สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค – ตอนที่ 49 คุยกับโปรดิวเซอร์

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

“ขอคาปูชิโน่กับแพนเค้กอย่างละที่ ฟุโดวซังจะเอาอะไรไหมครับ?”

“ไม่ล่ะครับ ยังไม่หิวน่ะครับ”

ฟุโดวออกมาจากบริษัทและเปลี่ยนไปคุยกันที่คาเฟ่ใกล้ๆแทน

คนที่สั่งคาปูชิโน่และแพนเค้กก็คืออิจูอิน ฮารุโตะ ที่ฟุโดวเป็นคนนัดไว้

เขาคือหัวหน้าโปรเจ็กต์ของ “บุปผานิรันดร์ร่วงโรย” คนที่ใกล้เคียงกับคำว่าพระเจ้ามากที่สุดสำหรับเกมนั้น

ภายนอกยังดูหนุ่มอยู่เลย แต่อายุก็น่าจะเข้าวัยสามสิบไปแล้ว

ผมสีดำสั้นและดวงตาสีดำ สวมแว่นทรงเหลี่ยม ดูเผินๆแล้วจะดูเป็นผู้ทรงภูมิ

เป็นค่านิยมมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าคนฉลาดมักจะสวมแว่น แต่คนสวมแว่นจะฉลาดจริงๆรึเปล่านี่ก็ไม่รู้

ในยุคที่สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่ต้องใช้เป็นประจำเช่นนี้ การที่คนจะสายตาแย่ลงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เดี๋ยวนี้จึงมีคนสวมแว่นหรือคอนแทกเลนส์อยู่ถมเถไป

“เอาล่ะ… ก็ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับ? …ว่า เอลริส 102 นี่มันหมายความว่ายังไง?”

“นั่นคือน้ำหนักดั้งเดิมของตัวละครที่มีชื่อว่าเอลริสครับ”

ฟุโดวตอบคำถามของอิจูอินอย่างตรงไปตรงมา

อิจูอินไอเล็กน้อย

“พูดแปลกจังเลยนะครับ น้ำหนักอย่างเป็นทางการของเอลริสคือ 44 กิโลกรัม นี่คุณได้เล่นเกมจริงๆรึเปล่าครับเนี่ย?”

“ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงๆ คุณก็คงจะไม่ตอบรับการนัดหมายครั้งนี้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ…เพราะว่าคุณเอะใจอะไรบางอย่าง ถึงยอมรับคำขอนัดพบจากฟรีแลนซ์ไร้ชื่อเสียงอย่างผม ถึงแม้จะต้องสละเวลาอันมีค่าของตัวเองก็ตาม ใช่ไหมล่ะครับ?”

ฟุโดวพูดอย่างมั่นใจกับอิจูอินที่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

การจะถูกปฏิเสธด้วยคำว่า “พวกเรายุ่งอยู่ จึงไม่สามารถตอบรับการนัดพบนี้ได้” ก็เป็นเรื่องปกติ

เพราะว่าฟุโดวไม่ใช่นักข่าวชื่อดังหรือทำงานให้กับนิตยสารอะไรซะด้วย

เนื่องจากเป็นแค่ฟรีแลนซ์…จึงไม่มีเหตุผลให้อีกฝ่ายสละเวลามาให้คนอย่างเขาเลย

แต่ถึงอย่างนั้น โปรดิวเซอร์คนนี้ก็ยังตอบรับการนัดพบ

อย่างน้อยที่สุด เขาก็น่าจะรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับรหัสที่ถูกส่งให้

เห็นอิจูอินยังเงียบอยู่ ฟุโดวก็พูดต่อไป

“บทบาทของเอลริสคนก่อนน่ะ…ไม่เหมือนกับในตอนนี้ เธอเป็นพวกน่ารำคาญที่ถูกเกลียดได้ง่าย และจะรับบทเป็นตัวร้ายเสมอไม่ว่าจะในรูทไหน…เธอจะรับบทเป็นตัวร้ายหลักในช่วงเทอมสองของเนื้อเรื่อง ทำเรื่องชั่วร้ายต่างๆไว้มากมาย สุดท้ายก็จะถูกดีดออกจากเนื้อเรื่องไป…บทบาทของเธอน่ะเป็นแบบนั้น”

“…ครับ เป็นอย่างที่คุณพูดเลย”

อิจูอินผงกหัวเล็กน้อยให้กับคำพูดของฟุโดว

และแล้วกาแฟและแพนเค้กที่เขาสั่งไปก็มาถึง เขาใส่นมลงกาแฟไปสองช้อนก่อนที่จะคนเบาๆ

“อย่างที่คุณพูดเลยครับ…ฟุโดวซัง เอลริสเป็นตัวละครที่ถูกสร้างมาให้เป็นตัวปัญหา…เป็นตัวร้ายที่นำความยุ่งเหยิงมาสู่เรื่องราว แต่เพราะอะไรบางอย่าง เอลริสในตอนนี้กลับกลายมาเป็นตัวละครที่สมกับเป็นเซนต์ยิ่งกว่าเซนต์ตัวจริง เรียกว่ากลับหน้ากลับหลังกับบทบาทของเธอเมื่อก่อนเลย อีกอย่างหนึ่งคือ…คนอื่นๆที่เหลือกลับคิดว่าเธอน่ะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว… โปรแกรมเมอร์ที่ทำงานให้กับเกมนี้และคนในบริษัททุกคนก็ด้วย ถึงขั้นที่ผมคิดว่าตัวผมต่างหากที่หลอนไปเองเลยล่ะครับ”

“แสดงว่าพวกคุณไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือครับ?”

“พวกเราทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ ถ้าให้สร้างเกมใหม่แล้วเปลี่ยนบุคลิกของเอลริสในเกมนั้นก็ว่าไปอย่าง แต่การจะเปลี่ยนการรับรู้ของผู้คนให้คิดว่า ‘มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว’ ถ้าแบบนั้นคงต้องย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีตแล้วล่ะครับ”

อิจูอินเทน้ำเชื่อมราดบนแพนเค้กและใช้มีดหั่นมัน

จากนั้นจึงใช้ส้อมจิ้มมันขึ้นมาแทน แล้วจึงจิบกาแฟตาม

“ผมก็นึกว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมถึงตอบรับการนัดพบครั้งนี้ยังไงล่ะครับ”

“ผมรู้อะไรหรือเปล่า…งั้นหรือ? จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่เรื่องที่ผมจะพูดนี่อาจจะเหลือเชื่อเกินกว่าที่จะสามารถเชื่อได้นะครับ”

“ผมจะตัดสินเองครับว่าควรจะเชื่อหรือไม่ หลังจากที่ได้ฟังแล้ว”

สถานการณ์มันชักจะเริ่มแปลกแล้วแฮะ ฟุโดวคิด

เขามาที่นี่เพื่อหาข้อมูล ไม่นึกเลยว่าเขาจะต้องมาเป็นคนให้ข้อมูลแทน

แต่ถ้าบอกไป เส้นทางอื่นอาจจะเปิดให้เห็นก็ได้

ถ้าบอกไปว่า “จริงๆแล้วชั้นคือเอลริส” คงจะไม่มีทางเชื่อแน่นอน ก็คงจะพูดหมดไม่ได้

“ตัวเอลริสเองน่ะครับ เธอกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายๆกับวิญญาณ แล้วก็มาที่โลกทางฝั่งนี้ ตัวเกมเองก็ถูกเปลี่ยนให้ตรงกับการกระทำของเธอที่โลกนั้น และอีเวนต์บางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ก็เป็นเพราะว่าอนคตของเธอที่โลกนั้นยังไม่ได้ถูกกำหนดไว้…อย่างน้อยนั่นก็เป็นทฤษฎีที่ผมตั้งไว้น่ะครับ”

“…เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆด้วยนะครับเนี่ย มีหลักฐานอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ถ้าพาไปเจอเธอตรงๆเลยคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ว่า…ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะโผล่มาตอนไหนนะครับ แต่บางทีเธอก็จะโผล่มาตอนนี้ผมอยู่ที่ห้อง น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ผมมีความทรงจำเกี่ยวกับเกมก่อนที่จะโดนเปลี่ยนแปลงได้”

อิจูอินใช้นิ้วนวดหว่างตา ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

จากนั้นเขาก็จิ้มแพนเค้กเข้าปากเพิ่มอีกเพื่อเสริมน้ำตาลให้กับสมองให้ความคิดแล่น

“คุณอาศัยอยู่ที่ไหนครับฟุโดวซัง?”

“อพาร์ทเมนต์แถวสุเนโทริน่ะครับ”

“ที่นั่นมีห้องว่างอยู่รึเปล่าครับ”

“ห้องข้างๆผมว่างอยู่ครับ”

“พอดีเลยครับ”

ได้ฟังคำตอบของฟุโดว อิจูอินก็พยักหน้าราวกับคิดบางอย่างออก

เขาดื่มกาแฟที่เหลือ เหมือนว่าจะตัดสินใจได้แล้ว เขาพูดว่า—

“ผมจะไปอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์นั้นสักพักหนึ่ง ถ้าเอลริสโผล่มาเมื่อไรล่ะก็ ให้เรียกได้เลยโดยไม่ต้องสนเวลานะครับ”

“เอ๋? แบบ…แบบนั้นจะดีเหรอครับ? ผมก็นึกว่าคุณงานยุ่ง”

“จริงๆผมก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอกครับ แต่ยิ่งกว่าเรื่องนั้น ถ้าผมไม่สามารถไขความข้องใจเรื่องนี้ได้ ผมก็จะอยู่ไม่สุขเลยล่ะครับ สิ่งที่ผมสร้างมาถูกเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่ตัวผมไม่ได้ทำ แค่คิดก็น่าขนลุกแล้ว ผมปล่อยมันไว้ไม่ได้หรอก”

เข้าใจล่ะ ฟุโดวคิด

จากมุมมองของอิจูอิน ก็คงน่าขนลุกจริงๆนั่นแหละ

เหมือนกับรูปวาดของตัวเองอยู่ๆก็ขยับได้ขึ้นมา

ความเข้าใจของอิจูอินน่าจะลึกล้ำยิ่งกว่าฟุโดวเองซะอีก

และแล้ว เวลาที่จะแสดง”หลักฐาน”นั้นให้อิจูอินเห็นก็มาถึงเร็วกว่าที่คาด

.

ตั้งแต่ที่คืนดีกับเวอร์เนลสำเร็จก็ผ่านมาหลายวันแล้ว

วันก่อนที่จะถึงหยุดฤดูหนาว จู่ๆชั้นก็กลับมายังอพาร์ทเมนต์เก่าของตัวเอง

เหมือนจะสังเกตเห็นชั้นแล้ว ฟุโดว นิอิโตะ(ตัวชั้น)ก็ลุกขึ้นจากฟูกมาทักทาย

“โอ้ มาแล้วเหรอ”

“ค่ะ มาอีกแล้วค่ะ”

พูดไปเองก็กระไรอยู่ แต่หน้าตาดูไม่ได้เลยนะ

ว่าไงดี เจ้านี่มันจะกลายเป็นซอมบี้แล้วนะเนี่ย

ผิวหมองจนเริ่มกายเป็นสีเดียวกับพื้น แก้มซูบผอม บริเวณแถวตาก็ดูว่างๆชอบกล

ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า แถมหนาอย่างกับกระดูก

ดูเหมือนว่าจะมีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้วสินะ

ฟุโดวเอาสมาร์ทโฟนออกมาโทรเรียกใครบางคน

“เอลริส เดี๋ยวชั้นจะโทรเรียกคนมาเพิ่มอีกคนนึงนะ ถ้าบอกความสัมพันธ์จริงๆระหว่างเราไปจะยุ่งยากซะเปล่า ก็เก็บเรื่องนั้นไว้เป็นความลับแล้วก็อย่าพูดอะไรเกินจำเป็นแล้วกัน”

“เอ๋…พาคนนอกเข้ามาด้วยจะไม่เป็นไรหรือคะ?”

“ไม่ใช่คนนอกหรอก หัวหน้าทีมสร้างของบุปผานิรันดร์น่ะ”

ดูเหมือนว่าฟุโดวจะสามารถติดต่อคนสร้างได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แฮะ

ขยันจังนะแก เป็นแค่ชั้นแท้ๆเลย

ถ้าเป็นคนสร้างเกมล่ะก็…พยายามที่จะหาจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกฝั่งนี้และฝั่งนั้นสินะ

ถ้าลองคิดดูดีๆ เกิดใหม่ในโลกเกมนี่มันก็แปลกจริงๆนั่นแหละ

ยังไงซะ บุปผานิรันดร์ร่วงโรยก็เป็นแค่เกมที่สร้างจากข้อมูลภาพ เสียง และเกมเพลย์เท่านั้นแหละ

ไม่มากพอที่จะสามารถสร้างเป็นโลกทั้งใบได้หรอก

แล้วโลกที่ชั้นอาศัยอยู่ในตอนนี้คืออะไรล่ะ?

เป็นแค่โลกที่คล้ายคลึงกับเกมเฉยๆงั้นหรือ?

หรือว่ามีอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนเกมก็ถูกสร้างโดยใช้โลกนั้นเป็นฐาน?

…พอลองคิดว่าเกมถูกเปลี่ยนไปตามการกระทำของชั้น โอกาสที่จะเป็นแบบหลังก็เป็นไปได้สูงอยู่

“โอ้ มาแล้วล่ะ”

จากหน้าประตู ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนคนหนึ่ง

ฟุโดวเดินไปหน้าประตูและมองลอดผ่านรูก่อนที่จะเปิดให้คนข้างหน้าเข้ามา

คนที่เข้ามาคือผู้ชายสวมแว่นอายุน่าจะซักสามสิบกว่า

โฮ่~โห~ นี่คือผู้สร้างเกมเหรือเนี่ย

พอเขาเห็นชั้น ก็เบิกตากว้างตัวแข็งค้างไปเลย

“…ไม่อยากจะเชื่อเลย เธออยู่ที่นี่จริงๆด้วย…”

“เอ่อ…สวัสดีค่ะ ชั้นชื่อว่าเอลริสค่ะ”

ทักทายกันก่อนแล้วกัน

ในเมื่อเป็นผู้สร้างเกม จากมุมมองของโลกที่ชั้นอยู่นี่จะเรียกว่าเป็นพระเจ้าก็ได้มั้ง

ดีไม่ดีอาจจะทำลายล้างโลกได้ด้วยความคิดก็ได้ อย่าไปทำให้โกรธดีกว่า

ทำตัวเป็นมิตรเข้าไว้

“อะ-อา…ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมอิจูอิน ฮารุโตะ เป็นหัวหน้าโปรเจ็กท์ของ บุปผานิรันดร์ร่วงโรย ครับ”

ฟุมุ ฟุมุ อิจูอินซังสินะ

โอเค จำได้ละ

“มีเรื่องอะไรจะคุยหรือเปล่าคะ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างโลกทางฝั่งนี้และฟากนั้นยังไงล่ะ และความเกี่ยวข้องที่มีต่อเกมเองก็ด้วย ถ้าเธอทำอะไรที่ทางฝั่งนั้น คนของโลกทางนี้ก็จะถูกเปลี่ยนให้รับรู้ว่ามันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว…พวกเราต้องการที่จะไขปริศนานั้นไงล่ะ”

คำถามของชั้นถูกตอบโดยฟุโดวราวกับว่าเป็นเรื่องที่แน่นอน

“อิจูอินซังที่อยู่ตรงนี้พอจะรู้อะไรบ้างไหมคะ?”

“มะ-ไม่ครับ…ผมไม่รู้อะไรเลย คนอื่นๆในทีมสร้างก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนื้อหาของเกมเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนคิดว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว”

ก็นึกว่าอิจูอินซังจะรู้อะไรบ้าง แต่แบบนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าแฮะ

เขาเองดูจะไม่รู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เหมือนกัน

ถ้าคนที่นับได้ว่าเป็นพระเจ้าของฝั่งนั้นยังไม่รู้ ก็คงจนปัญญาแล้วล่ะ

“กุญแจที่สามารถไขปริศนานี้ได้อาจจะอยู่ในเกม บุปผานิรันดร์ก็ได้ ลองมาวิเคราะห์เกมนี้ใหม่ตั้งแต่ต้นกันเถอะครับ เราอาจจะเจอคำใบ้ในนั้นก็ได้”

อิจูอินซังพยักหน้าให้กับคำพูดของฟุโดว ชั้นก็ตามน้ำผงกหัวไปด้วย

ไหนๆอิจูอินซังก็อยู่ที่นี่แล้ว อาจจะมีเบื้องหลังการสร้างอะไรที่จะเป็นเบาะแสได้บ้างก็ได้

อิจูอินซังเริ่มอธิบาย

“บุปผานิรันดร์ร่วงโรย(คุอง โนะ ซังกะ)… ชื่ออย่างเป็นทางการคือ บุปผานิรันดร์ร่วงโรย ~Fiore caduto eterna~ ถูกสร้างขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน และมียอดขายอยู่กว่าสี่แสนสองหมื่นชุดในปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตคือ อัตติโม่เกมโปรดักชั่นโปรเจ็คท์ ทีมสร้างมีอยู่หกคน และกลายเป็นเกมฮิตอันดับหนึ่งของทางเรา ภาคต่อและสปินออฟของตัวละครยอดนิยม แมรี่ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการวางแผนแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก”

“ทำไมถึงไม่คืบหน้าหรือคะ?”

“นักเขียนที่ทำหน้าที่เขียนบททำงานช้าน่ะครับ…คนๆนั้นไม่ยอมส่งบทใหม่มาให้สักที เพราะแบบนี้แหละพวกนักเขียนนิยายเว็บถึงใช้ไม่ได้…”

มีข่าวลือเกี่ยวกับภาคต่อนี่มีมาตั้งนานแล้ว แต่ผ่านมาเป็นปีๆแล้วก็ยังไม่มีประกาศออกมาสักที

ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะคนเขียนบทสินะ

ถ้าไม่มีบทก็ทำงานอะไรไม่ได้นี่เนอะ

แต่…นิยายเว็บเหรอ?

“คนเขียนบทนี่เป็นคนอย่างไรหรือคะ?”

“ผมเองก็ไม่ค่อยรู้มากเหมือนกันครับ ไม่เคยเจอกันตัวเป็นๆด้วย…เรียกว่าเป็นการเขียนแบบไม่เปิดเผยตัวตนน่ะครับ เราคุยกันผ่านเน็ตบ้างก็จริง แต่ก็ไม่เคยพบกับเขาซึ่งๆหน้าเลย”

“ไม่เคยพบกันเลยหรือคะ? ทั้งๆที่อยู่ในทีมสร้างด้วยกันแท้ๆ?”

“เดิมทีแล้วบุปผานิรันดร์ร่วงโรยเป็นนิยายที่ชนะการประกวดน่ะครับ ผู้ชนะจะได้ทั้งเงินรางวัลและการันตีการตีพิมพ์ ผู้ที่ชนะในการประกวดประเภทเกมก็จะถูกนำนิยายมาสร้างเป็นเกมแทน…บุปผานิรันดร์ชนะการประกวดนั้นมาได้ ส่วนผู้เขียน…นามปากกาคือ ‘เต่าแห่งฟิโอริ’ ก็ตั้งเงื่อนไขว่าจะไม่มาเจอกันตรงๆเด็ดขาดและจะคุยกันทางออนไลน์เท่านั้น…ในยุคสมัยนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็เคยเชิญคนๆนั้นมาทานข้าวด้วยกันแล้ว แต่ก็ถูกตอบ NO มาตัวโตๆเลย คนเขียนบทคนนั้นเลยไม่ใช่ส่วนหนึ่งของบริษัทเราหรอกครับ”

เข้าใจสิ่งที่อิจูอินพูดแล้ว

ก็คือคนเขียนบทเป็นนักเขียนมือสมัครเล่นดาวรุ่งสินะ

“ต้องบอกว่าเขา…หรือเธอคนนั้นน่ะเป็นศิลปินตัวจริงเลยล่ะครับ พวกเราทำหน้าที่แค่สร้างภาพประกอบและเพลงประกอบ คนที่วาดภาพประกอบก็จ้างนักวาดชื่อดังเอา ทุกอย่างที่เหลือทั้งหมดเขาคนนั้นจะเป็นคนกำหนดเอง”

“ถ้าอย่างนั้นเราลองไปพบคนคนนั้นกันเถอะค่ะ คนคนนั้นอาศํยอยู่ที่ไหนและชื่อจริงชื่ออะไรหรือคะ? อย่างน้อยก็น่าจะมีชื่อจริงใช่ไหมคะ?”

“ครับ ตอนที่จะส่งเกมที่สร้างเสร็จแล้วไปให้ เราก็ต้องมีทั้งชื่อและที่อยู่ก่อน ถ้าจำไม่ผิด ชื่อจริงน่าจะชื่อว่า…ว่า…”

อิจูอินซังพูดจนถึงตรงนี้จากนั้นจึงเอียงคอ

เขาพยายามจะค้นในสมองเพื่อหาคำตอบ แต่ก็จำไม่ได้สักที เขาจึงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าลำบากใจ

“…ขอโทษครับ ผมลืมไปแล้ว”

…เฮ้ย เฮ้ย คนคนนี้ไม่เป็นไรแน่นะ?

ก็นะ จะให้จำชื่อคนที่ไม่ใช่แม้กระทั่งพนักงานของบริษัทตัวเอง แถมเคยคุยกันแต่ผ่านทางออนไลน์ด้วยนามปากกาด้วยนี่คงไม่ใช่เรื่องง่ายมั้ง

ทำเอาชั้นกังวลเลยเนี่ย

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

Status: Ongoing
[บุปผานิรันดร์ร่วงโรย] ไม่เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าเกมจีบสาว เพราะไม่ว่าเลือกรูทไหน นางเอกหลักก็จะต้องตายในทุกรูทไป ฟุโดว นิอิโตะ เข้านอนทันทีหลังจากผ่านฉากจบของเกมที่ไม่น่าพอใจ เมื่อเขาตื่นมา เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในร่างของตัวละครเซนต์ตัวปลอมผู้น่ารังเกียจ เอลริส ถึงแม้จะสับสน แต่เขาเข้าใจว่าการกระทำของเอลริสจะส่งผมกระทบร้ายแรงต่อตัวละครมากมายในอนาคต เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนเแปลงประวัติศาสตร์ของเกม กลับกลายเป็นว่า ถึงแม้ข้างในจะเน่าเหม็น แต่เอลริสกลับถูกยกย่องโดยผู้คนทั่วโลกในฐานะของเซนต์ผู้สมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเกมที่อยู่ในโลกเก่าก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยตามการกระทำของเอลริสผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ข้างนอกคือเซนต์ ข้างในคือชายใจทราม ผู้เกิดใหม่นิสัยสารเลวที่เกิดในร่างของตัวละครสารชั่ว! การรวมกันของขยะเปียกและขยะแห้ง เกิดเป็นเซนต์ตัวปลอมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท