เมื่อมิโคโตะ ฮินางิคุ แอสเทรีย และ อิคารอส จากไปห้องก็ดูกว้างขึ้นทันตา คนที่เหลืออยู่คือคนที่ต้องไปจากโลกนี้กับเขา
บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้อิคารอสถึงได้ลังเล เธออยากอยู่ต่อกับวู่หยาน แต่ไม่อยากรบกวนตอนเขาจัดการกับ มิซากิ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ
ดังนั้นอิคารอสถึงได้ไป วู่หยานพอเดาความคิดเธอได้ในใจเขายกยิ้มเอ็นดู เขาควรจะให้ความรักกับอิคารอสมากกว่านี้……
จู่ๆมิซากิก็พูดขึ้นมาว่า “ผู้หญิงคนเมื่อกี้ อิคารอส เธอสามารถอ่านอารมณ์ได้งั้นเหรอ?……”
ภายใต้สายตาสงสัยของมิซากิ วู่หยานส่ายหน้า “ไม่ มันไม่ใช่การอ่านอารมณ์อะไรนั่นหรอก แค่บางอย่างในตัวอิคารอสมันผิดปกติเล็กน้อย……”
มองตามทิศทางที่อิคารอสเดินหายไป วู่หยานพูดด้วยเสียงอบอุ่น “เธอค่อนข้างซื่อบื้อในด้านอารมณ์น่ะ มันมีอะไรหลายอย่างที่เธอยังไม่เข้าใจ…….”
“แต่ว่านะ……”
“อิคาอรสก็ยังคงพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเปลี่ยนตัวเอง จริงๆมันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลย เพราะฉันชอบตัวเธอที่เป็นแบบนี้มากที่สุดอยู่แล้ว!”
มิซากิพยักหน้าหลังจากเข้าใจบางอย่าง จากนั้นหันมามองเขาแล้วหัวเราะ
“พูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน นายไม่กลัวเลยเหรอว่าฉันจะหึงนะ?”
วู่หยานหันมามองมิซากิแล้วยิ้มอ่อนให้ “ไอย๊ะ เชิญตามสบายเลยควีนซามะ ฉันเองก็อยากเห็นเธอตอนหึงเหมือนกัน…….”
มิซากิทำเสียง ‘เชอะ’แล้วหันหน้าไปอีกทางจากนั้นพูดด้วยเสียงไม่พอใจ “อะไรเล่า คิดว่าฉันหึงบ้างไม่เป็นรึไง? นายชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าฉันอยู่นะ……”
“ครับๆ รู้แล้ว…..”
มิซากิยิ่งไม่พอใจเมื่อได้ยินเสียงตอบแบบไร้อารมณ์ของเขา แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้บ่น วู่หยานก็พูดมาก่อนว่า “ใช่แล้ว เรื่องฟรานเป็นไงบ้าง?”
ได้ยินนัยน์ตามิซากิก็หดตัวทันที เธอมองไปยังฟรานตรงอกวู่หยานที่ได้นอนหลับลึกไปแล้วเพราะพลังเธอด้วยสายตาซับซ้อน “นายไม่ต้องเป็นห่วงเธอโอเคแล้ว ถึงแม้ว่าจิตใจเธอจะไม่เสถียรก็จริง แต่ว่าพอเวลาผ่านไปเธอก็จะค่อยๆกลับไปเป็นเด็กสาวธรรมดาเอง”
อารมณ์แรกของวู่หยานคือตกใจก่อนจะตามมาด้วยความสุข เขากอดฟรานในอกแน่นแล้วพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน “ขอบคุณนะ ควีนซามะ!”
มิซากิอึ้งไป เธอไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
“ไม่ได้ทำอะไร?” วู่หยานจ้องหน้ามิซากิดว้ยความสงสัย หลังจากมองจนแน่ใจว่าเธอไม่ได้เล่นตลก เขาก็ขมวดคิ้วมองฟรานในอก
“ไม่ได้ทำอะไรแล้วทำไมเธอถึงบอกว่า เวลาผ่านไปสภาพจิตฟรานจะกลับเป็นปกติเองล่ะ?”
มิซากิมองฟรานทีนึงแล้วยกมือขึ้นลูบผมบลอนด์ทองของตัวเอง “เดิมทีเด็กคนนี้ที่ชื่อฟราน เป็นเพราะมีพลังมากเกินไป มันได้ครอบงำจิตใจที่ยังไม่เติบโตของเธอ ทำให้สภาพจิตของเด็กคนผิดปกติเล็กน้อย…..”
“แต่ว่าตอนนี้นายได้ผนึกพลังเธอไปแล้ว และพอไม่มีพลังที่เป็นภาระมหาศาลนั่น เธอก็จะค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมาเอง มันก็เหมือนบ่อน้ำพุร้อนที่โดนอุดไว้นั้นแหละ พอเอาที่อุดออกน้ำก็จะไหลกลับมาเอง สภาพจิตของเธอจะดีขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลา จนสุดท้ายก็กลับมาเป็นปกติ!”
ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็หัวเราะ ทว่าไม่นานนักเขาก็นึกถึงฟรานที่หลับสนิทในแขน เขาจึงรีบหยุดหัวเราะ
“ดี! ดีจริงๆ!”
มิซากิมองฟรานที่หลับอย่างสบาย เธอก็ถอนหายใจ “ยากที่จะเชื่อจริงๆว่าภายในตัวเด็กคนนี้จะมีพลังน่ากลัวแบบนั้นอยู่ บางทีต่อให้รวมเลเวลห้าทั้งหมดมาก็คงยันเธอไว้ได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยมั้ง? พลังที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่งอย่าง ‘The Eyes’ สินะ? น่าสะพรึงกลัวจริงๆ……..”
“นี่เธอรู้มากถึงขนาดนี้เลย?”
มิซากิมองบนใส่วู่หยาน จากนั้นเรียกคืนด้านควีนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ “แน่นอนว่า ถึงพลังของฟรานจะทรงพลังมากแต่ก็โดนผนึกไปแล้ว บวกกับจิตใจที่ไม่มั่นคงทำให้ฉันเจาะเข้าไปข้างในได้ง่ายมากๆ ก็อย่างที่ว่ามาตอนนี้ฉันได้รู้ทุกอย่างที่เธอรู้แล้ว!”
“เรื่อง เก็นโซเคียว เธอก็รู้เหรอ?”
เห็นมิซากิพยักหน้า วู่หยานลังเลชั่วครู่แล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงกังวล “แล้วเอ่อ….เรื่องของฟรานในเก็นโซเคียวเธอก็รู้ด้วย?”
มิซากิมองหน้าวู่หยาน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “นายคงไม่ใช่กำลังคิดว่าฉันจะกลัวเพราะแค่รู้ว่าฟรานเป็นแวมไพร์และก็เรื่องที่ฟรานเคยเล่นกับคนจนตัวระเบิดหรอกนะ?”
วู่หยานหัวเราะแหะๆอย่างอึดอัด “รู้จริงๆด้วย…..”
มิซากิมองบนใส่วู่หยานแล้วถอนหายใจ “รู้อะไรมั้ย? พวกนักวิจัยในเมืองแห่งการศึกษาที่จับผู้มีพลังจิตไปเป็นหนูทดลองมันแย่ยิ่งกว่าฟรานอีกนะ ฉันได้มองดูสิ่งเหล่านี้มากจนเกินพอตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วยพลัง Mental Out น่ะนะ…….”
วู่หยานเงียบทันที บางทีเธอคงจะได้เห็นด้านมืดของเมืองแห่งการศึกษามาเยอะจนใครจะคาดคิดด้วยพลังMental Outมันจึงทำให้เธอสามารถมีประสบการณ์ผ่านความทรงจำของคนอื่นได้……..
เห็นสีหน้าของวู่หยาน มิซากิก็หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดด้วยเสียงหวานใส “Ara อย่าบอกนะว่าหยานจังกำลังเป็นห่วงฉันอยู่น่ะ?”
ได้ยินมิซากิพูดล้อ สีหน้าเป็นห่วงของวู่หยานก็พังทลายทันที เขามองค้อนใส่เธอแล้วพูดว่า
“ถ้าเมื่อกี้ล่ะก็ใช่ แต่ว่าตอนนี้ไม่แล้ว!”
มิซากิเดินเข้าไปชิดตัววู่หยานแล้วยกมือคล้องคอเขา “ไม่เอาน่าอย่างอนสิ ฉันชอบเห็นสีหน้านายตอนเป็นห่วงฉันนะ……”
วู่หยานปากกระตุก “เห็นฉันเป็นห่วงแล้วดันชอบอีกน่ะเธอ…..”
มิซากิหัวเราะร่าเริง จากนั้นก็พูดใส่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หยานจัง เมื่อไหร่เราถึงจะไปจากที่นี่ไปยังโลกซิลวาเลียเหรอ? ฉันค่อนข้างสนใจต่างโลกมากเลยนะ……”
วู่หยานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ต่างโลกมันมีอะไรให้สนใจกันควีนซามะ……”
“ต้องมีอยู่แล้วสิ!” มิซากิพูดด้วยความไม่พอใจเล็กๆ “ตอนเราเจอกันครั้งแรก นายบอกว่าโลกนั้นจะเป็นเวทีของคุณมิซากิ แลวฉันล่ะ?ไม่ได้เหรอ?”
ทันใดนั้นวู่หยานก็รู้สึกปวดหัวจี๊ด “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าที่เธออยากรีบไปก็เพราะจะเอาชนะมิโคโตะ?……”
“แล้วตกลงไปเมื่อไหร่?”
“เห้อ ถ้าเธออยากรีบไปขนาดนั้น ก็ต้องดูความร่วมมือของคนๆนึงก่อนล่ะนะ…….”
พูดเสร็จ วู่หยานก็ตวัดสายตาไปมองยังโลลิน้อยที่กำลังแอบย่องหนี สาวเจ้ารู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาเธอก็ตัวแข็งทื่อทันที
แน่นอนว่าคนๆนั้นก็คือ คินุฮาตะ!
ไม่รู้ทำไมหลังจากที่พวกมิโคโตะทั้งสี่คนพากันเดินจาก จู่ๆคินุฮาตะก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมายังกับจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น!
กับผู้หญิงแล้วพวกเธอมักจะเชื่อในประสาทสัมผัสที่หกของตัวเอง ดังนั้นทันที่เธอรู้สึกไม่ดีคินุฮาตะก็ตัดสินใจแอบย่องหนีอย่างไม่ลังเล
ทว่าท้ายที่สุดเธอก็หนีไม่พ้น………
ทันทีที่ได้ยินเสียงวู่หยานลางร้ายที่เธอรู้สึกได้มันก็ทวีคูณขึ้นในใจคินุฮาตะ โดยไม่มีการลังเลเธอเปลี่ยนจากย่องเป็นวิ่งสุดชีวิตไปยังทางออก ทว่าไม่นานนักเธอก็รู้สึกได้ว่าเท้าตัวเองกำลังวิ่งอยู่ในอากาศ (โดนยกตัว)
ด้วยความสิ้นหวัง คินุฮาตะได้ดิ้นไปมาสุดชีวิต ปากก็ร้องว่า “ปล่อยฉัน!ไอ้โครตโรคจิต!!”
ได้ยินวู่หยานก็ยิ้มทั้งที่กัดฟัน “คุณหนูคินุฮาตะ วันนี้ต่อให้เธอมีปีกงอกออกมาก็อย่าหวังว่าจะหนีรอดได้เลย……….”
จากนั้นโดยไม่สนคินุฮาตะที่สะบัดตัวดิ้นไปมา วู่หยานก็ได้เดินไปที่ห้องตัวโดยที่มือก็ยังคอเสื้อเธอไปด้วย……
เห็นฉากนี้เฟรนด้าก็ตบหน้าอกตัวเองด้วยความยินดี ทว่าวินาทีต่อมาเธอก็นึกออกว่าตัวเองโดนวู่หยานจับกดไปล้วนี่หว่า……
ทาคิสึโบะยืนอึ้งมองคินุฮาตะโดนลากไปที่ห้อง เมื่อเธอตระหนักได้ว่าเขาจะทำอะไรเธอก็หน้าขึ้นสี………