ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 43 เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยจริง ๆ (รีไรท์)

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 43 เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยจริง ๆ (รีไรท์)

ตอนที่ 43 เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยจริง ๆ (รีไรท์)

เมื่อมีอาคารสำนักงานแล้ว จวงหว่านจึงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในบ่ายวันนั้นเธอพาผู้เช่ารายใหม่ที่จะเช่าห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นมาลงทะเบียน

ห้องชุดหนึ่ง 1 นอน 1 นั่งเล่นทั้งหมด 3 ห้อง ค่าเช่ารายไตรมาสรวมทั้งหมด 180,000 เหลียนปัง

คลังเก็บเงินเล็กของซูเถาก็เพิ่มเป็น 200,000 เหลียนปัง

หญิงสาวรู้สึกประทับใจมาก ดูเหมือนว่าคืนนี้จะไม่เพียงแต่สร้างระเบียงทางเดินให้เสร็จเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายห้องได้อีกสองสามห้องด้วย

ซูเถารีบเข้านอนอย่างรวดเร็ว เมื่อฟ้ามืดจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำงาน เธอยืนอยู่หน้าโรงอาหารพร้อมกับภาพวาดในมือ คลิกที่เปิดแผงระบบโมเดลสามมิติแล้วเลื่อนนิ้ว ในการสร้างระเบียงต้องสร้างห้องเดี่ยวเพิ่มอีกสองสามห้อง ทุบผนังทั้งสี่ด้านออกและเหลือไว้แต่พื้นห้อง

อาคารหมายเลขหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังและเชื่อมต่อกับด้านซ้ายของโรงอาหาร และอาคารหมายเลขสองยื่นออกมาจากด้านหลังเชื่อมต่อกับด้านขวาของโรงอาหาร ติดตั้งประตูกระจกใสแบบเปิดสองด้านที่จุดเชื่อมต่อ

ระเบียงมีราวจับหินอ่อนทั้งสองด้าน ซึ่งมีความละเอียดอ่อนและแข็งแรงมาก

ซูเถายังตั้งใจอิงตามแบบของผู้อาวุโสเหม่ย ทำระเบียงของอาคารหมายเลขสองให้กว้างขึ้นซึ่งมีขนาดเกือบเท่ากับห้องเดี่ยวหกห้อง มีโต๊ะอาหารทรงกลมขนาดเล็กวางอยู่ใกล้ราวระเบียง และยังมีร่มด้วย

หลังจากขยับขยายแล้วจะไม่กระทบต่อการเดิน และไม่กระทบต่อการทานอาหารแบบเปิดโล่งทั้งสองด้าน ในฤดูร้อนยังสามารถนั่งทานอาหารบนระเบียงได้

ผู้อาวุโสเหม่ยบอกว่าในยุคก่อนวันสิ้นโลกมีร้านอาหารบางแห่งที่มีเค้าโครงแบบนี้ ในอนาคตหากเงื่อนไขเอื้ออำนวย สามารถขุดแม่น้ำเทียมใต้ทางเดินเพื่อเลี้ยงปลาและกุ้งขนาดเล็กลอดผ่านทางเดินได้

มีสะพานขนาดเล็กให้คนเดินผ่าน ในฤดูร้อนมีลมพัดผ่านจะทำบริเวณนั้นเย็นเป็นพิเศษ ช่างเป็นสิ่งที่แสนพิเศษ ซูเถาหัวใจเต้นแรง เธอเร่งก่อสร้างและปูพื้นไม้ทางเดิน ดูแล้วทั้งสะอาดและมีคุณภาพ

เธอวางแผนว่าปลายเดือนนี้จะหาคนมาขุดแม่น้ำเทียม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนพอดีและค่อยหาสัตว์มาเลี้ยง การสร้างระเบียงนี้ใช้ต้นทุนไม่มากนัก รวมแล้วใช้เพียง 80,000 เหลียนปังกว่า ๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาด

จากประตูมองเข้าไปในเถาหยาง จะดูเหมือนว่าอาคารทั้งสามหลังเชื่อมต่อกันเป็นอาคารที่ค่อนข้างโอ่อ่า ทางเดินเปิดโล่งยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความหรูหราไม่น้อย

จันทร์จ้าดารกาเลือนลับ ซูเถานั่งอยู่บนเก้าอี้ริมทางเดิน มองดูเถาหยางใต้แสงจันทร์ ในใจเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา เธอเป็นคนสร้างที่นี่ เกรงว่าในยุคก่อนวันสิ้นโลกจะไม่มีที่ใดที่สะอาดและสะดวกสบายเท่านี้

ซูเถารู้สึกมีความสุขและพึงพอใจในชีวิตปัจจุบันมาก

เธอลุกขึ้นและตรวจสอบสถานการณ์การเช่า และพบว่าเนื่องจากอาคารหอพักเพิ่งสร้างเสร็จ มีพื้นที่ส่วนกลางที่สร้างขึ้นใหม่ ทำให้ร้านขายของชำ ห้องซักรีดที่เป็นห้องส่วนกลางจึงว่างเปล่า

มีห้องเดี่ยวให้เช่าที่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่สามห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องคู่ที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ให้เช่าอีกหนึ่งห้อง

ซูเถาถลกแขนเสื้อ ทำการปรับปรุงห้องว่างทั้งสี่ห้องในคราวเดียว และเปิดโหมดเช่ารายเดือน นอกจากนี้ ยังมีการสร้างห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นเพิ่มอีกหกห้อง โดยเพิ่มชั้นอีกสองชั้นบนอาคารหอพักหมายเลขสอง และปรับปรุงห้องชุดทั้งหกห้องนั้นใหม่

ค่าใช้จ่ายในการขยายพื้นที่และตกแต่งทั้งหมดกว่า 120,000 เหลียนปัง

ในที่สุดจำนวนห้องในซูเถาก็ครบสี่สิบห้องแล้ว เหลืออีกเพียงสิบห้องเท่านั้นก็จะอัปเกรดเป็นเลเวล 4 ได้แล้ว

หญิงสาวตื่นเต้นมาก จึงเดินไปมาอยู่บนทางเดินสามสี่รอบจนจิตใจเริ่มสงบ แล้วบอกให้ตัวเองไปนอนไม่งั้นคงได้ตายก่อน

วันนั้นเธอหลับไปโดยไม่ฝันอะไรเลย

วันถัดมา ซูเถาลงมาที่อาคารสำนักงานตั้งแต่เช้าตรู่ บังเอิญเจอเฉียนหรงหรงซึ่งดูเหมือนจะรอเธออยู่ตรงนี้นานแล้ว เมื่อเห็นซูเถาเดินมา ดวงตาของเธอพลันเป็นประกาย พลางวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาทักทายเธออย่างเหนียมอาย

“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เถาจื่อ ได้ยินแม่ฉันบอกว่าที่นี่คืออาคารสำนักงานของพวกเราเหรอคะ?”

“ใช่ ทำไมเหรอ” ซูเถาคลี่ยิ้มบาง

เฉียนหรงหรงบิดตัวเล็กน้อย “ฉันอยากถามว่า ต้องทำยังไงถึงจะสามารถทำงานในอาคารสำนักงานของเราได้”

เธอพูดพลางมองไปทางหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสของชั้นสองด้วยสายตาอิจฉา จวงหว่านในชุดเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านกำลังนั่งยุ่งอยู่ ทั้งแสงแดดที่ส่องบนโต๊ะทำงานของเธอ และชั้นหนังสือใหม่เอี่ยมดูแล้วน่านับถือมาก

ซูเถารู้สึกประหลาดใจมาก “เธออยากมาทำงานที่เถาหยางเหรอ เธอทำงานอยู่ที่ไร่ก็ทำได้ดีไม่ใช่เหรอ”

เฉียนหรงหรงเอ่ยอย่างตะกุกตะกักเสียงค่อย “ขอโทษจริง ๆ ฉันรู้สึกว่าอาคารหลังนี้ของเราสวยมากจริง ๆ ไม่เหมือนกับไร่ที่ฉันอยู่ ที่ต้องเหยียบถนนที่เต็มไปด้วยโคลนทุกวันเพื่อไปห้องทำงาน พวกเราหกคนใช้โต๊ะตัวเดียวกัน มีคอมพิวเตอร์เก่า ๆ อยู่เครื่องเดียวที่ให้ทุกคนผลัดกันใช้”

“พี่เถาจื่อ ฉันรู้หนังสือ และคุ้นเคยกับพืชในยุคก่อนวันสิ้นโลกเป็นอย่างดี ฉันคิดคำนวณได้ ฉันเก่งที่สุดในการบันทึกเมล็ดพันธุ์ ไม่เคยทำผิดพลาด ไม่เคยทำเมล็ดพันธุ์หายสักเมล็ด ถ้า…ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากเป็นเหมือนพี่จวงหว่าน ทำงานธุรการในเถาหยาง ฉันจะขยันให้มาก ๆ คุณเชื่อฉันนะ”

ซูเถาลูบศีรษะของเธอเบา ๆ พลางกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ฉันรู้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีงานในเถาหยางที่เหมาะสมกับเธอ เชื่อฉันนะถ้าในอนาคตมี ฉันจะคิดถึงเธอเป็นคนแรก ตอนนี้เธอก็พัฒนาต่อไป ทำงานในไร่ให้ดี โอเคไหม?”

เฉียนหรงหรงตื่นเต้นขึ้นมา พยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียมและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะพี่เถาจื่อ”

พูดแล้วก็สะพายกระเป๋าไว้บนหลัง และเดินไปทำงานอย่างมีความสุข พอดีกับที่จวงหว่านมองลงมาจากชั้นบน จึงเปิดหน้าต่างเอ่ยกับซูเถา “หรงหรงเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความละเอียด เธอเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีจริง ๆ”

ซูเถาเลิกคิ้ว “งั้นต่อไปถ้ามีตำแหน่งที่เหมาะสมก็ให้เธอมาทำนะคะ”

เจ้านายกดขี่ข่มเหงพนักงานอย่างโจ่งแจ้งเอาแต่สั่งคนอื่น

จวงหว่านเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ไม่มีปัญหา”

เมื่อขึ้นไปชั้นบน ซูเถาก็นำข้อมูลของห้องชุดใหม่สิบห้องให้จวงหว่าน “งานหนักมาอีกแล้ว ลำบากพี่แล้ว”

จวงหว่านมีความสุขที่ได้เห็นเถาหยางพัฒนาไปได้ดี

“ไม่ลำบากเลย ได้เห็นว่าผู้เช่าของเราได้ใช้ชีวิตที่ดี ฉันก็ดีใจแล้ว ได้เห็นพวกเขาก็เหมือนได้เห็นตัวเองเมื่อก่อน ในที่สุดก็มีที่กำบังที่มั่นคงจากลมและฝน”

ในตอนท้าย เธอหยิบข้อมูลของผู้เช่าสองคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนออกมาจากลิ้นชักโต๊ะและรายงานซูเถา

“สองคนนี้จะเลื่อนลงทะเบียนไปอีกสองวัน บอกว่าเกิดเรื่องที่บ้าน เราทำได้ไหม เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีผู้เช่าที่ไม่มาลงทะเบียนภายในสามวัน”

ซูเถามองข้อมูลผู้เช่าครู่หนึ่ง พบว่าเป็นคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังจะแต่งงาน พวกเขาทั้งคู่ทำงานด้านสื่อ มีรายได้ที่มั่นคง พ่อแม่ล้วนมีอาชีพที่มั่นคงอยู่ในตงหยาง ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรจึงเอ่ยว่า

“ได้ค่ะ แต่ต้องให้พวกเขาจ่ายค่ามัดจำมาก่อน 10,000 เหลียนปัง ถ้ายังไม่มาภายในเวลานัด จะไม่มีการคืนเงินให้”

จวงหว่านพยักหน้า และเอ่ยว่า “พนักงานทำความสะอาดที่เราเลือกจะรายงานตัวในวันพรุ่งนี้ แต่ฉันรู้สึกว่าเราอาจจะมีพนักงานไม่เพียงพอ เพราะเรามีอาคารหอพักสองหลัง โรงอาหารหนึ่งตึก และตอนนี้ยังมีอาคารสำนักงานอีก ส่วนที่ต้องทำความสะอาดมีหลายจุด ฉันคำนวณดูแล้ว ต้องมีแม่บ้านหกคนผลัดกันทำความสะอาด”

ซูเถาคิดคำนวณในใจครู่หนึ่ง ทุกเดือนค่าเช่าที่เธอได้รับเข้าบัญชีอย่างน้อย 200,000 เหลียนปัง ยังไม่รวมกำไรจากตู้ขายของอัตโนมัติต่าง ๆ และค่าเช่ารายไตรมาสที่ได้ทุกสามเดือนอีก โดยเฉลี่ยแล้วอาจสูงถึง 300,000 ต่อเดือน

ถ้าเธอขยายห้องและมีจำนวนผู้เช่าเพิ่มขึ้น รายได้นี้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

แม่บ้านหกคน เงินเดือนคนละ 8,000 เหลียนปัง รวมอาหารวันละมื้อไม่มีที่พัก ต้องจ่ายค่าจ้างทำความสะอาด 40,000 กว่าต่อเดือนก็ถือว่ารับได้

ซูเถาตกลง “งั้นก็จ้างมาอีกห้าคน สิ่งแวดล้อมที่สะอาดถึงจะอยู่อย่างสบาย”

จวงหว่านดีใจมาก “ฉันก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน เมื่อก่อนตอนอยู่ที่ตงหยาง เจ้าของห้องไม่เคยยอมเสียเงินค่าส่วนกลางเลย ทุกครั้งที่ลงไปชั้นล่างจะได้กลิ่นเหม็นฉุน บางครั้งก็เหยียบของเหลวอะไรไม่รู้”

จากความหรูหราสู่ความเรียบง่าย ซูเถาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้อีกต่อไป แต่แล้วเธอก็มีคำถามขึ้น “ใครเป็นเจ้าของห้องในตงหยาง”

จวงหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่าบ้านส่วนใหญ่ในตงหยางอยู่ในมือของรัฐบาล เพียงให้เช่าแต่ไม่ขาย นอกจากนี้ยังมีบางหลัง…ฉันได้ยินมาว่าถูกคนเช่าไปปล่อยให้เช่าแบบกลุ่มเพื่อให้ระดมเงิน ส่วนใครที่เช่าบ้างฉันเองก็ไม่แน่ใจ”

ซูเถาเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ คิดไว้ว่าจะไปถามเผยตงตอนเธอว่าง

เพราะเธอทราบถึงปัญหา การที่เถาหยางมีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้เช่า อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมอสังหาฯ ของตงหยาง

เธอกลัวว่าจะไปแตะต้องผลประโยชน์ของใครบางคน แล้วจะเกิดปัญหาเอาได้ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าผลประโยชน์นี้ถูกแตะต้องไปแล้ว และเรื่องวุ่นวายก็กำลังคืบคลานมาหาเธอใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

กู้หมิงฉือจุดไฟแช็ก จุดบุหรี่ ดวงตาสีเหลืองอำพันของเขาหลุบต่ำลง พลางเอ่ยถามว่าเสียงเรียบ

“เตรียมตัวพร้อมรึยัง”

ลูกน้องเลิกคิ้วและพูดด้วยความเคารพ

“ท่านฉือเตรียมพร้อมแล้วครับ พวกสื่อก็รับผลประโยชน์ของเราแล้ว พวกเขาต้องเผยแพร่ข่าวเสียหายของเถาหยาง ให้มีผลกระทบมากที่สุด ทำลายชื่อเสียงและธุรกิจของพวกเขา”

จากนั้นก็มีอีกเสียงเอ่ยขึ้น “ท่านฉือ คราวนี้เราต้องสั่งสอนผู้หญิงเหล่านั้นให้ได้ บ้านของเราหลายหลังในตงหยางไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเช่า แต่มีพวกตาถั่วบอกว่าบ้านในเถาหยางดีกว่าของเรา ค่าเช่าแพงกว่าไม่มาก เลยมาขอลดค่าเช่าจากเดือนละ 20,000 เหลือ 10,000 อย่างหน้าด้าน ๆ”

“ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขาไม่ต้องการแม้แต่จะให้คะแนนสมทบ บอกว่าเถาหยางต้องการแค่เหลียนปัง ไม่ต้องการคะแนนสมทบ แล้วพวกเราจะทำอะไรได้ ของแพงมากมายซื้อได้ด้วยคะแนนสมทบเท่านั้น เถาหยางบ้าไปแล้วเหรอ แค่มีเงินก็ทำธุรกิจแบบนี้ได้ด้วยเหรอ”

“ผู้เช่าต่อรองกับเรา จะไม่จ่ายคะแนนสมทบก็ช่างเถอะ แต่ยังโวยวายเรื่องความสะอาด เมื่อก่อนทางเดินสกปรกยังไม่มีใครว่าอะไร ตอนนี้มีลมสะอาดพัดมาจากเถาหยาง พวกผู้เช่าจะมาขอให้เราทำความสะอาด บัดซบ”

กู่หมิงฉือได้ยินดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็เยือกเย็น “ดี! ปลายเดือนสี่อย่าลืมส่งจดหมายเชิญถึงเถ้าแก่ซู เชิญเธอมาเขตตะวันออก ‘เป็นแขก’ ฉันจะต้องต้อนรับอย่างดี”

เขาตั้งตารอคอยมากจริง ๆ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท