ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 88 การแก้แค้น การกวาดล้าง

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 88 การแก้แค้น? การกวาดล้าง?

ตอนที่ 88 การแก้แค้น? การกวาดล้าง?

ผ่านไปสักพักหลังจากที่ขบวนรถขับออกจากฐานโส่วอัน ซูเถาก็ได้รับโทรศัพท์จากกู้หมิงฉือ เธอคิดว่าเขากําลังถามเรื่องน้ำประปาในเดือนนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินน้ำเสียงที่ลุ่มลึกของอีกฝ่ายถามขึ้นว่า

“คุณได้รับบาดเจ็บเหรอ?”

ซูเถากวาดสายตาไปรอบ ๆ โดยสัญชาตญาณ เธอรู้สึกเสมอว่าคนคนนี้เหมือนติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้เหนือศีรษะของเธอ

ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์มากพอที่จะจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ และตอบกลับไปว่า

“บอสกู้ หูตาคุณกว้างขวางเหลือเกินนะ แม้แต่เรื่องในโส่วอันคุณยังรับรู้ได้”

กู้หมิงฉือไม่ตอบรับคำของเธอ และทำเพียงแค่พูดว่า “คุณไม่ต้องไปกับพวกเขาแล้ว ผมจะส่งคนไปรับคุณกลับตงหยาง”

ซูเถาลุกขึ้นนั่ง “คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า สมองยังไม่ตื่นดีเหรอ ฉันบอกจวงหว่านไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณต้องใช้น้ำก็ไปเอาที่เถาหยางได้เลย”

“ซูเถา คุณออกจากตงหยางไปไม่เท่าไหร่ก็เกือบเสียมือแล้ว แต่ถ้าคุณรู้สึกว่านี่เป็นวิกฤติเพียงเล็กน้อย คุณก็ควรรู้ว่าโลกภายนอกอันตรายแค่ไหน กลับมาเพื่อรักษาชีวิตไว้ตอนนี้ยังไม่สายนะ สือจื่อจิ้นเป็นคนที่ให้ความสําคัญกับงานมาเป็นอันดับแรก เพื่อนร่วมทีมเป็นอันดับสอง ส่วนคุณไม่ได้อยู่ในอันดับความสำคัญของเขาเลย”

ซูเถาไม่รู้จะพูดอะไรเนิ่นนานกว่าจะถามเขา

“นี่คุณกำลังเสี้ยมให้พวกเราแตกคอกันเหรอ ฉันไม่เข้าใจเลยว่านี่มันมีประโยชน์อะไรกับคุณ กู้หมิงฉือ คุณช่วยยุ่งเรื่องฉันให้มันน้อย ๆ ลงหน่อยเถอะ ฉันไม่จําเป็นต้องเชื่อฟังคุณ อีกอย่าง คุณก็เป็นนักธุรกิจ น่าจะรู้ดีว่าการทําธุรกิจมีความเสี่ยง หากฉันตายเขตตะวันออกของคุณก็จะไม่มีน้ำ ซึ่งนี่เป็นความเสี่ยงที่คุณต้องเผชิญ หรือยังต้องให้ฉันสอนคุณอีกเหรอ”

“ถ้าคุณไม่ต้องการเผชิญความเสี่ยงนี้กับฉัน ก็ยุติการร่วมมือกันแน่เนิ่น ๆ ดีไหม แล้วคุณก็ไปหาน้ำจากช่องทางอื่นแทน”

นี่เป็นอีกสายที่ไม่พึงประสงค์

หลังจากวางสายกู้หมิงฉือก็รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า พลางเอ่ยถามจงเกาอี้ว่า “นี่เธอเลือกที่รักมักที่ชังเหรอ?”

จงเกาอี้ยังจะพูดอะไรได้อีก และทำได้เพียงพยักหน้า

“ทำไมทุกครั้งที่เธอคุยกับฉันถึงได้หุนหันพลันแล่นขนาดนี้”

จงเกาอี้นิ่งเงียบไป พลางคิดในใจว่าไม่ใช่เรื่องที่คุณจะสอด

กู้หมิงฉือได้แต่รู้สึกอัดอั้นตันใจ “ฉันจะไม่โทรหาเธออีก อยากตายนักก็ไปเลย”

นั้นเองก็เป็นสิ่งที่จงเกาอี้คิดเช่นกัน

……

เช้าวันถัดมา สือจื่อจิ้นและคนอื่น ๆ ก็มาทันขบวนรถในตอนหกโมงเช้า

ไม่เพียงแต่ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ยังนํารถบรรทุกอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์การรักษาต่าง ๆ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์รวมถึงเก้าอี้สำหรับผู้ป่วย เตียงแพทย์ เปลหาม ตู้แช่แข็งทางการแพทย์

ซูเถาตกตะลึง “นี่เมื่อวานคุณไปแก้แค้นหรือไปกวาดล้างกันแน่ เอาของเยอะแยะมาจากไหนกันเนี่ย

เฮ้อ เธอเองก็อยากได้เหมือนกันนะ!

สือจื่อจิ้นมองข้อมือของหญิงสาว เห็นว่าเธอสามารถขยับได้แล้วก็รู้สึกพึงพอใจ และเอ่ยว่า

“เก๋อไห่ปินเป็นคนขี้ขลาดตาขาวกลัวจะมีเรื่อง เลยชดใช้ให้ฉันเป็นการขอโทษ ของพวกนี้ไม่ใช่ของหายากในโสว่อัน แต่พวกเขาไม่เห็นค่าชีวิตคนธรรมดา ของพวกนี้มักจะถูกทิ้งไว้ในโรงงานจนฝุ่นเกาะ และไม่เอามาใช้ประโยชน์ในการช่วยคน ดังนั้นแค่ฉันพูดว่าต้องการของพวกนี้ เก๋อไห่ปินก็ตอบตกลงแล้ว”

ซูเถาแทบไม่อยากจะเชื่อ “มันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้นนะ”

“ความจริงก็ไม่ต่างกันนัก แค่อาจซับซ้อนกว่าเล็กน้อย”

มันน่าจะเป็นมากกว่าความซับซ้อน แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ต้องมีการสู้กันอย่างรุนแรง

มีกลิ่นกระสุนและเลือดบนเสื้อผ้า แต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่ความเขาต่อ เพราะยังไงผู้ชายก็มีความแข็งแกร่ง เธอเพียงมองไปที่รถบรรทุกที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ หางตาของเธอก็มีน้ำตาแห่งความอิจฉาไหลออกมา

เมื่อสือจื่อจิ้นเห็นแบบนี้ ไฉนเลยจะไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย จึงได้แต่เอ่ยยิ้ม ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก

“บางทีคุณอาจเลือกไปได้สักสองสามชิ้น”

ซูเถาหันหน้ากลับมาและพูดอย่างมีความสุข “คุณจริงจังใช่ไหม?”

“จริง ๆ คุณเลือกก่อนเลย”

“ขอบคุณค่ะพลตรีสือ พลตรีสือช่างใจกว้าง ขอให้พลตรีสือมีแต่ความรุ่งเรืองเจริญมั่งคั่ง”

เดี๋ยวตอนกลับไปเถาหยาง ฉันจะเลือกไว้สักสองสามชิ้นเพื่อวางไว้ในคลินิก!

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ขบวนรถก็ออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้ปลายทางคือภูเขาผานหลิว ซึ่งเป็นที่ที่โรงรถร้างซ่อนคําใบ้ของภารกิจไว้

สือจื่อจิ้นเคยตกลงกับซูเถาว่า เมื่อเขาส่งเธอถึงที่หมายแล้ว และทำภารกิจที่เธออยากทำได้สำเร็จ เขาจะปล่อยให้โจวไห่และโจวหยางแหวกมิติส่งเธอกลับไปที่เถาหยาง

ซูเถาเองก็ยอมรับข้อตกลงนี้ กลับไปเร็ว ๆ ไม่ว่าจะกับเธอหรือกับสือจื่อจิ้นล้วนเป็นผลดีทั้งสิ้น

“ระยะทางห่างไปเกือบสามวัน เมื่อถึงที่ภูเขาผานหลิวผมจะให้เวลาคุณหนึ่งวัน ไม่ว่าจะทำเสร็จหรือไม่ คุณก็ต้องกลับไปกับโจวไห่และโจวหยาง”

ซูเถาพยักหน้า “ปฏิบัติการตามคำสั่งอย่างเด็ดขาด”

เวลาหนึ่งวันน่าจะเพียงพอ และเมื่อไปถึงพื้นที่ที่กําหนด ระบบก็น่าจะมีการแจ้งเตือน

หวังเพียงว่าภารกิจที่ซ่อนอยู่นี้จะไม่อุกอาจเกินไป ถ้าเป็นเรื่องที่อันตรายเธอคงไม่เต็มใจที่จะทำ

สองวันต่อมา ขบวนรถมาถึงจุดแวะพักที่บริเวณใกล้เคียง แล้วหยุดเดินทางเพื่อพักผ่อนและจัดระเบียบ ในที่สุดเครื่องมือสื่อสารก็มีสัญญาณ เธอติดต่อจวงหว่านอย่างรวดเร็ว เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเถาหยาง

จวงหว่านมีความสุขมาก และรีบส่งรูปถ่ายห้องเรือนกระจกให้เธอ ภายในเต็มไปด้วยพืชที่เพาะปลูกแบบไร้ดินหลายชั้น ผักบางส่วนได้หยั่งรากและแตกหน่อแล้ว ช่างเทคนิคสี่คนต่างแต่งตัวเต็มยศเพื่อตรวจสอบการเจริญเติบโตของต้นกล้า

