ตอนที่ 290 ผมจะไปลักพาตัวคุณกลับมา
ตอนที่ 290 ผมจะไปลักพาตัวคุณกลับมา
เขาและซูเถานัดกันตอนเที่ยงวัน ซึ่งเป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไปจองร้านอาหารในสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในซินตูเอาไว้ล่วงหน้า
ในวันสิ้นโลกแบบนี้ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้สัมผัสกับพื้นที่สีเขียว เขาได้ยินมาว่าร้านนี้เหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้ เมื่อเข้าไปจะเต็มไปด้วยกลิ่นไอของธรรมชาติ ผู้คนที่มีอำนาจหรือมีอิทธิพลล้วนแล้วเคยสูดดมกลิ่นนี้
เหลยสิงรู้สึกว่านี่จะเป็นวันแห่งความทรงจำ เขาจึงต้องเลือกสถานที่ที่ดีที่สุด
ไม่ได้การแล้ว เขาต้องนอนพักสักหน่อย เพื่อเตรียมพร้อมและไปตามนัดในวันพรุ่งนี้
ในขณะที่ฉู่หมิงยังเคาะประตูห้องไม่หยุดหย่อน เมื่อหั่วเสอได้ยินเสียง เขาก็สวมเสื้อกล้ามและรีบออกไปทันที เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่หมิงเขาจึงออกไปขวางและพูดว่า
“นายหญิง คุณเลิกก่อกวนได้แล้ว! วันนี้กัปตันเหลยมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ คุณให้เขาพักผ่อนเถอะ! ถ้าเกิดเขาทำงานผิดพลาดขึ้นมาคุณรับผิดชอบหรือเปล่า!”
ฉู่หมิงเชิดคางขึ้นแล้วถามว่า “เขาจะมีธุระอะไรให้ทำได้ หัวหน้าสวี่จากฉางจิงเขาก็ส่งเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ”
หั่วเสอดึงเธอออกมาแล้วกัดฟันพูดว่า
“เขาไม่ว่าง นายหญิง วันนี้คุณว่างหรือไง? ให้ผมเหล่าเสอไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนคุณไหม? หรือถ้าคุณไม่ชอบขี้หน้าผม ผมจะให้เจียเหนียนไปเป็นเพื่อน ตกลงไหม?”
เจียเหนียนเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดและหล่อที่สุดในกลุ่มเป้าถู และเขาก็เป็นเด็กที่มีพลังความสามารถมากที่สุดในทีม
เมื่อตอนที่ฉู่หมิงก่อกวนพวกเขาก่อนหน้านี้ เธอสนใจในตัวเจียเหนียนมาก และต้องการนำตัวเขาไป
หั่วเสอรู้สึกว่าเพื่อเห็นแก่ชีวิตคู่ของเหล่าต้าในอนาคต เขาได้ส่งตัวพี่น้องของพวกเขาออกไปเป็นหน่วยกล้าตาย เพื่อที่จะทำให้เรื่องของเหล่าต้านั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ฉู่หมิงจดจ่ออยู่กับเหลยสิงมานานแล้ว ไม่ว่าเจียเหนียนจะดีแค่ไหนเธอก็ไม่สนใจ จึงโบกมือให้หั่วเสอ
“เขากำลังยุ่งอยู่กับอะไร ทำไมต้องปิดบังฉันด้วย แถมพวกนายก็ยังช่วยเขาปกปิดอีกต่างหาก”
ประตูอีกบานของห้องถูกเปิดออก พี่น้องเป้าถูรีบวิ่งไปข้างหน้า
ในที่สุดฉู่หมิงก็ถูกพวกเขาถ่วงเวลาไว้ได้สำเร็จ
เมื่อเธอฟื้นคืนสติและเข้าไปหาเหลยสิงอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว!
……
ซูเถามาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลา 10 นาที เธอเหลือบมองสือจื่อจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ และพูดอย่างระมัดระวัง
“เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง”
เธอกลัวว่าจะมีคำพูดที่ไม่น่าฟังเข้าหูของสือจื่อจิ้น วันนี้เธอต้องการที่จะตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นความคลุมเครือจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอและเหลยสิง
สือจื่อจิ้นก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปกับเธอ เขาพยักหน้าเบา ๆ เช่นเคย “คุณไปเถอะ เดี๋ยวผมรอ”
ซูเถาไม่เห็นการแสดงออกแปลก ๆ บนใบหน้าของเขา
“คุณไม่กังวลเหรอ” เธออดไม่ได้ที่จะถาม
เมื่อเห็นว่าสุดท้ายเธอก็เก็บความกังวลเอาไว้ไม่ได้ และถามออกมา สือจื่อจิ้นก็ยิ้มและเหลือบตามองเธอ
“กังวลเรื่องอะไร? กังวลว่าจะถูกลักพาตัวเหรอ?”
ซูเถากล่าวว่า “ก็ไม่หรอก เหลยสิงเป็นคนดี ถึงเขาจะมีพลังอำนาจ แต่เขาไม่ใช่คนอย่างนั้น ตอนนั้นคุณไม่ฟังคำแนะนำของฉันและยืนกรานที่จะออกไป คุณขอให้ฉันพิจารณาเขาไม่ใช่เหรอ ตอนนี้คุณก็ลองแกล้ง ๆ ทำเป็นมั่นใจหน่อยแล้วกัน”
สือจื่อจิ้นไม่อยากจะยอมรับว่าประโยคนี้ทำให้เขาประหม่าเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของซูเถา รอยยิ้มของเขาก็ค่อย ๆ ลดลง
“ผมก็จะไปลักพาตัวคุณกลับมา”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าถ้าคุณลักพาตัวฉันกลับไป ฉันจะยอมไปกลับคุณ”บราวนี่ออนไลน์
พลตรีสือผู้กล้าหาญและมีฝีมือลดมาดของเขาลงต่อหน้าเธอ เขาย่อตัวลงและพูดเสียงเบา พร้อมเผยให้เห็นความจริงใจที่นุ่มนวลที่สุด
“เถ้าแก่ ผมพูดจริง ถ้าคุณไม่ยอมไปกับผม ผมก็จะตามตื๊อจนกว่าคุณจะใจอ่อน”
หัวใจของซูเถาสั่นสะท้าน แต่เธอก็ส่ายหัวตามสัญชาตญาณ
“คุณโกหก เมื่ออันตรายมาถึงคุณก็เลือกที่จะทอดทิ้งฉัน นับประสาอะไรกับการไล่ตามฉันจนสุดขอบฟ้า”
ครั้งก่อนที่เขาพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่าคำสั่งทางทหารไม่สามารถละเมิดได้ ซูเถารู้สึกว่าเธอเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่น้อย
เธอเทิดทูนวีรบุรุษ ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรับผิดชอบของเขา แต่ในอีกมุมหนึ่งเธอก็คงจะกระวนกระวายทั้งวันทั้งคืนเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซูเถากลัวว่าถ้าเธอตัดสินใจชอบเขาแล้ว มันจะเป็นยังไงถ้าวันหนึ่งเขาจะต้องตายเพื่อความชอบธรรมและความรับผิดชอบ
ถ้าเกิดเรื่องแย่ ๆ แบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ?
เรื่องนี้เธอจะโทษใครได้?
โทษเขาที่ปกป้องครอบครัวและปกป้องประเทศ หรือโทษผู้หญิง เด็ก คนชราและคนอ่อนแอที่ทำให้เขาต้องตาย?
หัวใจของสือจื่อจิ้นจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งทันที เขาต้องการอธิบายบางอย่าง แต่เขาพูดได้อย่างเดียว
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
เพราะได้เธอมาช่วยปกป้องตงหยาง ดังนั้นในอนาคต เขาอาจไม่จำเป็นต้องไปสัมผัสกับภัยคุกคามขนาดใหญ่และเป็นอันตรายอย่างมากอีก
อีกประการหนึ่งคือเขามี ‘พลังอมตะ’ และความตายเป็นเพียงการหลับใหลอันยาวนานสำหรับเขาเท่านั้น
ซูเถาเม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “ฉันจะเข้าไปแล้ว ถ้าคุณรู้สึกเบื่อ คุณก็ออกไปซื้อของรอบ ๆ ก่อนก็ได้”
หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในร้านอาหาร
พนักงานในร้านอาหารสวมชุดพิมพ์ลายสวยงาม และกล่าวต้อนรับเธอด้วยน้ำเสียงไพเราะก่อนที่จะนำทางไปยังห้องรับรองส่วนตัว
ซูเถายังคงรู้สึกเสียใจ และคิดวนอยู่ในหัวว่าไม่ควรพูดถึงเรื่องนั้นออกมา
แต่เธอช่วยไม่ได้จริง ๆ
ตั้งแต่สือจื่อจิ้นกลับมา เขาก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิม และเธอก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้
เธอรอคอยและรู้สึกเศร้าในใจ
พนักงานผลักประตูห้องรับรองส่วนตัวให้เธอ “เชิญคุณผู้หญิง คุณผู้ชายท่านนี้เพิ่งมาถึง”
เพิ่งมาถึง?
