หลังจากลองคิดอย่างใจเย็นระหว่างอาบน้ำ พอลองคิดดีๆแล้ว เหมือนรู้สึกแหม่งๆไงไม่รู้
ทันใดนั้นเอง ในที่สุดชั้นก็รู้สึกถึงจุดอ่อนร้ายแรงในแผน “จับคู่เลิฟเลิฟเวอร์เนลและเอเทอร์น่าพาไปสู่แฮปปี้เอนดิ้ง”
ชั้นไม่ใช่นักเรียนของสถานฝึกฝน ทำให้ไม่สามารถประเมิณสถานการณ์แบบเรียลไทม์ได้ แถมอีเวนต์ส่วนใหญ่ในเนื้อเรื่องก็เกิดขึ้นในสถาบัน ถ้าชั้นไม่ได้อยู่ที่นั่นล่ะก็…
โรงเรียนนี้เป็นสถานที่เพื่อสร้างอัศวินที่จะมาปกป้องเซนต์ แน่นอนว่าตัวเซนต์เองไม่มีความจำเป็นเลยที่จะเข้าเรียนที่นี่ ถึงเซนต์คนนั้นจะเป็นตัวปลอมก็เถอะ
เผื่อสงสัยว่าชั้นเรียนยังไง ก็จ้างผู้ฝึกสอนชื่อดังให้มาสอนแบบตัวต่อตัวไงล่ะ
ก็ไม่เชิงตัวต่อตัวหรอก เพราะว่ามีอาจารย์หลายคนเลยที่มีหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวคือการสอนเซนต์
ในโลกนี้เซนต์น่ะเป็นตำแหน่งที่สูงส่งกว่าเจ้าชายเจ้าหญิงซะอีก
มันมีเจ้าคนหน้าสงสัยที่ถูกเรียกว่า โหร อยู่ เขามองเห็นการถือกำเนิดของเซนต์ได้ หลังจากนั้นพวกผู้นำทั้งหลายก็จะส่งคนไปรับตำเซนต์ที่เพิ่งเกิดมา ไม่ว่าพ่อแม่จะยอมหรือไม่
แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่น่ะ แค่หว่านล้อมด้วยเงินนิดหน่อยก็พร้อมจะขายลูกให้แล้ว อาจจะดูเหมือนใจดำแต่ในโลกนี้น่ะการทิ้งหรือขายลูกออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจำรงชีวิตเป็นสิ่งที่สามารถยอมรับได้ เพราะแบบนั้นแค่ยัดเงินให้มากๆก็แก้ปัญหาได้แล้ว
ก็ไม่รู้หรอกว่าป่านนี้พ่อแม่ของเอลริสไปอยู่ที่ไหน
ตามที่เคยอ่านในออฟฟิเชี่ยลโปรไฟล์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่กินสุขสบายแบบไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
…ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น…
และแล้วเซนต์คนใหม่ก็จะถูกเลี้ยงดูจนเติบโตในปราสาทแห่งเซนต์
ปราสาทนี้จะตั้งอยู่ในบริเวณที่ไม่ขึ้นตรงกับอาณาจักรใด เพื่อไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถถือสิทธิ์ในตัวของเซนต์
อัศวิน อาจารย์ และคนรับใช้จะถูกส่งมาจากทั่วสาราทิศเพื่อเลี้ยงดูเซนต์
ไม่มีใครเป็นตัวแทนพ่อแม่ให้กับเซนต์ ถ้าจะพูดไป เซนต์ในโลกนี้น่ะถูกนับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แนวคิดแบบนี้เกิดมาจากการที่คนเชื่อว่า “เซนต์ถือกำเนิดมา” มากกว่า “เด็กเกิดมามีพลังของเซนต์”
ทั้งพลังและอำนาจของเซนต์นั้นสูงส่งกว่าราชาของประเทศไหนในโลก
ไม่ว่ายังไงชั้นก็คงสมัครเข้าเรียนที่นี่ไม่ได้ อย่างมากก็ทำได้แค่เข้าเยี่ยมชมโดยบอกว่าเป็นการตรวจสอบความเรียบร้อยอะไรทำนองนั้น
และแล้วก็มาถึงปัญหาถัดไป
ถึงจะพอรู้ว่าอีเวนต์จะเกิดขึ้นช่วงไหน แต่ก็ไม่รู้วันที่แน่นอน
ในเกม”บุปผานิรันดร์ร่วงโรย”จะมีระบบปฏิทินอยู่ แถมยังเป็นแบบเดียวกับปฏิทินเกรกอเรียนที่หนึ่งปีมีสิบสองเดือน หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวันอีกด้วย
เฮ้ยคนสร้าง! เล่นง่ายไปหน่อยมั้ย!
