“ใหญ่จัง!”
ฮินางิคุเปิดปากเรียวเล็กของเธอ เหม่อมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้าชั่วครู่
มันมีขนาดใหญ่เกือบเท่าสนามฟุตบอล กำแพงสีขาวเนียนที่ประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟหลากสี ทำให้มันดูราวกับเป็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดใหญ่
แต่เอาจริงๆถ้ามันมีดีแค่ใหญ่อย่างเดียวท่านประธานของเราคงไม่ออกอาการขนาดนี้หรอก แต่เหตุผลที่เธอประหลาดใจเป็นเพราะมันทั้งใหญ่และยังงดงามมากอีกด้วยไงล่ะ!
ข้างๆเธอก็มีลิลินน้อยซึ่งกำลังอ้าปากเหวอกับตึกมโหฬารตรงหน้าเหมือนกัน ดวงตาเธอเปล่งกระกายระยิบระยับ สามารถเห็นได้เลยจากดวงตาคู่นี้ว่าเธอตื่นเต้นมากขนาดไหน
แถมยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่วู่หยานเดินจูงมือมิโคโตะมาด้านหลัง พวกเธอก็ยังไม่รู้สึกตัวกันเลยด้วยซ้ำ…..
เทียบกับสองสาวที่ช็อค วู่หยานทำแค่เหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะถอนสายตากลับมาด้วยสีหน้าใจเย็น
เทียบกับตึกสวยๆนี่แล้ว พี่ชายคนนี้ชอบสาวน้อยน่ารักมากกว่า…..
“เฮ้ ตั้งสติกันหน่อย!” มองฮินางิคุกับลิลินที่ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม วู่หยานพูดไม่ออก เขาจึงยื่นมือไปจับแก้มพวกเธอแล้วดึงซะ ดึงให้สติพวกเธอกลับมา
“อย่ามาหยิกแก้มฉันนะ!” ถึงแม้มายสกินชิพของวู่หยานจะดูเหมือนแฟนทำกัน และทำให้ฮินางิคุแก้มแดง แต่ด้วยนิสัยซึนเดเระของเธอจึงถลึงตาดุๆใส่เขาแทน แล้วยกมือลูบแก้มตัวเอง
“เป็นสถานที่ที่สวยมากเลย! พี่ชาย พี่สาว พวกเราจะเข้าไปข้างในนั้นกันใช่มั้ยคะ?” ลิลินน้อยวิ่งมาหาวู่หยาน กระโดดขึ้นๆลงๆตรงหน้าเขา เธอพยายามดึงความสนใจเขาที่ตอนนี้กำลังมองไปทางฮินางิคุ
วู่หยานมองฮินางิคุที่กำลังลูบแก้มปอยๆตาค้าง ก่อนจะได้สติในที่สุดเมื่อเห็นผมสีทองโบกสะบัดขึ้นๆลงๆอยู่ตรงหน้าตนเอง เมื่อเขาเลื่อนสายตามองตามเห็นเพียงแค่โลลิตัวน้อยที่กำลังพองแก้มอย่างไม่พอใจ
เขาแกล้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเพราะเมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังว่าเธอพูดอะไรด้วย ดังนั้นวู่หยานจึงรีบพูดเปลี่ยนเรื่องด้วยความรู้สึกผิดนิดๆ “เอ่อ..ได้เวลาประมูลแล้วสิ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ!”
ได้ยินคำพูดที่อยากได้ยิน ลิลินร้องเย้ทันที
วู่หยานจับมือเล็กๆของลิลินเดินเข้าอาคารไป
ฮินางิคุยกมือลูบผมสีชมพูยาวของตัวเองแล้วยิ้มออกมา ขณะที่เธอกำลังจะก้าวเดินตามไปเธอก็หยุดชะงักลง
เธอหันไปมองมิโคโตะด้วยสายตาแปลกๆ น่าสงสัยมาก! สีหน้ามิโคโตะ มันน่าสงสัยมาก!!
ตาเหม่อลอย แก้มแดง ท่าทางราวกับว่ากำลังติดอยู่ในฝันอยู่ยังไงยังงั้น ดูใจลอยมาก ตอนแรกเธอก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะตึกตรงหน้ามันสวยเกินไป แต่พอคิดไปคิดไปมาก็พบว่ามันไม่ถูกต้อง
ไอ้ใบหน้าตกหลุมรักนั่น ถ้าเป็นเพราะตึกตรงหน้า เธอก็ไม่ใช่มิโคโตะแล้ว!
