ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 86 นองเลือด

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 86 นองเลือด

ตอนที่ 86 นองเลือด

ซูเถาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเห็นเพียงว่าเด็กหนุ่มคนนั้นมีท่าทีหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นในช่วงบ่ายเขาก็เลยเอาแต่ตามติดเธอไม่ห่าง

ในตอนบ่าย สือจื่อจิ้นผู้มีใบหน้าบึ้งตึงและคนของเขาไปรับเจี่ยนไคอวี่

ส่วนซูเถาก็กำลังพูดคุยเรื่องงานอยู่กับจวงหว่าน พูดคุยปรึกษากันเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเถาหยาง

“เถ้าแก่ เมื่อไหร่เถาหยางจะปล่อยห้องเช่าใหม่? ตั้งแต่ที่เราเริ่มต้นทำการเพาะปลูก ก็มีคนเข้ามาสอบถามกันเป็นจำนวนมาก คุณแจ้งวันเวลาที่แน่นอนกับฉันได้เลยนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะไปอธิบายให้กับผู้เช่าให้ได้รับทราบ”

ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เดือนหน้าแล้วกันค่ะ เดือนนี้น่าจะยังไม่เหมาะ”

เนื่องจากขณะนี้ไม่มีที่ดินว่างสำหรับสร้างอาคารที่พักอาศัยขึ้นมาใหม่

ตอนนี้อาคาร 1 2 และ 3 มีทั้งหมด 5 หรือ 6 ชั้น หากไม่มีลิฟต์ ก็ไม่เหมาะที่จะสร้างสูงขึ้นไปอีก

เธอหวังว่าจะได้ขยายพื้นที่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ซ่อนอยู่แล้วทำการอัปเกรดระบบ

จวงหว่านถอนหายใจ “โอเค แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง เฉียนหลินเธอต้องการให้คุณจัดสรรเงินเพื่อภาชนะสำหรับการเพาะปลูก แล้วก็พวกเครื่องมือพื้นฐาน”

ซูเถาพยักหน้า อะไรที่มันจำเป็นต้องซื้อก็ต้องซื้อ เหมือนไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่ควรจะมอดไหม้

“ได้ค่ะ เท่าไหร่คะ?”

“เดี๋ยวเฉียนหลินจะโทรไปแจกแจงรายละเอียดให้คุณฟังอีกทีนะ”

หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนหลินก็โทรมาหาเธอพร้อมกับส่งรายละเอียดของสิ่งที่จำเป็นต้องซื้อ และงบประมาณที่คำนวณมาคร่าว ๆ ประมาณ 80,000-100,000 เหลียนปัง

หลังจากที่ซูเถาตรวจสอบ เธอก็โอนเงินไปทันที 100,000 เหลียนปัง

เฉียนหลินคิดว่ามันอาจต้องใช้เวลามากในการพูดคุยตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายที่ขอเบิก เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยพูดเรื่องเงินกับเจ้านายคนเก่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเย็นมาก

ใครจะไปคิดว่าซูเถาจะรีบโอนเงินมาโดยไม่ถามอะไรสักคำ

เฉียนหลินเกิดความมุ่งมั่นอีกครั้ง เจ้านายคนนี้พึ่งพาได้!

เธอต้องใช้เงินอย่างชาญฉลาด และใช้เงินที่ได้มาอย่างคุ้มค่าทุกสลึง!

หลังจากที่วางสาย ซูเถาก็บิดขี้เกียจแล้วถามกวานจือหนิงซึ่งนั่งเล่นเครื่องมือสื่อสารอยู่ตรงที่คนขับ

“พวกของสือจื่อจิ้นน่าจะรับคนเสร็จแล้วใช่ไหม?”

กวานจือหนิงมองเวลา

“น่าจะใกล้แล้วแหละ คืนนี้ก็น่าจะออกเดินทางได้ อ้อ แล้วการเกลี้ยกล่อมของคุณไปถึงไหนแล้ว ถ้ายังเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จก็อาจจะไม่ทันเอานะ”

ซูเถากล่าวว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน อู๋เจิ้นคงยังไม่ตอบตกลงในระยะเวลาอันสั้น คิดจะจับปลาตัวใหญ่ก็ต้องใช้เวลาหน่อย”

กวานจือหนิงยักไหล่

เมื่อดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า ซูเถาก็รู้สึกดีขึ้นมาก ปากของเธอไม่แห้งแล้ว แต่เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ เธออยากที่จะลงจากรถไปอาบน้ำสักหน่อย

เธอจึงหยิบอุปกรณ์อาบน้ำ แล้วก็จูงเสวี่ยเตาลงจากรถไป

หลินฟางจือยังคงต้องการที่จะตามติดซูเถา แต่เธอหยุดเขาเอาไว้ “เชื่อฟัง รอฉันที่รถ”

หลินฟางจือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคอยชะเง้อรอเธอที่หน้าต่างรถ เขาเฝ้ามองเธอเดินเข้าไปในเต็นท์อาบน้ำ

ซูเถาอาบน้ำอยู่ข้างในอย่างสบายตัว เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีที่ได้อาบน้ำ หลังจากเธอเช็ดตัวจนแห้งและสวมเสื้อผ้า เมื่อเปิดเต็นท์ออกมาเธอก็พบกับสือจื่อจิ้น

แต่น่าแปลกที่ว่าเขากลับมาเพียงคนเดียว ไม่มีเฉินเทียนเจียวและคนอื่น ๆ กลับมา

เขากำลังคุยกับทหารยามทั้งสี่นายที่กำลังเฝ้า ‘โบนวิงส์’ หลังจากนั้นไม่นานทหารทั้งสี่นายก็ทำความเคารพเขา แล้วก็เดินจากไป

ซูเถาคิดว่าเขาจะให้สารอาหารบำรุงร่างกายแก่ ‘โบนวิงส์’ ในขณะที่เธอกำลังเช็ดผมเธอก็เดินเข้าไปหาเขา

“ทำไมคุณกลับมาคนเดียว? พวกเฉินเหล่าเอ้อร์ล่ะ?”

สือจื่อจิ้นยิ้มให้เธอเบา ๆ “พวกเขามีเรื่องที่ต้องจัดการนิดหน่อย”

แต่ด้วยรอยยิ้มนี้ ซูเถารู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ

เธอรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าคนตรงหน้าเธอไม่ใช่สือจื่อจิ้น แต่เป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่คุ้นเคยเลย

เธอคิดว่ามันคงเหมือนกับคราวที่แล้ว ที่เขาได้รับการถ่ายทอดความสามารถและความทรงจำของผู้อื่นมา จนทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป

แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดล่ะ?

แล้วถ้าเขาไม่ใช่สือจื่อจิ้นจริง ๆ ล่ะ?

เธอไม่กล้าถามเขาออกไปตรง ๆ เธอเช็ดผมของเธอต่ออย่างเป็นธรรมชาติแล้วโยนผ้าเช็ดผมให้ “สือจื่อจิ้น”

“ฝากถือหน่อย ฉันขอรวบผมก่อน”

อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง แต่เพื่อไม่เป็นการทำให้ไก่ตื่น เขาทำได้เพียงหยุดการกระทำและช่วยเธอถือผ้าขนหนู

ซูเถารวบผมช้า ๆ แล้วถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณจะเข้าไปให้สารอาหารบำรุงร่างกายเหรอ ให้ฉันเปิดให้ไหม?”

‘สือจื่อจิ้น’ มองลึกลงไป “รถคันนี้ผมเปิดได้คนเดียวไม่ใช่เหรอ?”

หัวใจของซูเถาเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ก็ไม่แสดงอาการใดออกมา

เธอแสร้งทำเป็นสับสนงงงวย และเริ่มพูดไปเรื่อย

“ครั้งที่แล้วคุณบอกว่า คุณกลัวจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แล้วจะไม่มีใครสามารถขับรถนี้ได้ ดังนั้นคุณก็เลยอนุญาตฉันกับเฉินเหล่าเอ้อร์ไม่ใช่เหรอ?”

เห็นได้ชัดว่า ‘สือจื่อจิ้น’ ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง บางทีข้อมูลที่เขาได้รับมามันอาจไม่สมบูรณ์ และเขาก็ไม่แน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นพูดจริงหรือว่าเป็นเรื่องโกหก

เขานิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ยิ้มอ่อน ๆ “ช่วงนี้ผมยุ่ง ๆ คงจะลืมไปน่ะ”

ความจริงเปิดออกมาแล้ว

ในตอนนั้นเอง ซูเถาก็รู้สึกว่าใจของเธอนั้นเสียววูบ รู้สึกเสียววูบตั้งแต่หัวจรดเท้า

‘โบนวิงส์’ เป็นของสำคัญมาก สือจื่อจิ้นไม่มีทางให้ใครมีสิทธิ์ขับรถคันนี้ แม้แต่เฉินเทียนเจียวที่คอยต่อสู้เคียงข้างกันมาโดยตลอด ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีขีดความสามารถต่ำอย่างเธอ

เขาไม่ใช่สือจื่อจิ้น!

เธอแน่ใจ 100% ว่าเขาไม่ใช่สือจื่อจิ้นอย่างแน่นอน

แล้วเขาเป็นใคร? ต้องการอะไร?

ทำไมถึงลอกเลียนแบบได้เหมือนมาก

แม้แต่เสวี่ยเตาเอง ซึ่งนอนอยู่ไม่ไกลก็จับสังเกตไม่ได้

แสดงว่าคนคนนี้ไม่เพียงแต่สามารถเลียนแบบรูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ยังสามารถเลียนแบบกลิ่นเพื่อหลอกเสวี่ยเตาอีกด้วย!

เขาต้องการทำอะไรกับ ‘โบนวิงส์’ กันแน่ ปล่อยมันไปอย่างนั้นเหรอ?

‘สือจื่อจิ้น’ ยื่นมือไปหาเธอ ลูบผมยาวที่เปียกของหญิงสาวแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“เธอฉลาดมาก แต่เธอไม่ควรทดสอบฉัน อย่าส่งเสียง อย่าขยับ..”

กวานจือหนิงเห็นว่าซูเถาหายไปนานแล้วแต่ยังไม่กลับมาที่รถ และเมื่อเธอหันกลับไปมอง เธอก็เห็นว่าพลตรีสือกลับมาแล้ว ซูเถากำลังยืนหันหลังให้กับเขา และทั้งสองกำลัง ‘โอบกอด’ กัน

เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วหันศีรษะกลับไป พร้อมกับจับศีรษะของหลินฟางจือกลับมาเพื่อไม่ให้เขาหันไปมอง

ทางฝั่งของซูเถา ชีวิตเธอกำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ‘สือจื่อจิ้น’ จับข้อมือของเธอไว้แน่น จนได้ยินเสียงดังกร๊อบออกมาจากกระดูกข้อมือของเธอ เจ็บปวดมากจนพูดไม่ออก

“บอกฉันมา ว่าในรถนี้มันมีอะไร? น้ำหรือว่าน้ำมันเชื้อเพลิง? แล้วจะเข้าไปได้ยังไง? ถ้าไม่บอกฉันจะฆ่าเธอ”

ดวงตาของซูเถาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็อยากจะหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่ก็กล้าที่จะมาขโมยเนี่ยนะ?”

หรือคิดว่ามีของมีค่าอยู่ข้างใน สวรรค์ ฮ่าฮ่าฮ่า ขโมย ‘โบนวิงส์’ เนี่ยนะ?

‘สือจื่อจิ้น’ ขมวดคิ้วและบีบข้อมือของซูเถาแรงขึ้น

“เธอก็เป็นแค่คนธรรมดา ฉันฆ่าเธอก็ง่ายเหมือนกับการฆ่ามด อย่ามาท้าทายฉันจะดีกว่า บอกมาว่ามีอะไรอยู่ข้างใน?”

ซูเถาเจ็บปวดจนรู้สึกชาไปหมด แต่เธอก็ยังหัวเราะออกมาดัง ๆ

“เข้ามาใกล้ ๆ แล้วฉันจะบอกแกเบา ๆ ถ้าฉันพูดเสียงดังไปกลัวว่าแกจะตกใจ”

“อย่าเล่นตุกติก ฉันรู้ว่าเธอมีปืน แต่ปืนนั้นมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ”

“ฉันรับปากว่าจะไม่เล่นตุกติก เข้ามาใกล้ ๆ สิ”

‘สือจื่อจิ้น’ ตัวปลอมสวมเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ทั่วร่างกาย เขาจึงมีความมั่นใจและขยับเข้าไปใกล้ ๆ อย่างช้า ๆ

ซูเถากระซิบข้างหู “ฉันมีปืน แต่มันไม่ใช่ปืนธรรมดา”

ได้ยินเพียงเสียง ‘ตุ้บ’ ในช่วงเวลาที่ลำแสงอันทรงพลังของปืนพลังงานนิวเคลียสทะลุผ่านหัวใจของเขา ร่างกายของเขาฉีกขาดออกจากกันและแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นก็มีเลือดพุ่งออกมาต่อหน้าต่อตาซูเถาในทันที เธอเห็นแต่สีแดงของเลือดเต็มไปหมด

เธอล้มลงกับพื้น และหอบหายใจอย่างหนัก

เสวี่ยเตาได้กลิ่นเลือดและรีบวิ่งมาทันที เมื่อเห็นภาพที่ซูเถานั้นเหมือนคนที่เปื้อนเลือด มันก็ส่งเสียงเห่าอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อกวานจือหนิงได้ยินเสียงร้องของมัน เธอก็รีบลุกขึ้นทันที เมื่อเธอมองย้อนกลับไปก็เห็นเลือดนองไปทั่ว หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น

หลินฟางจือเปิดประตูและพุ่งตัวออกไปทันที

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท