ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 150 ในที่สุดเธอก็มาแล้ว

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

บทที่ 150 ในที่สุดเธอก็มาแล้ว

บทที่ 150 ในที่สุดเธอก็มาแล้ว

“คุณมาที่นี่ได้ยังไง? คนคนนี้คือใครเหรอ” สือจื่อจิ้นตกตะลึง พลางถามอย่างสงสัย

เขามองไปที่ชายคนนั้นที่สวมหมวกและหน้ากากปกปิดใบหน้าที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปีกหมวกถูกกดต่ำจนมองไม่เห็นดวงตา ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร

สือจื่อจิ้นจ้องเขม็งอีกฝ่ายอย่างเป็นปรปักษ์

ซูเถามองตามไปก็สับสนเช่นกัน “ฉันไม่รู้จักเขา และไม่อยากพูดอะไรกับคุณไปมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้เฮยจือหม่าหายตัวไป”

ในขณะที่พูด ก็รีบเดินเข้าไปในห้องและมองหาไปรอบ ๆ

ร้องเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงแมวร้อง

หลินฟางจือและคนอื่น ๆ ก็ช่วยค้นกล่องและตู้เพื่อตาหามัน แต่กลับเห็นเพียงแค่กระสอบใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกดู พบว่าด้านในมีเพียงขนแมวไม่กี่เส้น

ดวงตาของซูเถาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

หญิงสาววิ่งออกไปคว้าสือจื่อจิ้นไว้ และถามว่า

“แล้วสยงไท่ล่ะ?! เขาจับแมวของฉันไป! แมวที่คุณให้ฉันมา! มันไม่ได้กินอะไรมาสองวัน มันต้องทนไม่ไหวแล้วแน่ ๆ เรื่องสงครามเย็น เมื่อคราวก่อนฉันให้อภัยคุณแล้ว คุณช่วยไปหามันหน่อย ไปหามัน…”

กู้หมิงฉือแสร้งทําเป็นคนเดินผ่านไปมา เมื่อได้ยินว่าแมวตัวนี้เป็นแมวที่สือจื่อจิ้นมอบให้ หัวใจของเขาก็บีบรัดจนเกิดความรู้สึกอึดอัด หายไปได้เสียก็ดี

ยิ่งเห็นว่าซูเถาผู้หญิงคนนี้สนิทกับสือจื่อจิ้นมากขนาดนี้… เขาก็เบือนหน้าหนี

สือจื่อจิ้นได้พูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาจนเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว จึงก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ในระดับสายตากับซูเถา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและมีพลังทําให้หัวใจของเธอสงบนิ่ง

“คุณเสิ่นบอกว่า สยงไท่ถูกผู้หญิงสองคนจับตัวไปแล้ว ผมได้เรียกให้คนไปตรวจสอบแล้ว คาดว่าน่าจะได้รับข่าวเร็ว ๆ นี้

ซูเถาค่อย ๆ ปล่อยมือที่จับเขาไว้อย่างอ่อนแรง และรู้สึกหายใจโล่งคอขึ้นมา “ขอบคุณมาก”

สือจื่อจิ้นเห็นสีหน้าที่ดูหวาดระแวงของเธอ จึงอยากเอื้อมมือไปรั้งเธอมาไว้ในอ้อมกอด แต่ทันใดนั้นกู้หมิงฉือก็พูดขึ้น

“อะแฮ่ม ฉันมีเพื่อนที่รู้ข่าว”

จากนั้นก็ผลักผู้ที่มีพลัง ‘ย้อนเวลา’ ออกมา

ผู้มีพลังทำอะไรไม่ได้นอกจากกัดฟัน อธิบายฉากที่เพิ่งประมวลผลเมื่อครู่ออกมา

“อืม… วันนั้นฉันเดินผ่านที่นั่นพอดี ได้เห็นสยงไท่ยื่นกระสอบใบหนึ่งส่งให้กับผู้หญิงที่แซ่ชวี โดยบอกว่าแลกมันกับเหล้าขาวหนึ่งขวด หลังจากหญิงแซ่ชวีเปิดกระสอบแล้วพบว่าเป็นแมว จึงชอบมาก และตกลงตอบรับในทันที แต่ทว่าเพิ่งจะได้แก้มัดแมว แมวก็วิ่งหนีออกมาแล้ว หลังจากข่วนสยงไท่จนหน้าเหวอะก็วิ่งหนีไปพร้อมกับผลึกนิวเคลียสชิ้นหนึ่ง”

พูดจบเขาก็ชี้ออกไปทางหนึ่ง “วิ่งไปทางนั่น เอ๊ะ! หลังจากนั้น…”

จากนั้นเขาต้องไปดูที่นั่นอีก ถึงจะสามารถย้อนเวลากลับไปดูสถานการณ์ได้อีกครั้ง

กู้หมิงฉือเริ่มพูดจาเหลวไหล “เพื่อนของฉันคนนี้ความทรงจําไม่ค่อยดี ต้องให้เขาไปตรงนั้นก่อนเขาถึงจะจำเรื่องถัดจากนั้นได้”

แววตาของซูเถาค่อย ๆ เปลี่ยนไป แต่ก็ยังพูดว่า “ขอบคุณมาก ไปดูทางนั้นเถอะ”

สือจื่อจิ้นเริ่มเปิดเผยความเป็นปรปักษ์กับอีกฝ่าย และถามว่า

“คุณเป็นใคร”

“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย” กู้หมิงฉือขมวดคิ้ว

หลังจากพูดจบเขาก็พบว่าสือจื่อจิ้นกำลังหรี่ตามองตนเอง กลิ่นไอความอันตรายกำลังกระจายเข้ามาหาเขา

เขาหันศีรษะไปมองทันทีและถามซูเถาว่า

“คุณรู้จักผม ใช่ไหม?”

แน่นอนว่าความรู้สึกอันตรายหายไปทันที สือจื่อจิ้นหันขวับไปมองซูเถา

ซูเถาเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ตอนนี้รู้สึกเหมือนสมองว่างเปล่าราวกับมีหลุมในหัว แต่ยังพยักหน้าหงึกหงัก

กู้หมิงฉือกําลังรอเธออยู่ที่นี่จริง ๆ ซ้ำยังเจอบ้านของสยงไท่แล้ว เมื่อเจอแล้วก็ไม่ได้ ‘มีท่าทาง’ ที่คิดจะอยากให้เธอตาย แถมยังช่วยเธอตามหาแมวอีก

ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องดีใช่ไหม ไม่อย่างนั้นจะช่วยเธอโดยไม่หวังผลตอบแทนได้ยังไง

นี่ไม่เหมือนกู้หมิงฉือที่เธอรู้จัก

กู้หมิงฉือในความทรงจำของเธอสามารถทําลายชื่อเสียงของเธอเพื่อผลกําไร สามารถต่อรองราคากับเธอได้ ไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย หากมีผลประโยชน์เขาก็จะไม่เคลื่อนไหวเลย

ซูเถาไม่สามารถควบคุมทฤษฎีสมคบคิดของตัวเองได้จริง ๆ

สือจื่อจิ้นมีความสงสัยเล็กน้อย “เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณไม่รู้จักเขา”

ซูเถาลูบตาที่แดงก่ำของตนเอง “ให้ฉันหาเฮยจือหม่าเจอแล้ว ฉันค่อยอธิบายกับคุณอีกที ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากจริง ๆ”

เหนื่อยจนไม่อยากอธิบายอะไรกับใครเลย

เธอแค่อยากตามหาแมวให้เจอ เพื่อให้เธอได้นอนหลับอย่างอุ่นใจ

สือจื่อจิ้นเป็นทุกข์และรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงไม่ได้สนใจกู้หมิงฉือ แล้วแต่เถอะ เพราะยังไงก็มีเขาอยู่ คงจะไม่มีอันตรายเกิดกขึ้นหรอก

ผู้มีพลังย้อนเวลากลับเดินไปตามทางเพื่อค้นหาเบาะแส

“มันฝังอะไรบางอย่างไว้ที่นี่ เอ๊ะ ฝังไว้สองครั้ง แล้วฉี่กลบ พวกคุณอยากลองขุดมาดูไหม”

เสวี่ยเตาวิ่งไปดม ๆ และเห่าเรียกซูเถาสองครั้ง แสดงท่าทางว่าเป็นกลิ่นเฮยจือหม่าจริง ๆ

“รอให้เจอก่อนค่อยว่าเถอะ รบกวนคุณช่วยนำทางด้วย” ซูเถาส่ายหัว

“ได้ เขาฝังของไว้ครั้งแรกแล้วก็วิ่งไป น่าจะไปหาของกิน แต่หาไม่เจอ แถมยังถูกคนถีบมาอีกสองครั้ง”

หัวใจของซูเถาสั่นสะท้าน

กู้หมิงฉือเตะถีบเขาจากด้านหลังหนึ่งที

ผู้ที่มีพลังทำได้เพียงต้องกลืนคำที่จะกล่าวลงไปว่ามันยังล้มลง… เกาผิวหนังของมัน และเลียบาดแผลไม่หยุด แถมยังถูกคนขว้างหินใส่

“แล้วมันก็วิ่งไปทางนั้น ทางนั้นเป็น…”

เขาตะลึง ทางนั้นเป็นบ้านพี่หย่งไม่ใช่เหรอ?

