ตอนที่ 728 เกาเหยียนจงทำผิดพลาด (2)
เหรินเป่าจูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ทำไมถึงยกเลิกการขายส่งล่ะคะ? จะปิดกั้นช่องทางการขายเหรอคะ?”
หลินม่ายกล่าว “จุดประสงค์ของการยกเลิกการขายส่งคือเพื่อปรับปรุงธุรกิจของผู้ซื้อแฟรนไชส์ หากธุรกิจของแฟรนไชส์ดีขึ้น เหล่านักธุรกิจก็จะร่วมลงทุนกับเรามากขึ้น”
ความฝันเดิมของเธอคือการทำให้เสื้อผ้าของห้องเสื้อจิ่นซิ่วเป็นสินค้าหรูหราอันดับหนึ่งของจีน
แม้จะมีอุดมการณ์เต็มเปี่ยม แต่ความจริงไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้
ห้องเสื้อจิ่นซิ่วเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว สินค้าของแบรนด์เสื้อผ้านี้ก็มีคุณภาพดี แต่ราคาจับต้องได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสินค้าราคาย่อมเยาที่มีคุณภาพเทียบได้กับแบรนด์หรูหรา
ห้องเสื้อจิ่นซิ่วไม่สามารถเดินตามรอยแบรนด์หรูได้ เพราะสภาพการณ์ของประเทศในปัจจุบัน
ผู้คนในยุคนี้ไม่ได้มีเงินมากมายนัก หากพวกเขาต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อเสื้อผ้าสักชิ้น ไม่ว่าคุณภาพของเสื้อผ้านั้นจะดีมากเพียงใด ผู้คนก็จะไม่เต็มใจซื้อ
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจทำร้านเสื้อผ้าราคาย่อมเยา
หลังจากประเทศพัฒนาขึ้น เธอก็จะค่อย ๆ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้าให้ไปสู่ระดับไฮเอนด์
เธอจะไม่ยอมแพ้กับเป้าหมายนี้
เนื่องจากกำไรของสินค้าระดับไฮเอนด์นั้นสูงมาก จะให้เธอยอมปล่อยให้แบรนด์หรูระดับไฮเอนด์จากต่างชาติมาคว้าเอาเงินของชาวจีนไปได้อย่างไร?
เธอมาที่นี่เพื่อหาเงินไม่ใช่หรือ?
เธอต้องเปิดร้านแฟรนไชส์เพิ่มเพื่อรับค่าธรรมเนียม ค่าตกแต่ง ค่าบริหารจัดการ และค่าจัดหาเพิ่มเติม
แม้เหรินเป่าจูจะไม่เต็มใจเลิกทำธุรกิจค้าส่ง แต่ก็ไม่สามารถหักล้างการตัดสินใจของหลินม่ายได้ ดังนั้นหล่อนจึงพยักหน้าเห็นด้วย
เจิ้งซวี่ตงกล่าวว่าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เขาได้เปิดร้านแฟรนไชส์ของเปาห่าวชือและเหรินเจียนเยียนหั่วมากกว่าสิบสองแห่งในเจียงเฉิง
หลินม่ายพยักหน้าพร้อมขอให้เขาไม่เพียงเปิดร้านเปาห่าวชือและร้านเหรินเจียนเยียนหั่วในเจียงเฉิงเท่านั้น แต่ให้ขยายไปยังเมืองอื่น ๆ ด้วย โดยมุ่งมั่นที่จะขยายสาขาไปทั่วประเทศ
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเปิดร้านเปาห่าวชือและร้านเหรินเจียนเยียนหั่ว ร้านจะต้องตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่มั่นคง หากซื้ออาคารได้ก็จงลงทุนซื้อ ไม่ควรเช่าเป็นระยะเวลายาวนาน
พวกเขาจะต้องทำการตลาดให้ดีเพื่อดึงดูดใจผู้คนในเมืองมาอุดหนุนและลองชิมร้านอาหารทั้งสองนี้
คำคมที่ว่า ก่อนจะเคลื่อนทัพต้องเตรียมเสบียงให้พร้อม(1)ไม่เพียงใช้ได้กับการสงครามเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับการค้าขายด้วย
เจิ้งซวี่ตงรีบหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมาอย่างรวดเร็วและจดทุกคำพูดของหลินม่ายอย่างจริงจัง
แต่เขายังมีข้อสงสัยในใจว่า ทำไมถึงซื้ออาคารเหล่านั้นและไม่ควรเช่าในระยะยาว?
เมื่อเขาตั้งคำถามในใจ หลินม่ายก็ไม่ได้อธิบาย แต่ปล่อยให้เขาทำตามที่เธอบอก
โฮ่วซินอี้กล่าวว่าขนาดการผลิตเสื้อผ้าของห้องเสื้อจิ่นซิ่วนั้นไม่น้อย เศษซากที่เหลือจากการผลิตในทุกวันมีน้ำหนักนับได้เป็นตัน
แม้ว่าเศษผ้าเหล่านี้จะไม่เพียงพอต่อการผลิตเสื้อผ้าสำหรับทารกและเด็กเล็ก แต่ก็ยังเพียงพอที่จะทำถุงเท้าสำหรับฤดูหนาว
เขาต้องการจัดตั้งโรงงานถุงเท้าและรับคนพิการมาเป็นคนงาน จึงถามหลินม่ายว่าเป็นไปได้หรือไม่
หลินม่ายพยักหน้า “เราทำได้เสมอหากมีเงินทุน และเราสามารถนำเงินที่ได้รับจากโรงงานผลิตถุงเท้าไปใช้เพื่อการกุศลได้”
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ “เศษผ้าในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวล้วนเป็นผ้าเนื้อหนา ซึ่งใช้ทำถุงเท้าได้ เศษผ้าในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนล้วนเป็นผ้าเนื้อบาง สามารถใช้ทำเป็นไม้ถูพื้นได้ ด้วยวิธีนี้คนงานพิการในโรงงานถุงเท้าก็จะมีงานทำตลอดทั้งปี ชีวิตของพวกเขาก็จะสะดวกสบายมากขึ้น”
โฮ่วซินอี้พยักหน้า “ตกลงครับ ผมจะรับผิดชอบดำเนินการเรื่องนี้เอง”
ตามคำแนะนำของหลินม่าย จ้าวเลี่ยงไม่เพียงเปิดตลาดผักสองแห่งหลังกลับจากเมืองหลวง แต่ยังเปิดตลาดผักสี่แห่งในคราวเดียว ซึ่งเกินที่คาดหวังไว้
ตอนนี้เจียงเฉิงมีตลาดผักฝูตัวตัวเป็นของตัวเองถึงสามแห่ง
ผู้คนในสามเมืองสามารถซื้อวัตถุดิบที่ต้องการได้ในเขตนี้
ไม่จำเป็นต้องข้ามสะพานไปยังเขตเจียงฮั่นเพื่อซื้อเนื้อวัวและเนื้อแกะอีกต่อไป และชีวิตก็สะดวกสบายขึ้นมาก
นอกจากการประกาศข่าวดีแล้ว จ้าวเลี่ยงยังรายงานถึงความกังวลอีกด้วย
ความกังวลนี้ไม่มีผลกระทบต่อตลาดสดฝูตัวตัว แต่จะส่งผลกระทบต่อชาวสวนผัก
นั่นคือแม้ว่าตลาดสดฝูตัวตัวในเจียงเฉิงจะมีอยู่แล้วหกแห่ง แต่ในปีนี้ก็มีผักเรือนกระจกจำนวนมากเกินไปในเขตชานเมืองและพื้นที่ชนบทรอบเจียงเฉิง
เป็นผลให้ราคาซื้อและราคาขายของผักเรือนกระจกต่ำลง
แต่ก็ยังมีผักเรือนกระจกจำนวนมากที่เกษตรกรปลูกที่อาจขายไม่ได้และเน่าอยู่ในดิน
หลินม่ายเคยกล่าวไว้ว่า หากเกษตรกรผู้จัดหาประสบปัญหาก็ต้องหาทางแก้ไขช่วยพวกเขา
ชาวสวนเหล่านั้นทำงานหนักมาหนึ่งปีแล้ว และไม่ง่ายที่จะปลูกพืชบางชนิด
แต่จ้าวเลี่ยงแก้ไม่ได้จึงยกเรื่องนี้มาเป็นปัญหา
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งและขอให้จ้าวเลี่ยงติดต่อสวนผักของรัฐในเมืองหลวงของมณฑลใกล้เคียง เช่น ฉางซาและเจิ้งโจวเพื่อขายผักเรือนกระจกให้พวกเขา
สภาพเศรษฐกิจของประชาชนในเมืองหลวงของมณฑลนี้ไม่เลวร้ายนัก และพวกเขาต้องสามารถซื้อผักเรือนกระจกได้ ไม่ต้องพูดถึงราคาผักเรือนกระจกที่ลดลงในปีนี้
ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงจะสามารถแก้ไขความยากลำบากของชาวสวนผักในเจียงเฉิงได้เท่านั้น แต่ตลาดผักฝูตัวตัวยังสามารถสร้างรายได้เล็กน้อยจากเรื่องนี้ และยังสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับผักจากชนบทอีกด้วย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว
จ้าวเลี่ยงหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าว “ทำไมผมไม่เคยคิดที่จะซื้อผักเรือนกระจกจากชาวบ้านและขายให้กับคนเมืองหลวงหรือมณฑลอื่น ๆ เลย คุณหลินฉลาดจริง ๆ”
หลินม่ายยิ้ม
สมองของเธอไม่ได้ฉลาดกว่าผู้บริหารที่นี่มากนัก แต่เธอมีประสบการณ์จากชีวิตที่แล้ว
หลังจากนั้นเหล่าผู้บริหารแต่ละคนก็พูดเรื่องราวของตัวเอง
หลังจากที่ผู้บริหารทุกคนพูดจบ หลินม่ายก็จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นทันที และสั่งให้เฉินเสี่ยวผิงจัดตั้งมูลนิธิเพื่อบรรเทาความยากจนให้กับบริษัท
โดยเงินทุนต้องมาจากว่านถงกรุ๊ป และไม่รับบริจาคจากภายนอก
อย่างไรก็ตาม โฮ่วซินอี้ต้องการสร้างโรงงานถุงเท้าและเขาจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุน
แม้ว่ากำไรของโรงงานถุงเท้าจะน้อยเกินไปและไม่มีเงินเพียงพอสำหรับทำการกุศล แต่ก็จะได้รับอุดหนุนเพิ่มเติมจากสำนักงานใหญ่
คนจนห่วงตัวเอง คนรวยห่วงโลก
ตอนนี้หลินม่ายมีเงินแล้ว ก็ถึงเวลาตอบแทนสังคม
แน่นอนว่าคนเราเกิดมาตัวเปล่าและตายไปตัวเปล่า ไม่ว่าจะมีเงินมากเพียงใดก็ไม่สามารถหอบหิ้วไปด้วยได้เมื่อตายสิ้น
การใช้เงินเพียงน้อยนิดในการทำความดีจะไม่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเธอ แต่สามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้ได้ แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ?
เหตุผลที่เธอไม่รับบริจาคจากภายนอก เพราะไม่ต้องการที่จะได้รับชื่อเสียงที่ไม่ดีหรือปัญหาจากการรับบริจาคเงินในนามของการบรรเทาความยากจน
ความกังวลของเธอไม่ได้ไร้เหตุผล
ในชีวิตที่แล้ว นักร้องหญิงคนหนึ่งได้ตั้งกองทุนการกุศล แต่ถูกกล่าวหาว่าใช้ชื่อกองทุนเพื่อหาเงิน
แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะสนับสนุนนักร้องหญิงคนนั้น แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายที่ไม่เห็นชอบ
นักร้องสาวสามารถอธิบายได้ชัดเจนเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ แต่ว่านถงกรุ๊ปอาจไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
หลินม่ายอาจถูกเข้าใจผิดว่ารับเงินสกปรกหรือฟอกเงิน ดังนั้นเธอจึงควรหลีกเลี่ยงตั้งแต่แรก
นอกจากจะขอให้เสิ่นเสี่ยวผิงลงทะเบียนกองทุนการกุศลแล้ว หลินม่ายยังสั่งให้หล่อนจัดทีมเล็ก ๆ เพื่ออุทิศให้กับการกุศลอีกด้วย
สิ้นปีนี้ กิจกรรมการกุศลของว่านถงกรุ๊ป คือการบริจาคให้กับครอบครัวที่ยากไร้สามพันครอบครัว
ครอบครัวที่ยากไร้ทุกครอบครัวจะได้รับเงินบริจาคจำนวนหนึ่งร้อยหยวนจากว่านถงกรุ๊ป เพื่อให้พวกเขาได้มีเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่สงบสุข
ครอบครัวยากจนสามพันครอบครัวอาจฟังดูไม่มาก แต่ครอบครัวละหนึ่งร้อยหยวก็นคิดเป็นเงินทั้งหมดสามหมื่นหยวน ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินมากไม่น้อย
ขณะจดบันทึก เสิ่นเสี่ยวผิงก็คิดอยู่ในใจ หล่อนไม่อาจปล่อยให้ประธานหลินใช้เงินสามหมื่นหยวนไปโดยเปล่าประโยชน์ และสื่อจะต้องรู้เรื่องนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………
(1)หมายถึง การเตรียมพร้อมทุกอย่างเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
สารจากผู้แปล
มีประสบการณ์ชาติที่แล้วมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง
ไหหม่า(海馬)