เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 26 เจรจาธุรกิจ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 26 เจรจาธุรกิจ

หรืออาจจะเป็นเรื่องบังเอิญกันแน่ ? ไป๋มู่หยางลองนำถุงหอมที่ถังหลี่ให้มาใช้อีกวันและพบว่าการนอนหลับของเขาดีขึ้นจริง ๆ พิสูจน์ได้ว่าถุงหอมสมุนไพรตัวนี้เป็นประโยชน์มาก มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจและยินดีเป็นอย่างยิ่ง!

เช้าวันรุ่งขึ้นมีรถม้าคันหนึ่งมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านลี่เจีย ในขณะที่รถม้ายังเคลื่อนที่ไปไม่ถึงจุดหมาย ข่าวการมาเยือนของรถม้าก็กระจายไปเสียครึ่งหมู่บ้านแล้ว

“ข้าเห็นรถม้า เป็นรถม้าจริง ๆ นะ! ไม่เคยเห็นรถม้าที่หรูหราขนาดนี้มาก่อนเลย!”

“มีคนที่สูงศักดิ์ขนาดนี้มาที่หมู่บ้านเราด้วยหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าเขาือผู้ใด?”

“ดูเหมือนในรถม้าจะไม่มีคนอยู่นะ..”

“หรือรถม้าจะรับใคร?”

“รถม้าที่หรูหราแบบนี้คงมีแต่เฉพาะในตระกูลไป๋เท่านั้นแหละ เป็นไปได้ไหมว่านายท่านสามไป๋ส่งมันมารับเฉินเสี่ยวชุ่ย?”

“นายท่านสามไป๋ช่างโปรดปรานเสี่ยวชุ่ยเอ๋อร์[1]จริง ๆ นะ ไปบอกเสี่ยวชุ่ยเร็ว”

ตอนนี้เฉินเสี่ยวชุ่ยเป็นผู้มีเกี่ยวดองกับตระกูลไป๋แต่ผู้เดียวในหมู่บ้านลี่เจียที่เล็ก ๆ แห่งนี้ ชาวบ้านจึงนึกถึงนางเป็นคนแรก ในไม่ช้าหญิงสาวก็ทราบข่าวนี้เช่นกัน เฉินเสี่ยวชุ่ยและมารดารู้สึกยินดีจนใบหน้าแดงก่ำ

“ชุ่ยเอ๋อร์ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ หากเจ้าจะเข้าไปในเมืองต้องแต่งตัวให้ดีกว่านี้”

หลี่ชุนฮวาดันเฉินเสี่ยวชุ่ยเข้าไปในห้อง หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่สวยงาม ตามจริงแล้วนางควรนั่งรออย่างสงบในห้องนอน แต่เฉินเสี่ยวชุ่ยไม่สามารถอดใจรอเงียบ ๆ ได้ ขนาดแค่เกวียนวัวชาวบ้านในหมู่บ้านบางคนยังไม่มีปัญญาจะนั่ง แต่นางสามารถนั่งรถม้าของจริงได้ หญิงสาวอยากรู้ว่ารถม้าของจริงจะหรูหราแค่ไหน นางเลือกจะไปที่ประตูบ้านและชะโงกศีรษะออกไปดู

เพื่อนบ้านละแวกนั้นที่ทราบข่าวก็ต่างมารอดูรถม้าเช่นกัน ไม่นานนักรถม้าก็แล่นมาหยุดที่หน้าบ้านของสกุลเฉิน ดวงตาของเฉินเสี่ยวชุ่ยเป็นประกายวาว นางมองไปที่คนขับรถม้าและเอ่ยปากถาม

“คุณชายสามไป๋บอกให้เจ้ามารับข้าใช่หรือไม่ ?”

“คุณชายสามไป๋หรือ? แม่นางเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่คนของคุณชายสามไป๋” ชายคนนั้นกล่าว

“แม่นาง…แม่นางถัง ถังหลี่ เป็นคนสกุลใดหรือ?”

มาหาถังหลี่หรือ?!

เฉินเสี่ยวชุ่ยแข็งทื่อ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเกิดความงุนงง ชายคนนั้นจึงถามชาวบ้านรอบ ๆ เมื่อทราบเส้นทางแล้วเขาก็บังคับรถม้าเคลื่อนออกไป

เฉินเสี่ยวชุ่ยสติไม่อยู่กับตัว กว่าจะเรียกกลับคืนมาได้รถม้าก็แล่นไปไกลแล้ว … รถม้าที่หรูหราคันนี้มารับถังหลี่หรือ? เป็นนางได้อย่างไร?

ชาวบ้านบางคนที่เดิมไม่ได้พอใจกับความเย่อหยิ่งของสองแม่ลูกสกุลเฉิน จึงพูดอย่างจงใจขึ้นว่า

“ไป๋ซานเย่ชอบพอเฉินเสี่ยวชุ่ยมากไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่นำรถม้ามารับนางล่ะ”

เฉินเสี่ยวชุ่ยไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นางหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน

ทำไมถังหลี่ชอบเป็นศัตรูกับนางนะ?

รถม้าหยุดอยู่ที่หน้าบ้านสกุลเว่ย เด็ก ๆ ทั้งสามวิ่งออกมาจากบ้านยกเว้นสวี่เจวี๋ย เด็กชายรู้จักรถม้าอยู่แล้ว ผิดกับอีกสามคนที่ไม่เคยเห็นรถม้ามาก่อน เจ้าก้อนแป้งน้อยสามก้อนเดินไปรอบ ๆ รถม้า

มีคนนั่งอยู่ข้างในหรือไม่?

มันมีหลังคากันไม่ให้เปียกยามฝนตกด้วย

ล้อมันใหญ่มาก ใหญ่กว่าล้อเกวียนวัวเสียอีก ดูเหมือนจะไม่ได้ทำจากไม้..

นี่คือม้าหรือ?

ท่านแม่บอกตอนพวกเราทะเลาะกันว่าต้องทำท่านั่งม้า นี่คือม้าที่ว่าหรือ?

ม้าสูงกว่าวัวมาก

เจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสามเงยหน้ามองสิ่งตรงหน้า ใบหน้าอ่อนเยาวน์เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ ถังหลี่เดินออกมาจากบ้านเช่นกัน คนขับรถม้าหันไปโค้งคำนับให้หญิงสาว

“แม่นางถัง” ถังหลี่รู้จักผู้ชายคนนี้ เขาเป็นบ่าวรับใช้ของไป๋มู่หยาง

“มีธุระอันใดหรือ?” หญิงสาวประหลาดใจ

“แม่นางถัง นายท่านให้ข้ามารับท่าน แต่เพราะนายท่านสุขภาพไม่ดีจึงไม่สามารถนั่งอยู่บนรถม้าที่โคลงเคลงได้ จึงมาเชิญด้วยตัวเองไม่ได้ นายท่านต้องการพูดคุยเกี่ยวกับถุงหอมของแม่นาง”

ถุงหอม? ไป๋มู่หยางสนใจมันใช่หรือไม่? แปลว่ามีแนวโน้มที่จะขายได้หรือ?

ถังหลี่เก็บความลิงโลดไว้ในใจอย่างสงบ ..หากสามารถขายสิ่งนี้ได้ นางจะร่ำรวยขึ้นแน่นอน!

“แม่นางถังสะดวกไปหรือไม่?”

“ข้าสะดวก”

ถังหลี่ไปบอกเว่ยฉิงและกล่าวคำลากับบุตรทั้งสี่คน จากนั้นจึงปีนขึ้นไปนั่งบนรถม้าและมุ่งหน้าไปยังเมือง ก่อนถังหลี่จะหลุดเข้ามาในนิยายเรื่องนี้ นางเคยอยู่บนภูเขา ต่อมาเมื่อเข้าไปอาศัยในเมืองก็ได้นั่งรถยนต์และรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดังนั้น รถม้าคันนี้จึงไม่ใช่ของแปลกใหม่ในความคิดของหญิงสาว ความรู้สึกเดียวที่ถังหลี่รับรู้ได้คือ มันสะดวกสบายกว่านั่งรถเกวียนวัวมาก

หากถังหลี่ร่ำรวยเมื่อใด นางจะเหมารถม้าทั้งคันไปเข้าเมืองกับเด็ก ๆ ทั้งสี่….ไม่สิ หากร่ำรวยล่ะก็จะสร้างจวนใหม่ในเมืองไปเลย ถังหลี่หลับฝันหวานถึงชีวิตของนางหลังจากมีเงินทอง และเมื่อลืมตาอีกครั้งก็ได้มาถึงตัวเมืองแล้ว

หญิงสาวลงจากรถม้าและเข้าไปในจวนสกุลไป๋ ซึ่งเห็นว่าไป๋มู่หยางกำลังรอพบถังหลี่อยู่

“แม่นางถัง ข้าใช้ยาของท่านแล้ว มันยอดเยี่ยมมาก!” ไป๋มู่หยางกล่าว ผลลัพธ์ที่ได้มันชัดเจนมาก รอบคล้ำใต้ตาของไป๋มู่หยางจางลงมาก ถังหลี่คิดว่ามันเป็นเพราะยาของหมอซู ยาสมุนไพรในถุงหอมอันนี้อาจจะไม่ได้ดีเท่าที่หมอซูได้จ่ายให้ฮ่องเต้ในอนาคต แต่มันเป็นยาที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน!

ถังหลี่คุยกับหมอซูก่อนทำตัวถุงหอมบรรจุสมุนไพร หมอซูสนับสนุนในกิจการนี้และเขียนเทียบยาให้นางอีกด้วย

“นายท่านไป๋ ท่านคิดว่าถุงหอมนี้สามารถขายในท้องตลาดได้หรือไม่?”

“ขายได้อย่างแน่นอน ! …แม่นางถัง ท่านสามารถทำถุงหอมให้ข้าได้หรือไม่ ข้าต้องการจำนวนมาก” ไป๋มู่หยางกล่าว “แม่นาง หากข้าจะเสนอ ตัวถุงหอมนี้ข้าสามารถนำไปขายได้ในราคา 6 ตำลึงเงิน…หากข้าให้แม่นางขายส่งให้ข้าในราคาถุงละ 3 ตำลึงเงินจะได้หรือไม่?”

สามตำลึงเงิน!

หากราคาขายเป็น 6 ตำลึง และราคาที่ไป๋มู่หยางเสนอมาให้นาง 3 ตำลึงนับได้ว่าค่อนข้างสูงมาก เพราะเขาต้องรับผิดชอบเรื่องค่าขนส่งและตลาดในการขาย สินค้าที่ดีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการค้าขาย ถ้าผลิตออกมาแต่ไม่สามารถขายได้ ก็ได้แต่ปล่อยให้เน่าเสียอยู่ในคลังเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าถุงหอมนี้เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในซ่างจิง ถ้าหากนางสามารถร่วมมือกับไป๋มู่หยางได้ล่ะก็ แนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จจะเป็นไปได้สูง

สามตำลึงเงิน

สิบถุงเป็นเงินสามสิบตำลึง หนึ่งร้อยถุงสามร้อยตำลึง หนึ่งพันถุงเท่ากับสามพันตำลึง และ หนึ่งหมื่นถุงเท่ากับสามหมื่นตำลึง!

ลูกคิดในหัวของถังหลี่กำลังทำงานอย่างหนัก

หากสามารถผลิตได้ในจำนวนมาก ก็จะสามารถสร้างเม็ดเงินได้เรื่อย ๆ

“แม่นางคิดว่าอย่างไรหรือ?” ไป๋มู่หยางเอ่ยถาม

ถังหลี่เล่าถึงแผนการค้าของนาง หญิงสาวอยากสร้างสายผลิตถุงหอมเพื่อที่จะสามารถสร้างมันได้ในจำนวนมาก ในขณะที่พูดดวงตาของนางเต็มไปด้วยประกายแห่งความทะเยอทะยาน ทันทีที่ถังหลี่เอ่ยคำเหล่านี้ ชายหนุ่มรู้สึกตกใจ

เดิมทีไป๋มู่หยางต้องการช่วยเหลืออุดหนุนนางเท่านั้น ไม่คิดจะทำเงินมากจากถุงหอมนี้ได้เลยเพราะท้ายที่สุดแล้วกำลังการผลิตก็มีจำกัด ไป๋มู่หยางไม่คาดคิดมาก่อนว่าสตรีตรงหน้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน หากนางหมายความตามที่พูดจริง ๆ มันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้มาเจรจาการค้าขนาดใหญ่แม้จะอยู่กลางภูเขาที่ห่างไกลจากเมืองหลวง

ถังหลี่และไป๋มู่หยางพูดคุยกันอยู่เป็นเวลานาน และทั้งคู่ถือว่ามันคือข้อตกลงทางการค้าอย่างเป็นทางการ พวกเขาพูดเกี่ยวกับรายละเอียดมากมาย

หลังจากคุยจบไป๋มู่หยางบอกให้หญิงสาวนั่งรถม้ากลับบ้าน แต่ถังหลี่ปฏิเสธไป ระหว่างทางหญิงสาวไปที่ตลาดเพื่อซื้อเนื้อหมูและนำมันกลับบ้านเพื่อฉลองในคืนนี้

เมื่อกลับถึงบ้าน หญิงสาวเข้าครัวไปทำหมูตุ๋นและผัดเครื่องเคียงถึงสองอย่าง กลิ่นหอมที่โชยออกมาทำให้เด็ก ๆ น้ำลายสอ บนโต๊ะอาหาร เว่ยฉิงสังเกตภรรยาตัวเอง ถังหลี่เข้าไปในเมืองและตอนนี้นางดูมีชีวิตชีวามาก

“ฮูหยิน มีเรื่องอะไรดี ๆ หรือ?” เว่ยฉิงถามขณะทาานอาหาร

“ข้าวางแผนจะทำการใหญ่”

ถังหลี่เล่าให้เว่ยฉิงฟังว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ในขณะที่เล่าออกไป แววตาของเว่ยฉิงก็เริ่มจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ จู่ ๆถังหลี่ก็ตระหนักได้ว่านี่คือสมัยโบราณ บุรุษมักไม่นิยมชอบให้สตรีเป็นช้างเท้าหน้า แต่เว่ยฉิงจะไม่ยอมรับใช่ไหม?

หากเขาไม่ยอมล่ะก็ ถังหลี่จะทิ้งเขาซะ!

[1] เอ๋อร์ เป็นคำนาม แปลว่า ลูก

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท