บทที่ 24 ถุงหอม
วันรุ่งขึ้นเมื่อถังหลี่ไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ ระหว่างทางกลับบ้าน นางได้พบกับเฉินเสี่ยวชุ่ยอีกครั้ง ครั้งนี้หญิงสาวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงามเนื้อตัวประดับประดาไปด้วยเครื่องประดับราคาแพง เฉินเสี่ยวชุ่ยดูเหมือนพวกเศรษฐีใหม่ นางเดินช้า ๆ ก้าวเท้าอย่างนวยนาด เห็นได้ว่าเจตนาจะตั้งใจโอ้อวด และนั่นยิ่งทำให้นางดูพิลึกคนมาก
“โอ้! ภรรยาเว่ยฉิง… เจ้ามาซักผ้าหรือ?” เฉินเสี่ยวชุ่ยกล่าวทักทาย
ถังหลี่คร้านเกินกว่าจะให้ความสนใจนาง หญิงสาวเดินต่อไปข้างหน้าแต่เฉินเสี่ยวชุ่ยขยับก้าวเข้ามาขวางทางเดินไว้
“เสื้อผ้าเยอะมากดูงานหนักยิ่งนัก แต่เจ้าช่างแข็งแรงเสียจริง ส่วนข้า…ต่อไปคงจะมีบ่าวรับใช้ส่วนตัวอย่างแน่นอน คงไม่มีโอกาสมาซักผ้าด้วยตัวเองแบบนี้หรอก” เฉินเสี่ยวชุ่ยแสร้งพูด แต่อันที่จริงแล้วน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเยาะหยัน
นางอยากเหยียบถังหลี่ให้จม!
“ใช่แล้วล่ะ ชีวิตเจ้าจะราบรื่นแน่ ต้องรีบคลอดลูกออกมาเร็ว ๆ ล่ะ มรดกทรัพย์สินจะได้มาสู่เจ้าในไม่ช้านี้” ถังหลี่กล่าว ใบหน้าของเฉินเสี่ยวชุ่ยเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร! สาปแช่งสามีข้าหรือ!”
“นายน้อยไป๋ผู้นี้อายุสี่สิบหรือห้าสิบปีแล้ว สิ่งที่ข้าพูดมันผิดตรงไหนหรือ? ข้าแนะนำเจ้าด้วยความหวังดีเชียวนะ” ถังหลี่กล่าวอย่างจริงใจ
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร! สามีข้ายังหนุ่มยังแน่นอีกทั้งหน้าตาก็หล่อเหลา!” เฉินเสี่ยวชุ่ยตอกกลับ หากถังหลี่หาคำพูดไม่เจอ บุรุษที่มีผมหงอกขาว ใบหน้าเหี่ยวย่น แบบนี้เรียกว่าชายหนุ่มรูปงามหรือ? นางคิดว่าเสี่ยวชุ่ยมีปัญหากับดวงตาหรือสมองเสียแล้ว… แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถังหลี่ต้องสนใจ ดังนั้นนางจึงเดินเลี่ยงอีกฝ่ายไปอย่างเฉยเมย
เฉินเสี่ยวชุ่ยจ้องไปที่แผ่นหลังของถังหลี่ เหตุใดทุกครั้งที่นางพยายามยั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธ กลับกลายเป็นตัวนางเองที่รู้สึกโกรธแทนทุกครั้ง!? ถังหลี่กล่าวถึงนายท่านสามของตระกูลไป๋ว่าเป็นบุรุษอายุสี่สิบหรือห้าสิบ แต่ชายหนุ่มที่เสี่ยวชุ่ยพบนั้นยังอายุไม่มาก และที่สำหรับที่สุดคืออีกฝ่ายร่ำรวย! ชายง่อยแบบเว่ยฉิงชั่วชีวิตนี้คงไม่สามารถหาเงินได้ขนาดนั้นหรอก!
อันที่จริงแล้วถังหลี่ไม่ได้อิจฉานางเลย คำพูดของนางจริงใจมาก ในยุคปัจจุบันที่ถังหลี่จากมา มีสตรีมากมายที่เป็นหนูตกถังข้าวสารได้แต่งงานกับชายร่ำรวย แต่พวกนางล้วนต้องมีบุตรชายไว้บนตัก ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อสามีตายลง พวกนางจะไม่ได้รับอะไรเลยสักอีแปะเดียว
ไม่คาดคิดเลยว่าเฉินเสี่ยวชุ่ยจะไม่เห็นถึงความหวังดีของนาง
…
ถังหลี่ไปที่บ้านของหมอซูทุกวันด้วยเรื่องของการค้า งานปักนั้นเป็นงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนใช้เวลาค่อนข้างนาน งานปักหนึ่งชิ้น อาจจะใช้เวลาสองหรือสามวันและบางครั้งอาจจะนานเป็นสิบวันหรือครึ่งเดือนก็เป็นได้ มีเพียงฮูหยินซูคนเดียวเท่านั้นจึงทำงานได้ค่อนข้างช้า
เดิมทีถังหลี่ต้องการเรียนรู้วิธีปักผ้า แต่หลังจากเริ่มเรียนได้สองวันถังหลี่ก็พบว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ในด้านเย็บปักถักร้อยเลย นางจึงต้องการหาช่องทางอื่นแทน
เมื่อสินค้างานปักชุดแรกสำเร็จออกมา ถังหลี่ตั้งใจจะนำมันเข้าเมืองเพื่อส่งงาน ตอนนี้ถนนซ่อมเสร็จแล้วมีรถเกวียนวัวผ่านไปมา ถังหลี่มีกำลังทรัพย์และคร้านจะเดินเท้า ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะนั่งรถเกวียนวัวเข้าเมือง จากนั้นหญิงสาวจึงเดินต่อไปทางด้านทิศตะวันออกของเมือง สอบถามเส้นทางไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงที่ตั้งของจวนสกุลไป๋
ช่างน่าตื่นตาตื่นใจมาก..
จวนทั้งหลังเป็นสีขาวมีลานกว้างขนาดใหญ่หน้าจวนและมีทางเข้าออกสามทาง ด้านหน้ามีประตูเหล็กขนาดใหญ่ และแผ่นโลหะสีดำและสีทองเป็นตัวอักษร “จวนไป๋” สองตัวเขียนอยู่ ทางเข้าจวนถูกขนาบข้างด้วยสิงโตหินขนาดใหญ่โต มันดูหรูหรามาก หากให้เปรียบเทียบกันล่ะก็ บ้านไร่ของเว่ยฉิงนั้นดูโทรมมากจริง ๆ
ถ้ารวยเมื่อไหร่ต้องซื้อจวนแบบนี้! เด็ก ๆ จะได้มีห้องส่วนตัวไม่ต้องนอนรวมกัน!
ถังหลี่แจ้งจุดประสงค์การมาเยือนให้บ่าวรับใช้ฟัง และเพราะไป๋มู่หยางกำชับไว้เป็นพิเศษ คนรับใช้จึงรีบเชิญถังหลี่เข้าไปด้านในอย่างกระตือรือร้น เขาพานางเดินมาถึงศาลาริมน้ำในจวน และถังหลี่เห็นคนสองคนกำลังเล่นหมากรุกอยู่ในศาลา หนึ่งในนั่นคือไป๋มู่หยาง วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็น ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมขนจิ้งจอกหิมะสีขาวทำให้รูปลักษณ์เขาดูบริสุทธิ์ราวกับเทพเซียน และอีกคนที่เล่นหมากด้วยนั้นเป็นบุรุษในชุดอาภรณ์สีดำสนิท นัยน์ตาดอกท้อขับให้ใบหน้าของเขางดงามมากขึ้น
“นายท่านไป๋” ถังหลี่เรียก ไป๋มู่หยางหันศีรษะไปตามเสียงเรียก ดวงตาของเขาจับจ้องที่ถังหลี่และคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“แม่นางถัง”
ในขณะที่ชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ข้าง ๆ ไป๋มู่หยางจ้องไปที่ถังหลี่อย่างตกตะลึง บนภูเขาห่างไกลเช่นนี้กลับมีสตรีงดงาม นางมีผิวขาวผ่อง ดวงตากลมโตและสดใส ใบหน้าน่ารักน่าทะนุถนอม และบรรยากาศที่เรียบง่ายรอบตัวของหญิงสาว ไป๋มู่หยางเหยียบเท้าของเขาที่ใต้โต้ะ ทำให้ชายหนุ่มเรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง
“แม่นางถัง ข้าชื่อ ฮั่วจีว์ ท่านสามารถเรียกข้าว่า จวีจวี ก็ได้” ฮั่วจีว์ขยิบตาให้ถังหลี่อย่างบุรุษขี้เล่น
ถังหลี่ : …..
นางแสร้งทำเป็นไม่เห็นหรือได้ยินอะไรจากอีกฝ่าย
“นายท่านไป๋ วันนี้ข้านำสินค้ามาส่ง เชิญตรวจสอบดูเถิด” หลังจากที่เอ่ยจบ ถังหลี่นำงานปักให้ไป๋มู่หยาง รอบนี้ถังหลี่นำงานปักมาสองชิ้นด้วยกัน ซึ่งอยู่ในชุดแรกของรายการที่สั่งไว้ วันที่จัดส่งควรเป็นอีกสองวัน แต่ถังหลี่นำมันมาเร็วกว่ากำหนด
ไป๋มู่หยางหยิบงานปักขึ้นมาพินิจ เมื่อสำรวจดูแล้วไม่พบปัญหาใด ๆ เลย เขาวานให้คนรับใช้ไปหยิบเงินค่าตอบแทนมามอบให้ถังหลี่ หญิงสาวถือเงินอยู่ในมือก่อนจะเบนสายตาไปที่ไป๋มู่หยาง ดวงตากลมโตของนางชำเลืองมองเขาอย่างเฉลียวฉลาด
“นายท่านไป๋ ท่านนอนไม่หลับหรือ?” ผิวของไป๋มู่หยางขาวมาก ทำให้เห็นความดำคล้ำที่ขอบตาได้อย่างชัดเจน
“ใช่ ข้านอนไม่หลับในยามกลางคืน หลับได้ไม่สนิทดีนัก” ถังหลี่หยิบถุงหอมออกมาแล้วยื่นให้ไป๋มู่หยาง
“นายท่านไป๋ นี่คือถุงหอมซึ่งมีส่วนผสมที่จะช่วยเรื่องการนอนหลับ ตอนกลางคืนเมื่อท่านจะเข้านอนให้วางไว้ข้างหมอนของท่าน และสังเกตดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่ ?”
ถุงหอมนี้เป็นช่องทางการหาเงินใหม่ของถังหลี่ที่นางคิดค้นขึ้น ข้อจำกัดเรื่องฝีมือในการปักผ้านั้นสูงเกินกว่าที่นางจะผลิตได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นคนที่ปักผ้าได้จึงมีแค่ฮูหยินซูเพียงผู้เดียว
ถังหลี่จำได้ว่าในนวนิยายต้นฉบับ ยาที่หมอซูจ่ายให้นั้นสามารถรักษาอาการนอนไม่หลับของฮ่องเต้ชราได้ ดังนั้นนางจึงทำตัวอย่างให้ไป๋มู่หยางลองใช้ หากมีลูกค้าที่เห็นว่าสินค้าใช้ได้ดี ย่อมเป็นผลดีในการค้าขาย ไป๋มู่หยางรับซองยาไปและดมกลิ่นสมุนไพรภายใน
“ขอบคุณเจ้ามาก”
ทันทีที่ถังหลี่เดินจากไป ไป๋มู่หยางวางมันลง แต่แล้วก็มีมือ ๆ หนึ่งขยับเอื้อมเข้ามาหวังจะหยิบมันไป… ไป๋มู่หยางฟาดไปที่ฝ่ามือนั้น และฮั่วจีว์ก็หดมือตัวเองกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ไป๋เกอ[1] ถ้าหากท่านได้กลับชิงเหอแล้วข้าจะนำถุงหอมสมุนไพรชั้นยอดมาให้ท่านอีก หนึ่งแสนหนึ่งพันถุงเลยทีเดียว แต่เจ้าให้ซองยาที่ได้จากถังถังแก่ข้าเถิด!” ฮั่วจีว์เรียกร้อง
ไป๋มู่หยางเมินเฉยต่อคำพูดของเพื่อนสนิท เอาแต่ถือถุงหอมไว้ในมือของเขา ไป๋มู่หยางอ่านผู้คนมานับไม่ถ้วน ความคิดของถังหลี่เขาย่อมมองออก นางสามารถเกิดความคิดดี ๆ อย่างเช่นการทำถุงหอมนี้ แต่น่าเสียดายนักที่ถุงหอมเช่นนี้ได้รับความนิยมในซ่างจิงมาเป็นเวลานานแล้ว
———————–
[1] เกอ หมายถึงพี่ชาย