บทที่ 38 เว่ยฉิงไปทำงาน
บ่าวรับใช้ไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉินเสี่ยวชุ่ยมากนัก แต่เขากลับมีท่าทีกระตือรือร้นเมื่อเห็นถังหลี่
“คุณหนู ท่านมาแล้ว! มากับบ่าวเถิดขอรับ” นายท่านกำชับเอาไว้ว่าสถานะของแม่นางถังนับได้ว่าเป็นน้องสาวของเขา ดังนั้นจะเรียกว่าถังหลี่เป็นคุณหนูตระกูลไป๋ก็ไม่ผิดนัก !
ถังหลี่และหมอซูได้รับการต้อนรับจากบ่าวรับใช้ คนทั้งสองเข้าไปในจวน ปล่อยให้เฉินเสี่ยวชุ่ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกใจ
ทำไมบ่าวสุนัขผู้นั้นถึงได้นอบน้อมต่อถังหลี่มากเพียงนี้?
หัวใจของเฉินเสี่ยวชุ่ยเหมือนโดนมีดแทง นางขุ่นเคืองมากจนใบหน้างดงามบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น
………
ในเวลาเดียวกัน ไป๋มู่หยางได้รับแจ้งว่าถังหลี่มาที่จวนพร้อมกับหมอประจำหมู่บ้านที่หญิงสาวกล่าวถึง เขาไม่คิดว่าหมอประจำหมู่บ้านจะรักษาเขาได้จริง ๆ แต่เมื่อน้องสาวมีความเป็นห่วงเขามากเช่นนี้ หัวใจของไป๋มู่หยางก็อุ่นวาบ หลังจากนั้นไม่นานถังหลี่ก็เดินเข้ามาพร้อมชายสูงอายุผู้หนึ่ง ไป๋มู่หยางยิ้มและทักทายก่อนจะเชื้อเชิญทั้งสองให้นั่งลง
ไป๋มู่หยางมองถังหลี่ด้วยแววตาหยอกเย้า
“ดูเจ้ารีบร้อนสิ เหงื่อออกแล้ว ไปเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้น้องสาวข้าที” เขาหันไปสั่งบ่าว
บ่าวรับใช้นำผ้าเช็ดหน้าส่งให้ถังหลี่ หญิงสาวซับเหงื่อที่ใบหน้าของตน หมอซูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จ้องมองไปที่ไป๋มู่หยางเงียบ ๆ
“ท่านคือบุตรชายคนโตของตระกูลไป๋หรือ?” หมอซูพูดขึ้นทันที
“ใช่แล้ว ท่านรู้จักข้าหรือ?” ไป๋มู่หยางมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ
“ข้าชื่อซูไท่หยวน มาจากฮุ่ยชุนถัง ข้าเคยพบท่าน”
ไป๋มู่หยางจำได้ทันที เขาไม่คิดว่าจะได้พบหมอซูที่นี่ ชายคนนี้เป็นคนที่ไป๋มู่หยางประทับใจมาก เขาเป็นหมอเพียงคนเดียวที่บอกว่าสามารถล้างพิษในร่างกายของไป๋มู่หยางออกได้ ตอนนั้น…มันทำให้เขามีความหวัง แต่ต่อมาไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่าหมอคนนี้ทำคนไข้ตาย ผู้คนกล่าวหาเขาว่าเป็นหมอต้มตุ๋นโกหกหลอกลวง ความหวังเดียวของไป๋มู่หยางจึงได้หายวับไปทันที
“นายท่านไป๋ หากท่านยังเชื่อใจข้า ขอให้ข้าตรวจชีพจรได้หรือไม่?” หมอซูกล่าว
นี่คือคนที่น้องสาวเขาพามา…
“เชิญ” ไป๋มู๋หยางยื่นมืออกมา ซูไท่หยวนตรวจชีพจรของไป๋มู่หยาง คิ้วของหมอซูขมวดเข้าหากันเรื่อย ๆ
“นายท่านไป๋ ร่างกายของท่านในตอนนี้ร้ายแรงกว่าเมื่อห้าปีก่อนมากนัก อวัยวะภายในของท่านถูกทำลายและเสียหายจากพิษ”
“หมอซู ท่านสามารถทำอะไรได้หรือไม่? ท่านต้องช่วยพี่ใหญ่ข้านะ!” ถังหลี่พูดอย่างร้อนรน
หมอซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบหญิงสาว
“ที่จริง ในตอนนั้นข้าได้ค้นคว้าเทียบยาสำหรับนายน้อยไป๋ไว้แล้ว แต่หลังจากนั้นกลับมีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น… แต่เทียบยาตัวนั้นยังคงใช้ได้อยู่ กรรมวิธีที่ใช้ก็คล้ายกับการแช่ตัวเพื่อขับพิษออกไป แต่เวลาผ่านมาเนิ่นนานกว่าห้าปีแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ท่านต้องใช้ยาไปเรื่อย ๆ ห้ามหยุดใช้อีกเป็นอันขาด ”
มีวิธีล้างพิษ!
ดวงตาของถังหลี่เต็มไปด้วยความหวัง “เยี่ยมเลย!”
“หมอซู..ท่านทำงานหนักแล้ว!” ไป๋มู่หยางกล่าวชมเขา ซู่ไท่หยวนมองชายหนุ่มอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“นายท่านไป๋ ท่านเชื่อในตัวข้าจริงหรือ?”
ย้อนกลับไปในตอนนั้นชื่อเสียงของเขาในเมืองซ่างจิงช่างน่าอดสูนัก คนไข้ทุกคนปฏิเสธเขา ไม่มีใครกล้ามารักษาตัวกับหมอซู เทียบยาของเขาถือเป็นขยะไร้ค่าอยู่ได้แต่ในกองขยะเท่านั้น ไป๋มู่หยางเคยอยู่ในซ่างจิง ย่อมเคยได้ยินคำดูถูกดูแคลนเขามามาก แต่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับเชื่อในการรักษาและเทียบยาของซูไท่หยวนผู้นี้…
“น้องสาวข้าเชื่อในตัวท่าน” ไป๋มู่หยางเหลือบมองถังหลี่ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย ชายหนุ่มเชื่อมั่นในตัวถังหลี่ หญิงสาวมีวิธีมองผู้คน ดังนั้นไป๋มู่หยางย่อมเชื่อน้องสาวตัวเองมากกว่าพวกคนปากมากในซ่างจิง!
“แค่สั่งยาให้ข้า.. ข้าเชื่อใจท่าน”
ถังหลี่ไม่รู้ว่าไป๋มู่หยางคิดอย่างไร.หากแต่นางรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่ามีวิธีรักษาพิษในร่างกายของเขา
………………..
สองวันต่อมา
เว่ยฉิงเก็บสัมภาระเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเข้าไปทำงานในเมือง อันที่จริงเขาก็ลังเลที่จะปล่อยภรรยาไว้ แต่จะให้เขาอยู่ในหมู่บ้านทุกวันก็ไม่มีอะไรทำ จะขึ้นภูเขาไปล่าสัตว์ถังหลี่ก็กังวลใจ เขาเลยทำได้แค่ปลูกผักทำสวนในที่ดินไม่กี่หมู่[1] โรงงานผลิตถุงหอมของภรรยากำลังไปได้ด้วยดี เขาไม่สามารถอยู่บ้านเฉย ๆ ได้หรอก!
เขาต้องหาเงินเพื่อช่วยสนับสนุนภรรยา และมีเงินให้ถังหลี่ยามที่นางต้องการใช้เงิน ! ภรรยาของเขาเก่งกาจขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นชายหนุ่มต้องถีบตัวเองให้เก่งกว่านี้เพื่อที่จะได้คู่ควรกับนาง
เว่ยฉิงเป็นคนไว้ตัวหยิ่งยะโส แต่เมื่อเขาเห็นภรรยาตัวน้อยที่อยู่ด้านหลังของเขา ทำเอาเว่ยฉิงหายใจไม่ทั่วท้อง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางช่างอ่อนโยนและมีชีวิตชีวา ริมฝีปากของนางเปื้อนเล็กน้อยและมีสีแดงระเรื่อดูแล้วช่างน่าอร่อยยิ่งนัก !
เมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าภรรยาอีกหลายวัน ไม่มีใครมานอนเคียงข้างเขาเหมือนเช่นทุกวันนี้ ทำให้เว่ยฉิงรู้สึกไม่สบายใจ
มีคนกล่าวเอาไว้ว่าบ้านเมืองที่เงียบสงบเป็นเพราะมีผู้กล้าเสียสละ แต่ในความจริงแล้วชายหนุ่มแค่ต้องการอยู่ในเมืองที่สงบกับภรรยาตนทุกวันมากกว่าจะเป็นผู้กล้าคนนั้น !
เว่ยฉิงมองซ้ายมองขวา เมื่อสำรวจแล้วว่าไม่มีใคร เขาก็อุ้มนางวิ่งไปหลบหลังหินก้อนใหญ่
ถังหลี่ตกตะลึงก่อนจะเรียกสติกลับมาได้ นางอิงแอบแนบอกของชายหนุ่มที่หยาบกระด้างและเย็นชา กลิ่นอายของชายฉกรรจ์พุ่งมาประทะใบหน้าของนาง
วินาทีถัดมา ริมฝีปากนางก็ถูกเขาจูบ !
จูบของเขาช่างดุดันทว่าอบอุ่น ถังหลี่ถูกจูบอย่างยาวนาน จนนางรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังจะจมน้ำ หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ร่างกายเบาหวิวราวกับลอยละล่องอยู่บนก้อนเมฆ
……………….
“เมื่อข้าหาเงินได้มากแล้ว ข้าจะซื้อบ้านหลังใหญ่ในเมือง แล้วข้าจะเอาเกี้ยวมารับเจ้าไป!” ผู้ชายคนนี้มีความทะเยอะทะยานสูง หากแต่แล้วจู่ ๆ เสียงของเขาก็แหบพร่า
“แล้วพวกเราจะไปเข้าห้องหอกันที่นั่นดีหรือไม่ ?”
เขารู้สึกอยากกินภรรยาตัวเองมาก
จะกัดให้หมดในคำเดียวไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกเลย!
ชายหนุ่มคิดเรื่องนี้ในหัวทุกวัน แต่เว่ยฉิงอดทนได้ เขาจะไม่ทำผิดต่อนาง
หลังจากวุ่ยวายอยู่พักใหญ่ เว่ยฉิงก็หันหลังและเดินจากไป ถังหลี่มองตามแผ่นหลังของเขา ถังหลี่ตั้งใจว่าจะไม่หันหลังกลับถ้ายังไม่เห็นเว่ยฉิงไปไกลจนลับสายตา
…..
เว่ยฉิงไปที่จวนของนายจ้างทันทีที่เข้ามาในเมือง บ่าวรับใช้รีบมานำทางเขา นายจ้างของเขาเป็นคนตระกูล “เซี่ย” มาจากเมืองหลวง ดูเหมือนจะเป็นพวกขุนนางมีบรรดาศักดิ์ เขากลับมายังบ้านเกิดและซื้อจวนหลังนี้เพื่อพักฟื้น ครอบครัวมีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยแต่ไม่มีเส้นสายในท้องถิ่น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะดึงดูดสายตาของคนโลภ งานที่เขาทำคือการเฝ้าจวนและแก้ปัญหายิบย่อยเหล่านั้น
เดิมทีจวนตระกูลเซี่ยเป็นที่อยู่ของผู้คุ้มกันมากกว่าหนึ่งโหล แม้จะไม่มีใครเป็นผู้นำ แต่พี่น้องสกุลเหลยก็วางตัวเหมือนเป็นผู้นำกลาย ๆ อยู่แล้ว
เดิมสองพี่น้องเหลยเป้าและเหลยหมิงเป็นพวกคุ้มกันคาราวานพ่อค้า พวกเขาเห็นว่าการเป็นคนคุ้มกันในจวนตระกูลเซี่ย ไม่เพียงแต่ทำเงินได้มาก แต่ยังไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาให้เหนื่อย จึงเลือกที่จะทำงานอยู่ในจวนตระกูลเซี่ย
ทั้งสองคนมีรูปร่างสูง แข็งแรง เชี่ยวชาญวรยุทธ์ ดูท่าทางดุร้าย มีหมัดหนักจนสามารถทุบคนให้ตายได้ ทำให้คนอื่นในจวนเซี่ยกลัวพวกเขา แต่แล้วทั้งเหลยเป้าและเหลยหมิงที่กำลังเดินอยู่ในจวนบังเอิญไปได้ยินว่า จะมีหัวหน้ามาดูแลพวกเขา ทำให้เขาบังเกิดความไม่ชอบใจขึ้นมา !
“เขาก็แค่คนบ้านนอก อายุยังน้อย ทำไมข้าจะต้องให้ความสนใจด้วย ?”
“พี่ชาย ข้าจะทำให้เขารู้ว่า ถึงเขาจะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า แต่ความจริงแล้ว เขาต้องเชื่อฟังเราสองคนพี่น้อง !”
เว่ยฉิงเข้าพบนายจ้าง หลังจากนั้นบ่าวรับใช้จึงพาไปที่ห้องพัก ชายหนุ่มนั่งพักอยู่ชั่วครู่ แต่หลังจากที่เขาเดินออกจากประตู ก็เห็นผู้ชายสองคนที่ดูแข็งแรง ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ดวงตาเรียวเล็กจนเป็นขีดเดียว ส่วนอีกคนมีแผลเป็นบนใบหน้า ทำให้ดูดุร้ายมากขึ้น ..ถ้าคนทั่วไปเห็นจะต้องตกใจแน่นอน
———————-
[1] หมู่ คือคำเรียกไร่ของจีน โดย 1 หมู่ เท่ากับ 166.5 ตารางวา หรือ 666 ตารางเมตร