ตอนที่ 322 วงจรอุบาทว์
ตอนที่ 322 วงจรอุบาทว์
หญิงสาวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากได้ยินสิ่งที่ซูเถาพูดนี่คือการเย้ยหยันความตระหนี่ของเธอหรือเปล่า?
“เธอเป็นใครถึงคิดจะมาเอาเปรียบฉัน ก็แค่ขอแลกห้องเธอจะต้องการเงินเท่าไหร่กันเชียว!”
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ เธอยอมจ่ายเงินไปถึง 20,000 เหลียนปังแลกกับห้องนั้นยังถือว่ามากไปสำหรับคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ หากเป็นหอประชุมธรรมดาเธอจะเฉดหัวพวกมันไปทันทีโดยไม่ให้เงินแม้แต่เหลียนปังเดียว แต่นี่คือการประมูลของซินตู ทำไมมันถึงเต็มไปด้วยพวกไร้คุณสมบัติและไม่มีวิสัยทัศน์ เธอสันนิษฐานว่าคนเหล่านี้คงไม่มีของดีมาประมูลหรอก!
“เงินแค่ 20,000 เหลียนปังเรียกว่าเอาเปรียบแล้วเหรอ? ก็แล้วแต่เถอะ ถ้าคุณไม่มีเงินจำนวนนี้เราก็จะไม่ย้ายออกไปหรอกนะ ฉันก็ขี้เกียจเกินไปที่จะย้ายห้องเหมือนกัน” ซูเถารู้สึกประหลาดใจจริง ๆ นะ
ได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่เซียวใจกว้างเรื่องใช้จ่ายกับผู้หญิงไม่ใช่เรอะ? กับเงินแค่ 20,000 เหลียนปัง เพื่อซื้อที่นั่งของพวกเขายังลังเลขนาดนี้แล้วยังมาหาว่าเธอเอาเปรียบ
“เจียเจีย ทำไมคุณยังยืนเถียงกับคนเหล่านี้อยู่ล่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ไป๋เจียเหยียนก็เดินไปจับมือของคุณชายใหญ่เซียวทันที ก่อนจะมุ่ยปากหันหน้าไปทางซูเถา “ฉันต้องการแลกห้องกับพวกเขา แต่ว่าคนพวกนี้ไม่ยอมน่ะ งั้นก็ช่างเถอะ พวกเขาคิดจะฉวยโอกาสเอาเปรียบฉัน”
“อย่าทำให้คนสับสนและทำถูกเป็นผิดไปหน่อยเลยน่า~ คุณเป็นคนบังคับให้เราเปลี่ยนห้องเองตั้งแต่แรก และคุณเป็นคนเสนอเงินให้เราเอง ผู้จัดการภาคสนามก็เป็นพยานได้ว่าฉันได้พูดอะไรเพื่อขู่กรรโชกคุณหรือเปล่า?” ซูเถาไม่พอใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
คุณชายใหญ่เซียวถอดแว่นตาออกและมองไปที่ซูเถาอย่างตั้งใจ “หน้าตาดีจังเลย คุณอายุเท่าไหร่เหรอ?”
ไป๋เจียเหยียนโกรธมาก ก่อนจะหยิกเนื้อบนแขนเขาอย่างแรง “เซียวเหวินถิง! ฉันยืนอยู่ตรงนี้นะ!”
เจียงอวี่ซึ่งอยู่ในเงามืดก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของซูเถา หม่าต้าเพ่าก็ก้าวออกไปอีก 2-3 ก้าว แม้ว่าเขาจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่น้ำเสียงของเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตร “คุณชายใหญ่เซียว เราจะไม่เปลี่ยนห้องกับพวกคุณ แต่จะเชิญพวกคุณมานั่งด้วยกันแทน”
หลินฟางจือ เฉียนหลิน เฉียนหรงหรง สวีฉีและคนอื่น ๆ ออกมาล้อมรอบซูเถาโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่มองไปที่คุณชายใหญ่เซียวและแฟนสาวของเขา
“เหอะ” คุณชายใหญ่เซียวได้แต่พ้นลมหายใจฟึดฟัดไม่พอใจ
“พวกคุณทำหน้าที่อารักขาได้ดีนี่ ผมก็แค่ถามเฉย ๆ เอง ไปกันเถอะเจียเจีย เธอคนนี้อายุยังน้อยและยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ อย่าไปมีเรื่องกับเด็กเลย ห้องข้าง ๆ ก็ดีเหมือนกัน การมองเห็นก็ไม่ได้แย่นะ”
หญิงสาวถูกเขาเกลี้ยกล่อมอย่างไม่เต็มใจ หลังจากเธอเดินถอยห่างออกไปหลายก้าวก็ไม่วายหันกลับมามองซูเถา แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายถูกล้อมรอบจนมองไม่เห็นตัวเธอ
เป็นการจ้องมองที่ไม่ได้ผล
ในที่สุด คุณชายใหญ่เซียวก็เกลี้ยกล่อมแฟนสาวของเขาให้ไปนั่งที่ห้องข้าง ๆ ได้ และสัญญาว่าจะประมูลทุกอย่างที่เธอชอบมาให้ เขาจะทุ่มสุดตัวเพื่อเอาใจเธอเป็นพิเศษ
ไป๋เจียเหยียนมีอคติต่อการประมูลนี้เป็นทุนเดิม จึงไม่ค่อยสนใจอะไรแบบนี้อยู่แล้ว “มันจะมีอะไรดีล่ะ ดูคุณภาพสิ คนในห้องวีไอพียังดูไม่มีอะไร”
คุณชายใหญ่เซียวเห็นอกเห็นใจผู้หญิงอยู่เสมอ และอดทนกับพวกหญิงสาวเก่งมาก ดังนั้นเขาจึงได้แต่เกลี้ยกล่อมต่อไป
“ผมผิดไปแล้ว ถือซะว่าคุณมาเป็นเพื่อนผมเพื่อเลือกของขวัญให้พ่อแล้วกัน เขาต้องการแต่งงานกับผู้หญิงคนที่หกเพื่อให้ทันวันเกิดปีที่ 65 ของเขา ผมเลยอยากที่จะให้ของขวัญวันแต่งงานและวันเกิดทีเดียว พ่อผมน่ะจู้จี้จุกจิกและมีของดี ๆ ในมือเยอะ และเขามีลูกชายมากมาย มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะส่งของขวัญที่ถูกใจไปให้เขามากกว่ากัน เจียเจีย คุณมีวิสัยทัศน์ที่ดี ช่วยผมดูหน่อยนะ ช่วยให้คำแนะนำผมด้วย”
แน่นอนว่าไป๋เจียเหยียนถูกเขาเกลี้ยกล่อมจนเคลิบเคลิ้ม “คุณนี่ปากหวานจริง ๆ”
……
ในเวลาเดียวกัน ในห้องที่อยู่ถัดไป มี๋อู้พูดด้วยความประหลาดใจว่า
“ผมคิดว่าคุณชายใหญ่เซียวให้ผู้หญิงของเขามาออกหน้าแทน ผมต้องเตรียมพร้อมกับการปะทะแล้ว” สวีฉีและคนอื่น ๆ พยักหน้าด้วยความคิดเช่นกัน
บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างคุณชายใหญ่เซียวเกลี้ยกล่อมผู้หญิงคนนั้นออกไปได้โดยง่าย ซูเถาเองก็ประหลาดใจเช่นกัน จนกระทั่งสิงซูอวี่มาหาพวกเขาและได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ เธอก็เบะปากแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาจากคุณปู่ของฉันว่าคุณชายใหญ่เซียวไม่จริงจังกับผู้หญิง เขาก็แค่ปากหวานรู้จักพูดจาหว่านล้อมกับหญิงสาวเมื่อมีประโยชน์หรือเจอปัญหา และก็พร้อมจะเสียสลัดผู้หญิงของเขาทิ้งอย่างไร้ความปรานี”
“ได้ยินมาว่าภรรยาคนที่สามของนายท่านเซียว จริง ๆ แล้วในตอนแรกเธอเป็นแฟนของคุณชายใหญ่เซียว แต่เมื่อเห็นว่าพ่อของเขาถูกใจ และคุณชายใหญ่เซียวก็ส่งผู้หญิงของเขาไปที่เตียงของพ่อโดยไม่ลังเลเลย”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนตกใจ
ซูเถาเดาะลิ้น
สิงซูอวี่รู้ว่าคุณชายใหญ่เซียวเป็นอย่างไร นั่นไม่ใช่ความลับอะไร ยังมีผู้หญิงโง่ ๆ อีกมากที่หมกมุ่นอยู่กับเขาและหลงเชื่อถ้อยคำหวาน ๆ เหล่านั้น
วงจรอุบาทว์…
ในเวลานี้ ผู้จัดงานจากห้องประมูลชั้นล่างได้ออกมาประกาศการเริ่มต้นการประมูลอย่างเป็นทางการแล้ว
อันดับแรก เป็นการอ่านรายการสัญญาจำนวนมาก ซึ่งหมายความอย่างคร่าว ๆ ว่ารายการประมูลทั้งหมดเป็นของแท้และรับประกันโดยซินตู หากมีข้อเท็จใด ๆ สามารถติดต่อรองหัวหน้าจั๋วและซินตูได้โดยตรง และทางซินตูจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ทุกคนอย่างแน่นอน
จากนั้นเขาก็แนะนำผู้ประมูลในครั้งนี้ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากในทางใต้ และการมีแต่ผู้มีชื่อเสียงที่ดีนั้น ทำให้ผู้ซื้อในงานประมูลให้ความไว้วางใจเราอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
หลังจากการกล่าวเปิดงานและแถลงการณ์บางอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีเสียงเพลงเปิดขึ้น แสงไฟก็สาดส่องไปทั่ว มีกลุ่มหญิงสาวแต่งกายน่ารักปนเย้ายวนมาที่ฟลอร์เต้นรำและทำการแสดงที่ร้อนแรง เมื่อการแสดงนี้จบ รายการประมูลก็ถูกนำขึ้นบนเวทีทีละรายการ
ในช่วงแรกมีการประมูลเป็นของที่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ และบรรยากาศก็ไม่ได้วุ่นวายมากนัก
แต่สำหรับคนอย่างซูเถา มีหลาย ๆ อย่างที่เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก ตัวอย่างเช่น รายการที่สามในการประมูลคือผลึกนิวเคลียสของผู้ที่มีพลังวิเศษที่ชื่อว่า ‘ยุแยง’ มันสามารถทำให้ศัตรูโจมตีกันได้ และมีประสิทธิภาพมากเมื่อใช้กับกลุ่มซอมบี้
อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายตอนนี้อยู่ที่ 4.2 ล้านเหลียนปัง บวกผลึกนิวเคลียส 8 อัน
แพงจริง ๆ เอาไว้ก่อนแล้วกัน
รายการที่ห้าในการประมูลคือสุนัขดุร้ายที่มีหลังสีดำและท้องสีแดง ตัวของมันมีขนาดใหญ่มาก เวลามันยืนตัวสูงกว่าผู้ใหญ่ซะอีก และในตอนนี้มันถูกล่ามโซ่เอาไว้ แม้จะมีอุปกรณ์ป้องกันในการกัด แต่มันยังแยกเขี้ยว ส่งเสียงคำรามต่ำ พร้อมกับแสดงท่าทางดุร้าย
ผู้เข้าร่วมการประมูลแถวหน้าผงะด้วยความกลัว
และแต่ละคนก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ในวันสิ้นโลกแบบนี้ ยังมีผู้ที่สามารถขยายพันธุ์สุนัขที่ดุร้ายนี้อยู่! มันมีความสามารถประเภทลมที่หาได้ยากที่เรียกว่า ‘หวีด’ เมื่อมันเห่า มันจะเหมือนเสียงลมโหยหวน จนไม่มีใครสามารถต้านทานเสียงนั้นได้ แต่เมื่อมันเชื่องแล้ว จะมีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก สามารถส่งมอบมันเข้าร่วมในการสู้รบได้ มันจะกลายเป็นสหายคู่ใจที่ค่อยช่วยสนับสนุน!”
สุนัขดุร้ายตัวนี้ทำให้เกิดการสนทนามากมาย
แม้แต่คุณชายใหญ่เซียวห้องข้าง ๆ ดวงตาของเขาก็ยังเผยความสนใจออกมา
เขาไม่ได้รักลูกแมวลูกหมา ในวันสิ้นโลกแบบนี้สัตว์ดุร้ายเท่านั้นที่คู่ควรเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา
ไป๋เจียเหยียนรู้สึกวิตกเล็กน้อยและพยายามเกลี้ยกล่อมเขา “สุนัขตัวนี้ดุร้ายเกินไป ถ้าไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้แล้วมันไปกัดใครเข้าล่ะก็ มันอันตรายเกินไป”
เซียวเหวินถิงกำมือแน่น
ถ้าเขาไม่สามารถแม้แต่จะเลี้ยงสุนัขให้เชื่องได้ เขาคงถูกน้องชายและน้องสาวเหยียบย่ำไปนานแล้ว แล้วเขาก็คงไม่สามารถแม้แต่จะเป็นผู้นำตระกูลเซียวได้
ใครก็ตามที่บังอาจกัดเขา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ มันจะถูกเขาบีบคั้นจนต้องร้องขอความเมตตา
เขายิ้มเยาะออกมาแล้วพูดกับไป๋เจียเหยียน “เจียเจีย คุณพูดถูก”
ขณะที่ไป๋เจียเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอก็ได้ยินเขาพูดด้วยรอยยิ้มต่อไปว่า “ดังนั้นก็ต้องฝึกมันให้เชื่อฟังให้ได้ มันถึงจะน่าสนใจ”