บทที่ 20 ภรรยารักใคร่เขา
ถังหลี่ใช้เงินที่เหลือไปกับเสื้อคลุมกันหนาวสำหรับเด็ก ๆ ทั้งสี่คน เถ้าแก่ใจดีลดราคาของให้นาง ราคาที่นางได้รับนั้นแทบจะหาไม่ได้จากร้านอื่นอีกแล้ว
“เถ้าแก่ มีอีกเรื่องหนึ่ง…ข้าคิดว่ากำลังมีคนจับตาดูท่านอยู่นะ” ถังหลี่กล่าวเตือน
เถ้าแก่มองออกไปนอกร้าน เขาเห็นผู้ชายสองคนกำลังด้อม ๆ มอง ๆ อยู่นอกร้าน อีกทั้งทำท่าจะแอบเข้ามาในร้านอีกด้วย
“ข้าเคยเห็นพวกมันเหมือนกัน เป็นพวกหัวขโมยและขี้โกง ทำความชั่วสารพัดอย่างเลยล่ะ คนเหล่านี้ไม่ยอมทำมาหากินอะไร วัน ๆ เอาแต่คดโกงลักเล็กขโมยน้อยไปเรื่อย ๆ ” ถังหลี่กล่าว
“ขอบคุณแม่นางที่เตือนข้า แม้ร้านเราจะไม่ใหญ่โตมากนักแต่ก็ใช่ว่าจะให้หมาแมวที่ไหนมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ”
หญิงสาวถือสัมภาระทั้งหมดออกมาพร้อมสวี่เจวี๋ย ทันทีที่เดินออกจากร้านผู้ชายสองคนนั้นก็มเดินตามคนทั้งคู่ไปห่างๆ แต่ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีก็ชายฉกรรจ์ถึงสี่คน พร้อมด้วยอาวุธครบมือ พวกเขาไม่พูดพล่ามทำเพลงแต่อย่างใด เดินเข้าไปทุบตีเจ้าหัวขโมยทั้งสองอย่างแรง ถังหลี่และสวี่เจวี๋ยยืนแอบอยู่หลังกำแพงมองดูเจ้าหัวขโมยทั้งสองคนที่โดนทุบตีอย่างอเน็จอนาถจนลงไปกองสิ้นใจอยู่กับพื้น…
“พี่สาว ท่านฉลาดมาก!”สวี่เจวี๋ยยกนิ้วให้ เคล็ดลับการยืมมือฆ่าและคลี่คลายวิกฤตอย่างง่ายดายมันช่างวิเศษมาก ถังหลี่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับคำชมจากว่าที่เสนาบดีใหญ่ในอนาคต
ต่อมานางจึงพาสวี่เจวี๋ยไปซื้อของบางอย่างแล้วรีบกลับบ้านให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
เมื่อถึงบ้านดีแล้ว นางแทบรอไม่ไหวที่จะไปบ้านของหมอซูทันทีที่วางของทุกอย่างลง นี่เป็นช่องทางทำมาหากินของนาง หากมันสำเร็จล่ะก็ หมอซูและฮูหยินซูจะไม่ขาดแคลนเงินทองอย่างแน่นอน เมื่อหญิงสาวมาถึงบ้านหมอซูและอธิบายจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ ฮูหยินซูมีท่าทีตกใจมากเมื่อได้ฟัง
“เจ้าคิดว่างานปักของข้าจะขายได้หรือ?” ฮูหยินซูหรือนามเดิมว่าฟู่ฉิง นางรู้ว่างานปักของตัวเองนั้นมีคุณภาพที่ดี นางเคยขอให้หมอซูขายมันในเมือง แต่ก็ไม่มีใครรับซื้อ แม้จะขายได้เป็นบางครั้งแต่ราคาก็ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ตอนนั้นเองนางจึงได้รู้ว่าในพื้นที่ห่างไกลเมืองหลวงเช่นนี้ งานปักชั้นยอดพวกนี้คงไม่มีค่าเท่ากับถุงผ้าที่ใช้งานได้จริง
“ฮูหยินซู พวกเขากำลังพิจารณาราคาอยู่ พวกเขายังไม่แจ้ง ข้าจะกลับไปที่ร้านในอีกสองหรือสามวัน ฮูหยิน…หากข้าจะขอร่วมมือกับท่านด้วยจะได้หรือไม่?”
“ฮูหยินซูปักลาย ข้าจะดูเรื่องวัสดุและการค้าขายให้ และขอส่วนแบ่งสักสามส่วน…” ถังหลี่รู้สึกอายเล็กน้อย นางคิดว่าสามในสิบส่วนนั้นสูงไปหน่อย อย่างไรก็ตามนางก็มีหน้าที่หาช่องทางการขายให้เท่านั้น…
“สามส่วนยังน้อยไป ข้าว่าแปดส่วนจะดีกว่านะ” ถังหลี่รู้สึกตกใจกับคำว่าแปดส่วน
“สี่ส่วน”
ทั้งสองเริ่มโต้เถียงกันไปมา สุดท้ายซูฟู่ฉิงกล่าวว่า
“ห้าส่วน หากเจ้าไม่ตกลงข้าจะไม่ปักผ้า นี่คือเงื่อนไข ข้าจะปักเพิ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
ทันใดนั้นนางก็กระวีกระวาด หยิบเข็มและด้ายออกมาก่อนจะเริ่มวุ่นวายทำงานตรงหน้า ซูไท่หยวนเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้าที่จริงจังของภรรยา นางมีความมั่นใจในการปักเย็บของนางมาก ใบหน้าของซูฟู่ฉิงราวกับมีประกายแสงระยิบระยับ เขาไม่เคยเห็นภรรยาดูมีชีวิตชีวาขนาดนี้มานานแล้ว
“ฮูหยินอย่าหักโหมมากนัก พักผ่อนเถิด” ริมฝีปากของซูไท่หยวนแย้มยิ้ม แต่ซูฟู่ฉิงเหลือบมองเขาอย่างเคืองๆ
“ทำไมท่านพี่ชอบขัดข้านักนะ ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่งอยู่”
ซูไท่หยวนทำเสียงขึ้นจมูกราวกับไม่ค่อยพอใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของหมอซูกลับดูลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในอดีตเขากับภรรยาก็เคยมีช่วงเวลาดี ๆ เหล่านี้ร่วมกันมาก่อน
….
เมื่อถังหลี่กลับมาบ้านเด็กทั้งสี่นั่งอยู่ในลานหน้าบ้านอย่างเป็นระเบียบ ทันทีที่หญิงสาวก้าวเข้าประตูมา เด็ก ๆ โถมเข้ามารุมล้อมนาง
“เด็กน้อย อยากลองเสื้อตัวใหม่หรือไม่?”
เด็ก ๆ เดินเข้ามาในห้องนอน แล้วซานเป่าก็ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของถังหลี่ นางพูดอย่างออดอ้อนใส่มารดาด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู
“ท่านแม่ช่วยข้าใส่ด้วยนะเจ้าคะ ” ถังหลี่กระชับอ้อมกอดเด็กน้อย กดจุมพิตเบา ๆ บนใบหน้าอวบอิ่มของนาง
“ได้สิ”
ถังหลี่เลือกเสื้อคลุมกันหนาวที่ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายสีแดงสดใส ดูมีชีวิตชีวาให้แก่ซานเป่า หญิงสาวคิดว่ามันเหมาะกับเด็กหญิงตัวน้อย ๆ แต่เสื้อคลุมตัวนั้นดูจะใหญ่ไปสักหน่อยสำหรับซานเป่า หลังจากลองสวมมันแล้วก็แทบจะปิดร่างกายของเด็กหญิงจนมิด โผล่ออกมาแค่ช่วงศีรษะเท่านั้น
ซานเป่าชอบเสื้อตัวใหม่ของนางมาก เด็กน้อยสวมมันไว้ไม่ยอมถอดออกเลย นางเดินไปรอบ ๆ ห้องผ่านหน้าพี่น้องที่ใส่ชุดเสื้อคลุมตัวใหม่เช่นกัน อวดแม้กระทั่งสุนัขที่เดินผ่านมา
“เจ้าหมา ดูชุดใหม่ของข้าสิ” เจ้าตัวน้อยชะโงกออกหน้าต่างเพื่ออวด ถังหลี่รีบคว้าตัวนางเอาไว้ หญิงสาววางมือลงบนศีรษะกลม ๆ ของเจ้าก้อนแป้ง นางสัมผัสได้ถึงความร้อนและเหงื่อที่ชื้นบนศีรษะของซานเป่า
“ตอนนี้อากาศยังร้อนอยู่ ไว้แม่จะใส่ให้เจ้าตอนที่ลมหนาวมานะ ” ถังหลี่ว่าแล้วก็ถอดเสื้อคลุมกันหนาวของเด็กหญิงออก
ซานเป่าแทบจะอดรนทนไม่ไหวที่จะให้ถึงฤดูหนาว เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าและพูดน้ำเสียงใส ๆ น่าเอ็นดู
“ลมหนาวมาไว ๆ นะ ข้าอยากสวมเสื้อผ้าใหม่แล้ว! ”
หญิงสาวมองเด็กน้อยอย่างขบขัน ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง! เด็กทั้งสามทยอยลองสวมเสื้อผ้าใหม่เช่นกัน มันช่างพอดีกับตัวของพวกเขาอย่างเหมาะเจาะ เมื่อเห็นภาพที่เด็ก ๆ ทุกคนมีเสื้อกันหนาวพร้อมใส่ ถังหลี่รู้สึกสบายใจขึ้น เช่นนี้นางไม่ต้องห่วงอีกแล้วว่าจะมีเด็กคนใดต้องทนหนาวในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้…
เมื่อหันหลังกลับมานางพบเว่ยฉิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้อง เว่ยฉิงมองถังหลี่ไม่วางตา
“มานี่สิ”
ถังหลี่เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม แขนยาวของเว่ยฉิงเอื้อมออกมาคว้าตัวนางรั้งเข้าไปกักไว้ในอ้อมแขนของเขา มืออีกข้างของเขาโอบเข้าที่เอวของนางและทันทีที่ถังหลี่กอดตอบรับ เว่ยฉิงก็ออกแรงอุ้มหญิงสาวลงมานั่งบนเตียง
ความแข็งแรงของผู้ชายตรงหน้ามีมากจนถังหลี่ไม่อาจจินตนาการได้ เขาใช้มือเพียงข้างเดียวอุ้มถังหลี่ หญิงสาวก็ตกเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้ว มือใหญ่ของเว่ยฉิงถอดรองเท้าของนางออก
“เว่ยฉิง เจ้าทำอะไรน่ะ!” ถังหลี่อุทาน
“ข้านวดขาให้เจ้า” มือใหญ่หนาของเว่ยฉิงกดคลึงลงบนปลีน่องขาวของหญิงสาว
“เจ็บ ๆ” นางอดไม่ได้ที่จะโอดครวญออกมาอย่างน่าเห็นใจ
“ไม่เจ็บแล้ว” ชายหนุ่มกระซิบ ถังหลี่เดินทั้งวันทำให้ขาของนางแข็งขึ้น การนวดของเว่ยฉิงทำให้รู้สึกเจ็บ หญิงสาวส่งเสียงในลำคอเหมือนแมวน้อย ทำเอาหัวใจของชายหนุ่มสั่นระรัว
“ข้าจะทำเบา ๆ นะ ” เว่ยฉิงพูดเสียงแหบพร่า มือของเขายังคงกดนวดอย่างอ่อนโยนให้หญิงสาว ถังหลี่ตัวเล็กและบอบบาง ทำให้เว่ยฉิงต้องยั้งแรงของตัวเองลงไม่น้อย
“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
“ดีขึ้นแล้ว”
“รู้สึกผ่อนคลายหรือไม่?”
“อื้อ ผ่อนคลายมากเลยละ”
ถังหลี่ขดซุกอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยฉิง ดวงตาหรี่ปรืออย่างผ่อนคลาย แต่เมื่อฉุกคิดถึง บทสนทนาของเขากับนาง…นี่มันออกจะสองแง่สองง่ามไปหน่อยไหม? .. นางแอบเหลือบมองใบหน้าจริงจังของชายหนุ่ม หรือจะเป็นเพราะนางที่คิดมากเกินไป
“สามี…เจ้าไปฝึกนวดแบบนี้มาจากไหนหรือ?” ถังหลี่ข่มความอาย
“ข้าก็รู้จักตอบแทนบุญคุณคนเป็นนะ ข้านอนอยู่บนเตียงทั้งวันคอยพึ่งพาแต่เจ้า ข้าก็อยากจะทำอะไรให้เจ้าบ้าง” เว่ยฉิงแสร้งตอบ ถังหลี่มองดูใบหน้าที่แน่วแน่และรูปร่างแข็งแรงสมชายชาตรีของเขา ภายใต้เนื้อผ้าบาง ๆ ล้วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เว่ยฉิงเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมาก
“เห็นแก่ที่เจ้ารับใช้ข้าอย่างดี ข้ามีของมาให้เจ้าด้วย” ถังหลี่หันไปด้านข้างหยิบห่อผ้าและเปิดออก เสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายทั้งหนานุ่ม ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกาย
“ของข้าหรือ?”
“ใช่ ข้าซื้อมาให้เจ้า”
หัวใจของเว่ยฉิงเบ่งบานเหมือนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ บอกตามตรงว่าเมื่อเห็นลูก ๆ สวมเสื้อผ้าใหม่เขามีความสุขมาก แต่ในใจลึก ๆ นั้นก็อดน้อยใจภรรยาไม่ได้ ภรรยาของเขาใจดีกับลูกทุกคน แต่ไม่สนใจเขาเลย เขาเหมือนต้นหญ้าริมทางของนาง ไม่มีใครเหลียวแล..
แต่ความจริงแล้วภรรยายังนึกถึงเขาเสมอ ดูอย่างเสื้อกันหนาวตัวนี้สิ แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคุณภาพดีกว่าของพวกเด็ก ๆ เพียงใด ภรรยาของเขาก็ต้องให้ของที่ดีที่สุดแก่เขาสิ! ริมฝีปากของเว่ยฉิงคลี่ยิ้มกว้าง บนใบหน้าดุดันของชายหนุ่มถูกแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูโง่เขลา
——–