สีหน้านั่น มันดูเหมือน….เหมือนกับสาวน้อยที่กำลังมีความรักไม่มีผิด!
น่าสงสัยเกินไปแล้ว!
ในใจเกิดลางสังหรณ์อัปมงคลขึ้น ทำให้ฮินางิคุรู้สึกแปลกๆ แต่เมื่อเห็นวู่หยานกับลิลินที่กำลังเดินเข้าไปในอาคาร ฮินางิคุก็ได้ตัดสินใจวางความคิดลงก่อนที่จะเดินไปหามิโคโตะ แล้วกระตุกตัวเธอ
“มิโคโตะ!”
“วะ.หวา!” อยู่ก็มีเสียงตะโกนดังข้างๆหูทำให้มิโคโตะสะดุ้งโหยงเดินถอยหลังไปสองสามก้าว เมื่อเธอเห็นสีหน้าแปลกๆของฮินางิคุ แก้มเธอก็ขึ้นสีชมพูทันที มิโคโตะรีบนำมือทั้งสองไปไว้ข้างหลังตัวเองราวกับว่ากำลังซ่อนอะไรอยู่
“มะ…มีอะไรงั้นเหรอ?” มิโคโตะหัวเราะแห้งๆ แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงมีพิรุธ
มันต้องมีอะไรแน่!
ลางสังหรณ์ของผู้หญิงกำลังบอกเธอว่า มิโคโตะมีอะไรสักอย่างฟิดแปลกไปจากปกติ ท่านประธานเดินมาตรงหน้ามิโคโตะ และยกมือจับไหล่มิโคโตะแน่น ก่อนจะยื่นหน้าตนเข้าไปใกล้ๆ พูดด้วยรอยยิ้มซุกซนว่า “มิโคโตะจังง~~เธอดูน่าสงสัยมากกกเลยนร้า~~”
บางทีอาจเป็นเพราะน้ำเสียงหยอกล้อของฮินางิคุมันสูงเกินไป ทำให้มิโคโตะลนลานมองซ้ายมองขวาพยายามหาตัวช่วย
จนกระทั้งมองเห็นวู่หยานกับลิลิน สายตามิโคโตะก็ลุกโชน ก่อนจะหันไปพูดยิ้มๆกับฮินางิคุ “อ่า!ดูนั้นสิ!วู่หยานกับลิลินกำลังจะเดินหายไปแล้วนะ! พวกเรารีบตามไปเร็ว!….”
ฮินางิตุจ้อมมิโคโตะนิ่งๆ จ้องจนมิโคโตะรู้สึกกลัว ขยับสายตาหนีอย่างรวดเร็ว เธอไม่กล้ามองหน้าฮินางิคุ
ท่าทางมิโคโตะ ทำให้ฮินางิคุต้องพูดพึมพำสองสามคำด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพยักหน้ายอมพักเรื่องนี้ไปก่อนอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ จากนั้นทั้งเธอและมิโคโตะที่กำลังหัวเราะแห้งๆเดินตามหลังวู่หยานไป
แต่ขณะเดียวกันมิโคโตะก็ขยับมือด้วยความเร็วที่ตาเปล่าไม่อาจมองเห็น จับสร้อยคอขึ้นมาแล้วสวมลงไป และเอามันใส่เข้าในเสื้อตัวเอง เธอยกมือลูบหน้าอกตัวเอง สัมผัมได้ถึงสร้อยคอ เธอก็พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วเดินเข้าไปในอาคารกับพวกวู่หยาน
วู่หยานโชว์บัตรVIPกับยาม และก็มีพนักงานหญิงออกมาพาพวกเขาเข้าไปในประตู่ใหญ่ด้วยท่าทางเคารพ
ตรงกันข้ามกับที่เขาคิด ข้างหลังประตูไม่ใช่ห้องโถงประมูลใหญ่ๆแต่เป็นบันไดวนที่ทำมาจากหยกและหินเนื้อดี ภายใต้การนำของพนักงานหญิงพวกวู่หยานทั้งสี่คนเดินขึ้นบันไดไป ขณะเดียวกันก็มองดูสถานที่ไปรอบๆด้วย พวกเขาต่างก็อุทานอย่างชื่นชมออกมาเป็นช่วงๆด้วย
พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าบันไดมันสั้นหรือยาว พอรู้ตัวอีกทีตรงหน้าก็มีประตูบานใหญ่อีกอันแล้ว พนักงานหญิงเปิดมันแล้วเดินนำเข้าไป
หลังจากเดินผ่านประตูมาได้ไม่นานก็มีเสียงดังครึกครื้นเข้ามาในหูพวกเขา ทำให้วู่หยาน ฮินางิคุ มิโคโตะและลิลินเผลอหยุดเดินไปชั่วครู่
และเมื่อพวกเขาเดินต่อ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ ระเบียงหยกที่ตรงริบขอบมีราวกั้นไว้อยู่ และยังมีบันไดอยู่ข้างๆด้วย
ลิลินเดินนำพวกเขาทั้งสามอย่างร่าเริงไปตรงราวกั้น ก่อนจะมองลงไปด้านล่าง
มีที่นั่งแถวยาวเรียงกันเป็นวงกลม แถมหน้าสุดจะมีที่นั่งที่น้อยกว่าและเตี้ยกว่าด้านหลัง ดูราวกับเป็นวงกลมภายในวงกลมเล็กอีกทอดหนึ่งยังไงยังงั้น
เขาดูแล้วอย่างน้อยๆที่นั่งพวกนี้ก็สามารถจุคนได้เป็นพันคน และตอนนี้ที่นั่งมันก็แทบจะเต็มไปด้วยผู้คนหมดแล้ว พวกเขาต่างก็คุยกัน นี่จึงเป็นสาเหตุของเสียงดังที่ว่า
และตรงที่นั่งส่วนล่างสุด ตรงหน้ามีเวทีที่ทำมาจากหิน ข้างบนเวทีก็มีโต๊ะเรืองแสงสีแดง และบนโต๊ะก็มีค้อนไม้อันเล็กกับลูกบอลคริสตัลขนาดใหญ่
ที่นั่นเป็นที่ของผู้ดำเนินการประมูลล่ะ!
ด้วยภาพอลังการงานสร้างตรงหน้า ได้เปิดมุมมองของวู่หยานและพวกฮินางิคุ ในอดีตสิ่งที่เรียกว่าการประมูลพวกเขาก็แค่มองดูผ่านทางหน้าจอเท่านั้น ได้เห็นของจริงมันดูใหญ่กว่าในหน้าจอมาก และยิ่งเป็นโรงประมูลของต่างโลกด้วยแล้วล่ะก็ ถึงแม้วันนี้พวกเขาจะกลับไปมือเปล่าก็ถือว่าคุ่มค่าแล้ว!
ส่วนโลลิน้อยน่ะเหรอ? รายนั้นแค่ดูจากท่าทางร่าเริงและตื่นเต้นนั่นแล้ว เขาก็พอจะเดาได้ว่าเธอเองก็คงไม่ได้มาโรงประมูลบ่อยนักเหมือนกัน…..
ถึงแม้ตัวลิลินจะอยากกระโดดลงไปนั่งที่นั่งด้านหลังมากก็เถอะ แต่พนักงานหญิงกลับเดินนำพวกเขาขึ้นบันไดที่อยู่ข้างๆแทน
นี่เป็นเพราะพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าตรงระเบียงก็มีแถวยาวเป็นวงกลมและตรงกลางก็สามารถเห็นเวทีด้านล่างได้เหมือนกันอีกด้วย แต่จุดต่างก็คือมันไม่ใช่ที่นั่งแต่เป็นห้อง! พูดให้ถูกก็คือห้องVIP! ซึ่งแต่ละห้องเชื่อมต่อกันเป็นแถวๆ และมีแต่คนที่มีบัตรvipเท่านั่นถึงสามารถเข้ามานั่งในนี้ได้!
เทียบกับที่นั่งข้างล่างแล้ว ในห้องVIPไม่เพียงแต่ดูหรูหรากว่าเท่านั้น แต่ยังมีโซฟา มีผลไม้หลากหลายขนาด ทำให้วู่หยานอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะที่ไหนหรือโลกไหน ก็มีการแบ่งแยกชนชั้นเหมือกกัน
หลังจากพนักงานหญิงกลับออกไปแล้ว วู่หยานก็เดินนำสามสาวมานั่งตรงโซฟา แล้วมองผ่านกระจกลงไปด้านล่าง….
ห้องสมุดคนรักนิยายแปล กลุ่มลับถึงตอน 267 กลุ่ม 1 เปิด ‘ ฟรี ‘ แล้วครับมาลองได้