ซูเถามองภาพนั้นอยู่นาน ราวกับว่าเห็นพื้นที่สีเขียวในอนาคตของเถาหยาง

จวงหว่านพูดอย่างตื่นเต้น “ผลลัพธ์ดีมากใช่ไหม? ช่วงนี้เฉียนหลินไม่ได้หลับได้นอนเลยเพราะวุ่นอยู่กับการหาเครื่องมือที่จะใช้ในการเพาะปลูกพืชไร้ดิน แค่ฝักบัวรดน้ำเธอก็ใช้เวลาหาอยู่สองวัน แถมยังไปฐานอวิ๋นชางที่อยู่ติดกัน เพื่อหาโรงงานพลาสติกและสั่งทำแปลงเพาะต้นกล้ามาแถวหนึ่ง จนค่ำกว่าจะได้กลับมา”

“เธอลำบากแล้ว พี่ก็เช่นกัน”

จวงหว่านส่ายหัว “ไม่รู้สึกว่าลำบากเลย พูดกันตามจริง เมื่อเห็นว่าเถาหยางเติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ชีวิตของทุกคนดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่าว่าแต่ทํางานหนักเลย ถ้าไม่ติดว่าฉันมีเพียงมือคู่เดียวหัวหัวเดียวก็คงช่วยได้มากกว่านี้”

“เถ้าแก่ เมื่อผักชุดแรกเติบโตเต็มที ฉันหวังว่าคุณจะได้กลับมา ทุกคนคิดถึงคุณนะ”

ซูเถามองไปยังทะเลทรายที่ไร้ขอบเขตและรกร้างนอกหน้าต่าง บางครั้งก็มีคิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อน ๆ ที่เถาหยาง คิดถึงผู้อาวุโสเหม่ย และคิดถึงเฮยจือหม่า และไป๋จือหม่า

“อ่อ เถ้าแก่ เมื่อคืนหมอจงเพิ่งมาถึง วันนี้ทั้งเช้าช่วยหลันหลิงหลิงรักษาเอวที่หักให้หายดีเหมือนเดิม”

ซูเถานิ่งไปสักพักครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หลันหลิงหลิงเหรอ คนที่อยากจะอยู่ห้องชุดหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น แต่ถูกแฟนหลอกให้อยู่ในห้องคู่ใช่ไหม”

จวงหว่านแอบกระซิบเสียงแผ่ว “ใช่ เป็นเธอ ฉันได้ยินมาว่าแฟนเก่าเธอรู้ว่าเธอหนีมากับชายคนปัจจุบัน เลยตามมาหาเหตุผล ตอนที่ทะเลาะกันแฟนเก่าของเธอผลักเธอตกบันไดจนเอวหัก ถ้าหมอจงไม่มาพอดี เธอก็คงจะต้องทนเจ็บไปอีกหลายวัน”

ซูเถากุมขมับกับเรื่องความรักและความเกลียดชังของผู้เช่าในเถาหยาง

“ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนอื่นใช่ไหม”

“ไม่ ๆ แต่กลับทำให้คนอื่นรู้สึกสนุกมาก ๆ ที่ได้รู้ได้เห็นเหมือนดูละครหลังข่าว หญิงชราเฉินยังมาถึงห้องฉันเพราะอยากซุบซิบเรื่องนี้”

ซูเถารู้สึกขบขัน “ช่วงนี้คุณย่าเฉินมีชีวิตชีวาไม่น้อยเลยทีเดียว”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนนี้เธอยังทํางานเป็นอาสาสมัครในเรือนกระจกของเรา มาทำงานเร็วกว่าช่างเทคนิค เฝ้าต้นกล้าทั้งวัน กังวลพอ ๆ กับการเลี้ยงลูก และช่วงนี้ยังจดบันทึกระยะการเติบโตของต้นกล้าอีก”

เพียงแต่สิ่งที่ทั้งสองคนไม่รู้คือคุณย่าเฉินถ่ายรูปแล้วส่งให้ผู้อาวุโสเหม่ย

เมื่อผู้อาวุโสเหม่ยได้รูปนั้นมา ก็ส่งให้อู๋เจิ้นที่อยู่โสว่อันในดินแดนห่างไกล และยังเกลี้ยกล่อมอย่างจริงจังต่อว่า

‘เสี่ยวเจิ้น ลุงไม่ได้โกหกเธอนะ ตอนนี้เรือนกระจกสร้างขึ้นได้พอควรแล้ว เธอดูสิว่าต้นกล้าก็โตแล้ว อีกไม่นานก็ได้กินผักแล้ว อ่อใช่ เมื่อวานหมอของเถาหยางของเราก็มาถึงแล้ว เพิ่งรักษาคนเอวหักให้หายได้ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที คนที่ถูกหามเข้ามาก็เดินออกไปได้อย่างสบาย ๆ’

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท