บทที่ 82 : ฮองเฮาทำตัวเองให้ดูโง่ (4)
ไป๋รั่วเงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ โดยปกติแล้วหากเกิดอะไรขึ้นกับฮองเฮา นางก็จะรีบเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อทูลฟ้องเรื่องดังกล่าวในทันที ทว่าครานี้ ฟังจากสุรเสียงของนางแล้ว ดูเหมือนว่านางตั้งใจจะกลืนความอัปยศอดสูไว้ก่อน แทนที่จะเข้าเฝ้าฮ่องเต้
ไม่มีทาง!
ไป๋รั่วไม่มีวันยอมให้อ๋องคังช่วยหนุนหลังไป๋หยานเด็ดขาด!
”เสด็จแม่”ไป๋รั่วยิ้มอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาแฝงประกายเจ้าเล่ห์ “ยามนี้ยังมีอีกเรื่องที่รั่วเอ๋อต้องขอพระกรุณาจากพระองค์ … ”
ใบหน้าของหนิงไต้ยังคงดูไม่ดีขึ้น”ยังมีสิ่งใดอีก ?”
“อ๋องคังมิใช่เด็กแล้วทั้งตำหนักของเขาก็ขาดนายหญิงมานานมากแล้ว ซึ่งก็ไม่ดีเท่าใดนัก เช่นนั้นหม่อมฉันจึงขอเสนอน้องสาวของหม่อมฉันให้อภิเษกกับอ๋องคัง เสด็จแม่คิดเห็นเช่นไรเพคะ”
”รั่วเอ๋อ”หนิงไต้กล่าว “เจ้าก็เห็นท่าทีที่อ๋องคังมีต่อไป๋หยานในวันนี้แล้ว หากข้าก้าวก่ายเขามากเกินไป เกรงว่าอ๋องคังจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพ็จทูลกล่าวตำหนิข้า”
”เสด็จแม่”ไป๋รั่วก้าวเข้าไปใกล้หนิงไต้อย่างช้า ๆ นางหยิบถ้วยน้ำชามาจากนางกำนัล ก่อนจะยื่นไปเบื้องพระพักตร์ฮองเฮาอย่างนุ่มนวล “ที่อ๋องคังมีโมโหเมื่อครู่นั้น เพียงเพราะเขารู้สึกว่าโดนลบหลู่ หาใช่เพราะพี่สาวของหม่อมฉันไม่ นอกจากนี้ เสด็จแม่เชื่อจริง ๆ หรือว่า เขาต้องการสตรีที่ไม่บริสุทธิ์เช่นนั้น ?”
พระขนงที่ขมวดของหนิงไต้ค่อยๆ คลายลง “ความหมายของเจ้าคือ … ”
”หากเสด็จแม่เห็นว่าอ๋องคังสนใจพี่สาวของหม่อมฉันมากก็แล้วเหตุใดเราไม่ผูกใจเขา โดยการแต่งตั้งนางให้เป็นพระสนม และให้จื่อเอ๋อเป็นพระชายาเล่า ถึงตอนนั้น อ๋องคังก็จะต้องขอบพระทัยเสด็จแม่เป็นอย่างยิ่งเสียล่ะมากกว่า”
ไม่ว่าไป๋หยานจะตกอยู่ในกำมือของนางหรือไป๋จื่อน้องสาวของนาง ก็ไม่ต่างกัน เช่นนั้นเหตุใดนางจะไม่ส่งหญิงผู้นั้นเข้าตำหนักอ๋องด้วยตนเองเล่า !
