแลฉันกับลูก ๆ เขาต้องไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อหาเงินแล้วถูกซอมบี้โจมตี…”

เธอปิดหน้าและเริ่มร้องไห้

ซูเถาไม่ชอบการร้องไห้ของเธอ เพราะมันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย

เธอตบไหล่จวงหว่านเบา ๆ “อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ จากนี้เป็นต้นไปพี่จะมีชีวิตที่ดีในเถาหยาง ตราบใดที่ยังมีเถาหยางอยู่ พี่และลูก ๆ ก็จะมีชีวิตที่มั่นคง คืนนี้พี่กลับไปเก็บของนะคะ แล้วพรุ่งนี้ก็ย้ายเข้ามา”

จวงหว่านยิ่งร้องไห้หนักขึ้น กล่าวขอบคุณซูเถาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลังจากส่งจวงหว่านที่เพิ่งร้องไห้ออกไป อารมณ์ของซูเถาก็รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ไม่นานสือจื่อจิ้นก็ได้นำข่าวที่น่าตกใจมาให้เธอ

“เร็ว ๆ นี้มีซอมบี้แอบเข้าไปในตงหยาง ตอนนี้คุณเองก็ต้องระวังตัวเอาไว้ให้มาก ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกไปข้างนอก”

หัวใจของซูเถาสั่นระรัวแทบจะเด้งออกจากอก “มีคนติดเชื้อแอบเข้าไปในฐานและกลายเป็นซอมบี้เหรอ?”

สื่อจื่อจิ้นส่ายหัว เอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “มันเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ที่มีลักษณะไม่แตกต่างจากมนุษย์มากนัก ครั้งนี้มันปลอมตัวเป็นเด็กอายุสี่ขวบ ถ้าเห็นเขาคุณไม่ต้องตกใจ แล้วอย่าแสดงออกว่าคุณกลัว ซอมบี้ตัวนี้มีความเฉลียวฉลาด ถ้าคุณแสดงความกลัวออกมา มันจะคิดว่าคุณไม่ชอบมันและมันจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ สติของมันจะเริ่มคลุ้มคลั่งและลงมือฆ่าคน”

ซูเถาผงกหัวอย่างรวดเร็ว แท้จริงแล้วเธอมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย หลังจากผ่านมา 20 ปี จู่ ๆ ซอมบี้ก็กลายพันธุ์ แค่ได้ยินเธอก็รู้สึกสยองจนขนลุกขนพองแล้ว

เธอไม่มีกำลังพอที่จะต่อสู้และไม่มีพลังวิเศษอะไร เธอไม่มีแรงแม้แต่จะต่อสู้กับผู้ชายธรรมดา ๆ ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงซอมบี้กลายพันธุ์ที่ทรงพลังเลย ( ;_ ;)

“หลังจากนี้ผมจะยุ่งมากแล้ว คงไม่มีเวลาได้กลับมาที่นี่เท่าไหร่ ผมจะส่งคนมาเฝ้าที่เขตเถาหยาง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมจะรีบมาทันที ทางที่ดีคุณและจื่อเยว่ไม่ต้องออกไปข้างนอก”

คำพูดของชายหนุ่มทำให้ซูเถารู้สึกปลอดภัยขึ้นอย่างมาก ความกลัวในใจของเธอได้สลายหายไป เหมือนมีพี่ใหญ่ให้ความคุ้มครองชีวิตน้อย ๆ ของเธอ

“งั้นคุณก็ดูแลตัวเองให้ดีและพยายามอย่าได้รับบาดเจ็บกลับมา” เธอออกคำสั่ง

สื่อจื่อจิ้นส่งเสียงตอบรับในลำคอเบา ๆ

ก่อนเข้านอนในตอนกลางคืนซูเถาได้รับคำเตือนอีกครั้งว่าอย่าออกไปไหน เพียงแต่ว่าครั้งนี้คนที่เตือนเธอคือ เผยตง จากห้องเดี่ยวหมายเลข 005

ซูเถาจำได้ว่าสือจื่อเยว่บอกว่าเธอมีพื้นฐานทางทหารและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ

แต่เนื่องจากตารางงานของเผยตงดูเหมือนว่าเธอจะใช้ชีวิตกลางวันกลางคืนสลับกับคนอื่น ซูเถาจำได้ว่าตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนเข้าพัก หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นหน้าเธออีกเลย

เผยตงเห็นซูเถายืนอยู่ในห้องนั่งเล่น จึงคิดว่าเธอกำลังจะออกไปข้างนอกจึงขมวดคิ้วและพูดว่า

“ช่วงนี้อย่าเพิ่งออกไปนอกเถาหยาง ตอนนี้ทั้งภายในและภายนอกตงหยางไม่ปลอดภัย คุณควรบอกผู้เช่ารายอื่นด้วยว่าอย่าพาคนแปลกหน้าเข้ามา หากมีผู้เช่ารายใหม่ก็ควรคัดกรองอย่างเคร่งครัด”

ชั่วขณะหนึ่งซูเถาแอบรู้สึกว่าเผยตงเป็นหัวหน้าของเธอ และรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกดขี่เป็นอย่างมาก

เผยตงไม่พูดอะไรมาก “เรื่องนี้เป็นสถานการณ์เฉพาะ คุณไม่ต้องรู้และถามอะไรมาก ทำตามที่บอกก็พอ เห็นคุณค่าของชีวิตด้วย”

หลังจากพูดจบเธอก็สวมเสื้อกันลมและหันหลังกลับเพื่อเข้าไปในห้องของเธอ

ท่าทางอวดดี…

มาคอยเตือนเรื่องการทำสิ่งต่าง ๆ

ซูเถารอให้เธอหายเข้าไปในห้อง ก่อนจะทำท่าเตะอากาศแล้วแอบบ่นอุบอิบในใจ รู้มากจริง ๆ ฉันก็รู้เหมือนกันนั้นแหละน่า!

ห้าวินาทีต่อมา เธอก็รีบส่งข้อความถึงสื่อจื่อจิ้น

‘เผยตงของพวกคุณเป็นใคร คนที่ผอม ๆ สูง ๆ ที่ชอบดูถูกคน แต่ท่าทางก็ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะ’

สื่อจื่อจิ้นซึ่งกำลังเฝ้าระวังร่วมกับกองกำลังปกป้องเมือง เมื่อเขาได้รับข้อความนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันน่าตลก และตอบอีกฝ่ายกลับไปว่าเผยตงเป็นรองผู้บัญชาการกองกำลังปกป้องเมือง มีหน้าที่ป้องกันและตรวจสอบฐานทัพทั้งหมด

เมื่อได้เห็นคำตอบ ซูเถาก็คิดกับตัวเองว่าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเผยตงถึงพูดจาโผงผางและแข็งกระด้าง ที่แท้เธอก็คุ้นเคยกับการออกคำสั่ง จะยอมให้อภัยเธอก็แล้วกัน

จากนั้นรีบส่งข้อความไปยังกลุ่มผู้เช่าว่าในช่วงนี้ถ้าไม่จำเป็นอย่างได้ออกไปไหน

ทันทีที่เธอส่งข้อความออกไป ทุกคนก็ตอบรับกับสิ่งที่เธอสื่อสารออกไป

ซูเถานึกถึงคำเตือนใจของสื่อจื่อจิ้นและบอกเพียงว่า เธอได้ยินข่าวลือมาว่าช่วงนี้สถานการณ์ภายนอกไม่สงบสุข มีบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน ดังนั้นทุกคนต้องอยู่ในที่ปลอดภัยและห้ามออกไปข้างนอก

ผู้เช่าส่วนใหญ่ค่อนข้างหวาดกลัว และรับปากว่าจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

ซูเถากำลังรอผู้เช่าทุกคนกลับบ้านทีละคน

เวลาบ่ายสองโมงมีพี่น้องคู่หนึ่งสกุลเถาที่อยู่ห้องคู่และหญิงวัยกลางคนห้องเดี่ยวที่ไม่ใส่ใจ

“พี่น้องของเรามีพลังวิเศษ โดยพื้นฐานแล้วซอมบี้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดังนั้นเถ้าแก่ซูไม่ต้องกังวลไป” เถาถงเหอผู้เป็นพี่ชายกล่าว

เถาถงเจี๋ยน้องชายยังกล่าวเสริมอีกว่า “ไม่กี่ปีมานี้ เราสองคนพี่น้องฆ่าซอมบี้มาเป็นร้อยตัว กองทัพบุกเบิกและกองกำลังปกป้องเมืองแสดงความปรารถนาที่จะเป็นมิตรและขอความร่วมมือกับพวกเรา แต่ว่าเราไม่ชอบถูกควบคุมไม่งั้นเราคงได้เลื่อนยศเป็นทหารไปแล้ว”

หญิงวัยกลางคนอย่างเหวินเพ่ยเจินไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่อะไร

“ฐานตงหยางนั้นใหญ่มากและประชากรก็หนาแน่น หากมีซอมบี้มันต้องสร้างความปั่นป่วนในฝูงชนเป็นอย่างแรก เมื่อฉันเห็นความเคลื่อนไหว ก็แค่รีบวิ่งหนีให้เร็วที่สุด”

ซูเถาพูดไม่ออก เธอไม่กลัวความตายก็ช่างเถอะ “งั้นก็แล้วแต่ทุกคนเถอะ แต่ก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน และข้อสำคัญ อย่าพาคนแปลกหน้ามาที่เถาหยาง”

ทั้งสามตกลงอย่างง่ายดาย

หลังจากพี่น้องสกุลเถาตกลงก็บอกว่าจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อน

ซูเถามองเวลาตอนนี้เป็น 02:40 น. แล้ว ช่างเถอะ เธอไม่ใช่แม่ของพวกเขา เธอคงไม่ต้องสนใจอะไรมาก จากนั้นซูเถาก็นอนต่ออีกสองชั่วโมง หญิงสาวพยายามเบิกตาเพื่อที่จะตกแต่งห้องนอนและห้องนั่งเล่นห้องชุดหมายเลข 003 ให้เสร็จ

ในที่สุดข้อมูลการเช่าห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นทั้งสองห้องก็ถูกเผยแพร่ออกไป จากนั้นเธอก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

เพราะเมื่อคืนเธอนอนดึกเกินไป ทำให้วันรุ่งขึ้นซูเถารู้สึกเพลียจนตื่นไม่ไหว ดังนั้นจึงนอนต่อถึงบ่ายโมง เสียงแจ้งเตือนของแม่บ้านอัจฉริยะดังไม่หยุดและเต็มไปด้วยข้อมูลการเช็คอิน

รูปแบบของ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นนั้นดีจริง ๆ ถึงราคาสูงแต่การตกแต่งและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และย่อมทำให้เกิดความต้องการมากขึ้น ผู้สมัครร้อยละแปดสิบถึงเก้าสิบเป็นคู่แต่งงานใหม่ที่ต้องการห้องชุด 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นในเถาหยาง

ซึ่งรวมถึงซูเจิ้งชิงที่ต้องการห้องไว้สำหรับแต่งงาน

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท