จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 166-170

ตอนที่ 166-170

บทที่ 166 : องค์หญิงผู้โชคร้าย (4)
  ”ไป๋หยานโอกาสหน้าข้าจะไม่ทำให้เสียเปล่าอีก หากข้าสามารถฉวยอะไรมาได้ข้าจะริบมาให้หมด”
  ไป๋หยานลูบคางเบาๆ พลางพยักหน้าอย่างจริงจัง “เอาล่ะ จำไว้ว่าครั้งต่อไปอย่าให้เปล่าประโยชน์เช่นนี้อีก เจ้าควรจะ … ” ก่อนที่นางจะทันกล่าวได้จบประโยค ใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป
  ฉู่อีอี้ไม่เข้าใจว่าจู่ ๆ เหตุใดไป๋หยานจึงมีท่าทีแปลกไป ทว่าทันทีที่นางหันหลังกลับไปมอง นางก็รับรู้ ทั้งสามัญสำนึกก็เริ่มจะหวาดกลัว
  ”ไป๋หยานข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ข้ามีบางอย่างต้องทำ ข้าขอตัวก่อน”
  ทันทีที่เด็กสาวกล่าวจบนางไม่รอให้ไป๋หยานรับคำ นางรีบวิ่งตัวปลิวไปที่ลานหลังบ้านทันที
  ไป๋หยานเม้มปากขณะจ้องมองบุรุษเจ้าเสน่ห์ที่มายืนอยู่เบื้องหน้า พลางกัดฟันกล่าวว่า “ดูเหมือนท่านจะเห็นว่าบ้านของข้าเป็นบ้านของท่านไปแล้ว”
  ชายหนุ่มรูปงามเลิกคิ้วเอ่ยกล่าวว่า”ก็ตำหนักของข้าถูกบุตรชายของเราเผาเกลี้ยงแล้ว”
  เขาไม่ได้กล่าวว่าบุตรชาย”ของเจ้า” หากแต่เป็นบุตรชาย “ของเรา”
  ”มีหลักฐานใดพิสูจน์ว่าเฉินเอ๋อเป็นผู้วางเพลิง?”
  ”ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้วางเพลิงหรือไม่ทว่าตอนนี้ข้าเป็นคนไร้บ้านแล้ว แน่นอนว่าข้าต้องมาอาศัยอยู่กับเจ้า”
  ไป๋หยานมองหน้าชายไร้ยางอายผู้นี้พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ข้าปฏิเสธได้หรือไม่ ?”
  ”ได้”
  ตี้คังตอบกลับอย่างรวดเร็วกระทั่งไป๋หยานคาดไม่ถึง นางมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ก็แล้วเหตุใดท่านจึงยังอยู่ที่นี่อีก ?”
  ”ก็อยู่เพื่อขึ้นเตียงกับเจ้า”
  ตี้คังดึงไป๋หยานเข้าสู่อ้อมแขนมือใหญ่ ๆ ของเข้าเลื่อนเข้าไปใต้อาภรณ์ของนาง นิ้วเรียวยาวของเขาไต่ลงไปลูบไล้ต้นขาที่เนียนเรียบของนางอย่างอ่อนโยน
  ร่างของไป๋หยานสั่นสะท้านนางคำรามด้วยความโมโห “ท่านบอกเองว่าข้าปฏิเสธได้ เหตุใดท่านจึงยังไม่ไปอีก !”
  ”ข้าเพียงบอกว่าเจ้าสามารถปฏิเสธได้ แต่ข้าไม่ได้บอกว่า ข้าจะยอมทำตามคำปฏิเสธของเจ้า … ” ริมฝีปากของตี้คังเชิดขึ้น รอยยิ้มของเขาดึงดูดใจ
  “ไร้ยางอายจริงๆ !”
  ไป๋หยานยกขาเล็งไปที่เป้ากางเกงของเขาด้วยความโกรธ
  ตี้คังไม่หลบหรือแม้แต่จะหยุดนางเขาปล่อยให้นางเตะเป้าเขาอย่างง่ายดาย
  จากนั้นเข้าก็มีทีท่าฮึดฮัดเขาจับมือของไป๋หยานแน่น “ในเมื่อเจ้าเตะเป้าข้าแล้ว เจ้าก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดห้อง เพียงมีที่สำหรับเราสองคนพอซุกนอนก็พอ”
  ”อ๋องคัง!” ไป๋หยานดึงสาบเสื้อของเขาพร้อมกับคำราม “วันใดที่ข้าแข็งแกร่งกว่าท่าน วันนั้นข้าจะกดท่านลงกับพื้นให้หนักไม่ให้ท่านมีโอกาสพลิกตัวได้เลย !”
  “เจ้ายังต้องการกดข้าอีกงั้นหรือ? เช่นนั้นก็ไปกดกันที่เตียงเลยจะดีหรือไม่ ? เมื่อหกปีก่อนเจ้าเองก็เคยกดข้ามาแล้ว ข้าไม่รังเกียจหากเจ้าจะถอดเสื้อผ้า และทำเช่นเดียวกับวันนั้นอีกครั้ง…”
  ไป๋หยานมีทีท่าเย้ยหยัน”ต่อให้ข้าถอดเสื้อผ้าออก ท่านก็ไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่าได้หรอก”
  หลายวันก่อนนางวางยาพิษตี้คัง นี่ผ่านมายังไม่ถึงเดือนเลย เขาไม่มีทางทำเรื่องอย่างว่ากับนางได้เป็นแน่…
  ตี้คังหรี่ตาลงก่อนจะคว้ามือของไป๋หยานไปวางที่ส่วนล่างกลางกายของเขา “เจ้าลองสัมผัสด้วยตนเองดีกว่ามั้ย ?”
  ”ท่าน… ”
  ไป๋หยานกำลังจะโกรธมากขึ้นทว่าทันทีที่มือของนางสัมผัสกับจุดลับร้อน ๆ ความร้อนเร่านั่นก็ทำให้ใบหน้าของนางเปลี่ยนสี นางรีบหดมือกลับด้วยความรวดเร็ว
  ”ท่านไม่ได้โดนพิษของข้ากระนั้นรึ?”
  เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
  ตี้คังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์”โลหิตของข้าสามารถขจัดพิษได้ หลังจากโดนเจ้าวางยาในวันนั้น ข้าใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามก็สามารถขจัดพิษได้สิ้น ดูสิว่าตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะหลอกล่อข้าอีก ?”
  ใบหน้าของไป๋หยานมืดมนลงอย่างสิ้นเชิงนางรีบสะบัดตัวหลุดออกจากวงแขนของชายหนุ่ม พร้อมกับถอยหนีอย่างร้อนรน
  ”อ๋องคังท่านมันเดรัจฉาน !”
  ”ข้าเป็นเดรัจฉานเจ้าเรียกข้าว่าเดรัจฉานก็ไม่ผิด ทว่า… ” นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังเต็มไปด้วยประกายวาววับราวกับปีศาจกำลังหัวเราะ “จากนี้ไป ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่า สิ่งใดคือเดรัจฉานจริง ๆ !”
  ไป๋หยานเกือบลืมชายผู้นี้เป็นสัตว์อสูร การเรียกเขาว่า “เดรัจฉาน” ก็ถูกต้องแล้ว
  ทั้งเขายังเป็นจิ้งจอก…จิ้งจอกเจ้าเล่ห์เขี้ยวลากดินอีกด้วย !

บทที่ 167 : คืนสินสอดทองหมั้น (1)
  ตี้คังจ้องมองสตรีตรงหน้าที่กำลังตื่นตระหนกมุมปากของเขายกยิ้ม รอยยิ้มของเขาราวยิ้มของปีศาจ เสื้อคลุมของเขาพลิ้วไหวตามแรงลม เสริมส่งให้เขาแลดูสง่างามหาใดเปรียบ
  ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังกึกก้องท้องฟ้า ตี้คังย่นคิ้ว เขาขยับเข้าใกล้ไป๋หยานอีกก้าว สายตาทรงพลังกวาดไปทั่วท้องฟ้า พลันนัยน์ตาของเขาก็หดหู่
  ไป๋หยานเองก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเช่นกัน…
  สิ่งที่ทั้งคู่เห็นก็คือวิหคเพลิงมันมีขนสีแดงฉาน มันกระพือปีกบินร่อนลงมา จากนั้นก็แปลงร่างเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่มีเรือนผมสีแดงเข้ม
  การปรากฏตัวของเขาเป็นดั่งน้ำเย็นราดรดลงบนร่างของตี้คัง ทำให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มด้วยไฟปรารถนาของตี้คังดับมอดลงทันที นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความหม่นหมองเหลือบมองบุรุษที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
  ”มีเรื่องใด?”
  บุรุษผู้นั้นเจอสายตาที่เย็นเยือกของตี้คังเขาก็ได้แต่นิ่งงัน เขาอยากจะร้องไห้ ทว่าไร้ซึ่งน้ำตา หากนี่มิใช่เรื่องเร่งด่วน เขาจะไม่มารบกวนราชา และว่าที่ราชินีเป็นแน่…
  ”ฝ่าบาทเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีคนทำลายตราผนึกแดนอสูร” ชายผู้นั่นยังคงคุกเข่า ขณะกล่าวรายงานเหตุการณ์
  ”ผู้ใด?”
  ตี้คังย่นหน้าผากเอ่ยถามอย่างเย็นชา
  ”คือ…” บุรุษผมสีแดงจ้องมองไป๋หยานผู้ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างระมัดระวังก่อนกล่าวต่อว่า “นางคือชิงหลวน ธิดาคนโตของชนเผ่าอสรพิษ นางรู้ว่าฝ่าบาทได้พบราชินีแล้ว นางเลยจะตามมาที่อาณาจักรนี้”
  เป็นที่รู้กันทั่วทั้งแดนอสูรว่าชิงหลวนจากชนเผ่าอสรพิษนั้นหลงรักตี้คัง ทว่าน่าเสียดายที่ตี้คังไม่สนใจ อีกทั้งไม่เคยไว้หน้านางเลย หากแต่ชิงหลวนก็ฉลาดมากพอที่จะปฏิบัติตัวไม่สร้างปัญหาใด ๆ หาไม่แล้วชนเผ่าอสรพิษของนางก็คงไม่สามารถอยู่รอดมาได้กระทั่งถึงปัจจุบัน
  ทว่ามิใช่ในเวลานี้เพราะข่าวที่ราชาอสูรพบราชบุตรของตนได้แพร่กระจายไปทั่วแดนอสูร นั่นทำให้ชิงหลวนอดไม่ได้ที่จะแอบหนีออกมาจากโลกอสูร
  ใบหน้าของตี้คังยิ่งเย็นชา”ผู้ใดนำเรื่องที่ข้าพบเฉินเอ๋อไปป่าวประกาศ ?”
  ”คือ…” บุรุษผมสีแดงเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก “คือองค์หญิง… ทราบว่าฝ่าบาทพบตัวราชบุตรแล้ว องค์หญิงก็อดไม่ได้ที่จะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ เช่นนั้นแดนอสูรทุกคนจึงรู้เรื่องนี้”
  หลังจากกล่าวจบเขาก็เงยหน้าขึ้นมองตี้คัง ครั้นเห็นใบหน้ามืดมนของเจ้านายแล้ว หัวใจของเขาพลันสั่นสะท้าน ทว่าเขาก็ต้องกลั้นใจกล่าวต่อ “แล้วหลังจากที่ชิงหลวนหนีออกมา องค์หญิงก็แอบออกมาด้วย …”
  ลมหายใจของตี้คังยิ่งเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม”หากพบตัวยายเด็กดื้อนั่น รีบพานางมาพบข้าทันที !”
  ”แล้วสำหรับแม่นางชิงหลวน?”
  ชายผมแดงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
  อายเย็นเยือกส่งผ่านแววตาของตี้คังเขากล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมไร้ปรานี “ตัดมือตัดขานางซะ จากนั้นก็โยนกลับเข้าไปในแดนอสูร !”
  หากชิงหลวนไม่รู้ดีรู้ชั่วเช่นนั้น … จากนี้ไปแดนอสูรก็ไม่ต้องมีชนเผ่าอสรพิษอีกต่อไป !
  ”พ่ะย่ะค่ะ…”
  บุรุษชุดแดงลุกขึ้นร่างของเขามีประกายเพลิงโอบล้อม จากนั้นเขาก็กลายร่างกลับไปเป็นวิหคเพลิง บินถลาขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะหายลับไปในพริบตา
  ไป๋หยานยังมองตามหลังชายคนนั้นอย่างงงวยพลางเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “ชิงหลวนชนเผ่าอสรพิษมาที่นี่ เหตุเพราะข้ากับเฉินเอ๋อกระนั้นหรือ ?”
  ”ไว้ข้าจัดการเรื่องนี้เองข้าไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าหรือเฉินเอ๋อเป็นแน่”
  น้ำเสียงของตี้คังทุ้มต่ำฟังดูสงบนิ่ง
  ไป๋หยานจ้องมองตี้คังด้วยสายตาดุดัน”หากเฉินเอ๋อได้รับอันตราย ข้าจะไม่มีวันละเว้นท่าน !”
  นางไม่สนใจว่าจะเป็นใครใหญ่โต เก่งกาจเพียงใด
  หากคิดจะทำร้ายบุตรชายของนางไป๋หยานจะทำทุกอย่าง เพื่อหยุดคนเหล่านั้น แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามที
  ”หากเฉินเอ๋อเป็นอะไรไปแม้แต่ปลายเล็บไม่ใช่เพียงเจ้า ทว่าข้าเองจะเป็นผู้ทำลายล้างแดนอสูรให้สิ้น !”

บทที่ 168 : คืนสินสอดทองหมั้น (2)
  น้ำเสียงเย่อหยิ่งยโสของชายหนุ่มทำให้ไป๋หยานใจสั่น นางเงยขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาหาใดเปรียบที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาลังเล
  นี่นางจะสามารถเชื่อถ้อยคำของเขาได้หรือไม่นะ?
  ไป๋หยานเงียบอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองเขาอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำขลับสดใสแจ่มกระจ่าง “ถึงตอนนี้ ข้าเชื่อแล้วว่าท่านมีความจริงใจต่อเฉินเอ๋อ และเชื่อว่าท่านจะพยายามปกป้องเฉินเอ๋ออย่างดีที่สุดไม่ต่างกับข้า”
  หากเป็นคนทั่วไปคำกล่าวนี้เรียกได้ว่าเป็นข้อความที่ซึ้งกินใจมาก ทว่ากับตี้คังภายหลังจากได้ยินแล้วใบหน้าของเขากลับเขียวเข้ม
  ”เจ้าหมายความว่าไง?” ตี้คังกล่าวเยาะ “เจ้าว่าความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้ามันจอมปลอมกระนั้นรึ ?”
  ไป๋หยานรับรู้ได้ถึงความเกรี้ยวกราดที่กำลังปะทุของตี้คังนางรีบสาวเท้าถอยหลังหลายต่อหลายก้าว “ก็ท่านบอกข้าว่า ท่านเพียงไม่รังเกียจข้า แล้วหากวันหน้าท่านเจอผู้ที่ท่านไม่รังเกียจอีกล่ะ ท่านจะมิไปตามตื้อนางอีกคนกระนั้นหรือ ?”
  ตี้คังยิ้มหยันๆ “นี่เจ้าคิดว่า สตรีทุกคนจะโชคร้ายเยี่ยงเจ้า ที่จะต้องถูกคนอย่างข้าวิ่งไล่ตามตื๊อกระนั้นรึ ?”
  ”…..”
  ไป๋หยานตะลึงนี่ชายผู้นี้รู้ตัวด้วยหรือว่า การที่มีเขาคอยพัวพันนั้น ช่างเป็นเรื่องโชคร้ายสุด ๆ ?
  ”ไป๋หยานเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดหลายปี และเจ้าเป็นคนแรก และคนสุดท้ายที่ข้าไม่รังเกียจ”
  บูม!
  ในหัวของไป๋หยานราวถูกระเบิดนางมองบุรุษเย่อหยิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอย่างงงวย
  เขาหมายความว่าอะไร?
  นี่นับเป็นคำสารภาพรักหรือไม่?
  ไป๋หยานยังคงตกตะลึงทันใดนั้นริมฝีปากของชายหนุ่มก็ประทับลงมาบนริมฝีปากของนาง ริมฝีปากนั้นกดลงมาหนักหน่วง มืออันแข็งแกร่งของเขากดแผ่นหลังของนางแน่น กระทั่งนางไม่อาจผลักไสเขาออกไปได้…
  หลังจากเขาปล่อยตัวนางไป๋หยานก็ก้าวถอยหลัง นางยืนงงงัน ก่อนที่จะเอ่ยถามปัญหาคาใจ
  ”อ๋องคัง…นั่นคือ… ครั้งแรกของท่านใช่หรือไม่ ?”
  หาไม่แล้วเหตุใดเขาต้องพยายามตามล้างแค้นข้าตลอดเวลาด้วยเล่า ?
  ใบหน้าของตี้คังดำคล้ำ”เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว”
  แสดงว่านางเดาถูก!
  ไป๋หยานก้าวถอยหนีไปอีกหลายก้าวก่อนจะเอ่ยถามว่า“ถึงวันนี้ท่านมีอายุเท่าใดแล้ว ? ถึงร้อยไหม ? รึว่าพัน ?”
  “…..”
  ตี้คังไม่ตอบเพราะเขารู้นิสัยสตรีผู้นี้ดี หากนางรู้อายุเขา นางจะต้องไม่ชอบเขาเป็นแน่
  “ข้าไม่ได้หมายสิ่งอื่นใดข้าเพียงอยากรู้ว่า ท่านเป็นโสดมาแล้วกี่ปี ? เอ่อ ช่วยยื่นแขนมาให้ข้าดูหน่อย ข้าอยากเห็นแขนกิเลน ที่เขาว่ากันว่า หากชายโสดนานหลายปีจะมีแขนกิเลนน่ะ”
  “แขนกิเลนอะไร? ข้ามิใช่กิเลน จะมีแขนกิเลนได้อย่างไร ?” ตี้คังขมวดคิ้ว
  ”ความหมายของแขนกิเลนก็คือ… เนื่องจากท่านเป็นโสดมานาน ไม่มีสตรีช่วยปลดปล่อยความใคร่ เช่นนั้นท่านก็ต้องใช้มือช่วยตนเอง ก็เลยส่งผลให้แขนของท่านมีแต่กล้ามไม่ต่างกับขาของกิเลน ก็เลยเรียกว่าแขนกิเลนไง”
  ตี้คังมองไป๋หยานเขามีสีหน้าแปลก ๆ “มือจะช่วยแก้ปัญหานั่นได้ด้วยหรือ ?”
  “…..”ไป๋หยานกล่าวคำใดไม่ออก
  ไป๋หยานเกือบลืมไปแล้วว่าในอาณาจักรนี้บุรุษไม่ต้องกังวลที่จะหาสตรี อีกทั้งเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีส่วนมากมักจะเป็นชายเต็มตัวก็ด้วยการชี้นำของบรรดาสาวใช้ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ต้องแก้ปัญหาเช่นนี้ด้วยตนเอง
  แน่นอนว่าคนประหลาดเช่นตี้คังย่อมยอมเป็นโสดอยู่ตัวคนเดียวมานานหลายปี …
  ”แล้วที่ผ่านมาท่านแก้ปัญหายามเกิดความต้องการได้อย่างไร?”
  คงไม่ได้ใช้ถังน้ำเย็นราดรดตั้งแต่หัวจรดเท้าหรอกนะ!
  ”ก่อนที่ข้าจะพบกับเจ้า… ข้าไม่เคยเกิดความต้องการเลย”
  ทว่าเมื่อหกปีก่อนสตรีผู้นี้ปลุกไฟอารมณ์ของเขาได้อย่างง่ายดาย
  ทั้งยังรุนแรงมากอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน!
  ทันทีที่เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อนตี้คังก็เริ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยอมเลิกรา หากมิได้คิดบัญชีนี้กับนาง !

บทที่ 169 : คืนสินสอดทองหมั้น (3)
  ”จริงหรือ?” ไป๋หยานกวาดตามองบริเวณกลางลำตัวของตี้คังอย่างครุ่นคิด หากเขาไม่ได้มีความต้องการ ก็แล้วเหตุใดทั้งที่นางยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง เขาถึงได้มีปฏิกิริยามากมายถึงเพียงนั้นล่ะ ?
  ตี้คังรับรู้ได้ถึงสายตาชั่วร้ายของไป๋หยานริมฝีปากของเขาพลันยกยิ้ม “ตอนนี้เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้อีก”
  ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ“เป็นท่านที่บอกข้าเองนะ !”
  ”ข้าไม่สนใจอย่างไรเสีย เจ้าก็รู้ความลับของข้ามากเกินไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะต้องอยู่กับข้า”
  ”งั้น…ข้าขอโทษก็แล้วกันที่ถามคำถามเหล่านั้นกับท่านพอหรือไม่ ?”
  ”สายเกินไปแล้ว… ”
  ตี้คังยิ้มเขาจะปล่อยให้นางทิ้งเขาไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ? สตรีผู้โชคร้าย
  ”หากท่านประสงค์แต่งงานกับข้าจริงๆ ห้ามท่านหลับนอนกับข้าจนกว่าเราทั้งสองจะแต่งงานกัน หาไม่แล้ว ข้ายินดีตายเสียดีกว่าจะยอมรับท่าน”
  ตี้คังคิดใคร่ครวญเพียงครู่ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ข้าให้สัญญากับเจ้า”
  เขารอที่จะแก้แค้นนางมานานถึงหกปีแล้วรออีกหน่อยจะเป็นไรไป
  ทว่าเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไม่ให้นางได้ลุกออกจากเตียงสามวันสามคืนเลยทีเดียว !
  “ข้าจะให้คนไปจัดเตรียมห้องให้ท่าน”ไป๋หยานกัดฟันกล่าว “หากแต่ท่านต้องย้ายกลับทันทีที่ตำหนักของท่านซ่อมเสร็จ !”