ทำไมเมื่อกี้เธอไม่เห็นเขาที่ชั้นล่าง?
มีโต๊ะอาหารเพียงโต๊ะเดียว จัดไว้สำหรับสองคนในห้องส่วนตัว ซึ่งเต็มไปด้วยผักสีเขียวสด ของหวานชั้นเลิศต่าง ๆ และอาหารปรุงสุกอย่างดีที่ซูเถาไม่เคยเห็นมาก่อน
ในห้องส่วนตัวไม่ได้เปิดไฟเพราะมีกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานทั้งแผ่นอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งสามารถเห็นสวนที่ร้านอาหารดูแลอย่างเอาใจใส่ได้ แสงแดดยามบ่ายส่องผ่านดอกไม้และต้นไม้เขียวขจีที่อยู่ด้านนอก ทำให้แสงลอดเข้ามาในห้องอย่างเบาบางและไม่ทำให้ร้อนเกินไป เป็นแสงแดดที่เหมาะสมและกำลังพอดี
เธอแอบรู้มาว่าเหลยสิงจองห้องนี้ไว้ล่วงหน้าสองเดือน และเป็นห้องรับรองที่ราคาแพงที่สุดในร้านอาหารนี้
ในขณะนี้เหลยสิงมองไปที่การเตรียมการอย่างพิถีพิถันทั้งหมด เขาได้แต่หัวเราะเยาะตัวเองอย่างพูดไม่ออก
เขาได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองคนที่อยู่ชั้นล่างอย่างชัดเจน
เขาคิดว่าเขากับสือจื่อจิ้นเป็นคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกันเสียอีก
แต่สิ่งที่ซูเถาพูดเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าเธอได้เก็บสือจื่อจิ้นไว้ในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะถ้าเธอไม่ชอบเขา เธอคงไม่สนใจว่าเขาจะเป็นหรือตาย แต่นี่เธอรวมเขาไว้ในแผนชีวิตของเธอด้วย
แต่เขาไม่แคร์
เขาเฝ้าถามตัวเอง เมื่อเทียบกับสือจื่อจิ้น เขาใช้เวลากับซูเถามากที่สุด และเขาอยู่เคียงข้างเธอหลายครั้งเมื่อเธอตกอยู่ในอันตราย เขาคอยช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เธอ
แล้วสือจื่อจิ้นให้อะไรกับซูเถาบ้าง?
เขาได้แต้ทำให้เธอกังวลและหวาดกลัวเท่านั้น!
ซูเถารู้สึกว่าอารมณ์ของเขาดูไม่คงที่และมีความกังวล เก้าอี้ถูกเลื่อนออกแล้วแต่เธอก็ยังไม่กล้านั่งลง “คุณ…”
เหลยสิงเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน เขามีสีหน้าตึงเครียด ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง เขาหยิบกล่องของขวัญที่สวยงามจากเคาน์เตอร์ข้าง ๆ พร้อมกับยื่นให้เธอ
“ผมให้ ผมรับรองว่าคุณต้องชอบ”
กล่องผูกโบว์เล็ก ๆ มีลวดลายง่าย ๆ บนกล่อง พร้อมดอกกุหลาบที่เสียบเอาไว้ด้านบน
ถ้าเป็นเพื่อนธรรมดาจะให้ของขวัญที่มีการบรรจุภัณฑ์ที่กำกวมแบบนี้ได้ยังไง?
ซูเถาไม่ได้รับเอาไว้ กลับส่ายหัวและพูดว่า “เหลยสิง…พี่ใหญ่เหลย ของขวัญชิ้นนี้ไม่เหมาะกับฉันหรอก”
คำพูดเหล่านี้ตรงไปตรงมาเพียงพอ และหัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้น เหลยสิงเหมือนถูกเธอแทงทะลุอย่างไร้ความปราณี
มือของเขาที่อยู่ใต้โต๊ะกำหมัดแน่น และหูทั้งสองข้างก็โผล่แทรกขึ้นมาบนผมสั้นสีบลอนด์อ่อนของเขา และเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก