มองดูข้างล่างผ่านกระจกห้องVIP อยู่ๆในหัววู่หยานก็นึกถึงบทกลอนบทหนึ่งในโลกเก่าขึ้นมาได้ ‘เมื่อขึ้นถึงยอดเขาไท่ซานแล้ว มองดูภูเขาที่อยู่รายรอบก็จะรู้สึกเล็กมาก’ เป็นบทกลอนที่สามารถบรรยายตัวเขาในตอนนี้ได้เลย
ในหมู่คนที่มางานประมูลนอกเหนือจากคนที่มีบัตรVIPก็จะได้นั่งเก้าอี้ข้างล่างกันหมด
เอาเป็นว่ายังไม่ต้องไปสนใจว่าเขาคิดกำลังอะไร เอาแค่ตอนนี้ฮินางิคุ และมิโคโตะกำลังคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน บางครั้งก็จะยื่นมือขาวนลไปหยิบผลไม้ อืม….เอาจริงๆห้องนี้มันก็มีแค่เฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ตัวกับจอทีวีขนาดพอๆกับห้องคาราโอกะจะขาดไปก็คือไมโครโฟน
ส่วนลิลินน้อยก็เหมือนวู่หยาน เธอกำลังมองลงไปด้านล่างผ่านกระจกเหมือนกัน แต่ที่ต่างกันก็คือเขาแค่เอียงคอดูเล็กน้อยเท่านั้น แต่เธอกลับเอาหน้าเล็กๆนั่นแนบติดไปกับกระจกเลย
วู่หยานยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันหน้าหนีสามสาวไปอีกด้านหนึ่งเพราะเขากลัวว่าขืนมองต่อไปคงหนีไม่พ้นต้องพูดตบมุขออกไปแน่ และผลที่ตามมาคือไฟฟ้าช็อต ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่กลัวไฟฟ้าแล้วก็เถอะ….
ไม่นานนักวู่หยานก็สังเกตได้ถึงอุปกรณ์อันเล็กบนโต๊ะ หยิบมันขึ้นมาดูแล้วเป็นรีโมทคอนโทรลในรูปร่างของ ‘อิฐ’
สองสาวเองก็สังเกตเห็นของในมือวู่หยานเหมือนกัน ถึงจะเห็นพวกเธอคุยกันเพลินๆก็เถอะ แต่จริงๆแล้วความสนใจทั้งหมดของพวกเธอไปอยู่ที่ตัววู่หยาน ด้วยหลายๆสาเหตุ….
“ไอ้ที่หน้าตาเหมือนแปรงปัดฝุ่นนี่ มีอะไรแปลกงั้นเหรอ?” แทบจะพร้อมกัน สองสาวเดินมาหาข้างตัววู่หยาน เห็นเขามองดู ‘อิฐ’ ในมือแล้วยิ้มแบบแปลกๆ ทำให้พวกเธอสงสัยไม่น้อย
“คือว่า…”วู่หยานยกมันขึ้นมา แล้วพูดอธิบายว่า “มันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกหรอก ฉันก็แค่สนใจมันนิดหน่อย…”
“สนใจ?” เครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัวฮินางิตึและมิโคโตะ สองสาวใช้ดวงตากลมโตอันทรงเสน่ย์มองอิฐในมือวู่หยาน แต่ไม่ว่าพวกเธอมองยังไงก็ไม่เห็นจุดที่จะทำให้เกิดความรู้สึกสนใจจากมันได้เลย
บางทีอาจเป็นเพราะไม่พอใจที่ตนเองไม่เห็นรู้สึกอะไร โดยเฉพาะมิโคโตะ เธอทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นายจะมัวพูดอ้อมค้อมทำซากอะไรห๊ะ? ถ้ามีอะไรก็พูดออกมาตรงๆเลยเซ่ นี่นายเป็นผู้ชายจริงรึเปล่าเนี่ย!”
คำพูดที่แหลมคมดุจใบมีด ส่งผลให้แขนวู่หยานที่ถือ ‘อิฐ’ สั่นสะเทียนอย่างแรง จนเกือบไปกระแทกหน้าลิลินที่กำลังยื่นหน้ามองดูเจ้าอิฐในมือเขาด้วยความสงสัยใคร่รู้ มุมปากวู่หยานกระตุกสองสามครั้ง หรี่ตามองมิโคโตะที่กำลังอารมณ์ไม่ดี ในใจเขารู้สึกเหมือนโดนหยาม
ถ้าเธอสงสัยว่าฉันเป็นผู้ชายหรือเปล่า แล้วทำไมไม่มาลองมาพิสูจน์ดูล่ะ? โดยใช้ตัวเธอน่ะนะ…..
แน่นอนว่าเขาไม่โง่พอที่จะพูดออกไป ถึงแม้เขาจะมีความกล้ามากกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่า เขาก็ยังไม่กล้าอยู่ดี…..
ใครจะไปลืมล่ะว่าพวกเธอฟิวส์ขาดได้ง่ายขนาดไหน…
เหลือบตามองดูฮินางิคุที่ออกอาการไม่พอใจเหมือนกัน วู่หยานก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงทันที เฮ้อ เอาเถอะไอ้การทำเป็นเข้มแบบนี้ต่อหน้าสองสาวคงไร้ความหมายล่ะนะ….
“เจ้านี้น่าจะเป็นกระดานคริสตัลไว้เสนอราคา….” วู่หยานยอมแพ้ แล้วพูดออกมาตรงๆ
“กระดานคริสตัลที่ใช้เสนอราคา? หืม ดูจากชื่อ ฉันก็พอเดาวิธีใช้มันได้ไม่มากก็น้อยแล้วล่ะนะ” คุณหนูเรลกันที่บอกให้วู่หยานเลิกพูดอ้อมคอม ตอนนี้กลับกำลังฉีกยิ้มพูดอธิบายราวกับว่าตัวเองเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว นี่ทำให้วู่หยานแอบกระอักเลือดในใจ
ฮินางิคุก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ แล้วหยิบกระดานคริสตัลจากมือวู่หยาน พูดพึมพำว่า “มันก็จริงนั่นแหละ แค่ฟังจากชื่อก็เข้าใจได้ง่ายๆแล้ว มันคงใช้ในการเสนอราคาประมูลสินะ?”
“อืม!” ตอบเธอไป มือเขาก็เอากระดานคริสตัลคืนมา ก่อนจะพูดอธิบายว่า “ถ้าอยากได้สินค้าอันไหน ก็ต้องพูดเสนอราคา แล้วผู้ดำเนินการประมูลก็จะ ‘รับ’ ไว้ ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ความหมายของรับไว้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าตามหลักแล้วเค้าประมูลสินค้ากันแบบนี้อ่ะนะ”
ฮินางิคุกับมิโคโตะพยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจ ก่อนจะรู้สึกแปลกๆ
“เดียวนะ นี่ไม่ใช่การมาประมูลครั้งแรกของนายหรอกเหรอ? ทำไมถึงรู้ดีจัง?”
กับคำถามของสองสาว วู่หยานทำแค่ชี้นิ้วไปที่กระดาษข้างๆซึ่งเขียนไว้ว่า ‘อธิบายวิธีการประมูลสินค้า’ ด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าโดยไม่พูดอะไร
ครั้งนี้แม้แต่ลิลินก็กระอักกระอ่วนไปกับฮินางิคและมิโคโตะด้วยเหมือนกัน
หลังจากคุยเล่นกันไปอีกสักพัก ตรงกลางเวทีก็เกิดแสงสว่างขึ้นดึงดูดความสนใจจากทุกคน ก่อนที่จะมีลุงในชุดหรูหราปรากฏออกมาตรงกลางเวทีใกล้ๆกับค้อนไม้
ลูงแกเอามือลูบเคราที่ไม่ยาวของตน แล้วหัวเราะร่า การที่โดยผู้คนมากมายจับจ้องไม่ได้ทำให้เขากังวลเลย เห็นได้ชัดว่าเขามีประสบการณ์ทำนองนี้มาหลายปี
สำรวจผู้คนที่มหาศาล รอยยิ้มของลุงแกก็ขยายมากกว่าเดิมเสียงแหบแห้งแต่ไม่ใช่เสียงไม่ดีดังขึ้นจากริมฝีปาก ดูเหมือนเขาพูดเบา ๆ แต่เสียงของเขาทุกคนก็ได้ยินหมดไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่ไหน
นี่มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่สามารถมาทำหน้าที่ดำเนินรายการประมูลได้หรอก
แล้วยังไม่นับว่านี่เป็นโรงประมูลแห่งเดียวที่มีในเมืองท่าซึ่งคึกคักไม่ด้วยเหล่า นักรบ นักเวทย์และทหารจ้าง มันก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอนอยู่แล้ว
อย่างน้อยๆในสายตาของวู่หยาน ฮินางิคุ และมิโคโตะ บนหัวของลุงก็ขึ้นว่า เลเวล65 เป็นแรงค์7ล่ะ!
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะขอรับ ตัวกระผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเป็นคนดำเนินการประมูลอีกครั้ง อะแฮ่ม กระผมขอพูดตรงนี้เลยว่า วันนี้เรามีแต่สินค้าดีๆมากมายที่รอพวกท่านอยู่ โดยเฉพาะสินค้าชิ้นสุดท้าย กระผมขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ขอให้ทุกท่านโปรดรอคอยออย่างคาดหวังด้วย…”
มองดูฝูงชนที่ถูกคำพูดตัวเองกระตุ้น สายตาของลุงลุกโชน ริมฝีปากก็โค้งขึ้น
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มการประมูลกันเถอะ!”
ลุงยกคค้อนไม้ขึ้น ในเวลาเดียวกันลูกคริสตัลที่อยู่ใกล้ๆก็เปร่งแสงเจิดจ้า ก่อนจะมีภาพถูกฉายอยู่ด้านบนลูกคริสตัล เป็นภาพที่มีลูกอะไรสักอย่างที่คล้ายๆกับแอปเปิล
คนที่เคยเห็นแล้วก็ไม่รู้สึกแปลกกับภาพตรงหน้าแต่อย่างใด แต่คนที่มาครั้งแรกรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับฉากนี้ บางคนก็ยังได้ยินเสียงตะโกนแผ่วเบา….เป็นเสียงตะโกนวีดว้ายของลิลินที่อยู่ในห้องVIPเอง…
“สินค้าชิ้นแรกก็คือนี้! ผลโลหิตพลุ่งพล่าน! คนที่รู้จัก คงรู้ว่าถ้ากินไปแล้วมันสามารถช่วยเพิ่มพลังได้อย่างมหาศาลในช่วงสั้นๆ! คนที่ใช้ครั้งแรกจะได้ประสบการณ์พลังปราณและพลังเวทพรุ่งพร่าน นี่เป็นยาที่วิเศษมาก ในเวลาวิกฤต มันสามารถช่วยท่านได้!”
ลุงยกค้อนไม้แล้วเคาะไปสองครั้ง ทำให้ผู้คนที่คุยกันอื้ออึงเงียบเสียงลง ลุงพูดด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ “ขอเริ่มต้นประมูลที่ราคาหนึ่งพันเหรียญทอง! เริ่มเสนอราคาได้!”
สิ้นเสียงลุง ก็ไม่ได้เกิดภาพที่วู่หยานคิดไว้ในใจขึ้น กลับกันผู้คนเงียบมากมีแค่เสียงคุยกันและเสียงราคาเสนอที่เบามาก
ข้างล่างภาพมีแถวตัวเลขปรากฏขึ้นมา
ตามที่เขาอ่านมา ตัวเลขส่วนแรกเป็นหมายเลขของคนประมูล ส่วนต่อมาคือราคาที่เสนอประมูล!
ส่วนวู่หยานเป็นหมายเลข07ล่ะ!
นี่ทำให้เขาตบมุขในใจไปชุดใหญ่
เวลาผ่านไป สินค้าในรูปก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และค้อนในมือลุงก็ถูกเคาะลงไปนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่เพียงแค่ ผลโลหิตพลุ่งพล่าน แต่ยังมีอาวุธ ชุดเกราะ น้ำยาโพชั่น ชิ้นส่วนสัตว์อสูรชั้นสูง อัญมณี แร่ ของแปลกๆ โผล่ออกมาไม่หยุด ละลานตาพวกวู่หยานไปหมด
มีไอเท็มบางชิ้นถึงขั้นดึงดูดวู่หยานที่มีระบบได้อีกด้วย!