บทที่ 4 เด็ก ๆ ช่างอบอุ่นยิ่งนัก
หน้าตาที่ไม่เป็นมิตรของเว่ยฉิงในยามนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง ๆ จางซิ่วเหนียงรู้สึกตกตะลึงเมื่อเว่ยฉิงยกมือขึ้นราวกับจะตีนางอย่างบันดาลโทสะ นางรีบเดินจนเกือบวิ่งไปยังบ้านของเฉินเสี่ยวชุ่ย พี่ชายของเฉินเสี่ยวชุ่ยมีกิจการในตัวเมืองทำให้บางครั้งน้องสาวอย่างเฉินเสี่ยวชุ่ยติดสอยห้อยตามไปในเมืองด้วยเสมอ นางจึงเรียนรู้การวางตัวราวกับสตรีในเมืองใหญ่ แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไปในหมู่บ้าน
ในบรรดาชายหนุ่มในหมู่บ้านนี้ มีเพียงเว่ยฉิงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถสะกดสายตาของนางได้ เฉินเสี่ยวชุ่ยเฝ้ามองเว่ยฉิงมานานแล้ว และใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ที่จะทำให้เขาเข้ามาเป็นเขยของตระกูลเฉินของนาง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางไม่คาดคิดมาก่อนก็คือ จู่ ๆ เมื่อสองสามปีก่อนหน้านั้นเว่ยฉิงก็เก็บเด็กมาเลี้ยงถึงสามคน ทำให้เสี่ยวชุ่ยตกใจมาก ต่อมาหญิงสาวถึงกับพยายามบอกจางซิ่วเหนียงให้ไปบอกอ้อม ๆ กับเว่ยฉิงว่า หากวันใดที่เขาเลือกจะโยนเด็ก ๆ ทั้งสามคนออกไปแล้วละก็ นางจะยอมเป็นภรรยาเขา !
แต่ใครจะรู้ว่าเว่ยฉิงนั้นโง่งม! เขาเลือกที่จะเก็บเด็กทั้งสามคนเอาไว้ ช่างโง่เหลือเกิน! เด็กทั้งสามเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ มีอะไรดีสู้นางได้ เสี่ยวชุ่ยเป็นสตรีที่อ่อนโยน นางสามารถให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริงให้เว่ยฉิงได้
เฉินเสี่ยวชุ่ยโกรธเคืองเว่ยฉิงไม่หาย หญิงสาวพยายามตามหาผู้ชายที่ดีกว่าเพื่อมาเยาะเย้ยเขาที่ไม่เลือกนาง แต่กลับพบว่าเว่ยฉิงนั้นเป็นบุรุษที่ดูดีกว่าผู้ชายทุกคนในเมือง แถมยังหน้าตาหล่อเหลากว่ามากนัก
ดังนั้นเฉินเสี่ยวชุ่ยจึงเลือกยื่นข้อเสนอให้เว่ยฉิงอีกครั้งและตามหาบ้านที่ยอมรับเลี้ยงเด็ก ๆ พวกนี้แทนเขา นางคิดว่าคราวนี้แหละ เว่ยฉิงจะยอมและเห็นด้วยกับนางเสียที! เสี่ยวชุ่ยรอคำตอบอยู่ที่บ้านอย่างมีความสุข แต่จางซิ่วเหนียงกลับมาบอกว่าเว่ยฉิงมีภรรยาแล้ว! เฉินเสี่ยวชุ่ยตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีภรรยา? เจ้าเห็นนางหรือไม่?”
“ข้าได้ยินแต่เสียง ดูเหมือนจะนางซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เป็นเสียงเด็กสาวผู้หนึ่ง”
เฉินเสี่ยวชุ่ยกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น กลิ่นน้ำหอมลอยมาฉุนเข้าจมูก
“ซ่อนตัว? เจ้าไม่เห็นนางรึ?”เสี่ยวชุ่ยถาม
“ข้าไม่เห็นนาง เพียงแต่ได้ยินเสียงเท่านั้น “จางซิ่วเหนียงมองไปที่ใบหน้าของเฉินเสี่ยวชุ่ย “ข้าคิดว่าใบหน้าของนางคงอัปลักษณ์เป็นแน่ มีภรรยาแบบนี้เว่ยฉิงคงถูกหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน”
หัวใจของเฉินเสี่ยวชุ่ยพองโตขึ้น หญิงสาวมองใบหน้างดงามที่สะท้อนออกมาจากกระจกทองเหลือง นางได้ชื่อว่าบุปผางามประจำหมู่บ้านลี่เจีย! วันหน้าข้าจะไปบ้านของเว่ยฉิง เขาจะต้องเสียใจกับการกระทำในครั้งนี้อย่างแน่นอน!
……
ตอนนี้ถังหลี่ลองสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ เว่ยฉิงซื้อเสื้อผ้ามาให้นางถึงสองชุด ชุดหนึ่งสีชมพูและอีกชุดเป็นสีฟ้า ทั้งสองชุดนี้มีสีสันที่ดูสดชื่นมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก หญิงสาวลองสวมชุดสีฟ้าดู หลังจากที่ถังหลี่แต่งตัวเสร็จแล้ว นางเดินไปหมุนตัวให้เว่ยฉิงที่กำลังทำอาหารอยู่
“ข้าดูดีหรือไม่?” ถังหลี่ถาม เว่ยฉิงมักชอบพูดว่าเขาไม่สนใจในตัวนางซึ่งกลับกลายเป็นว่าไปกระตุ้นจิตวิญญาณที่ชอบการเอาชนะของถังหลี่เข้าอย่างจัง! สักวันหนึ่งเถิด นางจะทำให้เว่ยฉิงหลงใหลในตัวนาง!
เว่ยฉิงเงยหน้าขึ้นมอง เดิมทีนางเป็นคนผิวขาวมากอยู่แล้ว พอยิ่งมาใส่ชุดสีฟ้านี่เข้ายิ่งขับผิวให้ขาวกระจ่างราวกับหิมะบริสุทธิ์ขึ้นไปอีก ขนตายาวเป็นแพ ประกอบกับใบหน้าที่ดูบอบบางประณีตและรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นราวกับผีเสื้อแสนสวยที่โบยบินจากจวนตระกูลขุนนางใหญ่ออกมาสู่อ้อมอกเขานี้ ดวงตาของชายหนุ่มสั่นไหว เว่ยฉิงพึมพำเสียง “อืม” ในลำคอ
“เจ้าพูดอะไรนะ ข้าไม่ได้ยิน”
“ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่สวย!”
“ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่สวยที่สุด!”
“ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่สวยที่สุดในใต้หล้า!”
เจ้าก้อนแป้งทั้งสามยืนเรียงกันตามลำดับความสูงอยู่หน้าประตูห้องครัว พูดเสียงใสแจ๋วพร้อมเพียงกัน ถังหลี่รู้สึกขบขัน
ช่างน่ามันเขี้ยวนัก!
ตอนนี้มื้อกลางวันก็พร้อมตั้งโต๊ะแล้ว แม้นางจะได้กินอาหารแค่ไม่กี่มื้อก็ตาม ถังหลี่ก็พบว่าเมนูอาหารในบ้านหลังนี้ช่างเรียบง่ายและน่าเบื่อมาก ส่วนใหญ่จะเป็นโจ๊กและซาลาเปา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น หากเด็กน้อยทั้งสามก็ยังเติบโตขึ้นมาได้ ก่อนเริ่มกินอาหารเว่ยฉิงหยิบถุงกระดาษออกมาแล้วส่งให้ลูก ๆ ทั้งสามคน
“ดูสิข้ามีอะไรมาฝาก” ทุกครั้งที่บิดาเข้าเมือง เขาจะเอาขนมกลับมาฝากเสมอ เด็ก ๆ จึงตั้งตารอ ทั้งสามคนเปิดถุงดูอย่างมีความสุข ในถุงใบนั้นมีลูกกวาดสีสวยอยู่ข้างใน! เมื่อมองไปแล้ว น้ำลายของเด็ก ๆ ก็แทบจะไหลย้อยลงมาเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะหยิบเข้าปาก ดวงตากลมโตสามคู่หันกลับมาสบตากันก่อนตัดสินใจ
“ถ้าข้ากินฟันจะผุ”
“ข้ายังอิ่มมื้อเช้าอยู่ไม่หิวหรอก”
“ข้าก็ไม่หิวเหมือนกัน..” ซานเป่าพูดแล้วยืดหน้าท้องให้ป่องออกมาอย่างตั้งใจ เด็กทั้งสามต่างยื่นลูกกวาดไปให้ถังหลี่
“ท่านแม่..ท่านแม่..กินขนมไหม? ”
แม้ว่าพวกเขาจะชอบของหวานมาก แต่เพราะมารดาคนนี้เต็มใจจะอยู่บ้านหลังนี้ เด็ก ๆ จึงอยากแบ่งปันให้นาง ถังหลี่ตาเป็นประกายวับเมื่อมองไปที่ลูกกวาดพวกนั้น…หญิงสาวมองไปที่แววตาของเด็ก ๆ แต่ละคน เหตุใดพวกเขาช่างน่ารักขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเว่ยฉิงจะดูน่ารำคาญไปสักหน่อยในสายตาของนาง แต่ถังหลี่ก็ชอบเด็ก ๆ บ้านนี้จริง ๆ
“ให้เจ้า” เว่ยฉิงยื่นห่อกระดาษให้กับนาง ถังหลี่รู้สึกประหลาดใจ
“มีของข้าด้วยหรือ?”
“เปิดดูสิ ภรรยาข้า” เว่ยฉิงเอนตัวไปกระซิบที่ข้างหูของนาง ถังหลี่จ้องอีกฝ่าย เขาไม่ได้ดูแคลนข้าที่เกือบจะโดนขายเข้าซ่องหรอกหรือ? ทำไมถึงเรียกว่าภรรยาได้เต็มปากกันเล่า? เมื่อถังหลี่เปิดถุงออกดูกลิ่นหอม ๆ ก็พุ่งเข้าปะทะใบหน้าของนาง
“คนขายบอกว่าสาว ๆ ชอบสิ่งนี้”
ถังหลี่เป็นนักชิมตัวยง หญิงสาวชอบกินอาหารมาก และซุปใสแจ๋วตลอดสองวันนี้ทำให้นางยิ่งน้ำลายหก ถังหลี่อ้าปากกัดขนมชิ้นนั้น รสชาติมันดีมาก นุ่มละลายในปาก แม้จะกลืนไปแล้วก็ยังมีรสชาติติดที่ปลายลิ้น น่าเสียดายที่มีเพียงแค่ชิ้นเดียว เพราะหญิงสาวคิดว่าสามารถกินเจ้าสิ่งนี้ได้มากกว่าสิบชิ้นในคราวเดียว! ถังหลี่กัดขนมคำที่สอง และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเว่ยฉิงกำลังกัดหมั่นโถวแข็ง ๆ เข้าปากอย่างหน้าตาเฉย หมั่นโถวชิ้นนั้นนางแทบจะกินไม่ลง แต่เว่ยฉิงกินเข้าไปคำใหญ่อย่างไม่รู้สึกรู้สา
จู่ ๆ ก็มีอะไรบางอย่างส่งเข้ามาในปากของเว่ยฉิง ชายหนุ่มเหลือบมองถังหลี่ เห็นว่านางกำลังเอาขนมยัดเข้ามาในปากของเขา
“ของเจ้า ข้าไม่แย่งหรอก” เว่ยฉิงอ้าปากพูด หากขนมชิ้นนั้นก็กลับถูกยัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว เว่ยฉิงเคี้ยวไปสองสามครั้งแล้วกลืนมัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าชองเขา ชายหนุ่มไปกระซิบที่ข้างหูของนาง
“ภรรยาตัวน้อย รู้จักเอาใจสามีเสียด้วย” ถังหลี่กลอกตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ไอ้คนกะล่อนผู้นี้!
ยามบ่ายเว่ยฉิงเข้าไปในหมู่บ้านและถังหลี่กำลังล้มตัวลงนอนเพื่อฟื้นฟูร่างกายตัวเอง ต้าเป่าแบกตะกร้าไว้บนหลัง ยืนเขย่งมองลอดเข้าไปที่รูประตู เขาเห็นมารดาหลับสนิทจึงหันมาหาน้อง ๆ ก่อนอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เจ้าสองคนอยู่กับท่านแม่นะ ข้าจะไปเก็บผักป่ามากินเป็นมื้อเย็น”
เขารู้ว่ามารดาของเขานั้นไม่ชอบรสชาติโจ๊ก ดังนั้นเมื่อมื้อเที่ยง นางจึงกินอาหารน้อย ถ้าได้ผักป่ามาท่านแม่อาจจะมีความอยากอาหารมากขึ้น!
เอ้อร์เป่าและซานเป่าพยักหน้าหงึกหงัก
“ได้ท่านพี่”
“ท่านพี่รีบกลับมานะ”
ต้าเป่าแบกตะกร้าเดินออกจากบ้านด้วยขาสั้น ๆ ของเขา เด็กน้อยเดินย้อนขึ้นทวนลำธารไปพักใหญ่ก็เห็นผักป่าเขียวขจีขึ้นเป็นบริเวณกว้างสองข้างทางขนาบลำธารตรงหน้า!
คื่นฉ่ายป่าเติบโตอวบน้ำและเขียวสด เมื่อตอนไปอยู่กับท่านป้าหวังเขาก็ค้นพบว่าคื่นฉ่ายป่านี้มีรสชาติที่ดีมากและเป็นผักที่มีประโยชน์ที่สุดในบรรดาผักป่าด้วยกัน ต้าเป่าวางตะกร้าลงแล้วใช้เคียวเล็ก ๆ ตัดผักทีละต้น ไม่นานตะกร้าก็เต็มไปด้วยผักสีเขียว แม้จะทำให้มือน้อย ๆ ของเขาพุพอง แต่ต้าเป่าก็มีความสุขมากเมื่อเห็นผักในตะกร้า
ได้อาหารมื้อเย็นของท่านแม่แล้ว!
เขาแบกตะกร้าขึ้นหลังแล้ววิ่งเหยาะ ๆ กลับไปที่หมู่บ้านด้วยขาสั้น ๆ แต่ทันใดนั้นก็เสียงดังขึ้นเหนือศีรษะของเขา
“เว่ยต้าเป่า มีอะไรอยู่ในตะกร้าของเจ้าน่ะ?”