ตอนที่ 230 การขยายตัวของเถาฉือ
ตอนที่ 230 การขยายตัวของเถาฉือ
ซูเถาผงะไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ “ขอบคุณมากสำหรับคำเชิญจากอู๋ไถ ตงหยางเองก็จัดสรรโควตาให้ฉัน ฉันคงไม่ได้รับไว้ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ”
ตอนนี้ถึงคราวของติงเหออวี้ที่ต้องตกตะลึง
ปีนี้ตงหยางได้โควตาด้วยเหรอ?
เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ปีนี้ตงหยางได้รับชื่อเสียงมากมายจากน้ำและเชื้อเพลิงของเถาหยาง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตร
อย่างไรก็ตามอู๋ไถต้องการแสดงความตั้งใจดี ติงเหออวี้จึงยื่นจดหมายเชิญสองฉบับต่อหน้าซูเถา
“เถาหยางมีความสามารถมากมาย เป็นเรื่องดีที่เถ้าแก่ซูจะนำคนมาเพิ่มอีกสองคน”
ตอนแรกซูเถาก็ตั้งใจจะปฏิเสธ แต่ติงเหออวี้ก็ยังคงหนักแน่น เธอไม่สามารถปฏิเสธได้หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง จึงต้องยอมรับไว้
ติงเหออวี้กลัวว่าเธอจะลำบากใจ ดังนั้นเขาจึงอธิบายว่า
“โควตาการประชุม 2 สิทธิ์นี้ได้รับการตกลงจากพวกเราทุกคนที่อู๋ไถ ไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของผมเพียงคนเดียว ดังนั้นผมขอร้องเป็นการส่วนตัวกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับโควตาเหล่านี้”
ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ ซูเถาก็ผ่อนคลายลงทันที จากนั้นเธอก็เชิญติงเหออวี้และพวกทานอาหารกลางวันในเถาหยางด้วยกัน
อาหารกลางวันถูกเตรียมโดยพ่อครัวฉิน โดยมีภรรยาของเขาเป็นคนจัดเสิร์ฟ มีอาหารทั้งหมดสี่อย่าง บวกน้ำซุปอีกหนึ่งอย่าง ติงเหออวี้นั่งอยู่บนชั้นหนึ่งของโรงอาหารที่เย็นสบายเพื่อทานอาหารมื้อนี้ หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจ
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจต่อภรรยาของเขา
ถ้าเธอไม่ละทิ้งทุกอย่างในตงหยาง และมาแต่งงานกับคนอู๋ไถอย่างเขา บางทีเธออาจจะมีโอกาสตั้งรกรากในเถาหยางในตอนนี้ ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่สะดวกสบายและกว้างขวาง มีอาหารที่สดใหม่และอร่อย ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือตั้งครรภ์ก็ไม่ต้องกังวล
หลังกินอาหารเสร็จ หลินฟางจือก็เตรียมเสบียงที่อู๋ไถสั่งในครั้งนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
จำนวนเงินดังกล่าวเป็นสามเท่าของครั้งที่แล้ว ทำให้ซูเถาสามารถทำกำไรสุทธิได้มากกว่า 400,000 เหลียนปัง แม้ว่าจะหักต้นทุนแล้วก็ตาม
หลังจากที่ติงเหออวี้จากไป คนจากฐานเล็ก ๆ 2 แห่งก็ตามมาทีหลัง เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือซูเถา เพราะหลินฟางจือได้จัดเตรียมเสบียงที่พวกเขาสั่งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว รอแค่ให้เขานำเสบียงทั้งหมดขนขึ้นรถไป
กว่าที่เขาจะรับผิดชอบขนเสบียงให้ทั้งสองฐานเสร็จก็เล่นเอาหน้ามืด
ข่าวลือทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เถาหยางไม่เพียงมีเสบียงเท่านั้น แต่ราคาก็ยุติธรรมมาก
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีผลึกนิวเคลียสจำนวนมากพอที่จะจ่ายค่าสมาชิก และพวกเขาก็ต้องชำระผลึกนิวเคลียสทุกครั้งที่มาซื้อ
จากมุมมองของการซื้อระยะยาว พวกเขามองว่ามันไม่คุ้มค่านัก แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นฐานขนาดเล็กและมีประชากรเบาบาง ดังนั้นจำนวนของผลึกนิวเคลียสที่พวกเขาได้รับจากการล่านั้นมีจำกัดจริงๆ พวกเขาไม่สามารถนำผลึกนิวเคลียสมาชำระได้ถึงแปดอันทีเดียว
ทั้งสองทีมขนย้ายเสบียงออกไป และหลินฟางจือก็ได้ส่งมอบผลึกนิวเคลียสทั้งสองให้กับซูเถา
เมื่อรวมกับสองอันที่เธอเพิ่งได้มา ตอนนี้เธอมีผลึกนิวเคลียสทั้งหมด 11 อันในมือของเธอ
จริง ๆ แล้ว เธอต้องการขยายที่ดินของเถาฉือเป็น 1,000 ตารางเมตร และสร้างสถานีขนส่งสินค้าในอนาคต องค์กรหรือฐานต่าง ๆ ที่มาติดต่อขอความร่วมมือจะต้องไปที่เถาฉือเพื่อรับสินค้าเท่านั้น
แต่เธอก็คิดเช่นกันว่าหลังจากอัปเกรดแล้ว เธอจะต้องปลดล็อกที่ดินอีกผืนหนึ่งเพื่อพัฒนาเรื่องการเลี้ยงสัตว์
ไหนจะศูนย์ส่งเสริมแม่และเด็กทางนู้นอีก เธอยังต้องทำการครอบโดมศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าขนาด 1,500 ตารางเมตรอีก …
ผลึกนิวเคลียสสิบเอ็ดอันนั้นไม่เพียงพอ
หลังจากที่พยายามดิ้นรนมาหลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุดซูเถาก็ตัดสินใจที่จะใช้ผลึกนิวเคลียส 6 อันก่อนเพื่อขยายเถาฉือเป็น 1,000 ตารางเมตร
เธอไม่รีบร้อนที่จะเริ่มการก่อสร้าง แต่หยิบแผนที่ไปหาผู้อาวุโสเหม่ยและลูกศิษย์ของเขาเพื่อบอกรายละเอียดคร่าว ๆ เกี่ยวกับข้อกำหนดในการวางแผน
“แบ่งพื้นที่เป็นสองส่วน พื้นที่หนึ่งใช้จอดรถบรรทุกเป็นหลัก เวลาลูกค้ามาจะได้ไม่ต้องจอดรถข้างนอก ถ้าโดนโจมตีหรือโดนขโมยของคงไม่ดีแน่ ให้เข้ามาจอดในจุดปลอดภัย บริเวณที่ฉันดูแลน่าจะปลอดภัยกว่า”
ผู้อาวุโสเหม่ยเห็นด้วย เขาพยักหน้าและพูดว่า “เดี๋ยวเราจะออกแบบที่จอดรถเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีความแออัดเมื่อมีรถเข้ามา”
ซูเถากล่าวต่อ “ส่วนพื้นที่ส่วนที่เหลือมีขนาดเล็กกว่า สร้างเป็นอาคารขนาดเล็กหนึ่งหรือสองชั้นเพื่อให้ความบันเทิงแก่ลูกค้าที่มา อย่างไรก็ตามต้องมีห้องทำงานส่วนตัว 2 ห้อง ห้องหนึ่งให้ฟางจือ ฟางจือนายต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า”
หลินฟางจือรู้สึกมึนงงเล็กน้อยเมื่อเขาถูกเรียกชื่อ จากนั้นเขาก็ส่ายหัว
ผู้อาวุโสเหม่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้สึกว่าหกเดือนที่ผ่านมาเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก และตอนนี้เขาสามารถเจรจาความร่วมมือกับลูกค้าได้อย่างสบาย”
เขายังจำได้ว่าเมื่อครึ่งปีก่อน ฟางจือไม่รู้คำศัพท์มากนัก และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่รู้
แล้วก็ได้หนูเถาที่คอยเป็นห่วงเป็นใย คอยอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลและหาอาจารย์มาสอนเขา
ซูเถาเองก็รู้สึกโล่งใจมากเช่นกัน โชคดีที่มีใครบางคนที่รู้วิธีช่วยเธอในธุรกิจการซื้อขายเสบียง ไม่งั้นเธอจะต้องลำบากมากแน่ ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ขนาด 1,500 ตารางเมตรของเขาช่วยให้เธอประหยัดผลึกนิวเคลียสได้มากสำหรับการสร้างโกดัง
และทุกครั้งที่เขาต้องเตรียมเสบียงในเถาหยาง เขาก็ยัดของลงในพื้นที่ของเขาเอง จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถและนำของออกมาจากห้วงมิติไว้บนรถบรรทุกของลูกค้า ส่วนที่เหลือลูกค้าต้องขนไปเองเท่านั้น แบบนี้สะดวกสบายมากจริง ๆ
แม้ว่าทักษะการสื่อสารจะยังติดขัดอยู่บ้าง แต่ในที่สุดเถาหยางก็ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว คนที่มาขอซื้อของมีความสุภาพกับเขาและไม่มีใครทำให้เขาลำบากใจเพราะเขาพูดช้า
ซูเถาตั้งใจที่จะให้ฟางจือรับผิดชอบธุรกิจด้านนี้ในอนาคต ดังนั้นจึงต้องทำห้องทำงานส่วนตัวให้เขา
นอกจากนี้เรื่องเงินเดือนและผลประโยชน์ของเขา เฉียนหรงหรงจะเริ่มทำการคำนวณในเดือนนี้
หลินฟางจือขอบคุณที่ซูเถาใส่ใจตนเองมากขนาดนี้ เขาแค่อยากทำอะไรให้เธอเพื่อเป็นการตอบแทน ไม่มีอะไรจะขออีกแล้ว
ในตอนบ่าย ซูเถาเรียกทุกคนมาเพื่อจัดการประชุมสั้น ๆ โดยส่วนใหญ่จะหารือกันว่าใครจะไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตร
สำหรับเจียงอวี่ไม่เป็นปัญหา เขาติดตามเธอไปในเงาอยู่แล้ว ส่วนหลินฟางจือผู้รับผิดชอบด้านความร่วมมือทางธุรกิจต้องไปและจวงหว่านในฐานะผู้จัดการใหญ่ก็ต้องไปเช่นกัน
หลังจากหารือเกี่ยวกับโควตาที่เหลือ ก็สรุปให้หม่าต้าเพ่าไป
หม่าต้าเพ่ารู้สึกตื่นเต้นมาก “เถ้าแก่ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างคอนเน็กชันกับผู้ร่วมงานทุกคน เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงของเถาหยางของเรา”
เฉียนหลินแอบรู้สึกอิจฉา เธออยากไปจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นเพราะพื้นที่เพาะปลูกได้เพิ่มผลผลิตอย่างมาก ซึ่งเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในของเถาหยางแล้ว และส่วนที่เหลือก็ส่งไปให้ตงหยางหมดแล้ว
ดังนั้นเธอจึงต้องการใช้โอกาสจากการประชุมครั้งนี้เพื่อส่งเสริมแบรนด์ผักและผลไม้ของไร่เถาหยาง
นอกจากนี้ เธอยังอยากได้เมล็ดพันธุ์พืชอื่น ๆ ให้กับอู๋เจิ้น เพราะไม่มีข่าวจากทีมซ่ง ดังนั้นเธอจึงกังวลเล็กน้อยที่ต้องรอ
มีแต่คนอยากไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากการประชุมสุดยอดพันธมิตรมีชื่อเสียงมาหลายปีแล้ว ได้ยินมาว่าไม่เพียงแต่จะได้รู้จักผู้นำของทุกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังมีอาหารที่หายากในการประชุม มีแม้กระทั่งนักวิชาการจากฉางจิงที่มาบรรยายเรื่องผลการวิจัยต่าง ๆ
สองวันแรกเป็นการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ ส่วนในวันสุดท้ายมีงานแสดงสินค้าหายากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นสิ่งที่เปิดหูเปิดตา
ซูเถารับข้อคิดเห็นของทุกคนไว้ในใจ และตัดสินใจว่าในอนาคตแต่ละฝ่ายจะได้เข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าร่วมและเพิ่มพูนความรู้
ในตอนท้ายของการประชุม เฉียนหลินขอให้หม่าต้าเพ่า ช่วยดูเรื่องเมล็ดพันธุ์เมื่อเขาเข้าร่วมการประชุม และขอให้เขาพยายามติดต่อเพื่อซื้อพืชหายากใด ๆ ในงาน
หม่าต้าเพ่าตกลงอย่างง่ายดาย
เฉียนหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่ามีบางคนที่ขายเทคโนโลยีที่งานแสดงสินค้า หากมีเทคโนโลยีขั้นสูงเช่นการปลูกพืชไร้ดินและการต่อกิ่ง อย่าลืมช่วยฉันสอบถามเรื่องนี้ด้วยนะคะ”
เธอให้คำแนะนำมากมาย แต่สุดท้ายเธอก็ยังกังวลใจอยู่ และวางแผนที่จะเขียนบันทึกเพื่อให้หม่าต้าเพ่านำติดตัวไปด้วย