จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 126-130

ตอนที่ 126-130

บทที่ 126 : ไป๋รั่วหญิงชั่วช้า (2)
  หนิงไต้มิใช่คนโง่หาไม่แล้วนางก็คงไม่อาจดูแลตำหนักในมาได้นานถึงเพียงนี้
  ก่อนหน้านี้นางอาจหูตามืดบอดเพราะไป๋รั่วทั้งยังคิดว่าฮ่องเต้ผู้ซึ่งกุมอำนาจในราชสำนักคอยให้การหนุนหลังนาง เช่นนั้นนางจึงผลีผลามทำเรื่องต่าง ๆ ลงไป
  บัดนี้เมื่อนางได้ยินคำบอกเล่าจากแม่นมนางก็ตระหนักได้ในทันที ไป๋รั่วกล้าดีอย่างไรจึงใช้นางเป็นเครื่องมือ
  ”ไป๋รั่ว!” หนิงไต้ขยำแขนเสื้อของตนเอง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว “ข้ายังดีกับเจ้าไม่พอหรือไร ? เหตุใดเจ้าถึงใช้ข้าเป็นเครื่องมือ ? เอาล่ะ เช่นนั้นพรุ่งนี้เราไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กัน จากนั้นก็กราบทูลให้ทรงทราบว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความคิดของไป๋รั่ว ! ”
  อย่าโทษข้าที่ไม่เมตตา!
  หากข้าต้องลงนรกข้าก็ต้องลากเจ้าลงนรกไปพร้อมกับข้าด้วย !
  “นับว่าเสด็จแม่ยังไม่โง่เขลาเสียทีเดียว”
  ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะก็ดังมาจากด้านนอก
  หนิงไต้ตัวแข็งทื่อจากนั้นท่าทีของนางที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น เพียงพริบตา ภายใต้แสงจันทร์กระจ่าง ร่างขาว ๆ ก็เยื้องย่างเข้ามาอย่างช้า ๆ ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ นางก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
  “ไป๋รั่วเจ้ายังกล้ามาพบข้าอีกกระนั้นหรือ ?”
  ครั้นเห็นว่าผู้ที่เข้ามาเป็นใครหนิงไต้ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของนางด้วยความโมโห สายตาของนางจับจ้องไปที่ไป๋รั่วอย่างโกรธแค้น
  หากมิใช่เป็นเพราะไป๋รั่ว
  นางคงไม่ถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาทั้งจะไม่ถูกเนรเทศมาที่ตำหนักเย็น !
  “เสด็จแม่”ไป๋รั่วยิ้ม พร้อมกับย่างกรายเข้ามาในห้องอย่างแช่มช้า “แน่นอนว่า หม่อมฉันต้องมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่สิ หาไม่แล้วพระองค์ก็คงจะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดต่อองค์รัชทายาทโอรสองค์โปรดของพระองค์ใช่หรือไม่ ?”
  ”เจ้า… ” หนิงไต้ชี้ไป๋รั่วด้วยความแค้นเคือง “แน่นอน ข้าต้องทำเช่นนั้น ! ก็ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นแผนการของเจ้านี่ !”
  ”ฮองเฮาหม่อมฉันไม่ได้อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น หากแต่เพื่อให้น้องสาวของหม่อมฉันได้อภิเษกกับอ๋องคังแล้ว หม่อมฉันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขอให้พระองค์ช่วยออกราชโอการนั่น หากแต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าฐานะของพระองค์ที่อยู่ในพระทัยของฮ่องเต้นั้น มิอาจเทียบได้กับอ๋องคัง”
  ภายใต้รอยยิ้มอบอุ่นของไป๋รั่วฉาบไว้ด้วยยาพิษนางค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้หนิงไต้อย่างช้า ๆ
  ”ฮองเฮาโปรดระวังองค์ด้วย !” เพียงไม่ช้าใบหน้าของแม่นมเฒ่าพลันแปรเปลี่ยน นางรีบดึงหนิงไต้มาอยู่ข้างกาย พลางกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “พระชายา หากท่านเข้ามาใกล้กว่านี้ หม่อมฉันจะร้องขอความช่วยเหลือ”
  “โฮะ- โฮะ – โฮะ”
  ไป๋รั่วยกมือปิดปากพร้อมกับหัวเราะนางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “แม่นม เจ้าดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าที่นี่คือตำหนักเย็น และเมื่อเป็นตำหนักเย็นย่อมไม่มีผู้ใดเข้ามาวุ่นวาย จะมีก็เพียงทหารลาดตระเวนซึ่งคอยเปลี่ยนผลัดตามเวลาเท่านั้น และแน่นอนว่าคงไม่มาในเร็ว ๆ นี้หรอก”
  ใบหน้าของหนิงไต้ซีดเผือดแม้นางจะเป็นถึงฮองเฮา ทว่าทักษะด้านการต่อสู้ของนางนั้นต่ำเตี้ย หากเทียบความแข็งแกร่งระหว่างนางกับไป๋รั่วแล้ว นางยังด้อยกว่ามากนัก
  หากไป๋รั่วคิดจะสังหารนางนางก็คงไม่อาจต้านทานได้
  “ทว่า…”ไป๋รั่วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เห็นแก่ที่พระองค์ทรงเป็นเสด็จย่าของหลินเอ๋อ หม่อมฉันจะให้พระองค์ได้ทรงเลือก จะทรงแขวนคอองค์เองด้วยผ้าไหมนี่ หรือไม่ก็ … ”
  ริมฝีปากหนิงไต้สั่นระริก“ไป๋รั่ว เจ้ามันอสรพิษ คนเยี่ยงเจ้าต้องไม่ได้ตายดี !”
  “เสด็จแม่หม่อมฉันไม่มีทางเลือกใด นอกจากพระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ หาไม่แล้วหม่อมฉันคงไม่มีวันหลับได้อย่างเป็นสุข” ไป๋รั่วกล่าวอย่างอ่อนโยน นางนำสุราพิษ และผ้าไหมที่ตระเตรียมไว้ออกมา “เสด็จแม่มีสองทางเลือกเท่านั้น จะเลือกสุราพิษ หรือแขวนคอองค์เองด้วยผ้าไหม ?”
  หนิงไต้รู้ดีว่าวันนี้นางคงไม่อาจรอดพ้นจากความตายได้เป็นแน่นางมองสุราพิษ และผืนผ้าไหมที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ ผ่านไปค่อนข้างนาน ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาทั้งคู่ของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
  “ไป๋รั่วต่อให้ข้าเป็นผีก็ไม่มีวันอภัยให้เจ้า !”
  ทันทีที่กล่าวจบนางก็ยกจอกสุราพิษขึ้นมา
  ”ฮองเฮาอย่า… !” ร่างของแม่นมเฒ่าสั่นสะท้าน นางรีบห้ามหนิงไต้
  ทว่าหนิงไต้เพิกเฉยต่อถ้อยคำของแม่นมเฒ่านางกรอกยาพิษลงลำคอทันที
  เพียงพริบตาร่างของหนิงไต้ก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของนางซีดขาวไร้สีเลือด นางกัดริมฝีปากแน่น เลือดไหลออกจากมุมปากซีด ๆ ของนาง
บทที่ 127 : ไป๋รั่วหญิงชั่วช้า (3)
  ”ฮองเฮา!”
  แม่นมเฒ่าอุทานทันทีที่นางก้าวไปข้างหน้า มีดสั้นคมกริบก็แทงทะลุเข้าสู่หัวใจของนางอย่างรวดเร็ว
  ดวงตาหญิงชราที่จับจ้องมองไป๋รั่วเต็มไปด้วยความเคียดแค้นนางสิ้นชีวิตทั้ง ๆ ที่ยังเบิ่งตาโพลง
  “วันพรุ่งผู้คนจะโจษขานกันทั่วว่า ฮองเฮาไม่อาจรับได้ที่ถูกเนรเทศมาอยู่ตำหนักเย็นจึงปลงพระชนม์องค์เอง ส่วนแม่นมเฒ่าในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดก็ฆ่าตัวตายตามฮองเฮาไปด้วย” ไป๋รั่วมองดูสตรีที่กำลังจะหมดลมหายใจบนพื้น พลันริมฝีปากของนางก็ยกยิ้ม “แต่ไม่ต้องห่วง หม่อมฉันจะดูแลพระโอรส และพระนัดดาของเสด็จแม่เป็นอย่างดี เช่นนั้นขอพระองค์เสด็จสู่สุคติเถิดเพคะ”
  ไป๋รั่วมองหนิงไต้เป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นนางก็หันหลังกลับ ทว่าก่อนที่นางจะเดินจากไป อาการคันก็กลับมาอีก นางขมวดคิ้ว พร้อมกับรีบเกาหลังตนเองอย่างทนไม่ไหว
  ไป๋รั๋วจากไปได้ไม่นานนักร่างทระนงของตี้คังก็ปรากฏขึ้นในตำหนักเย็น
  ”ท่านอ๋องดูเหมือนว่าฮองเฮาจะหมดลมหายใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทหารองครักษ์ที่มาพร้อมกับตี้คังกล่าวรายงานอย่างนอบน้อม “พวกเรามาช้าไปก้าวนึง”
  ทหารองครักษ์รู้สึกไม่สบายใจนักท่านอ๋องมาที่ตำหนักเย็นเป็นการส่วนตัว จุดประสงค์ก็เนื่องมาจากรับสั่งเรื่องการอภิเษกของฮองเฮา เขาย่อมไม่ยอมให้นางรอดมือเขาไปได้ง่าย ๆ
  ทว่าฮองเฮากลับสิ้นพระชนม์เสียแล้วเช่นนั้นผู้ใดจะรับความพิโรธครั้งนี้แทนเล่า ?
