บทที่ 21 เฉินเสี่ยวชุ่ยจะแต่งงาน
“เจ้าลองใส่ดูสิ” เว่ยฉิงเป็นบุรุษรูปร่างใหญ่ ถึงถังหลี่จะซื้อชุดขนาดที่ใหญ่ที่สุดในร้านมาแต่นางก็กลัวว่ามันจะไม่พอดีกับชายหนุ่มจริง ๆ
แต่ทว่า…ช่างพอดีเป๊ะเลย!
หญิงสาวมองไปที่บุรุษเบื้องหน้า รูปร่างสูงใหญ่ประกอบกับใบหน้าที่คมคายทว่าแข็งกร้าว ในช่วงแรกที่ถังหลี่ได้พบเขา นางอดคิดไม่ได้ว่าเว่ยฉิงเป็นพวกคนโฉดหยาบคาย แต่ตอนนี้เขาดูสง่างามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสวมเสื้อตัวนี้ ความหรูหราเพียงเล็กน้อยแบบนี้ก็สร้างภาพลักษณ์ให้จอมวายร้ายดูมีสง่าราศีมากขึ้น!
หญิงสาวรู้สึกว่าตัวร้ายอย่างเว่ยฉิงอาจจะมีตัวตนบางอย่างหลบซ่อนอยู่ก็เป็นได้
“ดูดีหรือไม่?” เว่ยฉิงถาม
“ดูดีมาก!” ถังหลี่พยักหน้า ชายหนุ่มรวบร่างบอบบางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง
“แน่นอน สามีของเจ้ารูปงามอยู่แล้ว” ร่างกายเล็ก ๆ ของถังหลี่ถูกกักไว้ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ใบหน้าคมคายถูไถไปที่บริเวณคอของถังหลี่ราวสุนัขตัวใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น นางรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเว่ยฉิง
“ภรรยา..หากขาของข้าหายดีเมื่อไหร่ เราจะสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์กันนะ! ข้าจะทำให้เจ้าพอใจ!”
ไอ้ผีทะเล!!
สมบูรณ์อะไรกันอีกล่ะ!
ทำไมบุรุษหน้าไม่อายผู้นี้ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องแบบนี้นะ!!
ถังหลี่ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของเขา หลังจากกินอาหารเย็นและอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว ถังหลี่ถูกเว่ยฉิงรั้งแขนและดึงนางเข้าไปในอ้อมกอดที่แน่นเหมือนดั่งคีมเหล็กอีกครั้ง ร่างกายของเว่ยฉิงเปี่ยมไปด้วยไออุ่นเหมือนเตาไฟ ..วันนี้ถังหลี่เดินมาทั้งวันอีกทั้งตอนนี้นางก็เพลียมาก จึงไม่แปลกที่จะผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของอีกฝ่ายง่าย ๆ
เว่ยฉิงกระชับวงแขนโอบกอดภรรยาของตนไว้อย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกอย่างโล่งอกและพึงพอใจ เขารู้สึกดีเหลือเกินที่วันนี้มีหญิงสาวผู้นี้อยู่ในอ้อมแขนของเขา
……
ในที่สุดถนนจากหมู่บ้านลี่เจียเข้าสู่เมืองเหยาสุ่ยก็ได้รับการซ่อมแซ่ม ตอนนี้ชาวบ้านสามารถใช้รถเกวียนวัวได้แล้ว ขณะเดียวกันในหมู่บ้านลี่เจียยังได้รับข่าวใหญ่อีกด้วย
“หลี่ชุ่นฮวาโชคดีจริง ๆ ลูกสาวของนางไปเข้าตานายท่านสามแห่งตระกูลไป๋!”
“ตระกูลไป๋? หรือว่าจะเป็นตระกูลไป๋ ตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองเหยาสุ่ย?”
“ใช่! ข้าเห็นรถเกวียนหัวเข้ามาส่งของหมั้นหมายตั้งแต่เช้า รวมถึงห้าคันรถเชียวนะ!!”
“เหลือเชื่อเลย เสี่ยวชุ่ยจะได้เป็นฮูหยินตระกูลใหญ่”
“ข้าล่ะอิจฉาจริง ๆ ทำไมครอบครัวข้าถึงไม่มีโชคแบบนี้บ้างนะ”
การซุบซิบทำนองนี้เป็นที่ได้ยินกันทั่วทั้งหมู่บ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มแม่บ้านที่มารวมตัวพูดคุยกัน มันคือวันที่หัวใจของเฉินเสี่ยวชุ่ยรู้สึกได้ถึงความปีติและยินดีอย่างหาใดเปรียบไม่ได้เลย
เดิมทีนางริษยาถังหลี่มากที่ได้ตบแต่งกับบุรุษทั้งหล่อเหลาทั้งแข็งแรงสมชายชาตรีอย่างเว่ยฉิง เฉินเสี่ยวชุ่ยยุแยงให้หลี่ต้าจู้ลูกพี่ลูกน้องของตนไปข่มเหงรังแกถังหลี่ แต่เว่ยฉิงก็จัดการได้อย่างอยู่หมัด ส่วนตัวนางเองก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ชื่อเสียงของนางพังทลายจนทำให้ไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้อย่างเป็นสุข ดังนั้น ทางออกเดียวของนางคือไปอาศัยอยู่กับพี่ชายในตัวเมืองเท่านั้น
ในขณะที่เฉินเสี่ยวชุ่ยอยากตายไปให้พ้น ๆ
ก็มีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตนาง
ประการแรกคือเว่ยฉิงพลาดท่าจากตอนล่าสัตว์ทำให้บาดเจ็บและเป็นชายพิการ มารดาของเฉินเสี่ยวชุ่ยพร่ำบ่นให้นางฟังเสียหลายครั้ง ว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้ตบเเต่งกับเว่ยฉิงไป เฉินเสี่ยวชุ่ยคือดอกไม้งามประจำหมู่บ้านลี่เจีย หากต้องมีสามีพิกลพิการคงเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น
และเมื่อสองวันก่อน เฉินเสี่ยวชุ่ยได้พบกับชายหนุ่มผู้มั่งคั่งในเมือง เขาตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ คุณชายตระกูลเศรษฐีได้ดำเนินการสู่ขอตบแต่งเฉินเสี่ยวชุ่ยไปเมื่อวานนี้ และวางแผนที่จะจัดพิธีแต่งงานให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน
เฉินเสี่ยวชุ่ยรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก นางกำลังจะได้เป็นฮูหยินน้อยตระกูลไป๋ ส่วนถังหลี่ก็ต้องอยู่กับบุรุษง่อยไปตลอดชีวิตที่เหลือของนาง!
เฉินเสี่ยวชุ่ยมีความสุขมาก จนนางอยากมาหาเว่ยฉิงที่บ้าน ระหว่างทางที่เดินไปหญิงสาวมองข้ามความเสียใจของตนที่ผิดหวังจากเว่ยฉิง หรือความอิจฉาริษยาต่อถังหลี่ไปจนหมด เสี่ยวชุ่ยเดินมาถึงลานหน้าบ้านของชายหนุ่ม เมื่อมองเข้าไปด้านไปนางเห็นเว่ยฉิงกำลังสานตะกร้าไม้ไผ่อยู่ที่หน้าบ้าน
เว่ยฉิงยังคงดูดีแม้ขาจะพิกลพิการก็ตามที ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายและแผ่นหลังกว้างที่ดูปลอดภัยหากได้พึ่งพิง
“พี่เว่ย” นางเรียกอีกฝ่ายเบา ๆ เว่ยฉิงดูดุดันมากจนนางรู้สึกว่าตัวเองถึงกับขาอ่อน
เว่ยฉิงหันไปมองนางด้วยแววตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึก จากนั้นเขาก็หันกลับมาง่วนอยู่กับการสานตะกร้าต่อไป
เฉินเสี่ยวชุ่ยรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ในอก
วันนี้นางจงใจใส่เสื้อผ้าที่สวยงามมาหาเขา ชุดนี้ตัดเย็บจากผ้าไหม คนที่จะสวมใส่ผ้าไหมได้ต้องเป็นคนมีฐานะ ในเมืองนี้คาดว่าจะมีไม่ถึงสองหรือสามครัวเรือน เดิมทีนางคิดว่าเว่ยฉิงจะต้องตกตะลึงจนถึงกลับละสายตาไปจากตัวนางไม่ได้ จากนั้นเสี่ยวชุ่ยจะใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้.. แต่ความเป็นจริงแล้วเว่ยฉิงไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่นิดเดียว! เฉินเสี่ยวชุ่ยกัดฟันของนางและเดินเข้าไปหาเว่ยฉิง
“พี่เว่ย ขาของพี่เป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่ามันใช้งานไม่ได้แล้วหรือ? พี่กลุ้มใจใช่หรือไม่ เพราะขาเป็นแบบนี้พี่คงทำไร่ไถนาหรือล่าสัตว์ไม่ได้แล้ว”
“แต่พี่เว่ย..พี่อย่างเพิ่งหมดหวังนะ ข้ากำลังจะแต่งงานกับคุณชายสามแห่งตะกูลไป๋ ตระกูลไป๋มีคนมีความรู้มากมาย อีกไม่นานข้าจะช่วยหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาให้พี่”
“พี่เว่ย ข้าสามารถช่วยเหลือพี่ได้จริง ๆ นะ ตระกูลไป๋ร่ำรวยที่สุดในเมืองแล้ว ท่านดูเสื้อผ้าของข้าสิ ราคาสูงถึงสิบตำลึงเงินเชียวนะ หากพี่ไม่มีเงินล่ะก็..พี่จะหยิบยืมเงินข้าก่อนก็ได้นะ ”
“พี่เว่ย! ทำไมพี่ถึงไม่สนใจข้าเลย?”
เสี่ยวชุ่ยกำลังคิดว่าเพราะตัวเองใส่ใจต่อเว่ยฉิงมากเกินไปหรือเปล่า? เมื่อเว่ยฉิงเฉยชาใส่ นางจึงรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจขึ้นมา
คนพิการเช่นเว่ยฉิง จะมีใครล่ะที่จะอยากหยิบยื่นน้ำใจให้?
เว่ยฉิงควรซาบซึ้งในน้ำใจของเสี่ยวชุ่ยมิใช่หรือ?
เฉินเสี่ยวชุ่ยพ่นวาจาออกไปเป็นเวลานานและในที่สุดเว่ยฉิงก็หมดความอดทน เขามองไปที่นางอย่างไม่ประสงค์ดี แววตาของชายหนุ่มดุร้ายชิงชังและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยาบกระด้าง
“แม่หมูที่ไหนมาพล่ามเสียงดังแถวนี้?! ออกไปซะ!”
เฉินเสี่ยวชุ่ยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นาน หากผลที่ได้รับคือวาจาหยาบกระด้างจากเขาหรือ?! คำพูดที่เว่ยฉิงเอ่ยออกมาช่างหยาบคายเหลือที่จะฟังได้จริง ๆ
บุรุษผู้นี้ช่างหยาบช้าและดุร้าย!
เมื่อก่อนนางมองว่าเขามีเสน่ห์ไปได้อย่างไร?!
เขาก็แค่คนพิการผู้หนึ่งเท่านั้น ..ยังมีหน้ามาบันดาลโทสะใส่นางอีก เขาพูดจารุนแรงกับเสี่ยวชุ่ยมาก ทำให้นางรู้สึกเสียใจ ตอนนี้หญิงสาวไม่ได้อิจฉาถังหลี่อีกต่อไปแล้ว นางรู้สึกสมเพชตัวเองในอดีตยิ่งนัก อีกไม่ช้าเฉินเสี่ยวชุ่ยจะได้ตบแต่งเข้าตระกูลเศรษฐี เป็นฮูหยินมีฐานะสูงศักดิ์ เมื่อมองกลับมาที่ชายหนุ่มหยาบคายผู้นี้ นางรู้สึกว่าตัวเองได้เสียเวลาไปกับเขามากเหลือเกิน!
“พี่เว่ย ข้ามาเพื่อจะเชิญท่านและภรรยาไปงานเลี้ยงวันแต่งงานของข้า ไม่ต้องคิดมากหรอก อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดบทสนทนาของนาง
“สามีข้าก็ไล่เจ้าเสียงดังขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ?”
เมื่อเฉินเสี่ยวชุ่ยเงยหน้าขึ้นมอง นางเห็นถังหลี่ยืนอยู่ที่ประตู หญิงสาวแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณผุดผ่องและมีใบหน้าที่งดงาม บรรยากาศรอบกายดูสว่างสดใส ไม่มีความเศร้าหมองแม้แต่น้อย แตกต่างจากที่เฉินเสี่ยวชุ่ยคาดไว้อย่างสิ้นเชิง นางควรจะโศกเศร้าไม่ใช่หรือ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป็นตัวนางเองที่กำลังจะมีอนาคตที่สดใส แต่งงานกับตระกูลร่ำรวย ส่วนผู้หญิงตรงหน้านี้ก็จะเป็นได้แค่ภรรยาของชายพิการไปตลอดชีวิต มันทำให้เฉินเสี่ยวชุ่ยรู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจจนอดไม่ได้ที่จะยืดอกขึ้นอย่างผ่าเผย
“ ข้าแค่มาส่งคำเชิญ ไยเจ้าต้องหยาบคายเช่นนี้ ข้ากำลังจะตบแต่งเป็นฮูหยินคุณชายตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋ผู้มั่งคั่งและมีเกียรติแห่งเมืองเหยาสุ่ย ข้าอยากเชิญเจ้ากับพี่เว่ยไปรวมงานแต่งที่ใหญ่โตของข้า พี่เว่ยท่านสามารถพาเด็ก ๆ มากินอาหารในงานแต่งของข้าได้นะ ไม่ต้องเตรียมของขวัญมาหรอก”
น้ำเสียงของเฉินเสี่ยวชุ่ยเต็มไปด้วยความหยามเหยียดและโอ้อวด นางรู้สึกว่าการที่นางพูดแบบนี้จะทำให้ถังหลี่รู้สึกอิจฉานางจนอยากจะบีบคอนางอย่างแน่นอน
————————