บทที่ 13 ช่วยขอทานน้อย
ถังหลี่ต้องการเดินทางไปในเมืองเพื่อตรวจสอบดูว่ามีสมุนไพรวิเศษขายหรือไม่? แต่ตอนนี้ในตัวเมืองวุ่นวายมาก เดิมเว่ยฉิงไม่เต็มใจที่จะให้ถังหลี่เข้าเมือง จนหญิงสาวต้องแสดงฝีมือการป้องกันตัวให้เขาดูจนพอใจ แม้ใบหน้าของเว่ยฉิงจะดำคล้ำ เขาก็จำใจต้องตกปากอนุญาตให้นางไป
หญิงสาวเคยตามเว่ยฉิงเข้าเมืองมาแล้วครั้งหนึ่ง และนี่เป็นการเข้าเมืองในครั้งที่สองของนาง ดังนั้นถังหลี่จึงคุ้นเคยกับเส้นทางเข้าไปในเมือง ระหว่างทางไปที่นั่น นางได้พบกับชาวบ้าน 2-3 คน แล้วถามถึงสถานการณ์ภายในเมืองทันที
“มีผู้คนหลั่งไหลเข้าเมืองมาไม่ขาดเลยช่วงนี้ หากมีพื้นที่ว่าง ชั่วเวลาไม่นานนักก็จะเต็มไปด้วยผู้คนทันที คนพวกนั้นลี้ภัยเข้ามาในเมือง ยังไม่มีคนจากทางการมาเลย แต่เหมือนท่านแม่ทัพจะมานะ”
“แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินหรือ?! เทพเจ้าแห่งสงคราม? เมื่อท่านมาถึงคงจะสามารถขับไล่ชาวหูออกจากฉินโจวได้อย่างแน่นอน!”
“หลังจากจบสงครามอาหารคงขาดแคลนมาก ฤดูหนาวนี้คงยากลำบากยิ่งขึ้นแน่นอน”
“ต้องรีบไปตลาดเพื่อดูว่าเราสามารถซื้ออะไรมากักตุนได้บ้าง ไม่อย่างนั้นพวกเราคงต้องกินแต่หัวมันหวานทุกวัน”
แม่ทัพผู้พิทักษ์แผ่นดินผู้นี้ เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามของต้าโจวผู้ซึ่งเก่งกาจมาก ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ในสายตาของประชาชน เขาคือบิดาของเจ้าของร่างเดิมที่ถังหลี่ได้เข้ามาสวมรอย น่าเสียดายที่จี้หยกของนางถูกนางเอกของเรื่องแย่งชิงไป! และแม่ทัพกู้คิดว่านางเอกคือลูกสาวที่แท้จริงของตน
แต่ถังหลี่ใช่ว่าจะเป็นคนที่ยอมรับโชคชะตาง่าย ๆ!
สักวันข้าจะนำทุกอย่างคืนมาจากเจ้าได้ให้!
ถังหลี่มาถึงในเมืองและตรงไปที่โรงหมอฮุ่ยชุน นางได้สอบถามมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ โรงหมอที่นี่เป็นโรงหมอที่ดีที่สุดในเมือง เต็มไปด้วยสมุนไพรหลากชนิด ที่นั่นมีหมออยู่สี่คน และมีคนยืนรออยู่เต็มไปหมด หญิงสาวจึงเลือกหมอคนที่ดูว่างที่สุด
“ท่านหมอ ท่านมีหญ้าระฆังเงินหรือไม่?” ถังหลี่ถาม แต่ท่านหมอผู้นี้อายุมากแล้วทำให้การได้ยินของเขาไม่ค่อยจะดีนัก ชายชราหันมาทางถังหลี่
“หญ้าอะไรเงินนะ?”
“หญ้าระฆังเงิน”
“หญ้าระฆังอะไรหรือ?”
“หญ้าระฆังเงิน!”
“ระฆังเงินอะไร?”
“…..” นี่เป็นมุกตลกหนึ่งอย่างที่ถังหลี่ชอบเวลาดูภาพยนต์หรือละคร แต่ตอนนี้นางหมดความอดทนแล้ว!
“แม่นาง ข้าเป็นเจ้าของร้านเอง เราไม่มีหญ้าระฆังเงินหรอก” ในขณะนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังหมอชราก็พูดขึ้น
“แล้วมีที่ใดบ้าง?” ถังหลี่ถาม
“ที่ไหนก็ไม่มีหรอก! หญ้านี่ล้ำค่ากว่าเห็ดหลินจือเสียอีก หากเจ้ามีมันแล้วนำมาขายให้ข้า ข้าจะรับซื้อในราคา 100 ตำลึง!” เจ้าของร้านกล่าว
เมื่อหญิงสาวรู้ว่าไม่สามารถที่จะซื้อหญ้าสมุนไพรได้ นางจึงตัดสินใจเดินออกจากโรงหมอไป
หญ้าระฆังเงินนี้มีค่าและหายากมากกว่าที่นางคิดไว้มาก…
หรือต้องหาทางอื่นนะ….
ถังหลี่กำลังเดินอยู่ในตลาด ที่นี่ร้างผู้คนมาก ร้านขายข้าวสารปิด ร้านขายเนื้อก็ปิดไม่มีแม้กระทั่งผักใบเขียว แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ของความขาดแคลนอาหาร หญิงสาวเดินไปรอบ ๆ ถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือมา และในขณะที่กำลังจะเดินทางกลับบ้าน นางได้ยินเสียงเอะอะไม่ไกล
“เจ้าเด็กเหลือขอ! ไม่เชื่อฟังข้ารึถึงได้หนีออกจากบ้าน ข้าเป็นพ่อเจ้า กลับบ้านกับข้าเดี๋ยวนี้!”
“ปล่อยข้านะ!! เจ้าไม่ใช่พ่อข้า!!”
“หึ พูดแบบนี้ สันดานเสียเหมือนแม่แกเลยนะ กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”
“ช่วยด้วย!! พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ของข้า!!”
“จะมีใครช่วยเจ้าได้ เด็กไม่ดีเช่นเจ้ากลับบ้านไปต้องโดนเฆี่ยน!!”
ถังหลี่มองไปยังแหล่งที่มาของเสียงและเห็นคู่สามีภรรยากำลังดึงเด็กชายผู้หนึ่ง เด็กคนนั้นดูคุ้นเคยมาก….ขอทานน้อยเมื่อตอนนั้นนี่…
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่มีใครให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก พวกเขามองว่าเป็นเรื่องของคนในครอบครัวจึงไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย บิดามารดาตักเตือนลูกหลานแล้วพวกเขาจะสอดมือเข้าไปได้อย่างไร?
ขอทานน้อยดิ้นรนทั้งเตะและกัดอย่างสิ้นหวัง แต่อีกฝ่ายคือผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยถึงสองคน เป็นครั้งแรกที่ถังหลี่เห็นความสิ้นหวังในดวงตาของเด็กขอทานคนนั้น
“ปล่อยเขานะ!” ถังหลี่เดินฝ่าฝูงชนเข้าไป ทั้งสองหันมามองครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ จึงได้เมินเฉยไป
“นี่เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”
“ครอบครัว? บิดาของเด็กคนนี้ถูกฝังอยู่ใต้ดิน หรือว่าเจ้าผุดขึ้นมาจากหลุมเล่า?”
“นังบ้า! แกเพ้อเจ้อหรือ?!” ชายคนนั้นจ้องมาที่ถังหลี่อย่างเดือดดาล
“เจ้าจะเป่าหูให้ลูกข้าจำบิดาตัวเองไม่ได้รึ?!” เขาทำท่าทีเหมือนจะทุบตีนาง หากแต่ถังหลี่ไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นางกอดอกแล้วขมวดคิ้ว
“พวกเจ้าครอบครัวเดียวกัน แล้วเหตุใดถึงได้พูดกันคนละสำเนียง หากข้าไม่ได้หูฝาดไปเจ้าพูดสำเนียงท้องถิ่น แต่ว่าเด็กคนนี้พูดสำเนียงฉินโจวไม่ใช่หรือ?” ทันทีที่ถังหลี่กล่าวจบ ผู้คนที่ยืนดูอยู่รอบ ๆ ก็ฉุกคิดถึงความแปลกประหลาดนี้ขึ้นมาทันที
“จริงสิ เหตุใดสำเนียงถึงต่างกันล่ะ”
“สองคนนี้ไม่ใช่พ่อแม่จริง ๆ หรือ?”
“พวกเราชาวเมืองเหยาสุ่ยที่แสนซื่อสัตย์ คงไม่สามารถเพิกเฉยกับการลักพาตัวเด็ก ๆ ได้หรอกจริงหรือไม่?”
เมื่อเห็นสถานการณ์พลิกกลับ สามีภรรยาคู่นั้นจึงปล่อยขอทานน้อยแล้วรีบวิ่งหนีไป ตอนนี้เด็กน้อยรอดแล้ว ขอทานน้อยจ้องไปที่ถังหลี่ เขารู้สึกหวาดกลัวมาก เจ้าพวกคนพาลสองคนนั้นอ้างว่าเป็นพ่อแม่ของเขาและมาฉุดเขาไปกลางวันแสก ๆ แบบนี้
หากเมื่อกี้พวกเขาเอาตัวไปได้ล่ะก็ …เขาคงไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน
สำหรับเด็กที่อายุเท่าเขาแล้วคงไม่มีใครจะมาซื้อเขาเพื่อเอาไปเป็นลูกชายหรอก คาดว่าคงถูกพาไปทุบตี หักแขนหักขาปล่อยให้นั่งขอทาน อีกทั้งเขามีหน้าตาที่ดีเช่นนี้ พวกมันคงจะต้องกรีดใบหน้า หรือตัดจมูกเขาออกเป็นแน่!
ขอทานน้อยตัวสั่นอย่างหวาดกลัว เขาเหลือบมองไปที่ถังหลี่
นางเป็นคนช่วยชีวิตข้า จากนี้ต่อไปไม่ว่าหญิงสาวผู้นี้จะไปแห่งหนใด เขาจะตามนางไปทุกที่!
“ข้ากำลังจะกลับบ้าน เจ้าอยากไปอยู่กับข้าหรือไม่?”
“ข้าจะคุ้มกันท่านจนถึงบ้านขอรับ” ขอทานน้อยพูดพร้อมคว้าสัมภาระจากมือถังหลี่
“ข้าถือให้ขอรับ”
เด็กน้อยกอดสัมภาระไว้แนบอก และเดินตามหลังถังหลี่ไป ถึงแม้ว่าช่วงขาจะสั้นแต่ขอทานน้อยเดินเร็วมาก ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินมาถึงหมู่บ้านลี่เจีย เมื่อเห็นว่าถังหลี่ถึงบ้านแล้ว ขอทานน้อยคืนสัมภาระทั้งหมดให้ถังหลี่
“ข้าต้องกลับแล้วขอรับ” ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว แผ่นหลังของเด็กน้อยดูซูบผอม
โดดเดี่ยวและช่างนาเวทนาเหลือเกิน
เขาเป็นเพียงเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่งเท่านั้น การเดินทางบนภูเขาในคืนที่มืดมิดและหนาวเหน็บ เขาทำได้แค่เพียง…พยายามจะเอาชีวิตรอด บางทีในวันหนึ่งเขาก็อาจจะสิ้นลมอยู่ในมุมเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดไยดี จากภพที่นางจากมาเด็กน้อยในวัยนี้เป็นเพียงเด็กในวัยประถมเท่านั้น พวกเขาคือดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ของโลกใบนี้ ยังเป็นวัยที่สมควรได้รับความรักทะนุถนอมจากบิดามารดา
แต่ในยุคนี้การเอาตัวรอดก็เป็นสิ่งจำเป็น ถังหลี่ไม่สามารถยื่นมือช่วยชีวิตทุกคนได้ แต่ขอทานน้อยคนนี้ทำให้นางรู้สึก..ใจอ่อนยวบ…ถังหลี่หลุดปากเรียกเขาเอาไว้
“ขอทานน้อย!” เด็กน้อยหยุดฝีเท้าและหันมามองหญิงสาว
“คืนนี้ค้างที่บ้านข้าเถิด” ถังหลี่กล่าว
ขอทานน้อยยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
นางพูดว่าอะไรนะ?
นางจะให้ข้าเข้าไปที่บ้านของนางหรือ?
นางไม่รังเกียจข้าหรือ?
ขอทานน้อยใช้ชีวิตยากไร้มานานแล้ว และเขารู้ว่ามีแต่ผู้คนรังเกียจและทุบตีเขา ไม่เคยมีใครมาแสดงความเมตตาต่อเขาเลย
ถังหลี่จับมือเล็ก ๆ ของเด็กชายไว้
ดวงตาของขอทานน้อยแดงก่ำ และเขาพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดเพื่อไม่ให้หยาดน้ำตาไหลออกมา
ข้าเป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้!
——————————