  ”งั้นก็…”น้ำเสียงของตี้คังเย็นชา เขาทอดตามองหนิงไต้พลางกล่าวว่า “พานางไปที่หุบเขาพิษ”
  หุบเขาพิษ?
  องครักษ์ตะลึงงันก็ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้วมิใช่หรือ ? เหตุใดท่านอ๋องถึงมีรับสั่งเช่นนั้น หรือเป็นได้ว่าฮองเฮายังมีสิทธิ์รอด ?
  ”ท่านอ๋องโปรดประทานอภัยให้ข้าน้อยด้วย ข้าน้อยสืบทราบมาว่าแม่นางไป๋หยานมีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการปรุงยา และการรักษาโรค หากเรามอบฮองเฮาให้กับนาง ข้าน้อยแน่ใจว่านางจะสามารถช่วยฮองเฮาได้เป็นแน่ …”
  “ข้าบอกเมื่อไหร่กันว่าข้าต้องการช่วยนาง?” ตี้คังปรายตามององครักษ์อย่างเย็นชา สีหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ “แจ้งกับหัวหน้าแห่งหุบเขาพิษว่า หญิงผู้นี้ ข้าส่งให้เขาใช้ลองยาพิษ จะทำสิ่งใดก็สุดแต่ใจ ทว่าลมหายใจของนางต้องยังคงอยู่”
  องครักษ์รีบก้มหัวรับคำสั่งเขารู้ดีว่าผู้ที่ทำให้เจ้านายของเขาโกรธย่อมไม่มีวันพบจุดจบที่ดี
  ”ท่านอ๋อง… ” องครักษ์ลังเลชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวอย่างเคารพนบนอบ “เมื่อครู่ บ้านสกุลเฉียนส่งคนมาแจ้งว่า พวกเขาได้ล้างอายให้แม่นางไป๋หยานตามที่ท่านต้องการแล้ว ได้โปรดปล่อยคนของตระกูลเฉียนจะได้รึไม่ ?”
  ริมฝีปากของตี้คังยกโค้งรอยยิ้มของเขาแลดูโหดเหี้ยม “ให้ตาเฒ่าบ้านตระกูลเฉียนสละแขนของเขาสักข้าง หากเขายินยอม ข้าก็จะปล่อยคนตระกูลเฉียน”
  อยากแตะต้องผู้หญิงของข้าตาแก่เอ๊ย ! เจ้ารนหาที่ตายแท้ ๆ !
  ”พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ก้มหัวรับคำสั่งอีกครั้ง เขาไม่กล้าสบตาตี้คัง ด้วยเกรงว่าพลังที่กดขี่คุกคามนั่นจะทำให้เขาหายใจไม่ออก
  หลังจากตอบรับคำสั่งองครักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัวกระทั่งเหงื่อท่วม เขารีบเข้าไปอุ้มร่างฮองเฮา จากนั้นก็มองไปที่แม่นมเฒ่าผู้ซึ่งยามนี้เต็มไปด้วยเลือดท่วมร่าง
  “ท่านอ๋องต้องพานางไปด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”
  ”ไม่มีประโยชน์ที่จะแบกคนตายไปด้วย”
  ครั้นกล่าวจบตี้คังก็หันหลังขวับจากไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะมองร่างที่นอนอยู่บนพื้นอีกเลยเส้นผมสีเงินเป็นประกายท่ามกลางความมืดมิด ดึงดูดใจอย่างหาใดเปรียบ !
  *****
  วันถัดมา
  ไป๋หยานเพิ่งตื่นนอนนางยืดตัวคลายกล้ามเนื้อ ยังไม่ทันที่นางจะลุกขึ้น ประตูห้องของนางก็ถูกกระแทกเปิดออก จากนั้นร่างสูง ๆ ของไป๋เซียวก็ปรากฏต่อสายตานาง
  ”พี่ใหญ่เกิดเรื่องใหญ่แล้ว !”
  ไป๋หยานมองใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนวัยของชายหนุ่ม พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน “เกิดอะไรขึ้น ?”
  ”ฮองเฮาหายตัวไปอย่างลึกลับส่วนแม่นมเฒ่าคนสนิทของนางก็ตายอยู่ในตำหนักเย็น”
  ฮองเฮาหายตัวไปกระนั้นรึ?
  ทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ผู้แรกที่ไป๋หยานนึกถึงก็คือ ‘ตี้คัง’
  อย่างไรก็ตามหากบุรุษจองหองผู้นั้นประสงค์ที่จะจัดการฮองเฮา เขาก็ไม่จำเป็นต้องลักพาตัวนาง ก็แค่ฝังสตรีผู้นั้นไว้ในตำหนักเย็นก็พอ
  ***จบบทไป๋รั่วหญิงชั่วช้า (3)***
บทที่ 128 : รักแท้ (1)
  “เมื่อฮองเฮาหายตัวไปคนในราชสำนักก็ต้องรับผิดชอบออกตามหานาง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราสักหน่อย” ไป๋หยานลุกจากเตียงอย่างเกียจคร้าน “เซียวเอ๋อ ไปหาเฉินเอ๋อ บอกให้เขาเตรียมตัว ข้าจะพาเขาไปที่บ้านท่านตาท่านยาย”
  เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนย่อมเป็นธรรมดาที่คนตระกูลหลานจะรู้เรื่องนางมีบุตรชาย เช่นนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก
  “พี่ใหญ่ในที่สุดพี่ก็ยอมให้เฉินเอ๋อได้พบพวกท่านแล้วกระนั้นหรือ ?” ยามนี้ไป๋เซียวแลดูตื่นเต้นมาก เรื่องนี้ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าเรื่องการหายตัวไปของฮองเฮาเสียอีก
  ไป๋หยานพยักหน้าน้อยๆ
  “เช่นนั้นข้าจะไปบอกข่าวดีนี้กับเฉินเอ๋อเอง”
  ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไป๋เสี่ยวเฉินก็คือการได้รับการยอมรับจากคนในตระกูล หากเขารู้ว่า เขาจะได้ไปเยี่ยมบ้านสกุลหลาน เขาจะต้องตื่นเต้นมาก !
  เช่นนั้นทันทีที่กล่าวจบประโยค ไป๋เซียวก็วิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ไป๋หยานยืนมองตามหลังอย่างงุนงง
  *****
  ขณะเดียวกันนั้นเองภายในอาณาบริเวณของบ้านสกุลหวัง ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังถือคากิย่าง ปากของเด็กน้อยเต็มไปด้วยร่องรอยน้ำมันหมู
  “เป็นไงบ้าง? หม่ามี้ของข้าทำอาหารเยี่ยมเลยใช่มั้ย นี่ข้าแย่งมาจากเสี่ยวมี่เลยเชียวนะ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเขาแสดงให้เพื่อน ๆ เห็นถึงความเก่งกาจของมารดาตนเอง
  ”เสี่ยวเฉินไหนเจ้าบอกว่าเจ้ากำลังจะจากไปไงล่ะ ?” หวังเสี่ยวผางยัดเนื้อก้อนใหญ่ใส่ปากของตน
  ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปาก“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีก คราก่อนที่ข้ากลับออกไปจากที่นี่ ข้าดันพบกับจอมวายร้ายนั่นเข้าให้ และโชคร้ายที่ข้าหลบไม่ทัน”
  เด็กน้อยกระพริบตาก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย “แต่ข้าจะบอกความลับบางอย่างแก่เจ้า ข้าไปแก้แค้นหญิงชั่วที่รังแกท่านแม่ของข้ามาแล้วด้วย”
  “หมายความว่าเจ้าไม่ต้องไปจากที่นี่แล้วใช่มั้ย ? เยี่ยมไปเลย !” หวังเสี่ยวผางกัดคากิอีกขา ท่าทางของเขาแลดูตื่นเต้น “บอกตามตรง ข้าไม่อยากแยกจากเจ้าเลย”
  ไม่อยากแยกจากข้างั้นเหรอ?