“ทว่าข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับนิสัยของอ๋องคังมีคนบอกว่าเขาเป็นโรครักความสะอาดจนเกินเหตุ … ” น้ำเสียงของหนิงไต้ยังฟังดูค่อนข้างลังเล
บุรุษผู้นั้นน่ากลัวเกินไปน่ากลัวเสียกระทั่งนางเองยังไม่กล้ายั่วยุเขา
“เสด็จแม่คนเรามีปากก็พูดกันไป สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น การที่อ๋องคังให้ความสนใจในตัวพี่สาวของหม่อมฉัน เห็นได้ชัดว่า เรื่องรักสะอาดเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น”
ครั้นเห็นหนิงไต้ยังคงครุ่นคิดน้ำเสียงอ่อนโยนของไป๋รั่วก็ดังขึ้นอีกครั้ง
”ทั้ง… ข้ายังได้ยินมาว่า องค์หญิงหกเองก็ให้ความสนพระทัยในตัวอ๋องคัง นางเป็นพระธิดาพระสนมหลิว ทั้งยังเป็นพระขนิษฐาขององค์ชายสาม องค์ชายสามเป็นคนทะเยอทะยาน หากปล่อยให้พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากอ๋องคังแล้ว ก็น่าที่จะเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับพระโอรสของพระองค์ซึ่งเป็นพระสวามีของหม่อมฉันอย่างมาก”
หลังจากได้สดับถ้อยคำดังกล่าวพระพักตร์ที่กำลังครุ่นคิดของหนิงไต้พลันแปรเปลี่ยนเป็นดุดันทันที
”ถ่ายทอดคำสั่งข้าให้ไป๋จื่ออภิเษกกับอ๋องคังในฐานะพระชายาและในเวลาเดียวกันก็ให้แจ้งไปที่บ้านสกุลหลาน ให้ไป๋หยานอภิเษกเข้าตำหนักอ๋องคังในฐานะพระสนมภายในหนึ่งเดือนนับจากนี้”
ข้าไม่มีวันยอมให้เป็นไปตามความต้องการของพระสนมหลิวแน่!
”หม่อมฉันขอขอบพระทัยเสด็จแม่แทนพี่ใหญ่และน้องสาวของหม่อมฉันที่ให้โอกาสพวกนาง” ไป๋รั่วย่อเข่าลงแสดงความขอบคุณในพระมหากรุณา “หาไม่แล้ว หากปราศจากพระราชเสาวนีย์ของพระองค์ คงเป็นเรื่องยากที่พี่สาวของ
หม่อมฉันจะได้เข้าตำหนักอ๋องคังในฐานะพระสนม”
นางไม่กล่าวถึงไป๋จื่อเหตุเพราะในสายตาของนาง นางเชื่อว่าไป๋จื่อน้องสาวของนางสมควรที่จะเป็นพระชายาอยู่แล้ว ส่วนไป๋หยานนั้นการได้เป็นพระสนมก็ถือเป็นความเมตตาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจากพวกนางแล้ว
สตรีที่ตั้งครรภ์โดยมิได้แต่งงานมีคุณสมบัติใดที่จะเข้าร่วมราชวงศ์? หากไม่มีพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮา ย่อมไม่มีทางที่ราชสำนักจะยอมรับนาง !
”เจ้าออกไปได้ตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้ว” หนิงไต้โบกพระหัตถ์ขึ้น จากนั้นก็หลับพระเนตรลงอย่างอ่อนล้า ทีท่าของนางชัดเจนว่าต้องการพักผ่อน
“เพคะ”
ไป๋รั่วค่อยๆ ลุกขึ้นถวายบังคม จากนั้นก็เดินออกจากพระตำหนักเฟิงหลวนพร้อมกับนางกำนัล
ครั้นออกมาพ้นพระตำหนักรอยยิ้มอ่อนโยนก็จางหายในทันที แววตาของนางเต็มไปด้วยประกายชั่วร้าย
ไป๋หยานเจ้าคิดว่าอ๋องคังจะหนุนหลังเจ้าได้จริง ๆ กระนั้นหรือ ? ที่เขาเป็นอ๋องได้นั้น ก็เพียงเพราะได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เขาไม่สามารถตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของตนเองได้ !
***จบบทฮองเฮาทำตัวเองให้ดูโง่ (4)***
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 82
จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์
นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้
ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย
มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก
ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก
แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…
จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”