วันในสัปดาห์จะถูกตั้งชื่อตามธาตุต่างๆ น้ำแข็ง ไฟ น้ำ ลม สายฟ้า ดิน และแสงสว่าง ธาตุมืดไม่นับ
วันน้ำแข็ง(โคโอริโยบิ)แทนวันจันทร์ ในขณะที่คะโยบิ(วันไฟ/อังคาร) ซุยโยบิ(วันน้ำ/พุธ) และโดะโยบิ(วันดิน/เสาร์)ไม่ถูกเปลี่ยน พฤหัสบดีกลายเป็นวันลม ศุกร์กลายเป็นวันสายฟ้า และอาทิตย์ก็เป็นวันแสงสว่าง
ธาตุมืดโดนกวาดทิ้งถังขยะไปแล้ว
พลังความมืด…ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของแม่มด ผู้คนจึงพยายามเมินๆมันไป
นี่ขนาดมีชื่อวันพร้อมแบบนี้ ก็คงคิดว่าชั้นน่าจะรู้สิว่าอีเวนต์มันจะเกิดขึ้นวันไหนบ้าง แต่ว่า…การเกิดอีเวนต์แต่ละครั้งจะเปลี่ยนไปตามการกระทำของเวอร์เนล
pกตัวอย่างเช่น อีเวนต์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคมในเซฟที่แล้ว อาจจะเกิดขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคมในเซฟนี้ก็ได้
เพราะว่า”บุปผ่านิรันดร์”น่ะเป็นเกมแบบที่จะมีการกำหนดวันมาให้เวอร์เนลเอาไปใช้เพิ่มค่าสเตตัสหรือจะใช้ดำเนินอีเวนต์ต่อได้
ถ้าเสียเวลาไปกับการทำเรื่องไร้สาระเยอะแล้วไม่ยอมทำอีเวนต์ล่ะก็ เนื้อเรื่องก็จะโดนเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
หรือก็คือ…ไม่รู้ว่ะ
ก็วางแผนไว้ว่าจะเข้าไปขัดขวางไม่ให้ฟาร่าจูโจมเอเทอร์น่าได้สำเร็จ จากนั้นก็ช่วยเธอไว้ แต่ดันไม่รู้นี่สิว่าอีเวนต์จะเกิดขึ้นตอนไหน
ในกรณีที่แย่ที่สุด ถ้าเวอร์เนลเอาเวลาไปใช้ทำอย่างอื่นจนหมด ก็มีโอกาสที่อีเวนต์จะไม่เกิดขึ้นเลย
ตัวเกมจะแบ่งเวลาออกเป็นเช้า กลางวัน เย็น กลางคืน และกลางดึก ซึ่งผู้เล่นจะสามารถเอาไปใช้ฝึกฝน เรียนรู้ หรือสร้างความสัมพันธ์กับเหล่านางเอกได้ การกระทำทุกๆอย่างจะกินเวลาทั้งนั้น(ประมาณเพอร์โซน่า)
แล้วก็มีรูทโซโล่ที่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากฝึกฝนจนเรียนจบ
เอ้อ แต่ก็ไม่คิดหรอกนะว่าเราจะอยู่ในรูท”มีม”แบบนั้นน่ะ
และเพราะว่าชั้นกลายเป็นเอลริส ต่อให้ปล่อยฟาร่าซังตาย เอเทอร์น่าก็อาจไม่ตกลงสู่ความมืดอยู่ดี
ตั้งแต่แรกแล้ว ตัวการที่ทำให้เอเทอร์น่าต้องเจอกับโศกนาฏกรรมก็คือเอลริส
อีเวนต์นี้มันมีไว้เพื่อเร่งให้เอลริสโดนจับได้เร็วๆ การกระทำของฟาร่าไม่ได้มีผลอะไรขนาดนั้น
แต่ยังไงนี่ก็เป็นอีเวนต์ที่สำคัญในเกม ก็อยากเก็บฟาร่าซังให้รอดไว้ถ้าเป็นไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น หน่มน้มนั่นน่ะยอดเยี่ยมเกินกว่าจะปล่อยให้เธอตาย
ฟาร่าซังคืออาจารย์สาวสวยอายุ 24 ปี ไว้ผมหยักศกสีน้ำตาล แถมยังมีหน้าอกขนาดมหึมาเอฟคัพแบบเบิ้มๆ!
ถึงจะเป็นแค่อาหารตา แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากให้เธอรอด
ถึงจะไม่รู้แน่นอนว่าว่าอีเวนต์จะเกิดวันไหน แต่ก็มีวิธีเดาได้อยู่
หรือก็คือ ชั้นจะต้องไปเช็คสถานการณ์ด้วยตัวเอง
ไปเยี่ยมสถานฝึกฝนโดยใช้ข้ออ้างว่ามาตรวจสอบ แล้วจากนั้นก็ถามพวกครูเรื่องเวอร์เนลและเอเทอร์น่า
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ “บุปผานิรันดร์” เล่นผ่านมาแล้วทุกฉากจบ ก็น่าจะพอเดาความคืบหน้าของเนื้อเรื่องได้ดูจากชื่อเสียงของตัวเอก การปฏิบัติตัว และอีเวนต์อะไรบ้างที่เกิดขึ้นแล้ว บลาบลาบลา
สามารถดูค่าความชอบของนางเอกแต่ละคนได้ด้วยการดูจากท่าทางและสีหน้าโดยไม่ใช้ค่าตัวเลขก็เป็นหนึ่งในสกิลที่ชั้นภูมิใจ
เอาล่ะ ชัยชนะของชั้นอีกแล้ว ทีนี้ก็ไปอาบน้ำอีกรอบดีกว่า
.
เวรแล้ว…เวรแล้ว…
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ชั้นก็มุ่งตรงไปที่โรงเรียนโดยอ้างว่ามาตรวจสอบเหล่านักเรียน หลังจากที่คุยกับพวกอาจารย์ ก็พบว่าตัวเองคิดตื้นไป
เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อขึ้นแล้ว
อย่างแรกเลย ค่าความชอบของเหล่านางเอกนอกจากเอเทอร์น่านั้นอยู่ที่ศูนย์ ขนาดเอเทอร์น่าเองยังอยู่แค่ค่าแรกเริ่ม
สอง ไม่มีอีเวนต์หรือการปักธงอะไรเกิดขึ้นเลย
พวกนางเอกรองไม่รู้จักชื่อเวอร์เนลด้วยซ้ำ
ท้ายสุด เวอร์เนลฝึกทั้งตอนเช้า บ่าย เย็น ไม่ทำอะไรเลยนอกจากฝึก ฝึก ฝึก
อ…ไอ้หมอนี่…บ้าน่า! นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ไอ้หมอนี่ทำบ้าอะไรเนี่ย!? ไม่ทำอีเวนต์อะไรซักอย่าง ไม่แม้แต่จะคุยกับพวกนางเอกด้วยซ้ำ
มันใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึก!!
เวอร์เนลในโลกนี้กำลังเล่นรูทมีมอยู่!!
เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนเฮ้ย แก
เฮ้ยเวอร์เนล ไอ้บ้า นี่แกไม่รู้รึไงว่า”บุปผานิรันดร์ร่วงโรย”น่ะมันคือเกมจีบสาวนะว้อย! เกมมันเน้นไปที่ความรัก
มันอาจมีระบบต่อสู้อยู่ก็จริง แต่นั่นมันแค่ของแถม ส่วนหลักของเกมเลยคือการจีบสาว
นี่ถึงชั้นจะอยากให้นายเล่นรูทเอเทอร์น่า และจะไม่ยอมรับรูทอื่นก็เถอะ แต่ไม่มีการปักธง ไม่สิ ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับนางเอกคนอื่นเลยด้วยซ้ำ
แกเป็นพระเอกเกมจีบสาวแท้ๆ นี่จะเอาแต่ฝึกแล้วไม่คุยกับใครเลยเหรอ?
เป็นอย่างนี้ต่อไปมันจะกลายเป็นรูทโซโล่เข้าให้สิเนี่ย?
มันจะมีฉากจบแบบหนึ่งที่จะมี CG ที่เวอร์เนลกล้ามใหญ่ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ชายหลายคนในชุดซูโม่แล้วก็พูดเรื่องเพี้ยนๆอย่าง”ชีวิตนี้เราไม่ต้องการผู้หญิง” ฉากนี้ถูกเรียกว่า “ใจเกเรเอนดิ้ง”
อีกอย่างนึงคือรูทนี้เป็นรูทที่จบไวที่สุด พวกนักสปีดรันมักจะให้ฉายา “โฮโม” กับเวอร์เนลหลังจากที่เล่นจบรูทแล้ว
ไม่เอาแบบนี้ดิ จริงๆนะ อย่าเลย
นี่แกอยาก”เกเร”ขนาดนั้นเลยเหรอเวอร์เนลของโลกนี้?
นี่แกเป็นสปีดรันเนอร์รึยังไง? หรือนายถูกสิงโดยพวกเพี้ยนๆ? อยากเล่นเกมให้จบไวๆขนาดนั้นเลยเหรอ?
ย…ยังไงก็ตาม ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ล่ะก็แย่แน่
ถ้าเวอร์เนลไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็ เนื้อเรื่องได้เพี้ยนไปแน่เลย
…..เฮ้ออ
ไม่อยากทำเลยอ่ะ โคตรไม่อยากทำเลย
สงสัยต้องไปคุยกันตรงๆให้เคลียร์ซะแล้วสิ
.
เวอร์เนลมี”ความฝัน”อยู่
เขาอยากจะยืนเคียงข้างเซนต์ที่เขาได้พบในวันนั้น
เธอเป็นผู้ที่มอบแสงสว่างให้แก่เขาในเวลาที่เลวร้ายที่สุด เธอเป็นผู้ดึงเขาออกมาจากความมืดมิด
และในตอนนี้ เขาจะเดินตามรอยเธอ
เขาเชื่อว่าถ้าตามเธอไปบน”เส้นทางแห่งแสง”ที่เธอเดินอยู่ สักวันจะสามารถตอบแทนบุญคุณได้
และเพื่อการนั้น เขาไม่สามารถใช้เวลาไปอย่างไร้ประโยชน์ได้
ในทุกเวลาที่เขาว่าง เช้า กลางวัน เย็น กลางคืน หรือแม้กระทั่งกลางดึก เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการฝึกฝน
“1405! 1406! 1407! 1408! 1409! 1410!”
ในห้องที่เขาได้รับมอบมาจากโรงเรียน เขาทำการซิทอัพอย่างต่อเนื่องโดยใช้เตียงเป็นที่รองขาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายท่อนบน
ส่วนที่สำคัญที่สุดของอัศวินคือกล้ามเนื้อ ในการประดาบ ความแตกต่างของเด็กชายและชายฉกรรจ์กล้ามโตจะสามารถเห็นได้ชัด
กล้ามเนื้อไม่มีวันทรยศคุณ
เวอร์เนลเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ที่ห้องในตอนนี้
ที่นี่เป็นห้องคู่ และหากเป็นนักเรียนคนอื่นๆก็มักจะใช้เวลาไปกับการเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูง
“1411! 1412! 1413! 1414! 1415! 1416!”
เวลาของเขานั้นมีจำกัด และในเวลาที่จำกัดนั้นเขาจะต้องเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงที่สุด ฝึกฝนวิชาดาบ ฝึกฝนเวทมนตร์ และอื่นๆอีกมากมาย
เขาไม่อาจยืนเคียงข้างเธอคนนั้นได้ถ้ายังแข็งแกร่งไม่พอ
เอเทอร์น่าที่เริ่มจะเบื่อก็บอกว่า”ลองมองรอบๆตัวมากกว่านี้หน่อยสิ…” แต่นี่คือเส้นทางที่เขาได้เลือกแล้ว
ในระหว่างที่เขาจดจ่ออยู่กับการฝึก เสียงเคาะประตูเบาๆก็ลอยเข้ามาในหู
ใครน่ะ? เอเทอร์น่าเหรอ?
ไม่หรอก ถ้าเป็นเธอล่ะก็คงจะเคาะเสียงดังกว่านี้
เวอร์เนลไม่มีทางเลือกต้องหยุดการฝึกชั่วคราว เช็ดเหงื่อ และสวมเสื้อนอก
จากนั้นเขาก็เปิดประตู…และตัวแข็งไป
“อืมม…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ยังจำชั้นได้รึเปล่า?”
ฟุอ๋าาา!!?
เวอร์เนลกรีดร้องอยู่ในใจ
เซนต์ที่เขาใฝ่ฝันว่าจะได้เจออีกครั้ง บัดนี้ได้มาอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว…
[โอ้พระเจ้าช่วย] เขาคิดแบบนั้น
เวอร์เนลในตอนนี้ใส่ชุดที่ดูส่งเดช มีแค่กางเกงยูนิฟอร์มบวกกับเสื้อกล้าม
ถ้าเขารู้ว่าท่านเซนต์อยู่ที่อีกฟากหนึ่งของประตูล่ะก็ อย่างน้อยเขาก็จะแต่งชุดให้สุภาพเรียบร้อยก่อนจะออกมาต้อนรับเธอ
“นะ…แน่นอนครับท่านเอลริส! ไม่มีวันใดเลยที่ผมจะลืมพระคุณของท่าน!”
อย่างน้อยเขาก็ยังพอจะพูดอะไรออกไปได้ ถึงแม้ความคิดจะพันกันยุ่งเหยิงไปหมด
นี่เขาทำตัวกระตือรือร้นมากเกินไปเพราะความประหม่ารึเปล่า
นี่เขาเหม็นกลิ่นเหงื่อจากการฝึกเมื่อครู่หรือเปล่า ไม่สิ ต้องเหม็นแน่ๆเลย
“อยากตาย”
หัวใจของเวอร์เนลเต็มไปด้วยความสุขที่ได้พบเธออีกครั้ง และความรู้สึกยุ่งเหยิงที่เจอกันอย่างกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมใจ
“ทะ ทะ ทำไมท่านเอลริสถึงมาอยู่ในที่แบบนี้หรือครับ…!?”
“วันนี้มาเยี่ยมชมนักเรียนน่ะจ้ะ…ในตอนที่กำลังเดินไปรอบๆ ก็ได้รู้ว่าเด็กหนุ่มที่ชั้นได้เจอในป่าวันนั้นเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เลยอยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างน่ะ รบกวนรึเปล่าจ๊ะ?”
“มะ ไม่เลยครับ!”
ไม่รบกวนอะไรเลย จริงๆแล้วเขายินดีต้อนรับเธอเป็นที่สุด
ปัญหาอย่างเดียวเลยก็คือการที่เธอมาในระหว่างที่เขากำลังฝึกอยู่
ถ้าเขารู้ว่าเธอจะมาล่ะก็ เขาคงจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้เพื่อต้อนรับเธอ
อ๊ะ เพิ่งคิดแบบนี้ไปเมื่อนาทีที่แล้วเองนี่นา
จะเห็นได้ชัดว่าสมองของเวอร์เนลตอนนี้พันกันยุ่งไปหมด
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นจ้ะ แล้ว”พลังนั้น”เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าจะไม่มีการหลุดการควบคุมนะ”
“คะ-ครับ เป็นเพราะท่านเอลริสแท้ๆ มันสงบลงไปมากเลยล่ะครับ ถึงแม้ผมจะยังสามารถควบคุมได้เพียงเล็กน้อย…ต้องขอบคุณจริงๆครับ เป็นเพราะท่านที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้”
เวอร์เนลพูดเช่นนั้นและมองไปที่เด็กสาว
ส่วนสูงของทั้งสองคนนั้นไล่เลี่ยกันตอนที่ได้พบกันครั้งแรก ตอนนี้ส่วนสูงของเธอก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย มีแค่ตัวเขาที่เติบโตขึ้น
แต่กระนั้น ความงดงามของเธอก็ไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่สิ ยังจะงดงามยิ่งกว่าแต่ก่อนเสียด้วยซ้ำ
อาา คนคนนี้สินะที่เราเฝ้ารอมาตลอด เขาคิดเช่นนี้อีกครั้ง
“…เข้าใจแล้วค่ะ แค่ได้เห็นว่าเธอเติบโตไปมากแค่ไหนก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วที่มาวันนี้”
เอลริสยิ้มบางๆ จากนั้นจึงมองตาของเวอร์เนลด้วยท่าทางกังวลใจ
“ชั้นได้ยินมาว่าเธอเอาแต่ฝึกฝนและไม่ได้สร้างเพื่อนเลยที่นี่ ชั้นคิดว่าการมีมิตรภาพเป็นเรื่องที่ดีกว่านะ สิ่งที่คนคนเดียวสามารถทำได้น่ะมีจำกัดนะจ๊ะ”
“ขีดจำกัดของคนเดียว…”
เวอร์เนลชะงักไปชั่วครู่ และมองลงไปที่มือของตน
นั่นก็จริง…
ผู้ชายที่มองเห็นแค่ตัวเองจะไปปกป้องคนอื่นได้ยังไงกัน?
ที่เขามาที่นี่ตั้งแต่แรกก็เพื่อไม่ให้เซนต์ต้องสู้อยู่คนเดียว…และสามารถต่อสู้เคียงข้างเธอได้
ในตอนนี้เขายังเป็นแค่ตัวคนเดียว มีพลังของคนแค่คนเดียว ไม่มีทางที่เขาจะสามารถเป็นพลังให้เธออย่างที่ต้องการได้
“ท่านพูดถูกแล้วครับ ผมนึกว่าตัวเองอยู่บนทางที่ถูกต้องแล้ว…แต่ก็ยังเข้าใจผิด”
เวอร์เนลยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและกำหมัด
เส้นทางของเขาถูกแก้ไขอีกครั้ง
ในตอนที่เขาถูกล้อมไปด้วยความมืดมิด เธอเป็นผู้แสดงเส้นทางแห่งแสงให้กับเขา
ครั้งนี้อีก…เธอก็ชี้ทางที่ถูกต้องให้
เวอร์เนลมองย้อนที่ตัวเองแบบเงียบๆ
อย่างที่คิดเลย เธอคือ”แสง”ของเขา ไม่ว่าความมืดจะเรียกหาเขาสักกี่ครั้ง เอลริสก็จะนำพาเขาไปสู่ทางที่ถูกต้องเสมอ
พลังที่โอหังแบบนั้นไม่อาจปกป้องอะไรได้
กล้ามเนื้อที่ฝึกไว้เพื่อตนเองคนเดียวไม่อาจช่วยผู้อื่นได้
นั่นเป็นเพียงกล้ามเนื้อที่อ่อนแอเท่านั้น
“…อ๊ะ เธอยังห้อยจี้นั้นอยู่สินะ”
“ครับ เพราะนี่คือหลักฐานแห่งคำสัญญาของผม”
เวอร์เนลกำจี้ด้วยความทะนุถนอม และโน้มตัวลงแก่เอลริส
การพบกันอีกครั้งที่ไม่คาดคิดมาก่อน
แต่เพราะอย่างนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
สิ่งใดที่สำคัญกับเขา สิ่งใดที่เขาต้องการปกป้อง
เขาไม่สามารถพูดมันออกไปได้ ยังก่อน…
ในตอนนี้เขาที่อ่อนแอและไม่คู่ควรยังไม่มีสิทธิ์นั้น
เขาจึงขอสาบานแทน
“ท่านเอลริส ผม…จะใช้ชีวิตและหัวใจที่ท่านได้ช่วยไว้นี้ เพื่อปกป้องคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ผมจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ และ…จะปกป้องเซนต์ของผมให้ได้”
“ยอดเยี่ยม ต้องอย่างนี้สิจ๊ะ เธอจะต้องทำความฝันให้เป็นจริงได้แน่ …อ๊ะ ถึงเวลาที่ชั้นต้องไปแล้วล่ะ ต้องขอตัวก่อนนะจ๊ะ”
“ครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับ…ท่านเอลริส”
เขากล่าวลาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เอลริสจะจากไป
เวอร์เนลคิดในขณะที่มองด้านหลังของเธอ
เขาเจอเซนต์ของตัวเองแล้ว ไม่สิ เขาไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหนด้วยซ้ำ
เพราะว่าทั้งสองคนได้พบเจอกันแล้วในวันนั้น
—-เขาจะกลายเป็นผู้ชายที่สามารถปกป้องเธอได้
ชายหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่ได้ตัดสินใจแล้ว