  วันนั้นใครกันที่ไม่สนใจข้าสนใจแต่ขนมถั่วเคลือบ ?
  ครั้นหวนคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นในแววตาของไป๋เสี่ยวเฉินก็ยังปรากฏร่องรอยความเศร้า
  “เฉินเอ๋อ…”
  ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเรียกจากด้านนอก
  “ท่านน้าเรียกข้าแล้ว”ไป๋เสี่ยวเฉินกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเช็ดมือที่สกปรก ก่อนจะหันกลับไปหาสองพี่น้องตระกูลหวังเพื่อนของเขา “เสี่ยวผาง เสี่ยวถง ข้ามีความสุขมากที่ได้พบพวกเจ้าทั้งสอง พวกเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชั่วชีวิต”
  ตอนนี้เขาไม่ต้องถูกส่งกลับเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้วนั่นก็หมายความว่าเขาไม่ต้องจากเพื่อนใหม่ทั้งคู่
  ไป๋เสี่ยวเฉินไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อนเลย
  หวังเสี่ยวผางกระพริบตาเขามองตามหลังไป๋เสี่ยวเฉิน ในใจก็รู้สึกมีความสุขกับเพื่อนของเขาไปด้วย
  ภายหลังออกจากบ้านสกุลหวังมาแล้วไป๋เสี่ยวเฉินก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างถนน เขารีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปหา จากนั้นก็กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของน้าชาย เขาเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาน่ารักน่าเอ็นดูเปล่งประกายสว่างไสว “ท่านน้า เมื่อก่อนเฉินเอ๋อมีแค่หม่ามี้กับอาจารย์ตาทั้งสามเท่านั้น อ้อ ! ยังมีพ่อบุญธรรมกับพี่สาวฉู่ด้วย แต่ตอนนี้เฉินเอ๋อมีญาติเยอะแยะเลย แล้วก็ยังมีเพื่อนอีกด้วย เฉินเอ๋อมีความสุขมากจริง ๆ !”
  เสี่ยวมี่ที่น่าสงสารเด็กน้อยเอ่ยถึงทุกคนยกเว้นเสี่ยวมี่ …
  “เฉินเอ๋อ…”ไป๋เซียวรู้สึกปวดใจ เขาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างอ่อนโยน “จากนี้ไปจำนวนคนรอบ ๆ กายเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ”
  ”จริงเหรอ”นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเปล่งประกายสว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาวในยามราตรี “แต่ถึงยังไง คนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเฉินเอ๋อ ก็คือหม่ามี้”
  ไม่มีใครเทียบหม่ามี้ได้
  ไป๋เซียวหัวเราะเด็กคนนี้รักมารดาของเขาเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว ฮึฮึฮึ !
  ***จบบทรักแท้ (1)***
บทที่ 129 : รักแท้ (2)
  ”เฉินเอ๋อเจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ประเดี๋ยวท่านแม่จะพาเจ้าไปที่บ้านสกุลหลาน”
  เขาปล่อยร่างของเด็กน้อยพร้อมกับเผยรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา
  ไป๋เสี่ยวเฉินกัดนิ้วพลางกล่าวว่า”ท่านน้า ท่านรู้มั้ยว่าท่านตาทวด และท่านยายทวดของข้าชอบอะไร ? แล้วลูกพี่ลูกน้องของหม่ามี้อีกล่ะ เฉินเอ๋อรู้มาว่าหม่ามี้มีลูกพี่ลูกน้องอีกสามคน เฉินเอ๋อจะได้เตรียมของขวัญแรกพบให้กับพวกเขา”
  ”เฉินเอ๋อเจ้ายังเด็ก เช่นนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องตระเตรียมของขวัญแรกพบ” ไป๋เซียวลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู พร้อมกับกล่าวอย่างอ่อนโยน
  ”ไม่เฉินเอ๋อต้องเตรียมของขวัญ ! หากหาไม่ได้ เฉินเอ๋อก็จะมอบขนมถั่วเคลือบน้ำตาลของเฉินเอ๋อให้แทน”
  พวกเขาล้วนเป็นญาติสนิทของหม่ามี้พวกเขารักหม่ามี้ก็ต้องรักเฉินเอ๋อด้วย เช่นนั้นมอบขนมถั่วเคลือบน้ำตาลให้แก่พวกเขาก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
  หลังจากไป๋เสี่ยวเฉินตัดสินใจได้แล้วเขาก็รีบวิ่งกลับไปที่คฤหาสน์โบราณเพื่อเตรียมตัว …
  *****
  ตั้งแต่คืนก่อนที่ไป๋เสี่ยวเฉินสร้างวีรกรรมใหญ่โต ย่อมเป็นธรรมดาที่ทุกคนในตระกูลหลานจะตระหนักถึงการมีตัวตนของไป๋เสี่ยวเฉิน
  หลานฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้ว่าไป๋หยานหายไปที่ใดทั้งไป๋หยานก็ไม่ได้พาเด็กน้อยกลับบ้านสกุลหลาน เช่นนั้นนางจึงนอนไม่หลับตลอดคืน เพราะมัวคิดถึงเหลนชายที่น่ารักของนาง
  โชคดีที่ไป๋หยานไม่ปล่อยให้ท่านยายของนางต้องรอนานนักบัดนี้นางพาไป๋เซียว และไป๋เสี่ยวเฉินมาที่บ้านสกุลหลานแล้ว
  ครั้นเห็นไป๋เสี่ยวเฉินหญิงชราก็อดใจไม่ไหว นางกอดเด็กน้อยที่น่ารัก พร้อมกับเริ่มร้องไห้
  ”ท่านแม่”ตงรั่วหลานยิ้มอย่างอบอุ่น “ท่านไม่เห็นหรือไรว่า ท่านพ่อกำลังมองเหลนอยู่ ? ท่านพ่อพูดถึงเหลนตลอดทั้งคืน ท่านแม่ควรให้ท่านพ่อมองเหลนให้เต็มตาก่อนแล้วค่อยร้องไห้ต่อนะ”
  แน่นอนว่าท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกำลังนั่งลูบเครา ขณะมองภาพดังกล่าวอยู่ด้านหลัง ทันทีที่ได้ยินถ้อยคำของตงรั่วหลาน เขาก็ปั้นหน้าเคร่งขรึม
  ”เจ้าเอาอะไรมาพูด? ข้าพูดถึงเขาทั้งคืนเมื่อไหร่กัน ?”
  หัวเด็ดตีนขาดเขาก็ไม่มีวันยอมรับ
  ไป๋เสี่ยวเฉินผละจากอ้อมกอดของท่านยายทวดจากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาท่านตาทวด พร้อมกับร้องว่า “ท่านตาทวด กอดเฉินเอ๋อหน่อย”
  ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานยิ้มแต่ครั้นคิดขึ้นได้ว่ามีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ เขาก็หุบยิ้ม แสร้งตีหน้าเคร่งขรึม
  ”เจ้าโตแล้วยังร้องขอให้กอดอีกกระนั้นรึ ?”
  แม้จะกล่าวออกไปเช่นนั้นทว่าท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็อุ้มเหลนชายของตนขึ้นมานั่งบนตักอย่างไม่รู้ตัว
  ไป๋เสี่ยวเฉินดึงเคราของตาทวดพร้อมกับส่งยิ้มอย่างไร้เดียงสา”ท่านตาทวด เฉินเอ๋อชอบท่านตาทวด หลายปีที่ผ่านมานี้ หม่ามี้พูดถึงท่านตาทวดให้เฉินเอ๋อฟังทุกวันเลย”
  ”โอ้?” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานหันไปมองไป๋หยาน จากนั้นก็หันกลับมามองไป๋เสี่ยวเฉิน “มารดาของเจ้าพูดถึงตาทวดอย่างไรบ้าง ? นางคงจะบ่นว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาตาทวดละเลยนางใช่หรือไม่ ?”
  “ไม่เลย! หม่ามี้บอกว่าท่านตาทวดเป็นคนยิ่งใหญ่ หม่ามี้ชื่นชมท่านเสมอ แต่เพราะก่อนหน้านี้หม่ามี้รู้สึกละอายใจมาก หม่ามี้ก็เลยไม่กล้ามาบ้านสกุลหลาน เฉินเอ๋อหวังว่าท่านตาทวดจะไม่ตำหนิหม่ามี้ เพราะหม่ามี้บอกว่าจากนี้ไปหม่ามี้จะไม่จากบ้านสกุลหลานไปไหนอีก ! ”
  นี่ข้าเคยพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
  นับตั้งแต่นางมาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ความประทับใจที่น่าจดจำเพียงอย่างเดียวก็คือไป๋เซียว น้องชายของนาง ส่วนคนตระกูลหลานนั้น นางเพิ่งจะได้ทำความคุ้นเคยกับพวกเขาเมื่อไม่นานมานี้
  หากแต่เห็นได้ชัดว่าถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉินทำให้ท่านผู้เฒ่าหลานทั้งสองหน้าบานเปี่ยมด้วยความสุข มิได้มีสีหน้าบึ้งตึงดั่งเช่นเคย
  ”แล้วมารดาของเจ้ายังพูดอะไรถึงข้าอีกหรือไม่? รีบบอกตาทวดมาไว ๆ ว่ามารดาของเจ้าพูดอะไรอีก ?”
  ครั้นเห็นสีหน้าท่าทางที่ยิ้มแย้มมีความสุขของท่านตาแล้วหัวใจของไป๋หยานก็อ่อนระทวย นี่แหละความรักของครอบครัว เพียงถ้อยคำเพราะ ๆ ไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้คนมีความสุขได้ …
  ไป๋เสี่ยวเฉินเกาหัวเล็กๆ ของตน “ท่านแม่ก็พูดหลายเรื่อง แต่เฉินเอ๋อจำไม่ได้ ทว่าก่อนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเอ๋อมายังบ้านสกุลหลาน หม่ามี้จึงให้เฉินเอ๋อนำของขวัญมาให้ท่านตาทวด และทุกคน !”
  ***จบบทรักแท้ (2)***
บทที่ 130 : มอบยาเม็ดจิตวิญญาณเป็นของกำนัล
  ”เฉินเอ๋อเตรียมของขวัญมาด้วยกระนั้นรึ?”
  หลานฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองไป๋หยานด้วยสายตาตำหนิ
  ”เพียงเจ้าพาเฉินเอ๋อมาที่นี่ก็พอแล้วไยต้องจัดหาของขวัญให้ยุ่งยากอีก ?”
  ”ท่านยายของขวัญเหล่านี้มีความหมายมาก ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่บ้านสกุลหลานต้องการอย่างยิ่ง” ไป๋หยานกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “เฉินเอ๋อ นำของขวัญที่เจ้าเตรียมไว้ออกมาสิ”
  ไป๋เสี่ยวเฉินลงมาจากอ้อมกอดของตาทวดเขาหยิบขวดเคลือบออกมาจากสาบเสื้อ มอบให้กับมารดาของตน
  ไป๋หยานเลือกหยิบยาออกมาขวดหนึ่งก่อนจะเหลือบตามองหลานเสี่ยวหยุนผู้ซึ่งยืนสงบเสงี่ยมเงียบผิดปกติอยู่อีกด้านหนึ่ง “เสี่ยวหยุน เหตุใดวันนี้เจ้าถึงได้เงียบนัก ?”
  ”อ่า?” ครั้นได้ยินเสียงของไป๋หยาน หลานเสี่ยวหยุนก็รู้สึกตัว ใบหน้าของนางปรากฏความละอายเล็กน้อย ข้าเพิ่งไปที่กรมราชทัณฑ์มา อ๋องคังอนุญาตให้ข้าเข้าไปในเรือนจำได้ เช่นนั้นข้าจึงได้เห็นไป๋จื่อที่น่าสมเพช … ข้า ข้ากำลังคิดว่า หากข้าไปกรมราชทัณฑ์คราหน้า ข้าจะหาเรื่องให้นางงานงอกอย่างไรดี”
  ชัดเจนมากว่าความเกลียดชังที่นางมีต่อไป๋จื่อนั่นมากมายเรียกได้ว่าเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้นางได้รู้ว่าหยูหรงคิดขายไป๋หยานจริง ! ทั้งยังคิดจะเผาไป๋เสี่ยวเฉินอีกด้วย !
  แล้วไยนางถึงจะไม่อยากสร้างปัญหาให้ไป๋จื่อเพิ่มขึ้นเล่า?
  ”เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องไป๋จื่อหรอก”ไป๋หยานส่งขวดยาที่เลือกให้กับหลานเสี่ยวหยุน “นี่เป็นยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสอง ข้าเห็นว่าการฝึกฝนของเจ้าบัดนี้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของขั้นที่หนึ่งหวงเจี่ยแล้ว ด้วยยานี่เจ้าจะสามารถผ่านจุดนั้นไปได้”
  หลานเสี่ยวหยุนตกตะลึงนางเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ“ นี่คือ…ยาเม็ดจิตวิญญาณสำหรับข้ากระนั้นรึ ?”
  ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้การฝึกของเด็กสาวได้ก้าวมาถึงคอขวด ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานวางแผนที่จะซื้อยาเม็ดจิตวิญญาณ เพื่อความก้าวหน้าในการฝึกของนาง อย่างไรก็ตามไม่คาดคิดว่าไป๋หยานจะมอบยาเม็ดจิตวิญญาณให้กับนางในเวลาที่เหมาะสมเช่นนี้
  ไป๋หยานไม่สนใจหลานเสี่ยวหยุนอีกนางหันกลับมองไปลูกพี่ลูกน้องอีกสองคน หลานเฉาหลิง และหลานเฉาหยัน “ท่านพี่ทั้งสอง ข้ารู้ว่าความแข็งแกร่งของพวกพี่เลยขั้นที่หนึ่งหวงเจี่ย มาแล้ว ยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสองจึงไร้ประโยชน์สำหรับพวกพี่ เช่นนั้นข้าจึงเตรียมยาเม็ดบำรุงธาตุขั้นสามเหล่านี้มา แม้ว่ายาเหล่านี้จะไม่สามารถช่วยพี่ทั้งสองให้ก้าวหน้าในการฝึกได้โดยตรง ทว่ามันก็จะให้คุณประโยชน์ทางอ้อม”
  ”นี่มัน… ”
  สองพี่น้องต่างตกตะลึงทั้งคู่จ้องมองขวดเคลือบที่ไป๋หยานยื่นมาให้ ทว่าก็ไม่กล้ายื่นมือออกไปรับมัน
  ”แต่ละขวดมียาบำรุงธาตุกว่าสิบเม็ดมากพอที่พวกพี่จะใช้ไปได้อีกสักระยะ”
  ”ท่านลุงทั้งสอง”ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างไร้เดียงสา “รีบรับถั่วเหล่านี้ไปเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ข้าก็แค่กินขนมน้อยลงนิดหน่อยเอง”
  หลานเสี่ยวหยุนยกมือขึ้นหยิกแก้มไป๋เสี่ยวเฉินอย่างเอ็นดู”ท่านแม่ของเจ้ากำลังให้ยาเม็ดจิตวิญญาณกับพวกเรา ใช่ขนมของเจ้าที่ไหนกัน ?”  ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะเอ่ยตอบว่า”ก็มันเป็นขนมของเฉินเอ๋อ เสี่ยวมี่ยังชอบมาแย่งขนมของเฉินเอ๋อกินเลย !”
  ขนม?
  มุมปากของหลานเสี่ยวหยุนกระตุกเล็กน้อยยาเม็ดจิตวิญญาณล้ำค่าพวกนี้ สำหรับไป๋เสี่ยวเฉินแล้วมันเป็นเพียงขนมงั้นรึ ?
  นี่มัน…ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว
  ”หยานเอ๋อ”ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขมวดคิ้ว “ข้ารู้ว่าเจ้ามีอาจารย์เป็นถึงนักปรุงยาระดับสี่ แต่เจ้ามอบสิ่งเหล่านี้ให้เรา…อาจารย์ของเจ้าจะไม่โกรธ จะไม่ตำหนิเจ้าหรือ ?”
  ในใจของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานไม่คิดว่าไป๋หยานจะเป็นนักปรุงยาที่มีความสามารถแข็งแกร่ง
  เพราะความจริงที่ว่าเมื่อครั้งที่ไป๋หยานในอดีตอาศัยอยู่บ้านสกุลไป๋นั้น นางไร้สิ้นซึ่งความสามารถใด แม้นางจะหนีหายไปนานถึงหกปี ทว่านางก็ต้องดูแลเด็กน้อย ต่อให้นางเปี่ยมความสามารถอย่างมากนางก็คงเป็นได้แค่นักปรุงยาระดับสอง !
  ***จบบทมอบยาเม็ดจิตวิญญาณเป็นของกำนัล***

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท