บทที่ 33 พ่อเว่ย
สุขภาพของไป๋มู่หยางไม่ดีขึ้นเลยหลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนั้น อาการของเขาแย่ลงกว่าเดิม ชายหนุ่มไอมากขึ้น และช่วงเวลายามโหย่ว[1]เขาจะมีไข้ขึ้นสูง แพทย์มือดีในโรงหมอทำงานกันแทบทั้งวันทั้งคืนเพื่อยื้อชีวิตไป๋มู่หยางให้กลับมาจากประตูนรก
ไป๋มู่หยางได้สติอีกครั้งในสามวันต่อมา
ฮั่วจีว์นั่งอยู่ข้างเตียงของมู่หยาง นัยน์ตาดอกท้อจับจ้องมาที่เขาอย่างเป็นห่วง
“ร้อนไหม?..” ฮั่วจีว์หยิกไปที่แก้มของไป๋มู่หยาง ก่อนจะถูกชายหนุ่มตีเข้าให้ ฮั่วจีว์ยิ้มร่าและกล่าวว่า
“เจ้ายังมีแรงตีข้าได้ ไม่เลวเลย”
ไป๋มู่หยางขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจ ชายหนุ่มจิบน้ำแก้กระหาย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยปากทำลายความเงียบออกมาว่า
“..แล้วโจรพวกนั้นล่ะ?”
“พวกมันเป็นโจรป่าจากภูเขาชิงหนี๋ว์ที่อยู่ใกล้ ๆ มันแค่อยากหาเงินช่วงปีใหม่เลยมาโจมตีเจ้า”
“แค่นั้นหรือ?”
ไป๋มู่หยางพาคนคุ้มกันมาเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น ไม่มีของมีค่าใด ๆ ทำไมพวกโจรถึงกล่าวอ้างเรื่องชิงทรัพย์ล่ะ?
“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ?… เจ้าไม่ได้อยู่ในซ่างจิงนะ ตอนนี้ห่างจากซ่างจิงเป็นพันลี้ ดังนั้นเขาจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้หรือ?”
“ข้าไม่อาจรู้ได้ เขาแค่ต้องการให้ข้าตายที่นี่และอย่าได้กลับไปเหยียบเมืองหลวงอีก”
ไป๋มู่หยางพูดเบา ๆ อันที่จริงใช่ว่าเขาจะอยากกลับไป ตระกูลไป๋เหม็นเน่าเหลือเกิน แต่เขาต้องการไปเหยียบหน้าคนที่น่าขยะแขยงเหล่านั้นต่างหาก
ทุกคนในตระกูลไป๋ต้องการให้ไป๋มู่หยางตาย หากชายหนุ่มกลับอยากมีชีวิตต่อไปให้ยาวนานขึ้น เขาไม่เคยหมดหวัง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ยินว่ามีหมอที่เก่งกาจอยู่ในชิงเหอ ไป๋มู่หยางจึงเลือกเดินทางมาที่นี่ในช่วงลาพักงานของตน
“ข้าจะสืบให้แน่ชัดอีกครั้ง หากเป็นน้องชายที่แสนดีของเจ้าจริง ๆ ข้าจะฆ่าเขาทันทีที่กลับไปที่ซ่างจิง!” หลังจากฮั่วจีว์พูดจบ ชายหนุ่มเดินจากไป
บุตรชายคนโตของตระกูลไป๋เอนกายลงนอน เขาร่างกายอ่อนแอมาก แต่บรรยากาศรอบตัวยังคงความสงบและแข็งแกร่ง ทำให้ทุกคนต้องพ่ายแพ้และยอมเชื่อฟังไป๋มู่หยาง
“นายท่าน มองหาข้าหรือขอรับ?” ลุงฝูกล่าวถามอย่างนอบน้อม
“จะถึงวันสิ้นปีแล้วหรือ?”
“คืนพรุ่งนี้ก็เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าแล้วขอรับ”
“เตรียมของขวัญส่งไปให้แม่นางถังที่หมู่บ้านลี่เจีย…บอกแค่ว่า ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
……..
หมู่บ้านลี่เจีย
หลังจากที่ถังหลี่ได้รับของกำนัลจากไป๋มู่หยาง นางก็ถอนหายใจ ดูเหมือนว่าหายนะครั้งใหญ่ของไป๋มู่หยางจะจบลงด้วยดี และกองของขวัญแทนคำขอบคุณจากไป๋มู่หยางนั้นช่างมีมากมายเหลือเกิน ทั้งข้าวสาร ผ้าแพร เนื้อแห้ง ขนมลูกกวาด และเงินถึงห้าร้อยตำลึง!
ถังหลี่ละอายใจเกินว่าที่จะรับไว้ได้ หากแต่อีกฝ่ายบอกนางว่า
“ชีวิตของนายท่านไป๋ของพวกเรามีค่ามากกว่านี้มากมายนัก” ดังนั้นถังหลี่จึงต้องยอมจำนนรับของขวัญเอาไว้
มีถังข้าวสารใบหนึ่งอยู่ในบ้าน ในนั้นเต็มไปด้วยเสบียงอาหารชั้นดีมากมาย และถังหลี่ใส่ข้าวของไว้ในนั้นทั้งหมด ดูเหมือนเป็นคลังสมบัติที่พวกหนูจะโปรดปรานกันมากเลยทีเดียว
เช้าวันถัดมา
ในช่วงเช้าตรู่ ถังหลี่ขอให้เว่ยฉิงต้มน้ำร้อนสองหม้อใหญ่ นางอาบน้ำให้เด็ก ๆ ทั้งสี่คนและสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พวกเขา สวี่เจวี๋ยมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เด็กทั้งสี่ตัวขาวผ่องและอวบอิ่มเหมือนลูกสัตว์ตัวเล็ก ๆ น่ารัก
“ภรรยา ข้าจะพาเจ้าไปที่ ๆ หนึ่ง” เว่ยฉิงจับมือถังหลี่ดึงออกไป
“ได้สิ” หญิงสาวมองท่าทีมีพิรุธของเขาและสงสัยเล็กน้อย ทั้งสองเดินออกจากบ้านพร้อมกันและเดินขึ้นไปบนภูเขา เด็กทั้งสี่ชะเง้อศีรษะมองตามหลังคนทั้งสองไป
“ท่านพ่อท่านแม่ไปไหน?” ซานเป่าพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“ไปแสดงความรักกัน!” เอ้อร์เป่าพูดขึ้น
“แสดงความรัก…ทำอย่างไรหรือ?”
“จับมือหรือจูบกันอย่างไรเล่า!” เอ้อร์เป่าทำท่าแก่แดด
“แล้วจะมีก้อนแป้งน้อยไหม?” ดวงตาของซานเป่าเป็นประกาย
“ถ้าจับมือไม่มี แต่ถ้าได้จูบกันก็จะมีเจ้าก้อนแป้งเพิ่มขึ้นมา!” เอ้อร์เป่าพูดอย่างจริงจัง
“สู่รู้เสียจริง เลิกไปฟังเรื่องไร้สาระของหวังกุ้ยซี่ได้แล้ว” ต้าเป่าบิดหูเอ้อร์เป่า เด็กน้อยพยายามดิ้นรนให้หลุดจากมือของพี่ชาย แต่อีกฝ่ายแข็งแรงเกินไป
“ไร้สาระอะไร?! กุ้ยซี่แค่เล่าเรื่องให้ข้าฟัง!” ต้าเป่าบิดแรงขึ้นจนเอ้อร์เป่าต้องร้องขอความเมตตา
“เก่อเกอ! ข้าผิดไปแล้ว! ปล่อยข้าเถิด!!” ต้าเป่าหยุดสั่งสอนเอ้อร์เป่า และไปทำงานกับสวี่เจวี๋ย
ปกติแล้วท่านพ่อและท่านแม่จะยุ่งทุกวัน ในวันปีใหม่นี้เด็กน้อยตั้งใจจะทำงานทุกอย่างให้มากขึ้นเพื่อที่จะให้ทั้งสองได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง
…..
เว่ยฉิงพาถังหลี่เดินไปตามภูเขา ชายหนุ่มกุมมือของนางไว้ ตอนนี้ขาของเว่ยฉิงดีขึ้นมากแล้ว แม้จะมีอาการติดขัดบ้าง แต่ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็แทบจะไม่รู้สึก เมื่อเจอทางเดินที่ทุลักทุเลขรุขระ เว่ยฉิงประคองถังหลี่ไว้ ทั้งคู่เดินไปเรื่อย ๆ ผ่านป่าไผ่และชะลอฝีเท้าลง
ด้านหน้าพวกเขาคือสุสาน
ที่สุสานแห่งนั้นมีแผ่นไม้ไผ่ปักอยู่ สลักเอาไว้ว่า ‘สุสานของเว่ยเหล่าซาน’
“นี่คือบิดาของข้า” เว่ยฉิงกล่าว
“เขาเป็นพรานป่า และพบข้าในแม่น้ำ หากไม่มีเขาข้าคงตายไปนานแล้ว”
“ข้าจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย ท่านพ่อคือญาติเพียงคนเดียวของข้า”
เว่ยฉิงตกอยู่ในห้วงความทรงจำในอดีต เว่ยเหล่าซานเป็นบุรุษพิการขี้โมโห ภรรยาของเขาหนีไปกับชายอื่น และลูกสาวเพียงคนเดียวก็ขาดการติดต่อไปตั้งแต่นางแต่งงาน พวกชาวบ้านต่างหวาดกลัวนิสัยโมโหร้ายของเว่ยเหล่าซาน ชายชราผู้เป็นหม้ายจึงอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด
แต่ในสายตาของเว่ยฉิงแล้ว เขาเป็นคนดีและน่านับถืออย่างที่สุด
เว่ยเหล่าซานเป็นคนที่พูดจากระโชกโฮกฮากดุร้าย แต่เมื่อล่าไก่ฟ้ามาได้ ชิ้นส่วนที่อร่อยที่สุดอย่างน่องไก่ เขาก็ยกให้เว่ยฉิง เขาเอาไข่มาทำขนม และให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา ตอนนั้นเว่ยฉิงตอนอายุราว ๆ เจ็ดแปดขวบเท่านั้น เว่ยเหล่าซานเป็นผู้หยิบยื่นชีวิตที่สองให้กับเขา ถ้าชายชราไม่รับเลี้ยงเขาไว้ เขาคงไม่มีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
น่าเสียดายที่เขาล้มป่วยลงและเสียชีวิตในที่สุด ยังไม่ทันที่เว่ยฉิงจะได้มีโอกาสทดแทนบุญคุณหรือแสดงความกตัญญูต่อเขาเลย ด้วยเหตุนี้การที่เว่ยฉิงรับเด็กกำพร้าทั้งสามคนมาเลี้ยงไว้ก็เป็นเพราะเขานึกถึงตนเองในยามเด็กนั่นเอง
“ท่านพ่อ ท่านบอกให้ข้าแต่งงานเสมอใช่หรือไม่? วันนี้ข้าพาสะใภ้มาให้ท่านดูตัวแล้ว”
เว่ยฉิงจับมือของถังหลี่และพูดกับหลุมฝังศพบิดา
ถังหลี่ตกตะลึง นี่เว่ยฉิงกำลังพานางมาเคารพบิดาของเขาใช่หรือไม่?
เดิมทีนางคือภรรยาที่เว่ยฉิงใช้เงินซื้อหามา แต่ถังหลี่ตั้งใจจะยุติความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่โดยไม่ให้มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกัน แต่หลังจากอยู่ด้วยกันไปสักพัก ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาก็เพิ่มมากขึ้น ถังหลี่ไม่รู้ว่านี่คือความรักหรือไม่ ? แต่อย่างน้อยนางก็ชอบเขา
นางตกหลุมรักจอมวายร้ายของเรื่องนี้เข้าแล้ว…
ตัวร้ายที่ไม่ได้โหดเหี้ยมเหมือนในนิยายต้นฉบับ ถึงบางครั้งเขาจะดุร้ายกับคนอื่น แต่เขาใจดีกับคนของตนเสมอ ชายหนุ่มอ่อนโยนกับถังหลี่มาก
ในตอนจบของนิยาย ตัวร้ายผู้นี้จบชีวิตลงอย่างไม่สวยนัก …
ถังหลี่หันศีรษะไปมองเว่ยฉิง บุรุษที่มุุ่งมั่นและรูปงามขนาดนี้ คงไม่ดีแน่หากจะให้เขามีจุดจบเหมือนในนิยาย ตัวตนของถังหลี่คือจิตวิญญานของปลาหลี่นำโชค! นางจะเอาชนะนางเอกที่กลับมาเกิดใหม่ในนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เชียวหรือ ? ส่วนศัตรูนั้น….
ถังหลี่ต้องเลี้ยงดูเด็กน้อยทั้งสามให้กลายเป็นฐานอำนาจที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ที่สุด นางสาบานว่าจะทำให้ชีวิตของสามีตัวเองรุ่งโรจน์สวยงามให้จงได้!
ถังหลี่ขบฟัน ราวกับว่ามีเทพเจ้าแห่งความมุ่งมั่นในจิตใจ หญิงสาวกำหมัดทั้งสองข้าง แววตาแฝงไปด้วยความทะเยอะทะยาน ถังหลี่เงยหน้าขึ้นคลี่ยิ้มก่อนจะพูดกับหลุมฝังศพว่าด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
“ท่านพ่อ ข้าชื่อถังหลี่เป็นภรรยาของเว่ยฉิง” ชายหนุ่มเบิกตากว้างเขารีบพูดต่อจากนางทันที
“ท่านพ่อ ลูกสะใภ้ของท่านมีความสามารถมาก นางหาเงินเก่ง นางรักข้า อีกทั้งเป็นภรรยาที่ดี ท่านพ่อไม่ต้องห่วงข้าอีกต่อไปแล้ว…ปีหน้า..ข้าจะพาก้อนแป้งน้อยอ้วน ๆ มาหาท่าน อาจจะสองคน…”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นแม่หมูหรือ?! อยากได้ลูกก็จะให้ข้าคลอดให้ ฝันไปเถิด ข้าไม่คลอดลูกให้เจ้าหรอกนะ!” ถังหลี่ทุบแขนเว่ยฉิงด้วยความโมโ ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังแม้จะถูกภรรยาทำร้ายก็ตามที
เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไปทั่ว ทำลายความเงียบสงัดของป่าไผ่ สายลมที่พัดผ่านมากระทบใบไผ่ส่งเสียงดังกรอบแกรบ ราวกับว่าเว่ยเหล่าซานตอบรับคำพูดของพวกเขา
—————————
[1] ยามโหย่ว คือ 17.00 – 18.59 น.