เขารีบย้อนเวลากลับไป และพบว่าแมวได้ขโมยกล่องเครื่องประดับจากบ้านของพี่หย่งมา ที่แท้ก็ฝังกล่องประดับไว้

แมวตัวนี้เป็น….

เมื่อพิจารณาแล้วว่าพี่หย่งได้แตกคอกับเจ้านายของเขาแล้ว จึงตัดเรื่องราวออกไปอย่างชาญฉลาด

“อืม… มันไม่สําคัญ จากนั้นเพื่อจะหาอาหารก็วิ่งไปในชุมชนแออัดทางนั้น”

“หลังจากเข้าไปในบ้านหลังนั้น ก็ไม่กลับออกมาอีกเลย มันต้องอยู่ข้างในแน่”

ซูเถารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และรีบวิ่งไปเคาะประตูทันที

ที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นประตู เป็นไม้กระดานแผ่นหนึ่งที่แขวนไว้เป็นประตูคล้ายจะล้มมิล้มแหล่

หลังจากเคาะสองครั้งก็มีคนมาเปิด เป็นเด็กผู้หญิงตัวผอมอายุประมาณห้าหกขวบ

เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กเห็นมีคนมากมายอยู่หน้าประตู และยังมีสุนัขตัวใหญ่สีดำ เธอก็หวาดกลัวจนพูดไม่ออก และเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น “แม่คะ แม่!”

แม่ของเด็กหญิงตัวเล็กรีบวิ่งออกมา เมื่อเห็นกลุ่มคนตรงหน้าก็ตกใจ รีบไปกอดลูกสาวไว้แน่น และแสร้งพูดอย่างสงบนิ่งเพื่อกลบความกลัว

“พวกคุณเป็นใคร ถ้าต้องการน้ำ พวกเราไม่มีจริง ิๆ ครั้งก่อนถูกแย่งไปหมดแล้ว”

ซูเถารีบเอ่ยปลอบ “ไม่ใช่ อย่าเข้าใจผิด พวกเราแค่อยากจะมาสอบถามว่า พวกคุณเห็นแมวตัวสีดำไหม ที่อยู่ในถังแตก ๆ หน้าบ้านคุณ”

ผู้เป็นแม่ผ่อนคลายลง เห็นว่าซูเถายังสาวยังสวย อีกทั้งยังแต่งตัวดี จึงเดาว่าน่าจะเป็นลูกสาวบ้านคนรวย จึงไปอุ้มเฮยจือหม่าที่อยู่ในห้องออกมา

“คุณเลี้ยงมันใช่ไหม มันเป็นลมไปแล้ว น่าจะเป็นลมแดด ขอโทษด้วยนะ บ้านพวกเราไม่มีน้ำ ไม่สามารถป้อนมันได้”

ซูเถาเห็นว่าเฮยจือหม่าเนื้อตัวมอมแมม แถมขนที่หัวยังถลกเผยจนเห็นเนื้อ หัวใจของเธอก็หล่นฮวบ

เธอรีบรับมันมากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขที่ได้ของรักที่หายไปกลับมา และขอบคุณสองแม่ลูกไม่หยุด ซ้ำยังให้ฟางจือนำอาหารเครื่องดื่มให้พวกเธอ

สองแม่ลูกเห็นก็มองถุงอาหารถุงใหญ่และน้ำแร่ใสกว่ายี่สิบขวดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างงุนงง

ซูเถาไม่สนใจอะไรมาก เธอกอดเฮยจือหม่าแน่นแล้วนั่งยอง ๆ ก่อนจะป้อนน้ำให้มันทีละนิด

เสวี่ยเตาเดินวนเวียนรอบตัวเธออย่างตื่นเต้น พลางกวัดแกว่งหางไปมา หลังจากนั้นก็แลบลิ้นเลียเฮยจือหม่าอย่างดุเดือดอยู่หลายครั้งเนื่องจากทนไม่ไหว

เฮยจือหม่าดื่มน้ำสองจิบ ล้างหน้าล้างตาจนสะอาด ถึงได้ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นซูเถาและได้กลิ่นที่คุ้นเคย ก็ส่งเสียงร้องราวกับจะบอกว่าในที่สุดเธอก็มาแล้ว

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท