เหตุการณ์เอเทอร์น่าเกิดคุ้มคลั่งกับเจ้าหมึกจับตัวประกันได้จบลงโดยที่ไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้น
เออ ถ้าจะให้พูดก็คงถือว่ามีผู้เสียหายอยู่คนนึงอ่ะนะ ถึงจะไม่มีใครสนก็เถอะ
สาวตัวประกอบที่จะต้องย้ายออกจากโรงเรียนปลายเดือนนี้ก็โดนไล่ออกภายในวันนี้เลย
จริงๆเห็นเป็นแฟนนี่ชั้นก็เลยไม่อยากจะไล่เธอหรอกนะ แต่บอกตรงๆคือน่าขยะแขยงอ่ะ ก็เลยไม่ได้ต่อต้านอะไร
แทนที่จะมาเลียนแบบคนอย่างชั้น ไปหาข้อดีในแบบของตัวเองแล้วใช้ชีวิตอยู่กับมันน่าจะดีกว่านะ
แน่นอนว่าก็ต้องมีผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่นๆอยู่บ้าง แต่ก็พอแถไปได้ว่านี่เป็นการฝึกซ้อม
พอตกกลางคืน ชั้นก็ขึ้นไปบนดาดฟ้า
ถ้าโดนฟ้องเรียกค่าเสียหายเข้าล่ะยุ่งเลย เอาเป็นว่าทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า
ไอ้นี่ไง ดาดฟ้านี่ก็เป็นเหมือนสวงสวรรค์ของพวกโดดเดี่ยวใช่มั้ยล่ะ
เพราะไม่มีเพื่อนจะกินด้วย แต่ก็ไม่อยากไปนั่งโง่อยู่คนเดียวในโรงอาหาร เลยหาสถานที่เงียบๆที่ไม่มีคนเพื่อกินข้าวกลางวัน
ถ้าอยู่ๆสวงสวรรค์แบบนั้นหายไปล่ะก็ จะทำให้คนบางกลุ่มสิ้นหวังได้เลยนะ
เพราะชั้นเองก็เป็นพวกโดดเดี่ยวไม่ได้เรื่องเหมือนกัน เลยมีความเห็นใจอยู่เต็มที่ไงล่ะ
แต่ในตอนที่ชั้นกำลังเดินขึ้นดาดฟ้า ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่บนนั้น
ดึกดื่นอย่างนี้ยังจะมีคนอยู่บนดาดฟ้าอีกเหรอ…ใครหว่า?
หรือเป็นพวกคู่รักงี่เง่าที่คิดแบบว่า “เอ๋ มาทำกันตรงนี้จะดีเหรอ?” “แหะ แหะ ถ้าไม่อยากโดนจับได้ก็อย่าส่งเสียงดังล่ะ” อะไรแบบนั้น
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ขอรบกวนล่ะเด้อ
เพื่อเป็นการตอบแทน ก็ขอแอบส่องหน่อยละกันเนอะ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย…ที่ความเสียหายขนาดนี้เป็นฝีมือของชั้น…”
ชั้นจำเสียงนี้ได้
ชั้นเปิดประตูดาดฟ้าแง้มๆแล้วส่องเข้าไป เห็นเวอร์เนลและเอเทอร์น่ายืนคุยกันอยู่
อ๊ะ คู่รักงี่เง่าก็คือสองคนนี้เองสินะ
บุปผานิรันดร์ร่วงโรยเป็นเกมสำหรับทุกวัย เพราะไม่ใช่เกมเรท ฉากจำพวกนั้นเลยเกิดขึ้นได้แค่นอกจอเท่านั้น
….เยี่ยมเลย จัดกันเลยทั้งสองคน
เอาเลยสิ….ปีนบันไดขึ้นสู่การเป็นผู้ใหญ่มันตรงนี้เลย!
รออยู่เลยเนี่ย….ได้เวลาสนุกกันแล้วสิพวกเอ๋ย
“ตอนนั้น…ที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ มีเรื่องอะไรหรือ?”
พอได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน ชั้นก็จำได้ขึ้นมา
ตอนที่ชายหนุ่มและหญิงสาวมาอยู่ด้วยกันสองต่อสองน่ะ ก็มีแต่ฉากแบบบนั้นสินะ
ทำเอาตื่นเต้นเลยเนี่ย ต้องทำให้มั่นใจว่าทั้งสองคนจะสัมผัสถึงชั้นไม่ได้ เดี๋ยวเสียบรรยากาศหมด
อย่าห่วงไปเลย ชั้นจะไม่ให้ใครมาขัดจังหวะได้หรอกนะ
ถ้าใครคิดจะมาขวางล่ะก็ ตูนี่แหละจะส่งพวกมันไปลงนรกเอง
“เรื่องนั้นน่ะ…ชั้นรู้อยู่แล้วล่ะว่าเวอร์กำลังมองใครอยู่น่ะ…แต่ชั้นเองก็ต้องเดินหน้าไปต่อเหมือนกัน….ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ ชั้นก็อาจจะต้องแบกความรู้สึกนี้ต่อไปอีกชั่วชีวิต…”
เอเทอร์น่าหันมาพูดกับเวอร์เนลด้วยสีหน้าจริงจัง
ใบหน้าของเธอเป็นสีแดง บรรยากาศก็กำลังเป็นใจ
ท้องฟ้ายามค่ำคืนประดับด้วยดวงดาวราวกับกำลังอวยพรทั้งสองคน….ไม่หรอก มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ
ก็อยากจะทำให้บรรยากาศมันดียิ่งกว่านี้อีกน่ะนะ แต่กลัวโดนจับได้อ่ะ เพราะงั้นไม่เอาดีกว่า
“ชั้น…เคยรักเธอนะ”
พูดไปแล้วววว!!
มาแล้วเว้ย! วิ่งรอบสนาม โฮมรันไปแล้วครับท่านผู้ชม!
ไปตายซะไอ้รูทขยะ(เอลริส)ที่ไม่มีใครอยากเล่น หลีกทางให้รูทหลีักหน่อยเว้ยยย
นางเอกหลักนี่มันคนละระดับจริงๆว่ะ!
เค ชนะละ ไปอาบน้ำนอนล่ะ บาย
ขึ้นอยู่กับค่าความชอบ ในเกมบุปผานิรันดร์นี่มีระบบที่ทำให้อีเวนต์สารภาพรักพลาดได้ด้วยนะ
มีอยู่สองรูปแบบก็คือ
เวอร์เนลสารภาพรักกับนางเอก ซึ่งจะมีทั้งโอกาสสำเร็จและโอกาสถูกปฏิเสธ
กับอีกรูปแบบก็คือทางนางเอกเป็นฝั่งที่มาสารภาพรักเอง ถ้าเป็นรูปแบบนี้ล่ะก็ จะไม่มีวันพลาดแน่นอน แต่โอกาสที่จะเกิดอีเวนต์แบบนี้ขึ้นจะต่ำกว่ามาก
หรือก็คือ นี่เป็นรูปแบบที่จะสำเร็จแน่นอนไงล่ะ! สำเร็จ…สำเร็จแล้วโว้ยย!!
ถูกหวยแล้วครับผม….! สำเร็จเสร็จสิ้น…! ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง…! โคตรโหดกระโดดเยี่ยว…!
โอเมเดโตะ เวอร์เนล โอเมเดโต…! โอเมเดโต…![ล้อฉากปรบมือจากอีวานเกเลี่ยน]
คอนแกรตทูเลชั่น! คอนแกรตทูเลชั่น!
หืม? เดี๋ยวดิ
เคยรัก?
“ไม่สิ ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ถึงตอนนี้ก็ยังรักอยู่นะ ไม่ใช่ในฐานะของเพศตรงข้าม แต่ในฐานะสมาชิกครอบครัว”
หา? ฮะ หาา?
เห้ย เดี๋ยวดิ เหมือนจะเคยได้ยินประโยคแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
ไอ้นี่มันประโยคที่เอเทอร์น่าจะตอบกลับมาถ้าค่าความชอบไม่ถึงนี่หว่า!
…เฮ้ย! เวอร์เนลลลล! แก! ว่าแล้วเชียว นี่แกไม่ได้เพิ่มค่าความชอบให้เธอเลยใช่มั้ยเนี่ย!
เพราะว่าเอ็งเอาแต่เล่นกล้ามอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ!
“ชั้นกลัวมากเลยนะ กลัวว่าเธอจะหายไปสักวันหนึ่ง เพราะอย่างนั้นชั้นเลยคอยไล่ตามเธออยู่ตลอด ไล่ตามแผ่นหลังของเธอ…คิดกับเธอเหมือนเป็นเพศตรงข้ามคนหนึ่ง แต่ว่านะ…”
ในขณะที่พูดอย่างนั้น แสงก็เปล่งออกจากมือของเอเทอร์น่าแบบจางๆ
ต่างจากพลังเก๊แบบชั้น นั่นน่ะเป็นพลังของเซนต์ตัวจริง
ดูเหมือนว่าเธอจะพอควบคุมมันได้แล้วสินะ
“ตั้งแต่ที่ชั้นได้พลังนี้มา….ชั้นก็คิดว่า ในที่สุดก็ไล่ตามเธอทันแล้ว ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว…พอรู้ตัวอีกที่ สิ่งที่ชั้นเคยคิดว่าเป็นความรักของผู้หญิงก็จางหายไป ทำให้ชั้นรู้สึกตัวได้น่ะ…ที่ชั้นต้องการ ก็แค่ไม่อยากจะโดนครอบครัวอย่างเธอทิ้งไว้ด้านหลังเท่านั้นเอง”
ฉิบหายล่ะ ไอ้นี่มันบทพูดปฏิเสธชัดๆเลย
ถ้าค่าความชอบพอล่ะก็ บทพูดก็จะประมาณว่า “…ในระหว่างที่ไล่ตามเธออยู่ ก็ทำให้รู้ตัวว่าชั้นน่ะรักเธอมากแค่ไหน” ถ้าค่าความชอบไม่พอก็จะออกมาตามนี้เลย
ก็เป็นเกมจีบสาวนี่นะ จะให้ค่าความชอบเต็มแต่เริ่มก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ
ถึงค่าความชอบเริ่มต้นของเอเทอร์น่าจะเยอะกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่พอที่จะจีบเธอติดด้วยค่าความชอบแค่นั้นได้หรอก
ถ้าค่าความชอบไม่ได้เพิ่มจากตอนต้นเลย เธอก็จะเริ่มคิดว่าความชอบที่มีมาแต่เริ่มนี่ก็เป็นแค่จินตนาการของเธอเอง
เหมือนตอนนี้ไงล่ะ
“ฮะฮะ อะไรล่ะน่ะ? เหมือนผมโดนปฏิเสธสารภาพรักเลยนะเนี่ย”
“ใช่แล้วล่ะ ชั้นกำลังปฏิเสธเธออยู่ไงล่ะ”
เอเทอร์น่ายิ้มเล็กๆให้กับคำตอบปนหัวเราะของเวอร์เนล
ระยะห่างของทั้งสองคนหดสั้นลง แต่ไม่มีบรรยากาศโรแมนติกเหลืออยู่แล้ว มีแต่บรรยากาศของพี่น้อง
อ๊าาาา….เวรเอ๊ย เวรเอ๊ย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารูทเอเทอร์น่าได้พังครืนลงมาแล้ว…
ทั้งเวอร์เนลทั้งเอเทอร์น่าไม่ได้มองอีกฝ่ายในแง่โรแมนติกอีกต่อไปแล้ว
“ก็เท่านี้ล่ะ อาา รู้สึกสดชื่นจังเลย”
“โหดร้ายจังนะ อุตส่าห์เรียกผมมาเพื่อจะปฏิเสธเนี่ย”
สีหน้าของเอเทอร์น่าผ่อนคลายลงหลังการสารภาพนั้น ทำให้เวอร์เนลพลอยโล่งใจไปด้วย
เฮ้ย อย่าทำหน้าโล่งใจอย่างนั้นสิวะ! แกเพิ่งโดนนางเอกหักอกมานะเว้ย!
“แค่ถามเป็นพิธีน่ะนะ แต่คนที่เธอชอบนี่ก็คือ…”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ต้องเป็นท่านเอลริสน่ะสิ”
ห๊าา!
เป็นโฮโมรึไงแก!?
“…ขอบคุณที่ตอบกันตรงๆนะ แต่ก็ว่าแล้ว ท่านเอลริสน่ะอยู่คนละชั้นกับเธอเลยนะ รู้ตัวใช่มั้ย? เธอเป็นที่รักของทุกคน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รักชอบใครเป็นพิเศษเหมือนกัน…ชั้นไม่คิดว่าเธอจะสนใจความสัมพันธ์แบบนั้นหรอกนะ”
“เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ถึงความรู้สึกของผมจะส่งไปไม่ถึงเธอก็ไม่เป็นไร ยังไงซะนั่นก็เป็นแค่ความรู้สึกของทางนี้ใช่มั้ยล่ะ”
ไม่ดีนาเหวย
เปลี่ยนไปจีบนางเอกคนอื่นจริงๆจังๆตอนนี้ยังทันนะเออ
ถ้าตอนนี้อาจจะยังพอกู้ความสัมพันธ์กับเอเทอร์น่าทันได้นะ
“ฮ่าา…เธอนี่ซื่อตรงจนถึงขั้นงี่เง่าเลยนะเนี่ย นี่ชั้นเคยหลงคิดว่าตัวเองชอบคนแบบนี้ไปได้ยังไงนะ”
“โทษทีละกัน”
“ไม่เป็นไรหรอก ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้แล้วกันนะ ก็สร้างปัญหาให้ไว้ตั้งขนาดนั้นนี่นา”
เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่สมกับเป็นนางเอกหลัก ร่างกายของเธออาบภายใต้แสงจันทร์เรืองรอง
เอเทอร์น่านี่เป็นเซนต์แบบแท้ๆเลย
ตกลงธงรักนี่คือแหลกละเอียดไม่เหลือซากแล้วสินะ
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย…
ใครวะ! อีหอกหักเอลริสที่เข้ามาขวางทางความรักของทั้งคู่น่ะ!?
…ก็ตูเองนี่หว่า สารเลวเอ๊ย!
“ถ้าอย่างนั้น…ก็เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อืม ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
เอเทอร์น่าจากไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า
ชั้นเอาตัวนาบกับกำแพงเลี่ยงเอเทอร์น่าที่เดินผ่านไป
ชั้นได้ยินเสีบงเบาๆลอยไปกับสายลม
“ลาก่อนนะ…รักแรกของชั้น”
เวอะ เวอร์เนลโว้ยยยย! ยังทันนะเว้ย! รีบตามไปกอดเธอซะ!
รักแรกของเธอไม่ควรจะจบลงอย่างนี้นะ!
รีบตามไปบอกว่า “ว่าแล้วเชียว คนที่ชั้นรักจริงๆมีแต่เธอเท่านั้น” หรืออะไรก็ได้
เร็วสิวะ! ทำอะไรสักอย่าง!
“…”
แต่เวอร์เนลมันไม่ขยับ
ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ไอ้สมองปลาตีนเอ๊ย!
ไม่ต้องมามองเธอเดินจากไปด้วยสีหน้าสดชื่นเลยนะแก!
อาาาา—เอาจริงๆก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคนที่เวอร์เนลชอบก็คือตัวชั้นน่ะ…
ยังไงซะนี่ก็เป็นโลกของรูทเอลริส จะเป็นแบบนี้ก็ไม่ผิดคาดอะไร แต่มาได้ยินเองตรงๆแล้วทำเอาขนลุกเลยว่ะ…
สมัยชาติก่อนนี่ชั้นก็เคยมีแฟนอยู่คนสองคนนะ ถึงจะไปไม่สวยก็เถอะ แต่ก็ใช้แอพหาคู่จนสละซิงมาได้ แต่มารู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์กับตัวผู้ด้วยกันนี่ทำเอาปวดหัวเลย
ถ้าชั้นเป็นแบบว่า “ความคิดถูกปรับให้เข้ากับเพศสภาพทางกาย” หรือ “เพราะเป็นผู้หญิงมานาน เลยทำให้ความคิดเป็นเหมือนผู้หญิงไปด้วย” แต่โทษนะ ในหัวตูนี่ยังเป็นตัวผู้ร้อยเปอร์เซนต์ว่ะ
เพราะชั้นเป็นคนที่มีความทรงจำจากชาติก่อนแบบสมบูรณ์ เลยไม่มีความขัดแย้งใดๆในสมองแบบนั้นหรอก
ต้องเรียกว่าเพราะพื้นฐานมันแน่นไปแล้ว
เค้าว่ากันว่าถ้าจะสอนอะไรเด็กก็ต้องสอนตั้งแต่สามขวบ ซึ่งจะเป็นช่วงอายุที่จะก่อพื้นฐานของคนๆนั้นขึ้นมา ถ้าตั้งแต่สิบขวบขึ้นไปนี่ คนเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงยากแล้ว
ถ้าโดนกดดันจากพ่อแม่หรือถูกเพื่อนกีดกันในวัยเด็กมากเกินไป ก็จะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความมั่นใจได้
ถ้าจะพูดก็คือ ชั้นน่ะใช้ชีวิตที่โลกก่อนมาตั้งสามสิบปี พื้นฐานอะไรในฐานะของ”ตัวชั้น”น่ะมันแน่นเอี๊ยดจนเปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ
ถึงร่างกายจะเป็นผู้หญิง แต่สมองยังเป็นผู้ชาย
เพราะว่าด้านในนี้น่ะไม่ใช่เอลริส แต่ยังเป็นฟุโดว นิอิโตะไงล่ะ
ต่อให้ชั้นอายุขึ้นถึงหลักร้อย และใช้ชีวิตในฐานะของเอลริสมานานกว่าช่วงชีวิตของฟุโดว สุดท้ายด้านในนี้ก็ยังจะเป็นฟุโดวอยู่ดี
เพราะว่าสำหรับชั้นแล้ว ตัวเองน่ะไม่ใช่”เอลริสที่มีความทรงจำของฟุโดว”แต่เป็น”ฟุโดวที่กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นเอลริส”ไงล่ะ
หรือก็คือ…ความรักของเวอร์เนลจะไม่มีทางสมหวังได้ และก็ไม่มีใครจะแฮปปี้กับฉากจบแบบนั้นไงล่ะ
ชั้นไม่มีความสนใจแม้แต่มิลเดียวที่จะ”หลงรักผู้ชายด้วยกัน”เลยนะ
ถ้าผู้ชายรักผู้ชายก็จะเป็นโฮโม ถ้าผู้หญิงรักผู้หญิงก็จะเป็นยูริ
ชั้นรู้สึกดีที่ถูกชื่นชมว่าเป็นคนสวยอะไรแบบนั้นก็จริง แต่นั่นก็เพราะว่าชั้นเป็นพวกที่โลภมากและต้องการการชื่นชมทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ไงล่ะเออ
เพมือนพวก”เนคามะ”ในเน็ตไง รู้สึกดีที่โดนปฏิบัติเหมือนเป็นเจ้าหญิงน่ะ แบบนั้นแหละ[เนคามะ คือพวกผู้ชายที่เล่นตัวละครหญิงและโรลเพลย์เป็นผู้หญิงในเกมออนไลน์]
แค่เป็นที่ยอมรับก็ดีใจแล้ว อะไรอย่างนั้น
คนพวกนั้นน่ะไม่ได้อยากได้แฟนเป็นผู้ชายหรืออยากจะกลายเป็นผู้หญิงจริงๆหรอก น่าจะอย่างนั้นนะ
ไอ้โดนชมน่ะไม่ว่า แต่ตูไม่มีทางมีแฟนเป็นผู้ชายหรอกเฟ้ย
ที่ชั้นเป็นอยู่นี่ก็เหมือนเล่นตัวละครหญิงในเกมนั่นแหละ
เล่นตัวละครหญิง โรลเพลย์เป็นเจ้าหญิง โดนพวกผู้ชายมารุมตอม…เป็นความสุขเล็กๆอย่างนึงน่ะนะ
แต่ก็ใช่ว่าชั้นอยากจะได้ตัวผู้เป็นแฟนจริงๆซะเมื่อไหร่…ยังไงมันก็เป็นแค่เกมนี่นา
เอาเป็นว่า…จากนี้ไปจะเอาไงดีล่ะเนี่ย? ถามจริงๆนะ ชั้นจะทำยังไงต่อดี?
ชั้นอยากจะทำให้เอเทอร์น่ารอดไปพบกับแฮปปี้เอนดิ้งให้ได้ ก็เลยทำตามนั้น
ผลลัพท์นี้ก็ถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายนั้นอยู่
ชั้นจะไม่ให้เอเทอร์น่าเป็นคนจัดการแม่มดเด็ดขาด ต้องเป็นชั้นเท่านั้น วังวนนี้จะได้จบลง
ชั้นเชื่อว่านี่คือหนทางสู่แฮปปี้เอนดิ้ง จนตอนนี้ก็ยังเชื่ออย่างนั้นอยู่นะ
แต่เป้าหมายอีกอย่างของชั้นก็คือการจับคู่เธอกับเวอร์เนล แล้วพาทั้งสองคนไปสู่แฮปปี้เอนดิ้งแล้วก็ได้กัน…กลายเป็นว่าเป็นชั้นเองนี่แหละที่ทำลายเป้าหมายนี้ซะป่นปี้
อุเออออ๋ แย่เป็นบ้าเลยเว้ย!
เอเทอร์น่าก็ดูเหมือนจะมูฟออนได้แล้ว เพื่อไปหาความสุขของตัวเธอเอง ก็ยังพอจะนับว่าแฮปปี้ได้อ่ะนะ แต่ว่า…
ตั้งแต่แรกแล้ว การจับคู่ทั้งสองคนนี้น่ะ ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลย ที่ทำไปก็เพื่อความสุขของตูเองล้วนๆ
เพราะอย่างนั้นแล้ว มีแค่อย่างเดียวที่ชั้นทำได้ในตอนนี้…
ลืมเรื่องนี้ไปซะ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรแล้วไปนอนดีกว่า