  ”ได้…”
  ตี้คังตอบโดยไม่ลังเล
  ซ่อมตำหนักงั้นรึ? ข้าไม่คิดว่าตลอดชีวิตข้า ตำหนักนั่นจะซ่อมเสร็จ…
  ไป๋หยานพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกยิ่งนางยื้อเวลาได้นานเพียงใด โอกาสที่จะหาทางหลบหนีไปกับเฉินเอ๋อบุตรชายของนางก็มีมากขึ้นเท่านั้น
  ”นี่ก็ดึกมาแล้วข้าจะไปพักผ่อนล่ะ ท่านก็ช่วยเหลือตัวเองไปก่อนแล้วกัน”
  หลังจากกล่าวจบไป๋หยานก็หมุนตัวกลับ นางรีบหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
  ตี้คังมองตามทิศทางที่นางจากไปพลันใบหน้าทรงเสน่ห์ก็คลี่ยิ้ม “ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่ข้าจะมีราชินี”
  เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในคฤหาสน์ของไป๋หยานบ้านสกุลไป๋กลับกำลังสับสนวุ่นวายอย่างที่สุด
  อันดับแรกก็คือตี้คังประกาศให้ชาวบ้านรู้โดยทั่วกันว่า บ้านสกุลไป๋ต้องคืนสินสอดทองหมั้นทั้งหมดของบ้านสกุลหลาน จากนั้นก็มีคนเห็นไป๋จื่อออกต้อนรับแขกที่หอบุปผา ซึ่งสร้างความอกสั่นขวัญหายให้กับคนบ้านสกุลไป๋ กระทั่งพวกเขาต้องรีบไปพาไป๋จื่อออกจากหอบุปผาในทันที
  ทว่าคนจากบ้านสกุลไป๋กลับถูกทุบตีกลับมาโดยไม่แม้แต่จะได้เห็นใบหน้าของไป๋จื่อ
  ไม่มีหลักฐานอีกทั้งไม่มีทางยืนยันได้ว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริงการขอความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวก็คือการตรวจสอบที่คุมขัง
  นอกจากนี้หอบุปผายังไม่ยอมรับว่ากักขังไป๋จื่อไว้ ยิ่งบ้านสกุลไป๋คิด พวกเขาก็ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข พวกเขารีบไปหาไป๋จื่อที่กรมราชทัณฑ์
  อย่างไรก็ตามผู้คุมที่กรมราชทัณฑ์ก็อ้างว่าไป๋จื่อยังอยู่ในคุก คนบ้านสกุลไป๋ทำได้เพียงสอบถามแล้วก็ต้องจากมา โดยไม่รู้เลยว่าผู้ที่เห็นไป๋จื่อในหอบุปผานั้นตาฝาดหรือไม่ ?
  ท้ายที่สุดหยูหรงและไป๋เฉิงเซียง ก็ต้องไปที่ตำหนักองค์รัชทายาท เพื่อขอทรัพย์สมบัติที่มอบให้ไป๋รั่วไปกลับคืนมา ครั้นกลับถึงบ้าน ไป๋เฉิงเซียงก็ต้องใช้อำนาจกดดันผู้ใต้บังคับบัญชาของตนให้รวบรวมเงินทองมาให้เขา
  ยามนั้นข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่วเกี่ยวกับความเสื่อมเสียของบ้านสกุลไป๋ รวมถึงความช่วยเหลือที่เคยได้รับจากบ้านสกุลหลานด้วย
  ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใดหากไม่ได้ใจของผู้คน ก็ย่อมถูกผู้แข็งแกร่งที่มีคนสนับสนุนมากกว่าเข้าแทนที่ ไป๋เฉิงเซียงรู้ในข้อนี้ดี ทว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น …
  ใช้เวลาเกือบเดือนกว่าสินสอดทองหมั้นจะถูกรวบรวมได้ครบจำนวน
  ไป๋หยานนั่งอยู่ในห้องโถงที่ใช้รับรองนางจ้องมองไป๋เฉิงเซียงด้วยสายตาเย็นชา มุมปากของนางยกยิ้มเยาะหยัน “ข้าจะตรวจดูรายการสินสอดทั้งหมด หากขาดหายไปแม้เพียงชิ้น ข้าจะทำทุกทางเพื่อให้ท่านคายมันออกมา”
  ”ไป๋หยานนี่เจ้าไม่ใส่ใจแม้กระทั่งความผูกพันของเราพ่อลูกเลยกระนั้นหรือ ?” แววตาของไป๋เฉิงเซียงเต็มไปด้วยความโกรธ “บอกข้ามาตามตรง ที่ตี้คังบังคับเราถึงเพียงนี้ เป็นเพราะเจ้าใช่หรือไม่ ?”
  ไป๋หยานวางถ้วยชาของนางลงพลางหัวเราะเสียงต่ำ “ไม่ว่าจะเป็นเพราะข้าหรือไม่ ? ทว่าก็เป็นสิ่งที่ตระกูลไป๋ต้องคืนให้ข้า ! นอกจากนี้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ! อย่าลืมสิว่าที่ท่านมีวันนี้ได้ ก็เพราะมารดาของข้าลุ่มหลงท่าน กระทั่งมอบยาเม็ดจิตวิญญาณทั้งหมดให้แก่ท่าน นี่ท่านคิดว่ายาเม็ดพวกนั้นหาง่ายนักรึไง ?”
  ไป๋เฉิงเซียงหัวเราะเยาะ”สิ่งที่คืนได้ข้าก็คืนให้แล้ว ส่วนยาเม็ดพวกนั้นข้าก็กินไปหมดแล้ว เจ้าจะให้ข้าคายพวกมันออกมาหรือไม่ล่ะ ?”
  ”ท่านไม่จำเป็นต้องคายมัน…” ไป๋หยานหยุดกล่าวชั่วขณะ นางเผยรอยยิ้มน้อย ๆ “ทว่าข้าสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของท่านย้อนกลับคืนสู่ระดับเดิม เหมือนเมื่อครั้งที่ท่านยังไม่ได้กินยาเม็ดจิตวิญญาณได้”

บทที่ 170 : ข่มขู่ (1)
  ไป๋เฉิงเซียงตกใจจนกล่าวคำใดไม่ออกเขารู้สึกได้ทันทีว่าหญิงผู้นี้สามารถทำได้อย่างที่นางพูดจริง ๆ
  ”ไป๋หยานอย่างไรเสียข้าก็เป็นบิดาของเจ้า !” เขากำหมัดแน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “นี่เจ้าคิดจะฆ่าล้างตระกูลไป๋ของเราเลยกระนั้นหรือ ?”
  ไป๋หยานยิ้มอย่างเฉยเมย”หากท่านไม่ต้องการให้ความแข็งแกร่งของท่าน กลับไปเท่าก่อนหน้านี้ เช่นนั้นก็ส่งคืนยาเม็ดที่มารดาของข้ามอบให้ท่านมาซะ !”
  นับแต่วันที่นางกลับมาถึงอาณาจักรหลิวฮั่วไป๋หยานก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเรียกคืนทุกสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของมารดากลับมาให้หมด
  แววตาของไป๋เฉิงเซียงเต็มไปด้วยการเยาะหยัน”เดิมทีข้ายังเห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูก ทว่าตอนนี้เป็นเจ้าที่ตัดสัมพันธ์นั้นก่อน เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิข้าว่าใจร้าย !”
  ไป๋หยานเลิกคิ้ว…คนอย่างไป๋เฉิงเซียงยังมีสิ่งใดข่มขู่นางได้อีก
  ”ข้าเพิ่งรู้มาว่าเจ้าทำอะไร”สีหน้าของไป๋เฉิงเซียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “สาเหตุที่เจ้ายโสโอหังถึงเพียงนี้ก็เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากหอบุปผา หาไม่แล้วเจ้าจะกล้าขัดแย้งกับสกุลไป๋กระนั้นหรือ ?”
  ไป๋หยานหัวเราะงอหายนางรู้สึกขบขันไป๋เฉิงเซียงอย่างหนัก จากนั้นนางก็เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ใบหน้างดงามของนางแพรวพราวไปด้วยรอยยิ้ม
  ”ทว่าก็น่าสงสารที่ใครบางคนไม่สามารถสร้างสัมพันธ์กับหอบุปผาได้”
  ก่อนหน้านี้ทันทีที่ไป๋เฉิงเซียงรู้ว่าคฤหาสน์หลังนี้ถูกหอบุปผาซื้อไว้ เขาก็เพียรพยายามที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนหลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็ไม่เคยได้รับอนุญาต ครั้งนี้หากมิใช่เป็นเพราะเขามาคืนสินสอด ก็คงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเฉกเช่นเคย
  ไป๋เฉิงเซียงหน้าเสีย“ไป๋หยาน ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้ว !”
  “ยอมรับอะไร?” ไป๋หยานเอ่ยถามอย่างงุนงง
  ”ยอมรับว่าเจ้าเป็นนางคณิกาดาวเด่นของหอบุปผา!” ไป๋เฉิงเซียงมองหน้าไป๋หยาน แววตาของเขาแลดูเศร้า สีหน้าของเขาคล้ายกับบิดาที่ผิดหวังในตัวบุตรสาว เมื่อเห็นบุตรสาวหลงเดินทางผิด
  ไป๋หยานยังมิทันหุบยิ้มครั้นนางได้ยินคำกล่าวหาของไป๋เฉิงเซียง นางก็อึ้งไป
  เป็นคณิกาดาวเด่นรึ? ข้ายอมรับตั้งแต่เมื่อไร ?
  ไยข้าถึงไม่รู้เลยล่ะ?
  ไป๋เฉิงเซียงยังคงไม่ใส่ใจสีหน้าไป๋หยานเขายังคงขมวดคิ้วพลางกล่าวต่อ “ข้ารู้ว่าหยูหรงเคยทำผิดต่อเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ใช่คนดิบคนดีนัก หาไม่แล้ว เจ้าคงไม่ยอมเป็นคณิกาในหอบุปผานานถึง 5 ปีหรอก หากอ๋องคังรู้เรื่องนี้ เขาจะยังต้องการแต่งงานกับเจ้าอยู่อีกกระนั้นหรือ ?”
  ไป๋หยานไม่ได้โกรธทว่ากลับหัวเราะ “ก็แล้วผู้ใดบอกท่านว่า ข้าเป็นนางคณิกาของหอบุปผาเล่า”
  ”เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครบอกข้าเจ้ารู้เพียงว่าตอนนี้ข้ากุมความลับสูงสุดของเจ้าไว้ก็พอ” แววตาของเขาเศร้าหมอง ในขณะที่เอ่ยกล่าวเรื่องนี้ “เดิมที ข้าอยากจะเก็บความลับนี้ไว้เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูก หากแต่ตอนนี้เจ้าต้องการทำลายบ้านสกุลไป๋ ข้าจึงไม่อาจปล่อยเจ้าไว้ได้อีก !”
  ไป๋หยานจ้องมองนัยน์ตาสว่างไสวของไป๋เฉิงเซียงพลางเอ่ยกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านต้องการสิ่งใด ?
  ต่อให้นางปฏิเสธไป๋เฉิงเซียงก็ไม่มีวันเชื่อ นางก็เลยอยากรู้ว่าชายผู้นี้มีแผนการใดในใจกันแน่
  ไป๋เฉิงเซียงนัยน์ตาเป็นประกาย”ข้านำสินสอดของหลานเยี่ยคืนให้เจ้าแล้ว ทว่าข้าจะมารับคืนกลับภายหลัง ครั้นถึงเวลานั้น เจ้าก็บอกอ๋องคังว่าเจ้าได้รับเรียบร้อยแล้วก็พอ”
  นับแต่ต้นเขาไม่เคยตั้งใจจะคืนสินสอดเหล่านี้ แต่เหตุที่ว่าไยเขาถึงต้องรวบรวมมันมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะคนของตี้คังเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างใกล้ชิด เขาถูกจับตามองว่าเขารวบรวมสินสอดเหล่านี้จริงหรือไม่ ?
  หากไป๋หยานยอมรับว่าได้รับสินสอดเหล่านี้แล้ว เขาก็จะรอดพ้นจากสายตาของอ๋องคัง
  แววตาของไป๋หยานเต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ย“ก็แล้วเหตุใดข้าถึงต้องทำตามความต้องการของท่านด้วยเล่า ?”
  ”นั่นเป็นเพราะข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคณิกาดาวเด่นของหอบุปผาไงล่ะ”ไป๋เฉิงเซียงเชิดหน้าอย่างมั่นใจ “นอกจากนี้ ข้ายังต้องการให้เจ้าบอกอ๋องคังว่าผู้ที่เขาพบเมื่อหกปีก่อน ก็คือน้องสาวของเจ้าไป๋จื่อ หาใช่เจ้าไม่”

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์

นางกลับชาติมาเกิดเป็นทายาทในตระกูลขุนนางจีนที่ทรงเกียรติ ทว่าในเวลานั้นนางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากต้องคว้าตัวชายสักคนมาปลดปล่อยความทรมานที่กำลังพุ่งถึงจุดที่ไม่สามารถอดทนได้

ไม่คาดคิดไม่เพียงแต่นางต้องถูกพร่าพรหมจรรย์อย่างไม่ตั้งใจคาเตียง นางยังต้องอุ้มท้องทั้งที่ไม่ได้แต่งงานอีกด้วย

มิหนำซ้ำ…ลูกที่นางอุ้มท้องมาถึงสิบเดือนกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ร้องเรียกนางว่า “หม่ามี้” ตั้งแต่เกิด โชคดีที่ลูกของนางเลี้ยงง่าย และหวงแม่มาก

ในโลกนี้ย่อมมีทั้งคนดี และคนชั่วมากมายให้ผจญ หม่ามี้กับบุตรชายคู่นี้จึงต้องร่วมมือกันทำลายล้างศัตรู ไหนจะพวกญาติ ๆ ที่ชอบสบประมาทดูหมิ่นพวกเขาอีกล่ะ คนพวกนี้จะต้องได้รับผลกรรมให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันกระทำกับพวกเขาสองแม่ลูก

แต่ทว่า จุ๊ ๆ วันหนึ่งป๊ะป๋าจิ้งจอกก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่คิดจะลักพาตัวจิ้งจอกน้อยเท่านั้น ทว่าเขายังคิดจะชิงหม่ามี้ของเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกด้วย ชะช้า ป๊ะป๋าผู้โง่เขลากล้าดียังไง ? จะทำอะไรไม่ถามไม่ไถ่ความเห็นของจิ้งจอกน้อยสักคำ…

จิ้งจอกน้อยเท้าสะเอวพลางกล่าวว่า “ท่านอยากเป็นป๊ะป๋าของข้ากระนั้นรึ ? เช่นนั้นก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนมา แล้วก็เดินไปต่อแถวหลัง ๆ โน่น เอ่อ หม่ามี้… ท่านลุงหวังที่อยู่บ้านถัดไปนั่นมีฐานะมั่งคั่งมาก ข้าว่าท่านควรไปเป็นลูกสะใภ้เขาจะดีกว่านะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท