“นี่…..เธอไม่เล่นแรงเกินไปหน่อยเหรอ?….”
มิโคโตะมองกลับไปดูยังพื้นสนามบินเที่เต็มไปด้วยร่างของเหล่านายน้อยและบอดี้การ์ดนอนกันเกลื่อน ด้วยความเข้าใจของเธอต่อโชคุโฮ มิซากิ ทำให้เธอมองออกได้ด้วยการมองเพียงครั้งว่าอีกฝ่ายทำอะไรไป
ถ้าเป็นมิโคโตะคนก่อนตอนนี้เธอคงได้ทะเลาะกับมิซากิไปแล้วคงไม่หยุดอยู่แค่พูดหรอก แต่นี่คงจะเรียกว่าโชคดีได้กระมั้ง? เพราะมิโคโตะได้เดินทางข้ามมิติเวลาไปกับวู่หยานและยังเคยได้เห็นอะไรที่น่าสยองมากกว่านี้อีก
ได้ยิน มิซากิก็ยิ้มมุมปาก แล้วมองมิโคโตะ “ถ้าเธอเป็นแบบฉันที่สามารถเข้าใจความความคิดของคนอื่นได้หมดและเห็นสิ่งที่พวกมันเคยทำก่อนหน้านี้ เธอจะไม่คิดแบบนั้น………”
ได้ยินคำพูดมิซากิ วู่หยานก็ยกคิ้ว จากนั้นเกาแก้มแกรกๆ “ดูเหมือนว่าเจ้าพวกบ้านั้นจะชั่วกันหมดเลยสินะ……”
มิซากิหัวเราะคิกแล้วพยักหน้าหงึกๆ เห็นแบบนี้มิโคโตะก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่ชอบสายตาที่อีกฝ่ายมองตัวเธอเมื่อกี้เหมือนกัน……
ขณะที่พูดคุยกัน ทั้งสิบคนก็ได้เดินมาถึงหน้าประตู Silvaria World Academy แล้ว เงยหน้ามองประตูที่สูงเลยเหนือหัวไปไกล พวกเขาก็พูดไม่ออก
ฮินางิคุหันไปมองรอบๆ แล้วพูดว่า “แถวนี้มันไม่มีประตูที่เล็กกว่านี้เลยแล้วก็ไม่มียามหรืออะไรเทือกนั้นเลย แล้ว…..ทีนี้พวกเราจะเปิดประตูที่โครตจะใหญนี่ยังไงกัน?”
วู่หยานยกมือแตะคาง จากนั้นพูดว่า “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เหมือนจะได้ยินลู่ลู่กับเฟยเฟยพูดว่าการจะผ่านประตู Silvaria World Academyไปได้จำเป็นต้องทำพิธีบางอย่างก่อน”
“พิธี?”
สาวๆส่งเสียงอื้ออึงด้วยความประหลาดใจ และดูเหมือนว่าคินุฮาตะจะเป็นคนที่ตอบสนองมากที่สุด เธอยืดคอมองทั้งประตูแล้วพูดว่า “จะเข้าAcademyก็ต้องโครตทำพิธีด้วย? เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละคะ!”
เมื่อพูดเสร็จ ทันใดนั้นคินุฮาตะก็ตาเป็นประกายแล้วชี้นิ้วไปประตู แล้วร้องออกมา “ดูนั่น! ตรงนั้นมีอะไรอยู่ด้วยค่ะ!”
ทุกคนหันหน้าไปมองกันหมด หลังจากเพ็งตามองชั่วครู่ พวกเขาก็พบจนได้ว่าตรงด้านหน้าประตูมันมีแท่นเล็กๆยื่นออกมา
“นั่นต้องเกี่ยวกับพิธีที่ว่าแน่ค่ะ…..เฮ้! คนเค้ายังพูดไม่จบเลยนะ แล้วนี่พวกเธอจะรีบเดินไปไหนกัน?! ไร้มารยาที่สุดเลยค่ะ! เดี๊ยว!รอฉันด้วย!”
พวกวู่หยานเดินไปยังหน้าประตูตรงที่มีแท่นยืนออกมา นี่ทำให้คนอื่นๆที่เดินผ่านไปมาหยุดแล้วหันมามองพวกเขากันหมด จากนั้นก็เริ่มมีคนกระซิบขณะที่ชี้มือชี้ไม้มายังกลุ่มวู่หยาน…..
“เฮ้ ไม่ใช่ว่าพวกนั้นกำลังเดินไปแท่นพิธีหรอกเหรอ?”
“เด็กใหม่?”
“ฮะๆ มาดูกันเถอะ!”
ด้วยเหตุนี้ คนอื่นๆจึงเริ่มเดินตามพวกวู่หยานไปด้วยความหวังที่จะได้เห็นโชว์สนุกๆ
วู่หยานและคนอื่นได้เดินมาหยุดตรงหน้าแท่นพิธี จากนั้นมองมันอย่างเคร่งขรึม มีเพียงแค่ฟรานจังที่จ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพียวๆไม่มีความคิดอื่นเจือปน…….
แท่นพิธีที่อยู่หน้าประตูยักษ์ได้มีช่องว่างสามช่องอยู่ แต่ล่ะช่องได้มีตัวอักษรเขียนกำกับไว้ว่า พลัง พรสวรรค์แฝง และอีกอันที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเขียนไว้
เก้าสาวและหนึ่งหนุ่มหันหน้ามามองกันด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างทำไม่รู้จะทำยังไงต่อ ทว่าในตอนนี้เองก็มีเสียงเรียกดังจากด้านหลังพวกววู่หยาน……
“เจ้ากับพวกเธอคิดจะเข้าโรงเรียนงั้นเหรอ?” (@ต้นฉบับบอกโรงเรียนจริงSchool เลย)
ทั้งกลุ่มสะดุ้ง แล้วรีบหันหลังกลับไปมอง จากนั้นพวกเขาเห็นชายกลางคนผมสีขาว เขามีสีหน้าใจเย็นและดูฉลาดมาก
สายตาของเขากวาดผ่านไปยังใบหน้าทั้งกลุ่มวู่หยาน เมื่อเห็นฮินางิคุ มิโคโตะ และสาวคนอื่นที่มีความงามไม่แพ้ใคร ใบหน้าใจเย็นเรียบเฉยของเขาก็เปลี่ยนเป็นช็อค ทว่าวินาทีต่อมาก็กลับเป็นเหมือนเดิม………
วู่หยานผู้ที่กำลังมองสำรวจชายกลางคน เมื่อเห็นว่าเขามีความยับยั้งใจไม่เหมือนไอ้พวกหื่นเมื่อหี้ ค่าความประทับใจของวู่หยานก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
“คุณคือ?”
ชายวัยกลางคนได้ยินคำถามก็โค้งหัวให้ด้วยท่าทางงดงาม
“ข้าคือคนที่ทำหน้าที่ดูแลประตู Silvaria World Academyแห่งนี้! คนนอกเอ่ยโปรดเรียกข้าว่าผู้ดูแลเถอะ!”
“ผู้ดูแล?”
มิซากิยกมือแตะปากตัวเองแล้วพูดว่า “หรือก็คือคุณเป็นยามเฝ้าประตูสินะ?”
“นั่นก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของข้า!”
พูดเสร็จ ผู้ดูแลก็กวาดสายตามองพวกวู่หยานทุกคนด้วยดวงตาเต็มไปด้วยพลัง
“ข้ายังมีหน้าที่เป็นผู้ดูแลแขกจากภายนอก และเหล่านักเรียนที่เดินทางกลับมา รวมไปถึงเป็นคนดูแลการสอบเข้าของเด็กใหม่ด้วย!”
ได้ยินถึงตรงนี้ วู่หยานก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ในสนามบินมีผู้คนมากมาย มันควรจะมีคนจำนวนมากมาที่Silvaria World Academyอยู่ทุกวัน แต่ถึงยังงั้นประตูหน้ากลับปิดสนิท!
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะได้ยินลูลู่กับเฟยเฟยบอกว่าจะเข้า Silvaria World Academyจำเป็นต้องผ่านพิธีกรรม แต่มันคงไม่ถึงขนาดให้คนอื่นที่มาทำทุกคนหรอกมั้ง?
ดูเหมือนว่าจะมีทางเข้าทางอื่นแฮะ…….
ในเวลานี้เหล่าหญิงสาวที่มีสมองเป็นเลิศอยู่แล้วทุกคนต่างก็ได้ข้อสรุปเหมือนวู่หยาน ยกเว้นแต่ ยัยโง่แอสเทรีย กับเด็กน้อยฟรานที่ไม่คิดอะไรสักอย่าง
ผู้ดูแลเมินฝูงชนด้านหลังสนิท แล้วหันมาพูดกับพวกวู่หยาน “ข้าขอถาม เจ้ามาเพื่อสมัครเข้าโรงเรียนงั้นหรือ?”
ได้ยิน วู่หยานก็ยกยิ้มเล็กๆมุมปากแล้วย่อตัวลงปล่อยฟรานลงพื้นอย่างนุ่มนวล หลังจากปลอบฟรานที่หน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยเสร็จ เขาก็หันมาพูดกับผู้ดูแล “ใช่ ฉันมาเพื่อเข้าโรงเรียน!!”
ราวกับได้คาดเดาคำตอบของวู่หยานไว้อยู่แล้ว ผู้ดูแลพยักหน้าเบาๆ จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าผู้ดูแลเห็นคนแบบเขามาเยอะจนชาชินแล้ว
“’งั้นข้าก็จะเริ่มอธิบายถึงสิ่งจำเป็นในการเข้าให้กับพวกเจ้า……”
ผู้ดูแลเดินผ่านกลุ่มวู่หานไปยังแท่นพิธี จากนั้นขี้นิ้วไปที่มัน
“นี่คือพิธีกรรมพิเศษที่ทางโรงเรียนได้ทำไว้ ทุกคนโปรดดูตรงนี้ เห็นช่องว่างสองช่องใช่มั้ย? ทั้งสองแยกออกเป็นช่องพรสววค์ และช่องพลัง!”
“มันก็ตรงตัว ช่องพรสววค์ มีไว้เพื่อตรวจสอบพรสวรรค์ผู้สมัคร ส่วนช่องพลังก็ไว้ตรวจสอบพลังของผู้สมัคร!”
“หือ ทดสอบพลังกับพรสวรรค์สินะ?……”
วู่หยานกับสาวคนอื่นหันมามองหน้ากัน จากนั้นหันไปมองผู้ดูแลด้วยความสงสัย “โทษนะ แต่ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินว่าไม่ว่าใครขอแค่มีพลัง แม้ว่าจะแค่แรงค์หนึ่งก็สามารถเข้าโรงเรียนได้แล้วนี่? แล้วทำไมถึงต้องทดสอบพวกนี้ด้วย?”
ผู้ดูและหัวเราะ “เจ้าเข้าใจไม่ผิดหรอก ขอแค่มีพลัง ไม่ว่าใครก็เข้าได้…..”
ผู้ดูแลมองไปยังท่านพิธี จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป
“แต่! มันก็ไม่ได้หมายความว่า Silvaria World Academyไม่ให้ความสำคัญกับพลังและพรสวรรค์!ตรงกันข้ามเลยในสภาพแววดล้อมแบบนี้ทั้งสองสิ่งที่ว่ามา มันจะกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเลยล่ะ!”
ผู้ดูแลอธิบายต่อ “ภายใน Silvaria World Academy นั่นได้แบ่งนักเรียนออกเป็นสามคลาส หนึ่ง นักเรียนธรรมดา สอง เด็กหัวกะทิ สาม เด็กพิเศษ เราจะใช้แท่นพิธีนี่เป็นเครื่องทดสอบ ดังนั้นพลังและพรสวรรค์จึงเป็นตัวชี้วัดว่าเด็กพวกนี้จะได้ไปอยู่คลาสไหน!”
จากนั้นผู้ดูแลก้ผายมือไปยังประตู
“ประตูนี้จะเปิดให้กับเด็กใหม่ที่ผ่านการทดสอบแล้วเท่านั้น!”